เจ้าแห่งทิศใต้ค่อนข้างรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาหันไปทางเย่หรง “เหตุใดมารดาของเจ้าจึงถูกขังที่คุกน้ำ นอกจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลแล้ว บิดาของเจ้าก็น่าจะรู้สาเหตุ เขามิเคยบอกเจ้าหรือ?”เย่หรงจึงเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “มิเคยพ่ะย่ะค่ะ! ท่านพ่อของกระหม่อมมิเคยอนุญาตให้เอ่ยถึงท่านแม่เลย ทั้งยังสั่งคนรับใช้มิให้เอ่ยถึงท่านแม่ของกระหม่อมด้วย ดังนั้นกระหม่อมจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านแม่น้อยมาก!”เจ้าแห่งทิศใต้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดแล้วคิดอีก แล้วสุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าสืบดูอีกที หากสามารถช่วยได้ ข้าจะพยายามช่วยให้เจ้าช่วยนางออกมา!”เย่หรงมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณ หลิงอวี๋ก็ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างสงบเย่หรงเข้าใจ แล้วก็เอ่ยออกมา “เย่หรงขอบคุณเจ้าแห่งทิศใต้พ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้พูดออกมาเช่นนี้แล้ว หากเย่หรงบอกว่ามิต้องการ จะต้องทำให้เจ้าแห่งทิศใต้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน มีที่ไหนกันที่สามารถช่วยแม่ได้แต่กลับมิช่วยหากเจ้าแห่งทิศใต้อยากลองก็ให้เขาลอง ถึงอย่างไรเมื่อแม่ทัพเฉิงกลับบ้าน เรื่องนี้ก็จะมีข้อสรุปแล้วหลงเพ่ยเพ่ยคิดว่า เมื่อเย่หรงและหลงจิ้งสำรวจสำนักซิงหลัวเสร็
หลงจิ้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะดูซีดเซียว แต่กลับมิได้ดูทุกข์ทรมานดังเช่นที่พวกเขาคิดเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าอาภรณ์ของหลงจิ้งเรียบร้อยดี นางก็รู้ว่าเขามิอยากให้พวกเขาเห็นสภาพที่อ่อนแอของตน จึงได้ฝืนเอาไว้“เพ่ยเพ่ย ที่จวนมีโสมดี ๆ อยู่บ้างหรือไม่? หากมีก็ให้คนรับใช้ต้มน้ำแกงโสมมาให้หลงจิ้งกินสักชามเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋ตั้งใจจะมอบโสมเก้าคดของตนให้หลงจิ้ง แต่เมื่อนึกว่าตนมิได้สนิทกับคนในจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็มิควรเปิดเผยความมั่งคั่งออกมา ทำตัวให้ธรรมดาสักหน่อยเข้าไว้จะดีกว่า นางจึงมินำออกมา“มี ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปทำ!”จวนเจ้าแห่งทิศใต้มิขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ หลงเพ่ยเพ่ยจึงออกไปบอกให้คนต้มน้ำแกงโสมมาสักสองสามชาม มีสำหรับหลิงอวี๋และเย่หรงด้วยหลงจิ้งกินไปรวดเดียวสองชามก็ได้รู้สึกว่าตนมีชีวิตชีวาขึ้นมา“ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วพวกเราจะออกเดินทางกัน!”เมื่อครู่หลงจิ้งเหงื่อท่วมตัวด้วยความทรมานจากอาการติดยา เขาจึงให้คนรับใช้ไปนำน้ำมา หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็ออกมา เมื่อเห็นท่าทางมีชีวิตชีวานั้น หลงเพ่ยเพ่ยก็รู้สึกว่าพี่สามที่ตนคุ้นเคยกลับมาแล้ว“พี่สาม เย่หรง ต
