หลงจิ้งมองเย่หรงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คนเสเพลผู้นี้กล้าไปเป็นสายลับด้วยหรือ?“สำนักซิงหลัวมิได้เข้าไปง่ายเช่นนั้นหรอก! พวกนักสู้และผู้คุ้มกันข้างในนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น การป้องกันก็เข้มงวดเป็นอย่างมากด้วย!”“หากจะซื้อขี้ผึ้งหอม นอกจากแขกผู้มีเกียรติเช่นพวกเราแล้ว ผู้อื่นก็มิได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน!”หลงเพ่ยเพ่ยจึงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่สาม ท่านดูเถิดส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงคล้ายกับท่านมาก หากเขาปลอมตัวเป็นท่าน เขาจะต้องเข้าไปด้านในได้อย่างแน่นอน!”“พวกเราแค่อยากรู้ว่าด้านในนั้นเป็นอย่างไร ปกติแล้วท่านเข้าไปทำอะไร และพบปะผู้ใดบ้าง!”“จริงสิ พี่สาม ท่านสามารถติดต่อกับเจ้าสำนักของพวกเขาได้หรือไม่?”หลงจิ้งตกใจมาก เย่หรงจะปลอมตัวเป็นตนหรือ?เช่นนั้นหากถูกจับได้ เขาจะยังมีชีวิตรอดกลับมาหรือ?หลงจิ้งเคยเห็นยอดฝีมือจำนวนมากที่สำนักซิงหลัวแล้ว พวกเขาก็จัดการเข้มงวดมาก หากเย่หรงเผยตัวตนออกไป พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกมาเป็นแน่“มิได้ เย่หรงไปมิได้ หากพวกเขารู้ตัวตนของเย่หรง เย่หรงก็จะไม่มีวันเดินออกมาจากสำนักซิงหลัวได้!”หลงจิ้งเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “เจ้า
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋มาถึงจวนเจ้าแห่งทิศใต้แต่เช้า เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยที่ออกมาต้อนรับนางบอกว่าหลงจิ้งก็จะไปเป็นสายลับด้วยตนเอง นางก็ตะลึงไปเล็กน้อย“ท่านพ่อของข้าตกลงแล้ว ข้าว่าพี่สามของข้าก็เกลียดชังสำนักซิงหลัวเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ให้เขาไปเป็นสายลับเองก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!”หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยออกมาด้วยความกังวล “สิ่งที่ข้าและท่านพ่อกังวลมากที่สุดในยามนี้ก็คือ สำนักซิงหลัวจะล่อลวงให้พี่สามเสพติดขี้ผึ้งหอมอีก”“สิงอวี๋ มีโอสถใดที่สามารถทำให้เขาควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายได้ชั่วคราว และทำให้ยาขี้ผึ้งหอมมิส่งผลกระทบกับเขามากนักบ้างหรือไม่?”เมื่อคืนหลิงอวี๋ก็ศึกษาขี้ผึ้งหอมที่เย่หรงหามาให้นางอยู่ตลอดสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าโชคดีก็คือ เทคโนโลยีในการสกัดขี้ผึ้งหอมในยุคนี้มิได้ก้าวหน้ามากนัก ความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งหอมเหล่านั้นจึงมิได้สูงมาก“พี่สามของท่านเสพติดมาเป็นเวลานานแล้ว ข้าทำโอสถชนิดหนึ่งที่สามารถยับยั้งอาการปวดได้ น่าจะไม่มีปัญหาใดชั่วคราว!”“แต่หลังจากนี้หากต้องการเลิกยา ก็ยังต้องพึ่งตนเองให้ผ่านมันไปได้ มิฉะนั้นหากพึ่งเพียงยาแก้ปวดก็จะเลิกยามิได้!”หลงเพ่ยเ
เมื่อเตรียมการเสร็จแล้ว ก็รอหลังอาหารเย็นแล้วค่อยออกเดินทาง เช่นนี้พวกเย่หรงเข้าไปก็จะสามารถดำเนินการได้ถึงกลางคืน และเมื่อฟ้ามืดก็สะดวกกับการที่คนของเจ้าแห่งทิศใต้จะแอบซุ่มคอยสนับสนุนอยู่บริเวณโดยรอบด้วยเพียงแต่เพิ่งจะถึงเวลาอาหารกลางวัน หลงจิ้งก็เกิดอาการติดยาขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกได้จึงขอให้เจ้าแห่งทิศใต้มัดตนไว้กับเสาทุกคนมองหลงจิ้งต้องประสบกับความเจ็บปวดจากอาการติดยาขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน หลงจิ้งเตรียมใจเอาไว้แล้ว