“ท่านเอ้อร์รวดเร็วดีมาก!”หลิงอวี๋ชอบที่จะคบค้าสมาคมกับคนฉลาดมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจสิ่งสำคัญที่อยู่ข้างในได้ทันที ก็ยิ่งชื่นชมท่านเกิ่งเอ้อร์นางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ท่านเอ้อร์ ข้านั้น ก็มิได้ชอบที่จะเข้าไปอยู่ในเรื่องถูก ๆ ผิด ๆ อะไรเช่นกัน!”“ในเมื่อท่านเอ้อร์ให้ความสนใจ ต่อไปหากมีการคบค้าสมาคมใดที่หาเงินได้ ข้าก็จะร่วมงานกับแค่ท่านเอ้อร์เท่านั้น!”“หากท่านเอ้อร์หลอกข้า! เช่นนั้นเราจะคบค้ากันแค่ครั้งเดียว!”หลิงอวี๋เอ่ยคำพูดที่แฝงความนัย “ข้าหวังว่าเราจะใจเดียวกัน พยายามหาเงินก็เพียงพอแล้ว!”“ย่อมแน่อยู่แล้ว! ข้าเองก็คิดเพียงแค่จะพยายามหาเงินเท่านั้น!”ท่านเกิ่งเอ้อร์เข้าใจความนัยของหลิงอวี๋ จึงยิ้มพลางพยักหน้าขอเพียงไม่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในราชสำนัก เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากเรื่องหรอก!“เช่นนั้นเรามาพูดกันให้ชัดเลยแล้วกัน นี่คือตำรับโอสถ!”“ท่านเอ้อร์ไปลองสรรพคุณโอสถ หลังจากแน่ใจว่าจะร่วมงานกันแล้ว เสี่ยวหาวก็ไปรวบรวมเครื่องยาสมุนไพรตามตำรับ แล้วค่อยเลือกสถานที่หนึ่งเพื่อเตรียมผลิตในจำนวนมาก!”หลิงอวี๋เอาตำรับยาที่เขียนไว้แล้วส่งให้
หลิงอวี๋รับจดหมายมา แล้วเปิดออกดู ข้างในมีธนบัตรบาง ๆ อยู่ห้าใบทันทีที่นางหยิบออกมาดู ก็รู้สึกเจ็บที่ปลายจมูก คิดไม่ถึงว่ามันคือเงินห้าหมื่นตำลึงเงิน!นึกถึงภาพที่เกิ่งเสี่ยวหาววิ่งเข้าไปแล้ววิ่งออกมา หลิงอวี๋ก็รู้เลยว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนใส่เข้าไป!เขากลัวว่าถ้าให้ต่อหน้าแล้วนางจะไม่รับ จึงได้หาข้ออ้างเอาของกินให้ลูกชายนางแล้วใส่มาให้นางน้องชายผู้นี้นี่… เหตุใดจึงได้จริงใจกับตนเองเยี่ยงนี้นะ!หลิงอวี๋ซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้!น้องชายผู้นี้ นางมิได้ถูกเอาเปรียบเลยจริง ๆ !ในชั่วพริบตา ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อท่านเกิ่งเอ้อร์ที่กังวลต่อตัวตนของนาง และไม่ยอมให้เกิ่งเสี่ยวหาวเรียกนางว่าพี่นั้นก็พลันหายไป!นี่นับว่าเป็นความจริงใจแรกนอกจากแม่นมลี่ หลิงเยวี่ย และหลิงซินที่นางได้รับตั้งแต่ที่มาถึงในโลกนี้เลย!หลิงอวี๋แอบสาบานในใจว่า นางจะต้องทำดีกับเกิ่งเสี่ยวหาวให้มากยิ่งขึ้นอีก!เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือในยามยากนี้!เซียวหลินเทียนกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว กำลังสูดอากาศอยู่กับลู่หนานในสวน แล้วก็เห็นหลิงอวี๋ยกหีบมาเดินเข้ามา“นี่คือมรดกของท่านอ๋อง! รับไปสิเพคะ!”หลิงอวี๋ก็ไม่พูดพร
สิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ววันงานฉลองวันเกิดไทเฮา แขกเหรื่อทุกครัวเรือนที่ได้รับเทียบเชิญ ต่างก็ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวกันตรวจดูเสื้อผ้าอาภรณ์ ตรวจดูของขวัญ และเตรียมคำแสดงความยินดีครั้งแล้วครั้งเล่าการได้รับเทียบเชิญอันล้ำค่านี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากจะทำผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยหลังจากตรวจดูครั้งแล้วครั้งเล่าและเตรียมพร้อมแล้ว ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญก็ขึ้นรถม้ารีบไปที่ประตูวังงานฉลองวันเกิดปีนี้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันมิให้มีใครแอบเข้าไป จึงมีการจัดทหารองครักษ์สามกลุ่มคอยเฝ้าระวังอยู่ที่ประตูวังองครักษ์สองแถวซ้ายขวาล้วนสวมหมวกบนศีรษะ ที่ตัวก็สวมชุดเกราะแวววาวใหม่เอี่ยม ที่เท้าสวมรองเท้าบูตยาว และต่างก็ถือดาบไว้ในมือองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ในมือจะมีคันธนูและลูกธนู แล้วกระจายกำลังกันอยู่ข้างนอกเมื่อเห็นท่าทางนี้ ลูก ๆ ของขุนนางระดับสูงที่มากับบิดามารดาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พูดจาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้องครักษ์เหล่านี้โกรธแล้วต้องเผชิยกับผลที่ตามมาเจิงจื่ออวี้กับเสิ่นจวนลงจากรถม้าก็พบกันเลย ทั้งสองคนรวมตัวกัน แล้วเสิ่นจวนก็เอ่ยถาม
ดาบส่องประกายเจิดจ้าเมฆดำอึมครึมเข้าปกคลุมทั้งเมือง...เพียงชั่วพริบตา คนที่รอคอยดูเรื่องสนุกอยู่ด้านนอกวังต่างก็ตกใจจนกลั้นหายใจกันหมด...แม้ว่าจะคาดเดาไว้แล้วว่าหลิงอวี๋จะต้องถูกสกัดเอาไว้ หรืออาจจะถึงขั้นถูกแทงเลยด้วย!แต่พอเห็นภาพนี้กับตา คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกใจจนตัวสั่นอันเจ๋อเองก็ตกใจจนกำมือทั้งสองข้างแน่นเช่นกัน ใจเด้งขึ้นมาถึงลำคอ รู้สึกว่าใจของตนเต้นตุบ ๆๆๆ...ไกลออกไป เซียวหลินเทียนเองก็ชะโงกหน้าอยู่บนรถเข็นไปดูโดยไม่รู้ตัว พลันใจก็เต้นลู่หนานก็ตกใจจนจับตรงที่จับรถเข็นเซียวหลินเทียนแน่นเช่นกัน มือที่กำแน่นนั้นเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกมา...มีเพียงชิวเหวินซวงที่ยิ้มอย่างเย็นชาหลิงอวี๋ ครั้งนี้ดูสิว่าเจ้าจะยังตายยากตายเย็นอยู่หรือไม่?ข้าบอกไว้ตั้งนานแล้วว่า หากเจ้าไม่รู้จักความเป็นความตายกล้ามาร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพ เจ้าก็จะมาแล้วไม่ได้กลับ!หึ… ข้าพูดไว้ถูกต้องทีเดียว!เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จับมือกันไว้แน่นจนเจ็บ แต่กลับไม่สังเกตเลยสักนิด ได้แต่จ้องดาบพวกนั้นเขม็ง หัวสมองว่างเปล่าไปหมดพระชายาผิงหยางหัวเราะขึ้นมา “หลิงอวี๋คนโง่ คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าเอาเทียบเชิ
แม่นมเว่ยที่ตามมาติด ๆ วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ“ราชองครักษ์ผาง… เมื่อครู่ซุ่ยเอ๋อร์บอกเรื่องข่าวลือกับข้าแล้ว ข้าถึงได้รู้ว่ามีคนกุข่าวลือเช่นนี้...”“เทียบเชิญนี้เป็นของจริง...ไทเฮาทรงพระอักษรมันด้วยพระองค์เอง!”“ข้ากลัวว่าราชองครักษ์ผางจะฟังข่าวลือนั้นแล้วทำให้พระชายาอ๋องอี้ลำบาก ถึงได้รีบออกมาต้อนรับ...”“ยังดี… ยังดีที่ไม่ได้มาช้าไป!”“คิดไม่ถึงเลยว่าไทเฮาจะทรงเชิญพระชายาอ๋องอี้ด้วยพระองค์เอง?”ราชองครักษ์ผางยากที่จะเชื่อ เขารับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์มาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นไทเฮาเขียนเทียบเชิญแขกด้วยพระองค์เอง“ใช่! วันนี้ข้ายังเป็นคนที่ส่งเทียบเชิญให้ขันทีด้วยตัวข้าเอง ให้เขาไปเชิญ!”แม่นมเว่ยมองขันทีเซี่ยอย่างตำหนิขันทีเซี่ยก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม “ผู้นั้นอ้างว่าตนเป็นแม่นมของพระชายาผิงหยาง บอกว่าพระชายาผิงหยางกำลังรับประทานอาหารกับพระชายาอ๋องอี้ ตอนนั้นข้ารีบกลับวัง จึงให้นางไปโดยไม่ได้ถามให้ละเอียด...”“ไฉนเลยจะคิดว่าข่าวลือเรื่องเทียบเชิญปลอมจะแพร่สะพัดออกไป! รอให้จบเรื่องก่อนแล้วข้าค่อยถามอีกทีว่าใครที่ใส่ร้า
มีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกเช่นเดียวกับเจิงจื่ออวี้ พวกเขาทั้งหมดลงเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะเข้าไปไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!เงินน่ะสิ… คนนับไม่ถ้วนอยากจะลงไปร้องไห้กับพื้น!ให้ตายเถอะ แพ้อย่างน่าอนาถเสียจริง!“ฮ่า ๆ … ฮ่า ๆ ...”อันเจ๋อเห็นคนที่อยู่รอบ ๆ ที่วางเดิมพันว่าหลิงอวี๋จะแพ้ดูหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็แค่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆแต่กลัวว่าจะไปยั่วโมโหทุกคน เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้มุมปากของคนรับใช้เขาแทบจะฉีกไปถึงหูอยู่แล้ว เป็นดังที่คิด วางเดิมพันตามนายท่าน เดิมพันร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!ห้าสิบตำลึงกลายเป็นห้าพันตำลึง...โอ้โห ความรู้สึกของการมีเงิน สามารถเอากลับไปซื้อที่ดินให้แม่ได้เลย!“องค์รัชทายาท สายพระเนตรของพระองค์ช่างเฉียบคมนัก! กระหม่อมนับถือยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”อันเจ๋อเหลือบมองเขา “เสี่ยวย่าง เจ้าลงเดิมพันพระชายาตามข้าสินะ? อย่าได้พูดว่าไม่เชียว หากปากของเจ้ายิ้มขึ้นไปอีกก็คงไปแขวนอยู่บนหูแล้ว!”“เหอะ ๆ… ไหนเลยจะได้เยอะเท่าพระองค์ ที่ได้เงินถึงสองแสนพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้ไม่กล้าคิดเลยว่าเงินมากขนาดนั้นจะไปกองเต็มห้องกี่ห้อง ชีวิตนี้ต่อให้เป็น
ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องหลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจนางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าวหลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ
"พระชายาผิงหยาง… ชุดนี้ของเจ้าสวยมาก! จ่ายไปหลายพันตำลึงเลยสินะ!" เพื่อจะระบายความโกรธที่แพ้เดิมพันเสียเงินไป เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จึงได้ผูกมิตรกับพระชายาผิงหยาง และชมเชยประจบสอพลอ"แน่นอนสิ ข้าจ่ายไปทั้งหมดห้าพันตำลึงเงิน! นี่สั่งตัดที่เรือนหลินหลางเชียวนะ!" "เพื่อเข้าร่วมงานฉลองวัพระราชสมภพของไทเฮา ข้าสั่งทำล่วงหน้าสามเดือนเลย!" ชุดที่เสิ่นจวนใส่วันนี้ก็งดงามมากเช่นกันกระโปรงสีชมพูอ่อนตรงชายมีระบายพลิ้ว มีปักลวดลายผีเสื้อตรงชายกระโปรงนางเหลือบมองหลิงอวี๋ แล้วพูดเยาะเย้ย"พระชายาผิงหยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่สามารถเทียบเจ้าได้เลย! นางน่ะ เป็นหนี้เงินกู้ตั้งมากถึงเพียงนั้น แต่ไม่มีเงินตัดชุด ทำได้เพียงใส่ชุดเก่ามา!" ทันทีที่พระชายาผิงหยางได้ยิน ก็ยิ่งเย่อหยิ่งขึ้นมา แล้วพูดดูถูก "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! หลิงอวี๋ เจ้าก็รีบบอกสิ! หากรีบบอกข้าจะได้ส่งชุดที่ข้าไม่เคยใส่ไปให้เจ้าสักชุด!"น้ำเสียงที่ดูสงเคราะห์นั้นทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ล้วนหัวเราะออกมาพระชายาผิงหยางยิ้มอย่างดูถูก "ข้าอยากจะส่งชุดที่เรือนหลินหลางตัดให้พระชายาอ๋องอี้…"พวกสาว ๆ ไ