หลิงอวี๋ไม่มีเวลาฟังเจ้าแห่งทิศใต้พูดเรื่องความขัดแย้งภายในเหล่านี้ นางเพียงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้าแห่งทิศใต้และมหาปราชญ์มิได้ดีก็พอแล้ว“เจ้าแห่งทิศใต้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าท่านควรส่งคนไปช่วยหวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านทรงลองคิดดูเถิด คนที่สามารถต่อกรกับมหาปราชญ์ได้มีมิมากนัก! และหม่อมฉันก็ได้ยินมาว่ายอดฝีมือในเมืองหลวงแดนเทพล้วนถูกเจ้าแห่งทะเลดึงไปเป็นพวกหมดแล้วด้วย!"“เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านน่าจะเข้าพระทัยสถานการณ์ในราชสำนักนะเพคะ ยามนี้คนจำนวนมากล้วนเชื่อว่าหลงอี้ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว มิช้าก็เร็วเมืองหลวงแดนเทพจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แน่เพคะ”“หากต้องการปกป้องจวนเจ้าแห่งทิศใต้จากภัยพิบัติครั้งนี้ ท่านจำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมากกว่านี้เพคะ!”“หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนต่างก็เป็นคนที่มีความภักดี หากท่านช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาจะต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของท่านอย่างแน่นอนเพคะ!”หลงเพ่ยเพ่ยมองหลิงอวี๋อย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงหันไปทางเจ้าแห่งทิศใต้ “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าสิงอวี๋พูดถูกแล้ว มีศัตรูเ
หลิงอวี๋กลับมาถึงเรือนเล็ก ก็ตรงเข้าไปที่ห้องของสิงจั๋วทันที“พี่ใหญ่ ข้าจะให้ต้ายาส่งท่านไปพักที่บ้านตระกูลเย่สองวัน!”หลิงอวี๋รีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปช่วยหวงฝู่หลินกับเซียวหลินเทียนที่ภูเขาอนันต์ หากท่านไปที่บ้านตระกูลเย่ข้าจะได้สบายใจยิ่งขึ้น!”สิงจั๋วตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้ากับเจ้าไปด้วยกันเถิด! สำนักซิงหลัวมียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น เจ้าจะไปคนเดียวได้อย่างไรกัน!”หลิงอวี๋ส่ายหัว “ข้ายังมีผู้ช่วยอีก ท่านมิต้องเป็นห่วงข้า ข้าจะระวังเรื่องความปลอดภัยให้ดี!”“พี่ใหญ่ ข้าไม่มีเวลาคุยรายละเอียดกับท่าน รอข้ากลับมาแล้วค่อยคุยกันเถิด!”หลิงอวี๋รีบเดินออกมาแล้วเรียกหานเหมยและเถาจื่อไปในห้องของตน“หานเหมย ประเดี๋ยวเจ้าจงพาพี่ใหญ่ของข้าไปส่งหาอาจารย์ข้าที่บ้านตระกูลเย่ บอกเขาว่าข้าเป็นคนบอกให้พามา ให้พี่ใหญ่ของข้าอยู่ด้วยก่อนสักสองวัน!”“เถาจื่อ เจ้าจงไปกับข้า จักรพรรดิของพวกเจ้าและหวงฝู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”“จริงสิ คนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าที่อยู่ในบังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมีเท่าใด?”เถาจื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกกังวลเป็นอย
ความกังวลของหลงเพ่ยเพ่ยก็เป็นสิ่งที่หลิงอวี๋กังวลเช่นกัน นางจึงครุ่นคิดแล้วเอ่ยออกมา “เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินล้วนเป็นยอดฝีมือ ขอเพียงตามหาพวกเขาเจอ บางทีก็อาจจะช่วยพวกเขาออกมาโดยมิต้องปะทะกับพวกมหาปราชญ์ก็เป็นได้!”“แต่หากต้องเผชิญหน้าจริง ๆ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยออกมา “ข้าแค่สงสัยว่า เหตุใดหวงฝู่หลินจึงออกมาจากวังเทพ? ตระกูลหวงฝู่ของพวกเขาอยู่ที่วังเทพมาโดยตลอด น้อยนักที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเขตของแดนเทพ! แล้วเขาไปยั่วยุสำนักซิงหลัวและมหาปราชญ์ได้อย่างไร?”เรื่องนี้หลิงอวี๋ได้ยินมาจากเซียวหลินเทียนแล้ว นางคิดว่าหลงเพ่ยเพ่ยยอมนำคนมาช่วยเหลือแล้ว หากจะปกปินางดูจะมิค่อยเหมาะสมนักหลิงอวี๋จึงเอ่ยออกไป “ได้ยินมาว่าตระกูลจงเจิ้งซื้อตัวนางรับใช้ของวังเทพ แล้วลักพาตัวหวงฝู่หมิงจู ธิดาของหวงฝู่หลินลงจากภูเขามา ที่หวงฝู่หลินมาภูเขาอนันต์ก็เพื่อจะช่วยธิดาของเขา!”หลงเพ่ยเพ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง เรื่องที่ตระกูลจงเจิ้งสมคบคิดกับมหาปราชญ์นั้นนางรู้อยู่แล้ว บัดนี้ได้ยินว่าบุตรีของหวงฝู่หลินตกไปอยู่ในมือของตระกูลจงเจิ้ง หลงเพ่ยเพ่ยก็เกิดความรู้สึกมิสบา