เขากัดผ้าที่ปิดปากตนไว้แน่น และปล่อยให้เหงื่อแห่งความเจ็บปวดไหลลงมาโดยมิได้ด่าทอผู้ใดความแข็งแกร่งที่เหนือผู้คนเช่นนี้ ทำให้หลิงอวี๋เห็นแล้วรู้สึกนับถือมากหลงเพ่ยเพ่ยปวดใจจนทนมิไหวร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แล้วก็กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อพี่สามจึงวิ่งออกไป“ทุกคนออกไปกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋เดินตามออกไป หลงจิ้งเองก็คงมิอยากให้ทุกคนเห็นเขาในสภาพมิดีเช่นนี้เป็นแน่“สิงอวี๋ พี่สามของข้าเป็นเช่นนี้ จะยังไปได้อยู่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยร้องไห้อยู่สักพัก จากนั้นก็เช็ดน้ำตาพลางเอ่ยถามออกมา“ไปได้สิ!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น “เจ้าก็เห็นท่าทีอดท
เจ้าแห่งทิศใต้ค่อนข้างรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาหันไปทางเย่หรง “เหตุใดมารดาของเจ้าจึงถูกขังที่คุกน้ำ นอกจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลแล้ว บิดาของเจ้าก็น่าจะรู้สาเหตุ เขามิเคยบอกเจ้าหรือ?”เย่หรงจึงเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “มิเคยพ่ะย่ะค่ะ! ท่านพ่อของกระหม่อมมิเคยอนุญาตให้เอ่ยถึงท่านแม่เลย ทั้งยังสั่งคนรับใช้มิให้เอ่ยถึงท่านแม่ของกระหม่อมด้วย ดังนั้นกระหม่อมจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านแม่น้อยมาก!”เจ้าแห่งทิศใต้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดแล้วคิดอีก แล้วสุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าสืบดูอีกที หากสามารถช่วยได้ ข้าจะพยายามช่วยให้เจ้าช่วยนางออกมา!”เย่หรงมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณ หลิงอวี๋ก็ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างสงบเย่หรงเข้าใจ แล้วก็เอ่ยออกมา “เย่หรงขอบคุณเจ้าแห่งทิศใต้พ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้พูดออกมาเช่นนี้แล้ว หากเย่หรงบอกว่ามิต้องการ จะต้องทำให้เจ้าแห่งทิศใต้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน มีที่ไหนกันที่สามารถช่วยแม่ได้แต่กลับมิช่วยหากเจ้าแห่งทิศใต้อยากลองก็ให้เขาลอง ถึงอย่างไรเมื่อแม่ทัพเฉิงกลับบ้าน เรื่องนี้ก็จะมีข้อสรุปแล้วหลงเพ่ยเพ่ยคิดว่า เมื่อเย่หรงและหลงจิ้งสำรวจสำนักซิงหลัวเสร็
หลงจิ้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะดูซีดเซียว แต่กลับมิได้ดูทุกข์ทรมานดังเช่นที่พวกเขาคิดเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าอาภรณ์ของหลงจิ้งเรียบร้อยดี นางก็รู้ว่าเขามิอยากให้พวกเขาเห็นสภาพที่อ่อนแอของตน จึงได้ฝืนเอาไว้“เพ่ยเพ่ย ที่จวนมีโสมดี ๆ อยู่บ้างหรือไม่? หากมีก็ให้คนรับใช้ต้มน้ำแกงโสมมาให้หลงจิ้งกินสักชามเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋ตั้งใจจะมอบโสมเก้าคดของตนให้หลงจิ้ง แต่เมื่อนึกว่าตนมิได้สนิทกับคนในจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็มิควรเปิดเผยความมั่งคั่งออกมา ทำตัวให้ธรรมดาสักหน่อยเข้าไว้จะดีกว่า นางจึงมินำออกมา“มี ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปทำ!”จวนเจ้าแห่งทิศใต้มิขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ หลงเพ่ยเพ่ยจึงออกไปบอกให้คนต้มน้ำแกงโสมมาสักสองสามชาม มีสำหรับหลิงอวี๋และเย่หรงด้วยหลงจิ้งกินไปรวดเดียวสองชามก็ได้รู้สึกว่าตนมีชีวิตชีวาขึ้นมา“ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วพวกเราจะออกเดินทางกัน!”เมื่อครู่หลงจิ้งเหงื่อท่วมตัวด้วยความทรมานจากอาการติดยา เขาจึงให้คนรับใช้ไปนำน้ำมา หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็ออกมา เมื่อเห็นท่าทางมีชีวิตชีวานั้น หลงเพ่ยเพ่ยก็รู้สึกว่าพี่สามที่ตนคุ้นเคยกลับมาแล้ว“พี่สาม เย่หรง ต