เถี่ยซู่พยักหน้า คำที่หลงจิ้งดุด่าเขาเมื่อครู่นั้นมิอาจทนฟังได้เลย เขาฟังอยู่สองสามครั้งก็อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอหลงจิ้งให้ตายเสียแล้วแต่บัดนี้เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่า หลงจิ้งถูกคนวางแผนร้ายใส่ เถี่ยซู่ก็รู้สึกคลายกังวลไปเล็กน้อย หากมิใช่เจตนาของหลงจิ้งก็ดี“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยเดินไปถึงกรงเหล็กแล้วเรียกออกไปด้วยความเป็นห่วง “ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”หลงจิ้งมิได้เคลื่อนไหวใด ๆ และมิได้พูดอะไรทั้งนั้น“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยมองเย่หรงอย่างทำอะไรมิถูก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลงจิ้งจะมิตายไปเช่นนี้ใช่หรือไม่?เย่หรงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “หลงจิ้ง ข้ามิได้ขายเจ้าจริง ๆ เป็นเพราะพูดถึงสำนักซิงหลัว จึงได้เอ่ยถึงพวกเจ้าด้วย!”“เมื่อครู่เจ้าเองก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการติดขี้ผึ้งหอมแล้ว เจ้าน่าจะรู้นะว่าขี้ผึ้งหอมนั้นมิใช่สิ่งที่ปลอดภัย!”“หลงจิ้ง ในสายตาของข้า เจ้าเป็นคนสุขุม ปราดเปรื่อง ควบคุมตนเองได้ดีและมีความรู้กว้างขวาง มิเหมือนกับพวกคนที่คลุกคลีอยู่กับบ่อนการพนันเลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทีของเจ้าเมื่อครู่นี้กลับมิได้ต่างอะไรจากพวกเขาเลยสักนิด!”“เจ้า
“มิได้ มิได้ มันเสี่ยงเกินไป!”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหัว “พี่สามของเจ้าเป็นเช่นนี้ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าอีกคนมิได้!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาแล้วเพคะ แม้ว่าคนของท่านจะไปสืบสวนก็รู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น!”“หากปล่อยเวลายืดเยื้อไปก็จะยิ่งมีอุปสรรคมาก แล้วหากสำนักซิงหลัวชิงลงมือล่วงหน้าเล่าเพคะ?”“ก่อนหน้านี้ท่านเคยตรัสไว้ว่า รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่ไม่แตก หากตระกูลอื่นถูกสำนักซิงหลัวใช้ประโยชน์แล้วเช่นนั้นจะมิเป็นภัยต่อจวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราหรือเพคะ?”ใบหน้าของเจ้าแห่งทิศใต้ดูเคร่งเครียดขึ้นมา “นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าผู้เป็นสตรีควรจะทำ! หากต้องไปจริง ๆ ข้าจะหาคนที่ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายกับพี่สามของเจ้าไป!”“กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ส่วนสูงและรูปร่างของกระหม่อมคล้ายกับหลงจิ้งมาก อีกทั้งกระหม่อมก็มีสหายอยู่ในสำนักซิงหลัวด้วย หากเผชิญกับอันตรายก็จะหลบหนีได้ง่าย!”ทุกคนต่างมองไปทางเย่หรงส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงนั้นคล้ายกับหลงจิ้งมาก ส่วนใบหน้าหากแปลงโฉมสักหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ“เย่หรง น