อิงจากแผนที่ประกอบกับข้อมูลจากสายลับของตำหนักปีกเงิน เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินจึงใช้โอกาสในยามกลางคืนแอบเข้าไปในเรือนที่ขังหวงฝู่หมิงจูไว้แม้ว่าในเรือนจะมีเวรยามอยู่เกือบสิบคน แต่ทั้งเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินล้วนเป็นยอดฝีมือ กอปรกับการร่วมมือของพวกเผยอวี้ พวกเขาจึงจัดการกับเวรยามได้อย่างราบรื่นเสวี่ยเหมยและนางรับใช้คนหนึ่งได้ยินเสียง และกำลังคิดจะพาหวงฝู่หมิงจู่หลบหนีไป แต่พวกนางก็ถูกหวงฝู่หลินขวางไว้เสียก่อน“ท่าน… ท่านเจ้าวัง… บ่าวมิได้ทำร้ายเจ้าวังน้อยนะเพคะ… บ่าวพยายามดูแลเจ้าวังน้อยอย่างเต็มที่มาตลอด!”เสวี่ยเหมยเอ่ยขึ้นมาอย่างอึก ๆ อัก ๆ “เจ้าวังน้อยเลือดออกสองครั้ง บ่าวก็ใช้โอสถที่ท่านให้มารักษาเจ้าวังน้อย เพียงแต่คราวนี้ยาหมดไปแล้วเพคะ!”หวงฝู่หลินจะมิรู้ได้อย่างไรว่าโอสถของตนหายไปเท่าไร เขาจึงตะคอกเสียงแข็ง “วางหมิงจูลง แล้วข้าจะมิทำอะไรเจ้า มิฉะนั้นเจ้าก็อย่ามาโทษว่าข้าไรปรานี!”หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยกอดไว้แน่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่หวงฝู่หลินมานางก็มิรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยหวงฝู่หลินมิรู้ว่าธิดาแสนล้ำค่าของเขาเป็นอย่างไรบ้าง จึงจ่อกระบี่ไปที่เสวี่ยเห
“หมิงจู!”ทันทีที่หวงฝู่หลินชิงตัวหวงฝู่หมิงจูมาได้ เขาก็วางนางลงบนพื้นอย่างเบามือแล้วตรวจดู อาภรณ์ชั้นในของหวงฝู่หมิงจูล้วนเต็มไปด้วยเลือด มิรู้ว่านางเลือดไหลมากี่วันแล้ว!หวงฝู่หลินจับชีพจรของนางอย่างกระวนกระวายใจ ชีพจรของหวงฝู่หมิงจูค่อนข้างอ่อนแรง และชีวิตของนางก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วหวงฝู่หลินรีบนำโอสถห้ามเลือดที่ตนพกมาด้วยยัดใส่ปากของหวงฝู่หมิงจูอย่างรวดเร็ว“สหายหวงฝู่ พวกเราต้องรีบไปแล้ว เจ้าวังน้อยยังทนได้อยู่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นห่วง“น่าจะยังทนได้อยู่! ไปกันเถิด!”หวงฝู่หลินเองก็รู้เช่นกันว่ามิควรอยู่ที่นี่นาน ความเคลื่อนไหวทางนี้จะดึงดูดคนของสำนักซิงหลัวมาในมิช้า เมื่อถึงยามนั้น หากพวกเขาจะออกไปก็คงต้องมีการต่อสู้มิน้อยยิ่งเวลาล่าช้าไปนานเท่าไร โอกาสที่หมิงจูจะรอดก็จะยิ่งน้อยลงหวงฝู่หลินมัดหวงฝู่หมิงจูไว้บนหลังของเขาแล้วแบกนางไว้ จากนั้นก็ฝ่าออกไปพร้อมกับพวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้เพียงแต่ไปได้มิไกล ก็เผชิญหน้ากับมือสังหารของสำนักซิงหลัวและตระกูลจงเจิ้งเสียแล้วจงเจิ้งหลินเป็นผู้นำมา พวกเขาจับตัวหวงฝู่หมิงจูมาได้อย่างยากลำบาก ก็เพร