หลิงอวี๋ไม่มีเวลาฟังเจ้าแห่งทิศใต้พูดเรื่องความขัดแย้งภายในเหล่านี้ นางเพียงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้าแห่งทิศใต้และมหาปราชญ์มิได้ดีก็พอแล้ว“เจ้าแห่งทิศใต้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าท่านควรส่งคนไปช่วยหวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านทรงลองคิดดูเถิด คนที่สามารถต่อกรกับมหาปราชญ์ได้มีมิมากนัก! และหม่อมฉันก็ได้ยินมาว่ายอดฝีมือในเมืองหลวงแดนเทพล้วนถูกเจ้าแห่งทะเลดึงไปเป็นพวกหมดแล้วด้วย!"“เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านน่าจะเข้าพระทัยสถานการณ์ในราชสำนักนะเพคะ ยามนี้คนจำนวนมากล้วนเชื่อว่าหลงอี้ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว มิช้าก็เร็วเมืองหลวงแดนเทพจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แน่เพคะ”“หากต้องการปกป้องจวนเจ้าแห่งทิศใต้จากภัยพิบัติครั้งนี้ ท่านจำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมากกว่านี้เพคะ!”“หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนต่างก็เป็นคนที่มีความภักดี หากท่านช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาจะต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของท่านอย่างแน่นอนเพคะ!”หลงเพ่ยเพ่ยมองหลิงอวี๋อย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงหันไปทางเจ้าแห่งทิศใต้ “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าสิงอวี๋พูดถูกแล้ว มีศัตรูเ
หลิงอวี๋กลับมาถึงเรือนเล็ก ก็ตรงเข้าไปที่ห้องของสิงจั๋วทันที“พี่ใหญ่ ข้าจะให้ต้ายาส่งท่านไปพักที่บ้านตระกูลเย่สองวัน!”หลิงอวี๋รีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปช่วยหวงฝู่หลินกับเซียวหลินเทียนที่ภูเขาอนันต์ หากท่านไปที่บ้านตระกูลเย่ข้าจะได้สบายใจยิ่งขึ้น!”สิงจั๋วตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้ากับเจ้าไปด้วยกันเถิด! สำนักซิงหลัวมียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น เจ้าจะไปคนเดียวได้อย่างไรกัน!”หลิงอวี๋ส่ายหัว “ข้ายังมีผู้ช่วยอีก ท่านมิต้องเป็นห่วงข้า ข้าจะระวังเรื่องความปลอดภัยให้ดี!”“พี่ใหญ่ ข้าไม่มีเวลาคุยรายละเอียดกับท่าน รอข้ากลับมาแล้วค่อยคุยกันเถิด!”หลิงอวี๋รีบเดินออกมาแล้วเรียกหานเหมยและเถาจื่อไปในห้องของตน“หานเหมย ประเดี๋ยวเจ้าจงพาพี่ใหญ่ของข้าไปส่งหาอาจารย์ข้าที่บ้านตระกูลเย่ บอกเขาว่าข้าเป็นคนบอกให้พามา ให้พี่ใหญ่ของข้าอยู่ด้วยก่อนสักสองวัน!”“เถาจื่อ เจ้าจงไปกับข้า จักรพรรดิของพวกเจ้าและหวงฝู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”“จริงสิ คนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าที่อยู่ในบังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมีเท่าใด?”เถาจื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกกังวลเป็นอย