“เจ้าแห่งทิศใต้ อย่าได้ร้อนพระทัยไปเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนั้นคือหลิงอวี๋และเย่ซงเฉิง“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ให้เขาพูดก่อนเย่ซงเฉิงจึงพยักหน้า “เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้ามหาเทพให้ส่งทหารไปโจมตีสำนักซิงหลัวเช่นนี้ จะมิเป็นการเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”“ยามนี้พวกเรามิรู้ความแข็งแกร่งของสำนักซิงหลัว หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปเช่นนี้ จะเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“อีกทั้งยังมิรู้ด้วยว่า พวกเขาแอบใช้วิธีเช่นนี้ควบคุมคนอยู่เท่าไร หากจัดการเรื่องนี้มิดี ก็จะเป็นหายนะของเมืองหลวงแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้ามิเชื่อว่าหากผู้นำตระกูลอื่นรู้ว่าบุตรหลานของตนถูกผู้อื่นใช้งานเช่นนี้แล้วจะมิสะทกสะท้านเลย!”“หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ว่าสำนักซิงหลัวจะมีคนจำนวนมาก ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นกัน!”หลิงอวี๋อมยิ้มบาง ๆ “เจ้าแห่งทิศใต้ มิใช่ทุกคนจะเด็ดขาดเช่นท่านเพคะ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านร่วมมือกับทุกคนเพื่อจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นได้เพคะ!”“อาจารย์ปู่ของหม่อมฉันพูดถูกแล้ว เรื่องนี้จะบุ่
“หากต้องการเลิกยา ช่วงเจ็ดวันแรกจะเป็นช่วงที่ยากที่สุด ท่านขังเขาไว้ในกรงเหล็กนี้ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว อย่าให้สิ่งของใดกับเขาเป็นอันขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างใจแข็ง “มิว่าเขาจะอ้อนวอนและมีท่าทีเจ็บปวดมากเพียงใด ท่านก็อย่าได้ใจอ่อนปล่อยเขาออกมานะเพคะ!”“หม่อมฉันจะจัดตำรับยาให้อีก เป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย และยับยั้งการติดยา!”“เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านปล่อยเขาออกมากลางคัน ทำเช่นนั้นมิใช่เป็นการรักเขาเพคะ แต่เป็นการทำร้ายเขา และจะทำให้เขายิ่งติดขี้ผึ้งหอมเพคะ!”“หลังจากผ่านเจ็ดวันไปได้แล้ว ขอเพียงระมัดระวังอย่าให้เขาสัมผัสกับขี้ผึ้งหอม และอย่าให้ติดต่อกับคนที่เคยสูดดมขี้ผึ้งหอมด้วยกันอีก นานวันไปเขาจะฟื้นตัวเองเพคะ!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลงจิ้งที่อยู่ในกรงเหล็ก จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะทำตามวิธีการที่คุณหนูสิงบอกอย่างแน่นอน!”“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังนาง! ลูกรับรองว่าขี้ผึ้งหอมไม่มีอันตรายจริง ๆ! ปล่อยลูกออกไปเถิด!”เมื่อหลงจิ้งได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็โกรธจนพุ่งไปที่หน้ากรงเหล็กแล้วเขย่าอย่างแรงแต่กรงเหล็กที่หนักอึ้งนั้นมิขยับแม้แต่น้อย“ท่านพ่อ ปล่อยข้าออกไป!”หลงจิ้
หลงจิ้งหุบยิ้มทันใด มองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็มิเกี่ยวกับเจ้า! เจ้าอย่าหวังว่าจะล้วงความลับของพวกเขาจากปากข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าหลงจิ้งจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสำนักซิงหลัวเสียด้วย!หลิงอวี๋ส่ายหน้า ยามนี้มิว่าจะพูดอะไรกับหลงจิ้ง เขาก็จะมีท่าทีต่อต้านเสมอ รอให้เขาเกิดอาการคลั่งยาขึ้นมาก่อนเถอะ ค่อยพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง!หลงเพ่ยเพ่ยให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้มาให้ทุกคน เจ้าแห่งทิศใต้ยังสั่งให้นางชงชามาต้อนรับท่านเจ้าสำนักจินและเย่ซงเฉิงอย่างดีทุกคนดื่มชาพลางพูดคุยกันไประหว่างรอหลิงอวี๋จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของหลงจิ้ง และเห็นว่าเขาอ้าปากหาวถี่ขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกหลงจิ้งยังคงใส่ใจภาพลักษณ์ของตน แต่ต่อมาหลงจิ้งก็มิสนใจอีกต่อไป มิปิดบังอาการน้ำตาของหลงจิ้งค่อย ๆ ไหลออกมา เดินวนเวียนไปมาในกรงเหล็กอย่างควบคุมตนเองมิได้ ราวกับพยายามควบคุมความมิสบายกายภายในเอาไว้สุดท้าย มิเพียงแต่หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและทุกคนก็เห็นว่าหลงจิ้งเกาตามเนื้อตัวผ่านอาภรณ์อาภรณ์ที่เรียบร้อยในตอนแรก มินานก็ถูกเขาดึงทึ้งจนยุ่งเหยิงหลงเพ่ยเพ่ยทั้งเจ็บปวดใจ
สีหน้าของหลงจิ้งเคร่งขรึมลงทันที มองไปที่เย่หรงก่อนโดยสัญชาตญาณ แล้วก่นด่าว่า “เย่หรง เจ้ามาพูดจาเหลวไหลอะไรกับท่านพ่อของข้า?”“ข้ากับเจ้ามิเคยยุ่งเกี่ยวกัน เจ้าถึงกับต้องนำความมาฟ้องท่านพ่อข้าเชียวรึ?”เย่หรงพูดมิออก เขามิได้มีความคิดที่จะฟ้องเลย แต่เป็นเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มาที่นี่พร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านอย่าใส่ร้ายเย่หรง เขามิได้ฟ้องเรื่องท่าน!”หลงเพ่ยเพ่ยรีบกล่าว “พี่สาม ท่านบอกความจริงกับพวกเรามา ท่านสูดดมขี้ผึ้งหอมมานานเท่าไรแล้ว? เป็นหนี้สำนักซิงหลัวเท่าไร?”“ท่านพ่อมิได้คิดจะตำหนิท่าน พวกเราแค่มิอยากเห็นท่านถูกหลอกลวง ถูกสำนักซิงหลัวหลอกใช้ ทำร้ายตนเองและทำร้ายคนในตระกูล!”หลงจิ้งกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิได้เป็นหนี้สำนักซิงหลัวมากมายเพียงนั้น พวกท่านอย่าไปฟังเย่หรงพูดเหลวไหล! ขี้ผึ้งหอมก็มิใช่ยาพิษ ข้าก็แค่สูดดมเล่นเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น!”สูดดมเล่น?เจ้าแห่งทิศใต้และทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ มีบุตรหลานจำนวนเท่าไรที่ถูกสำนักซิงหลัวหลอกลวง ปากกล่าวว่าสูดดมเล่น ๆ สุดท้ายก็เลิกมิได้ ถูกสำนักซิงหลัวควบคุมในที่สุด!“จิ้งเอ๋อร์ พ่อคิดว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ
หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก บอกเล่าถึงอันตรายของการสูดดมขี้ผึ้งหอมให้ทุกคนฟังครั้งนี้เจ้าแห่งทิศใต้มิสงบนิ่งอีกต่อไป ถามอย่างตกตะลึง “เจ้าบอกว่าขี้ผึ้งหอมมีพิษ? ทำให้เสพติดได้งั้นรึ?”หลงจิ้งเป็นบุตรชายที่เจ้าแห่งทิศใต้ภาคภูมิใจที่สุด เขามีทั้งพรสวรรค์และสติปัญญา เจ้าแห่งทิศใต้เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้า“ท่านเจ้าแห่งทิศใต้ หม่อมฉันพูดความจริง ขี้ผึ้งหอมชนิดนี้สูดดมหนึ่งถึงสองครั้งจะมิเป็นไร ทว่าหากนานวันเข้า มันจะทำลายอวัยวะภายในร่างกาย! ทำให้ร่างกายซูบผอม!”“เมื่อมิได้สูดดมจะปวดเมื่อยตามตัว คันตามกระดูก! ขอท่านโปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด ความเจ็บปวดเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็มิอาจทนได้!”“ขอท่านโปรดลองไตร่ตรองดู ความเจ็บปวดเช่นนี้เทียบได้กับการทรมานทั้งเป็น หากผู้เสพทนความเจ็บปวดมิไหว ท่านให้เขาทำอะไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาจะมิยินดีทำหรือ?”เจ้าแห่งทิศใต้เป็นผู้มีอำนาจ เข้าใจวิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ทำตามคำสั่งของตน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็เข้าใจในทันที เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นตามแผ่นหลังสำนักซิงหลัวควบคุมบุตรชายของตนเช่นนี
เย่หรงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นวันพรุ่งข้าจะเชิญท่านปู่ของข้าไปรอเจ้าที่สำนักศึกษาชิงหลง!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้าเมื่อเย่หรงกลับไป หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลแม้ว่านางจะมิใช่คนของเมืองหลวงแดนเทพ แต่เย่ซื่อฝาน เจ้าสำนักจิน และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักศึกษาชิงหลงหลายคนก็ดีต่อนาง นางมิอาจทนเห็นพวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติครั้งนี้ได้ยังมีหลงเพ่ยเพ่ย บิดาของนางคือเจ้าแห่งทิศใต้ หากสำนักซิงหลัวควบคุมพี่ชายคนที่สามของนางได้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิตกที่นั่งลำบากหรอกหรือ?ครั้งนี้ที่สามารถตามสิงจั๋วกลับมาได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหลงเพ่ยเพ่ย หลิงอวี๋ถือว่าติดหนี้นางหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งจะพาเจ้าสำนักจินและเย่ซื่อฝานไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ และหารือกับเจ้าแห่งทิศใต้ร่วมกันเช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ให้เถาจื่อไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้เพื่อแจ้งหลงเพ่ยเพ่ย ให้นางรั้งตัวเจ้าแห่งทิศใต้ไว้ที่จวนให้ได้ส่วนตนก็พาหานเหมยไปที่สำนักศึกษาชิงหลงเย่ซงเฉิงและเย่หรงมาถึงแล้ว เจ้าสำนักจินได้ยินข่าวก็ออกมาต้อน
“พี่หญิง หรือว่าขี้ผึ้งหอมชนิดนี้มีพิษ?”เย่หรงเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋มิสู้ดี จึงถามด้วยความสงสัย“หากมีพิษ พวกเขาจะกล้าขายให้ทุกคนได้อย่างไร?”หลิงอวี๋ตอบอย่างขมขื่น “หากเจ้าไปตรวจสอบขี้ผึ้งหอมดู แน่นอนว่ามิพบพิษในนั้น แม้จะมีก็มีเพียงเล็กน้อย มิถึงแก่ความตาย!”“แต่... หากสูดดมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย อายุขัยสั้นลง!”“เย่หรง หากใครสูดดมขี้ผึ้งหอมเป็นประจำ เมื่อมิได้สูดดมจะอาการมีน้ำมูกไหล คันตามตัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างทรมาน”“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งหอมมาใช้งาน แม้คนผู้นั้นต้องสังหารผู้อื่น เขาก็จะทำโดยมิลังเล! แม้แต่บิดามารดาของตนเอง!”เย่หรงสูดหายใจเข้าลึก “ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียว!”“ใช่ ข้ามิได้พูดเกินจริง! เจ้ายังจำโลกที่มีตึกสูงระฟ้าที่เจ้าฝันถึงได้หรือไม่? การแพทย์ของพวกเขาก้าวหน้ากว่าแดนเทพมากนัก ทว่าการช่วยให้ผู้ติดยาเสพติดเลิกยาได้ก็ต้องใช้เวลานานเช่นกัน!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างกังวล “ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเลิกได้แล้ว ทว่าหากมีสิ่งล่อใจ เหมือนคนที่เคยลิ้มรสความหวาน หากไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่แข็