“รับกระบวนท่านี้ของข้าได้ นับว่ามิเลว เช่นนั้นก็รับไปอีก…”คนชุดขาวมิรอให้เซียวหลินเทียนได้หายใจ เขาพลิกฝ่ามือเหวี่ยงกระบี่ออกไปราวกับมังกรที่แหวกว่ายนำพาพลังที่รุนแรงยิ่งขึ้นพุ่งเข้าโจมตีเซียวหลินเทียนอย่างรวดเร็วกระบี่ในมือของเซียวหลินเทียนเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ในหัวพลันผุดความคิดขึ้นมา เขาจึงหยิบกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุในทันใดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นนี้ หากมินำกระบี่คุนอู๋ออกมาก็มิอาจที่จะต้านทานได้แล้ว“ดูเสีย!”เซียวหลินเทียนตะคอกออกมาอย่างทรงพลัง เขาอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอกแล้วเหวี่ยงกระบี่ไป“กระบี่คุนอู๋!”คนชุดขาวเอ่ยเสียงหลง ทว่าออกท่ากระบี่ไปแล้ว จะดึงกลับก็มิทันเสียแล้วได้ยินเพียงเสียง ‘แกร๊ง’ ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้กระบี่ของคนชุดขาวถูกเซียวหลินเทียนหั่นออกเป็นสองท่อนคนชุดขาวถอยกรูดไปข้างหลัง ทว่าอาภรณ์ตรงหน้าอกก็ถูกปราณแห่งกระบี่ของเซียวหลินเทียนตัดขาดไปแล้วเผยให้เห็นเกราะอ่อนสีทองที่อยู่ข้างในนั้น“เกราะอ่อนไหมทอง!”หวงฝู่หลินเหลือบมองไปอย่างรวดเร็วก็พลันตะลึงไปครู่หนึ่งเกราะอ่อนไหมทองเป็นหนึ่งในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน แ
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็
"ข้ามีวิธีช่วยหมิงจู พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ รอสักครู่!"หลิงอวี๋ยังไม่มีเวลาปรุงยาแก้พิษ ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า "อย่าเพิ่งรบกวนข้า มินานข้าก็จะปรุงยาแก้พิษให้หมิงจูสำเร็จแล้ว!"หลิงอวี๋พิงผนังรถม้าแล้วเข้าไปในมิติปี้ซงเห็นหลิงอวี๋ดูเหมือนหลับไปก็มองหวงฝู่หลินอย่างประหลาดใจเล็กน้อย"ท่านเจ้าวัง นางหลับได้อย่างไร? นางควรจะรีบปรุงยาให้เจ้าวังน้อยมิใช่หรือ?"หวงฝู่หลินเหลือบมองหลิงอวี๋แวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า "ใต้หล้านี้มีของวิเศษบางอย่างที่ภายในเป็นพระสุเมรุ บรรจุสรรพสิ่งไว้มากมาย หยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ก็เป็นของวิเศษประเภทนี้!""นางต้องเข้าไปในนั้นเพื่อปรุงยาให้หมิงจูอย่างแน่นอน!""ข้าเชื่อในตัวนาง เจ้ารอดูเถอะ!"ปี้ซงก็เคยได้ยินตำนานทำนองนี้เช่นกันแต่มิเคยเห็นกับตา เขาจ้องมองหลิงอวี๋เขม็งก็มิเห็นนางขยับเขยื้อนเลยปี้ซงสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง ข้างในหยกหล้าสุขาวดีนั้นเป็นแบบไหนกันแน่?ด้านนอก หลงจิ้งตามหลงเพ่ยเพ่ยทันแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยมองดูว่าไม่มีทหารไล่ตามมาจึงกล่าวเสียงเบา"พี่สาม ถึงแม้พวกเราจะมิได้เปิดเผยตัวตน แต่มิช้ามหาปราชญ์ก็ต้องเดาตัวตนของพวกเราออกแน่ แล้วพวกเราจ
หลงเพ่ยเพ่ยกวาดตามอง เห็นเจ้าสำนักซิงหลัวถอยห่างออกไปสิบกว่าเมตรแล้ว ส่วนมือสังหารเหล่านั้นถูกเสือปีกกาฬกัดทึ้งจนมิกล้าเข้าใกล้“พวกเราถอย!”หลงเพ่ยเพ่ยสั่งการองครักษ์เงาให้ดึงจ้าวซวนกับลู่หนานกลับมา และให้พลธนูคุ้มกันด้านหลังคนของเก๋อเฟิ่งฉิงได้หามเก๋อเฟิ่งฉิงรวมถึงเซียวหลินเทียนที่หมดสติไปด้านหลังแล้วหลิงเฟิงและหานอวี้ได้นำพลธนูมาถึงแล้ว ทั้งสองรีบสั่งการให้องครักษ์จัดวางแนวป้องกันของพลธนูหลิงเฟิงพุ่งเข้ามาสมทบกับหลิงอวี๋ ลู่หนานและคนอื่น ๆ พร้อมกับองครักษ์หลายนายเกือบจะพร้อมกันนั้น เย่หรงและหลงจิ้งก็มาถึงเช่นกัน ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือหามเซียวหลินเทียน เก๋อเฟิ่งฉิงที่สลบอยู่และคนอื่น ๆ ขึ้นรถม้า“พวกท่านไปก่อน พวกเราจะคุ้มกันด้านหลังให้!”หลงจิ้งประเมินสถานการณ์แล้วออกคำสั่งทันทีไหนเลยมหาปราชญ์จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ เขารีบรวบรวมมือสังหารที่เหลืออยู่แล้วก็กระหนาบโจมตีเข้ามาทว่าพลธนูเหล่านี้ใช่พวกกระจอกเสียที่ไหน เมื่อมิสามารถโจมตีระยะประชิดได้ ก็แสดงอานุภาพของการโจมตีระยะไกลออกมา กอปรกับลูกศรของพลธนูหลิงเฟิงล้วนฉาบไว้ด้วยยาสลบชนิดรุนแรง ขอเพียงถูกยิงเข้า มือสังหารท