ความกังวลของหลงเพ่ยเพ่ยก็เป็นสิ่งที่หลิงอวี๋กังวลเช่นกัน นางจึงครุ่นคิดแล้วเอ่ยออกมา “เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินล้วนเป็นยอดฝีมือ ขอเพียงตามหาพวกเขาเจอ บางทีก็อาจจะช่วยพวกเขาออกมาโดยมิต้องปะทะกับพวกมหาปราชญ์ก็เป็นได้!”“แต่หากต้องเผชิญหน้าจริง ๆ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยออกมา “ข้าแค่สงสัยว่า เหตุใดหวงฝู่หลินจึงออกมาจากวังเทพ? ตระกูลหวงฝู่ของพวกเขาอยู่ที่วังเทพมาโดยตลอด น้อยนักที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเขตของแดนเทพ! แล้วเขาไปยั่วยุสำนักซิงหลัวและมหาปราชญ์ได้อย่างไร?”เรื่องนี้หลิงอวี๋ได้ยินมาจากเซียวหลินเทียนแล้ว นางคิดว่าหลงเพ่ยเพ่ยยอมนำคนมาช่วยเหลือแล้ว หากจะปกปินางดูจะมิค่อยเหมาะสมนักหลิงอวี๋จึงเอ่ยออกไป “ได้ยินมาว่าตระกูลจงเจิ้งซื้อตัวนางรับใช้ของวังเทพ แล้วลักพาตัวหวงฝู่หมิงจู ธิดาของหวงฝู่หลินลงจากภูเขามา ที่หวงฝู่หลินมาภูเขาอนันต์ก็เพื่อจะช่วยธิดาของเขา!”หลงเพ่ยเพ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง เรื่องที่ตระกูลจงเจิ้งสมคบคิดกับมหาปราชญ์นั้นนางรู้อยู่แล้ว บัดนี้ได้ยินว่าบุตรีของหวงฝู่หลินตกไปอยู่ในมือของตระกูลจงเจิ้ง หลงเพ่ยเพ่ยก็เกิดความรู้สึกมิสบา
เมืองหลวงแดนเทพเกิดความปั่นป่วน หลิงอวี๋และหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็คาดมิถึงว่า พวกตนเพิ่งออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปเพียงคืนเดียวก็กลับเกิดเรื่องมากมายขึ้นเช่นนี้เสียแล้วหลายคนรีบเดินทางมาถึงเมืองเล็กที่อยู่หน้าภูเขาอนันต์ หลงเพ่ยเพ่ยก็ถูกมู่หยางหัวหน้าองครักษ์เงาของจวนเจ้าห่งทิศใต้สกัดไว้มู่หยางคือบิดาของมู่ตง หัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ย อายุสี่สิบกว่าปี สูงกว่ามู่ตงหนึ่งช่วงศีรษะ“ท่านหญิง คนของมหาปราชญ์และตำหนักหมาป่าสวรรค์ปิดล้อมเชิงเขาอนันต์ไว้หมดแล้ว พวกเราขึ้นไปช่วยคนบนเขามิได้แล้วขอรับ!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งคนไปสืบดูแล้ว หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนช่วยหวงฝู่หมิงจูออกมาได้ แต่ถูกเจ้าสำนักซิงหลัวทำร้ายจนบาดเจ็บ พวกเขาจำต้องหลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย!”ระหว่างทาง หลิงอวี๋ได้ฟังหลงเพ่ยเพ่ยเล่าถึงตำหนักใต้ดินแห่งความตายในตำนานนี้แล้วเมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ หลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจโล่งอกไปชั่วคราว ขอเพียงมิตกไปอยู่ในมือของเจ้าสำนักซิงหลัว จากนี้ย่อมต้องมีวิธีช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอนหลงเพ่ยเพ่ยก็คิดเช่นเดียวกัน จึงกล่าวว่า “ท่านล
เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระหน่ำทั่ว!ท่านผู้เฒ่าเย่มองเย่ซื่อเจียงออกไปแล้ว ก็หันไปมองเย่หมิงเย่หมิงถูกเขามองจนรู้สึกผิด ก้มหน้าลงต่ำ “ท่านปู่ ข้า... ข้าในฐานะพี่ใหญ่ทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าทำให้พวกท่านผิดหวังในความไว้วางใจ!”ท่านผู้เฒ่าเย่ส่ายหน้า “มิใช่แค่เจ้าทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าในฐานะปู่ก็ทำหน้าที่ได้มิดีพอเช่นกัน แต่ยามนี้หากจะเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว!”“เย่หมิง เหตุใดท่านปู่ของเจ้าถึงเรียกเจ้ามา? เจ้าล่วงรู้ถึงความตั้งใจอันดีของเขาหรือไม่?”เย่หมิงมองเย่ซงเฉิง พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านปู่ทั้งสองล้วนต้องการให้ข้าได้ยินกับหูตนเองว่า เย่ซวินเสื่อมทรามลงได้อย่างไร เพื่อให้ข้าตื่นตัวระมัดระวัง ต่อไปจะได้มิถูกผู้อื่นชักจูงให้เดินไปบนเส้นทางเดียวกับเย่ซวินขอรับ!”เย่ซงเฉิงพยักหน้า “นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง คือเพื่อให้เจ้าเข้ามามีส่วนร่วมด้วย!”“ท่านพ่อของเจ้าเป็นผู้นำตระกูลเย่ ทว่าความสามารถของเขาเพียงคนเดียวย่อมมีจำกัด เขามิอาจดูแลได้รอบด้านไปเสียทุกสิ่ง!”“เย่หมิง เจ้าบรรลุเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านพ่อและท่านปู่ของเจ้าฝากความหวังไว้กับเจ้าอย่