“พี่ใหญ่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นท่ามิดี จึงพุ่งเข้ามาผลักเซียวหลินเทียนออกไปพร้อมใช้ร่างของตนเองรับฝ่ามือนี้แทนเซียวหลินเทียน...พลังฝ่ามือของเจ้าสำนักซิงหลัวกระแทกเข้าใส่ร่างของเก๋อเฟิ่งฉิง ร่างของนางราวกับปุยหลิวลอยออกไปเซียวหลินเทียนอยู่ในสภาพหมดแรงแล้ว การโจมตีเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไปจนหมดสิ้นเขามองตาค้างเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวออกไป แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะเข้าไปกอดรับนางไว้ความรู้สึกที่เก๋อเฟิ่งฉิงมีต่อตนนั้นเซียวหลินเทียนจะมิเข้าใจได้อย่างไรเช่นเดียวกันกับหลิงอวี๋ในอดีต นางเองพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำดีต่อเขาบัดนี้นางถึงขั้นสละชีวิตเพื่อช่วยตน หากในใจเขาไม่มีหลิงอวี๋อยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับความรักมั่นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะมิซาบซึ้งใจได้อย่างไร!“หากข้ายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ สิ่งที่ติดค้างเจ้า ข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่!”เซียวหลินเทียนเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก ภาพเบื้องหน้ามืดลงและล้มตึงไปทันทีคนรอบข้างล้วนกำลังวุ่นอยู่กับการรับมือมหาปราชญ์และเจ้าสำนักซิงหลัว ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปดูอาการของเซียวหลินเทียนได้มู่ตงหัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ยเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวถอ
ภายใต้แสงสว่างของคบเพลิงโดยรอบ ตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าพร้อมสะท้อนแสงโลหะอันเย็นเยียบออกมา…ตาข่ายยักษ์ครอบลงมายังเสือปีกกาฬหลิงอวี๋เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ นางพุ่งเข้าไปพร้อมกระบี่ในมือโดยมิลังเลก่อนหน้านี้นางเห็นสถานการณ์การต่อสู้ตึงเครียด จึงได้ส่งหวงฝู่หมิงจูให้เถาจื่อแบกไว้ก่อนแล้วบัดนี้หลิงอวี๋พุ่งเข้ามาใช้กระบี่ตวัดเกี่ยวตาข่ายนั้น พยายามจะฉีกเปิดช่องว่างให้เสือปีกกาฬหนีออกมาได้แต่ตาข่ายเหล็กของเจ้าสำนักซิงหลัวหนักเกินไป หลิงอวี๋ใช้สุดแรงกำลังก็ยังมิอาจดึงตาข่ายเหล็กให้เปิดออกได้หวงฝู่หลินก็รู้ว่าหากเสือปีกกาฬถูกตาข่ายคลุมไว้ ย่อมไม่มีทางหนีออกมาได้แน่นอน จึงล้มเลิกการโจมตีมหาปราชญ์ จึงหันมาอีกด้านหนึ่งแล้วใช้กระบี่ของตนตวัดเกี่ยวตาข่ายเหล็กเช่นกันหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ร่วมแรงกันอย่างหนักจนเปิดช่องแคบได้เสือปีกกาฬแสนรู้ ตาข้างเดียวกวาดมองแล้วก็พุ่งออกไปทางช่องนั้นทันทีเจ้าสำนักซิงหลัวเห็นดังนั้นก็ดึงตาข่ายสุดแรง แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เสือปีกกาฬขยับตัวกระแทกพื้นกระโจนออกไปทางช่องแคบนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแม้ว่าความเร็วของมันจะสูงมาก แต่ตาข่ายเหล็กที่รัด