หลงจิ้งมีความรับผิดชอบเช่นนี้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิพอใจได้อย่างไรกัน!เมื่อเห็นความรุนแรงของไฟลุกไหม้ขึ้นมา และเหล่าผู้คุ้มกันของสำนักซิงหลัวต่างก็ยุ่งอยู่กับการดับไฟและรักษาทรัพย์สิน เจ้าแห่งทิศใต้ก็ยิ้มเยาะขึ้นมาทันทีทำร้ายลูกชายของตนจนเป็นเช่นนี้ พวกเขายังคิดว่าจะหนีรอดไปได้อีกหรือ?หลงจิ้งและเย่หรงได้ทำในสิ่งที่พวกเขาควรทำแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือความรับผิดชอบของตน“จิ้งเอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด! ที่เหลือปล่อยให้พ่อจัดการเอง!”หลงจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็ทักทายเย่หรงแล้วจะกลับไปเย่หรงมิเห็นหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามออกไป “เจ้าแห่งทิศใต้ เสี่ยวชีกลับไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิได้ปิดบังเย่หรง จึงกระซิบไป “เซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ของสำนักซิงหลัว สิงอวี๋และเพ่ยเพ่ยพาคนกลุ่มหนึ่งไปช่วยพวกเขาแล้ว!”“มหาปราชญ์ก็พาคนไปเช่นกัน เขาคิดจะจับตัวเซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลิน!”ว่ากระไรนะ?สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนใจ “เช่นนั้นกระหม่อมก็จะไปช่วยด้วย! เจ้าแห่งทิศใต้ กระหม่อมขอยืมม้าท่านสักตัวเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลงจิ้งยังมิได้ไป เ
“ไฟไหม้ หนีเร็วเข้า!”“รีบดับไฟเร็ว!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งออกไปแล้ว ก็ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างดังผู้คุ้มกันเหล่านั้นมิสนใจที่จะจัดการกับคุณชายเหล่านี้แล้ว พวกเขารีบกระจายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อหาน้ำมาดับไฟเมื่ออากาศแห้ง หากความรุนแรงของไฟที่ห้องบัญชีมากเกินไป เช่นนั้นไฟก็จะลามไปยังห้องอื่น ๆ หรืออาจจะเชื่อมไปจนหมดทั้งบ่อนก็เป็นได้บรรดาแขกที่กำลังเล่นพนันอยู่ในบ่อนส่วนหน้า เมื่อพวกเขาได้ยินว่าไฟไหม้ก็มิสนใจเล่นพนันแล้ว ต่างก็พากันหนีไปข้างนอกเจ้าแห่งทิศใต้อยู่ในบ้านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของหลงจิ้งและเย่หรงอยู่ตลอด เมื่อนั่งมิติดจึงเป็นคนพารองแม่ทัพไปที่เรือนที่ใช้ชั่วคราวแห่งหนึ่งที่อยู่แถว ๆ สำนักซิงหลัวด้วยตนเองเมื่อเห็นแขกเหล่านั้นต่างพากันหนีออกมาข้างนอก เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิรู้ว่าเกิดกระไรขึ้น แต่ในขณะที่กำลังกังวลอยู่นั้นสายลับผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามารายงาน“องค์ชาย ด้านในบ่อนพนันเกิดไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ ท่านชายสามเป็นผู้นำบุกเข้าไปในห้องบัญชีแล้วก่อความวุ่นวายขึ้นมา!”“ท่านชายสามยังอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเราเห็นท่านชายสามเดินไปทางด้านหลัง คาดว่าจะไปจุดไฟเผาพ่ะย่ะค่ะ!”อ
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต