หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก บอกเล่าถึงอันตรายของการสูดดมขี้ผึ้งหอมให้ทุกคนฟังครั้งนี้เจ้าแห่งทิศใต้มิสงบนิ่งอีกต่อไป ถามอย่างตกตะลึง “เจ้าบอกว่าขี้ผึ้งหอมมีพิษ? ทำให้เสพติดได้งั้นรึ?”หลงจิ้งเป็นบุตรชายที่เจ้าแห่งทิศใต้ภาคภูมิใจที่สุด เขามีทั้งพรสวรรค์และสติปัญญา เจ้าแห่งทิศใต้เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้า“ท่านเจ้าแห่งทิศใต้ หม่อมฉันพูดความจริง ขี้ผึ้งหอมชนิดนี้สูดดมหนึ่งถึงสองครั้งจะมิเป็นไร ทว่าหากนานวันเข้า มันจะทำลายอวัยวะภายในร่างกาย! ทำให้ร่างกายซูบผอม!”“เมื่อมิได้สูดดมจะปวดเมื่อยตามตัว คันตามกระดูก! ขอท่านโปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด ความเจ็บปวดเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็มิอาจทนได้!”“ขอท่านโปรดลองไตร่ตรองดู ความเจ็บปวดเช่นนี้เทียบได้กับการทรมานทั้งเป็น หากผู้เสพทนความเจ็บปวดมิไหว ท่านให้เขาทำอะไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาจะมิยินดีทำหรือ?”เจ้าแห่งทิศใต้เป็นผู้มีอำนาจ เข้าใจวิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ทำตามคำสั่งของตน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็เข้าใจในทันที เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นตามแผ่นหลังสำนักซิงหลัวควบคุมบุตรชายของตนเช่นนี
สีหน้าของหลงจิ้งเคร่งขรึมลงทันที มองไปที่เย่หรงก่อนโดยสัญชาตญาณ แล้วก่นด่าว่า “เย่หรง เจ้ามาพูดจาเหลวไหลอะไรกับท่านพ่อของข้า?”“ข้ากับเจ้ามิเคยยุ่งเกี่ยวกัน เจ้าถึงกับต้องนำความมาฟ้องท่านพ่อข้าเชียวรึ?”เย่หรงพูดมิออก เขามิได้มีความคิดที่จะฟ้องเลย แต่เป็นเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มาที่นี่พร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านอย่าใส่ร้ายเย่หรง เขามิได้ฟ้องเรื่องท่าน!”หลงเพ่ยเพ่ยรีบกล่าว “พี่สาม ท่านบอกความจริงกับพวกเรามา ท่านสูดดมขี้ผึ้งหอมมานานเท่าไรแล้ว? เป็นหนี้สำนักซิงหลัวเท่าไร?”“ท่านพ่อมิได้คิดจะตำหนิท่าน พวกเราแค่มิอยากเห็นท่านถูกหลอกลวง ถูกสำนักซิงหลัวหลอกใช้ ทำร้ายตนเองและทำร้ายคนในตระกูล!”หลงจิ้งกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิได้เป็นหนี้สำนักซิงหลัวมากมายเพียงนั้น พวกท่านอย่าไปฟังเย่หรงพูดเหลวไหล! ขี้ผึ้งหอมก็มิใช่ยาพิษ ข้าก็แค่สูดดมเล่นเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น!”สูดดมเล่น?เจ้าแห่งทิศใต้และทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ มีบุตรหลานจำนวนเท่าไรที่ถูกสำนักซิงหลัวหลอกลวง ปากกล่าวว่าสูดดมเล่น ๆ สุดท้ายก็เลิกมิได้ ถูกสำนักซิงหลัวควบคุมในที่สุด!“จิ้งเอ๋อร์ พ่อคิดว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ
หลงจิ้งหุบยิ้มทันใด มองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็มิเกี่ยวกับเจ้า! เจ้าอย่าหวังว่าจะล้วงความลับของพวกเขาจากปากข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าหลงจิ้งจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสำนักซิงหลัวเสียด้วย!หลิงอวี๋ส่ายหน้า ยามนี้มิว่าจะพูดอะไรกับหลงจิ้ง เขาก็จะมีท่าทีต่อต้านเสมอ รอให้เขาเกิดอาการคลั่งยาขึ้นมาก่อนเถอะ ค่อยพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง!หลงเพ่ยเพ่ยให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้มาให้ทุกคน เจ้าแห่งทิศใต้ยังสั่งให้นางชงชามาต้อนรับท่านเจ้าสำนักจินและเย่ซงเฉิงอย่างดีทุกคนดื่มชาพลางพูดคุยกันไประหว่างรอหลิงอวี๋จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของหลงจิ้ง และเห็นว่าเขาอ้าปากหาวถี่ขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกหลงจิ้งยังคงใส่ใจภาพลักษณ์ของตน แต่ต่อมาหลงจิ้งก็มิสนใจอีกต่อไป มิปิดบังอาการน้ำตาของหลงจิ้งค่อย ๆ ไหลออกมา เดินวนเวียนไปมาในกรงเหล็กอย่างควบคุมตนเองมิได้ ราวกับพยายามควบคุมความมิสบายกายภายในเอาไว้สุดท้าย มิเพียงแต่หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและทุกคนก็เห็นว่าหลงจิ้งเกาตามเนื้อตัวผ่านอาภรณ์อาภรณ์ที่เรียบร้อยในตอนแรก มินานก็ถูกเขาดึงทึ้งจนยุ่งเหยิงหลงเพ่ยเพ่ยทั้งเจ็บปวดใจ
“หากต้องการเลิกยา ช่วงเจ็ดวันแรกจะเป็นช่วงที่ยากที่สุด ท่านขังเขาไว้ในกรงเหล็กนี้ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว อย่าให้สิ่งของใดกับเขาเป็นอันขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างใจแข็ง “มิว่าเขาจะอ้อนวอนและมีท่าทีเจ็บปวดมากเพียงใด ท่านก็อย่าได้ใจอ่อนปล่อยเขาออกมานะเพคะ!”“หม่อมฉันจะจัดตำรับยาให้อีก เป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย และยับยั้งการติดยา!”“เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านปล่อยเขาออกมากลางคัน ทำเช่นนั้นมิใช่เป็นการรักเขาเพคะ แต่เป็นการทำร้ายเขา และจะทำให้เขายิ่งติดขี้ผึ้งหอมเพคะ!”“หลังจากผ่านเจ็ดวันไปได้แล้ว ขอเพียงระมัดระวังอย่าให้เขาสัมผัสกับขี้ผึ้งหอม และอย่าให้ติดต่อกับคนที่เคยสูดดมขี้ผึ้งหอมด้วยกันอีก นานวันไปเขาจะฟื้นตัวเองเพคะ!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลงจิ้งที่อยู่ในกรงเหล็ก จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะทำตามวิธีการที่คุณหนูสิงบอกอย่างแน่นอน!”“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังนาง! ลูกรับรองว่าขี้ผึ้งหอมไม่มีอันตรายจริง ๆ! ปล่อยลูกออกไปเถิด!”เมื่อหลงจิ้งได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็โกรธจนพุ่งไปที่หน้ากรงเหล็กแล้วเขย่าอย่างแรงแต่กรงเหล็กที่หนักอึ้งนั้นมิขยับแม้แต่น้อย“ท่านพ่อ ปล่อยข้าออกไป!”หลงจิ้
“เจ้าแห่งทิศใต้ อย่าได้ร้อนพระทัยไปเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนั้นคือหลิงอวี๋และเย่ซงเฉิง“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ให้เขาพูดก่อนเย่ซงเฉิงจึงพยักหน้า “เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้ามหาเทพให้ส่งทหารไปโจมตีสำนักซิงหลัวเช่นนี้ จะมิเป็นการเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”“ยามนี้พวกเรามิรู้ความแข็งแกร่งของสำนักซิงหลัว หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปเช่นนี้ จะเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“อีกทั้งยังมิรู้ด้วยว่า พวกเขาแอบใช้วิธีเช่นนี้ควบคุมคนอยู่เท่าไร หากจัดการเรื่องนี้มิดี ก็จะเป็นหายนะของเมืองหลวงแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้ามิเชื่อว่าหากผู้นำตระกูลอื่นรู้ว่าบุตรหลานของตนถูกผู้อื่นใช้งานเช่นนี้แล้วจะมิสะทกสะท้านเลย!”“หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ว่าสำนักซิงหลัวจะมีคนจำนวนมาก ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นกัน!”หลิงอวี๋อมยิ้มบาง ๆ “เจ้าแห่งทิศใต้ มิใช่ทุกคนจะเด็ดขาดเช่นท่านเพคะ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านร่วมมือกับทุกคนเพื่อจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นได้เพคะ!”“อาจารย์ปู่ของหม่อมฉันพูดถูกแล้ว เรื่องนี้จะบุ่
“มิได้ มิได้ มันเสี่ยงเกินไป!”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหัว “พี่สามของเจ้าเป็นเช่นนี้ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าอีกคนมิได้!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาแล้วเพคะ แม้ว่าคนของท่านจะไปสืบสวนก็รู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น!”“หากปล่อยเวลายืดเยื้อไปก็จะยิ่งมีอุปสรรคมาก แล้วหากสำนักซิงหลัวชิงลงมือล่วงหน้าเล่าเพคะ?”“ก่อนหน้านี้ท่านเคยตรัสไว้ว่า รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่ไม่แตก หากตระกูลอื่นถูกสำนักซิงหลัวใช้ประโยชน์แล้วเช่นนั้นจะมิเป็นภัยต่อจวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราหรือเพคะ?”ใบหน้าของเจ้าแห่งทิศใต้ดูเคร่งเครียดขึ้นมา “นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าผู้เป็นสตรีควรจะทำ! หากต้องไปจริง ๆ ข้าจะหาคนที่ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายกับพี่สามของเจ้าไป!”“กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ส่วนสูงและรูปร่างของกระหม่อมคล้ายกับหลงจิ้งมาก อีกทั้งกระหม่อมก็มีสหายอยู่ในสำนักซิงหลัวด้วย หากเผชิญกับอันตรายก็จะหลบหนีได้ง่าย!”ทุกคนต่างมองไปทางเย่หรงส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงนั้นคล้ายกับหลงจิ้งมาก ส่วนใบหน้าหากแปลงโฉมสักหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ“เย่หรง น
เถี่ยซู่พยักหน้า คำที่หลงจิ้งดุด่าเขาเมื่อครู่นั้นมิอาจทนฟังได้เลย เขาฟังอยู่สองสามครั้งก็อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอหลงจิ้งให้ตายเสียแล้วแต่บัดนี้เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่า หลงจิ้งถูกคนวางแผนร้ายใส่ เถี่ยซู่ก็รู้สึกคลายกังวลไปเล็กน้อย หากมิใช่เจตนาของหลงจิ้งก็ดี“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยเดินไปถึงกรงเหล็กแล้วเรียกออกไปด้วยความเป็นห่วง “ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”หลงจิ้งมิได้เคลื่อนไหวใด ๆ และมิได้พูดอะไรทั้งนั้น“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยมองเย่หรงอย่างทำอะไรมิถูก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลงจิ้งจะมิตายไปเช่นนี้ใช่หรือไม่?เย่หรงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “หลงจิ้ง ข้ามิได้ขายเจ้าจริง ๆ เป็นเพราะพูดถึงสำนักซิงหลัว จึงได้เอ่ยถึงพวกเจ้าด้วย!”“เมื่อครู่เจ้าเองก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการติดขี้ผึ้งหอมแล้ว เจ้าน่าจะรู้นะว่าขี้ผึ้งหอมนั้นมิใช่สิ่งที่ปลอดภัย!”“หลงจิ้ง ในสายตาของข้า เจ้าเป็นคนสุขุม ปราดเปรื่อง ควบคุมตนเองได้ดีและมีความรู้กว้างขวาง มิเหมือนกับพวกคนที่คลุกคลีอยู่กับบ่อนการพนันเลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทีของเจ้าเมื่อครู่นี้กลับมิได้ต่างอะไรจากพวกเขาเลยสักนิด!”“เจ้า
หลงจิ้งมองเย่หรงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คนเสเพลผู้นี้กล้าไปเป็นสายลับด้วยหรือ?“สำนักซิงหลัวมิได้เข้าไปง่ายเช่นนั้นหรอก! พวกนักสู้และผู้คุ้มกันข้างในนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น การป้องกันก็เข้มงวดเป็นอย่างมากด้วย!”“หากจะซื้อขี้ผึ้งหอม นอกจากแขกผู้มีเกียรติเช่นพวกเราแล้ว ผู้อื่นก็มิได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน!”หลงเพ่ยเพ่ยจึงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่สาม ท่านดูเถิดส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงคล้ายกับท่านมาก หากเขาปลอมตัวเป็นท่าน เขาจะต้องเข้าไปด้านในได้อย่างแน่นอน!”“พวกเราแค่อยากรู้ว่าด้านในนั้นเป็นอย่างไร ปกติแล้วท่านเข้าไปทำอะไร และพบปะผู้ใดบ้าง!”“จริงสิ พี่สาม ท่านสามารถติดต่อกับเจ้าสำนักของพวกเขาได้หรือไม่?”หลงจิ้งตกใจมาก เย่หรงจะปลอมตัวเป็นตนหรือ?เช่นนั้นหากถูกจับได้ เขาจะยังมีชีวิตรอดกลับมาหรือ?หลงจิ้งเคยเห็นยอดฝีมือจำนวนมากที่สำนักซิงหลัวแล้ว พวกเขาก็จัดการเข้มงวดมาก หากเย่หรงเผยตัวตนออกไป พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกมาเป็นแน่“มิได้ เย่หรงไปมิได้ หากพวกเขารู้ตัวตนของเย่หรง เย่หรงก็จะไม่มีวันเดินออกมาจากสำนักซิงหลัวได้!”หลงจิ้งเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “เจ้า
เมืองหลวงแดนเทพเกิดความปั่นป่วน หลิงอวี๋และหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็คาดมิถึงว่า พวกตนเพิ่งออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปเพียงคืนเดียวก็กลับเกิดเรื่องมากมายขึ้นเช่นนี้เสียแล้วหลายคนรีบเดินทางมาถึงเมืองเล็กที่อยู่หน้าภูเขาอนันต์ หลงเพ่ยเพ่ยก็ถูกมู่หยางหัวหน้าองครักษ์เงาของจวนเจ้าห่งทิศใต้สกัดไว้มู่หยางคือบิดาของมู่ตง หัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ย อายุสี่สิบกว่าปี สูงกว่ามู่ตงหนึ่งช่วงศีรษะ“ท่านหญิง คนของมหาปราชญ์และตำหนักหมาป่าสวรรค์ปิดล้อมเชิงเขาอนันต์ไว้หมดแล้ว พวกเราขึ้นไปช่วยคนบนเขามิได้แล้วขอรับ!”“ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งคนไปสืบดูแล้ว หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนช่วยหวงฝู่หมิงจูออกมาได้ แต่ถูกเจ้าสำนักซิงหลัวทำร้ายจนบาดเจ็บ พวกเขาจำต้องหลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย!”ระหว่างทาง หลิงอวี๋ได้ฟังหลงเพ่ยเพ่ยเล่าถึงตำหนักใต้ดินแห่งความตายในตำนานนี้แล้วเมื่อได้ยินว่าเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ หลบเข้าไปในตำหนักใต้ดินแห่งความตาย หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจโล่งอกไปชั่วคราว ขอเพียงมิตกไปอยู่ในมือของเจ้าสำนักซิงหลัว จากนี้ย่อมต้องมีวิธีช่วยพวกเขาออกมาได้แน่นอนหลงเพ่ยเพ่ยก็คิดเช่นเดียวกัน จึงกล่าวว่า “ท่านล
เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระหน่ำทั่ว!ท่านผู้เฒ่าเย่มองเย่ซื่อเจียงออกไปแล้ว ก็หันไปมองเย่หมิงเย่หมิงถูกเขามองจนรู้สึกผิด ก้มหน้าลงต่ำ “ท่านปู่ ข้า... ข้าในฐานะพี่ใหญ่ทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าทำให้พวกท่านผิดหวังในความไว้วางใจ!”ท่านผู้เฒ่าเย่ส่ายหน้า “มิใช่แค่เจ้าทำหน้าที่ได้มิดีพอ ข้าในฐานะปู่ก็ทำหน้าที่ได้มิดีพอเช่นกัน แต่ยามนี้หากจะเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว!”“เย่หมิง เหตุใดท่านปู่ของเจ้าถึงเรียกเจ้ามา? เจ้าล่วงรู้ถึงความตั้งใจอันดีของเขาหรือไม่?”เย่หมิงมองเย่ซงเฉิง พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านปู่ทั้งสองล้วนต้องการให้ข้าได้ยินกับหูตนเองว่า เย่ซวินเสื่อมทรามลงได้อย่างไร เพื่อให้ข้าตื่นตัวระมัดระวัง ต่อไปจะได้มิถูกผู้อื่นชักจูงให้เดินไปบนเส้นทางเดียวกับเย่ซวินขอรับ!”เย่ซงเฉิงพยักหน้า “นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง คือเพื่อให้เจ้าเข้ามามีส่วนร่วมด้วย!”“ท่านพ่อของเจ้าเป็นผู้นำตระกูลเย่ ทว่าความสามารถของเขาเพียงคนเดียวย่อมมีจำกัด เขามิอาจดูแลได้รอบด้านไปเสียทุกสิ่ง!”“เย่หมิง เจ้าบรรลุเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านพ่อและท่านปู่ของเจ้าฝากความหวังไว้กับเจ้าอย่
หลงจิ้งมีความรับผิดชอบเช่นนี้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิพอใจได้อย่างไรกัน!เมื่อเห็นความรุนแรงของไฟลุกไหม้ขึ้นมา และเหล่าผู้คุ้มกันของสำนักซิงหลัวต่างก็ยุ่งอยู่กับการดับไฟและรักษาทรัพย์สิน เจ้าแห่งทิศใต้ก็ยิ้มเยาะขึ้นมาทันทีทำร้ายลูกชายของตนจนเป็นเช่นนี้ พวกเขายังคิดว่าจะหนีรอดไปได้อีกหรือ?หลงจิ้งและเย่หรงได้ทำในสิ่งที่พวกเขาควรทำแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือความรับผิดชอบของตน“จิ้งเอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด! ที่เหลือปล่อยให้พ่อจัดการเอง!”หลงจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็ทักทายเย่หรงแล้วจะกลับไปเย่หรงมิเห็นหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามออกไป “เจ้าแห่งทิศใต้ เสี่ยวชีกลับไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิได้ปิดบังเย่หรง จึงกระซิบไป “เซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ของสำนักซิงหลัว สิงอวี๋และเพ่ยเพ่ยพาคนกลุ่มหนึ่งไปช่วยพวกเขาแล้ว!”“มหาปราชญ์ก็พาคนไปเช่นกัน เขาคิดจะจับตัวเซียวหลินเทียนและหวงฟู่หลิน!”ว่ากระไรนะ?สีหน้าของเย่หรงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนใจ “เช่นนั้นกระหม่อมก็จะไปช่วยด้วย! เจ้าแห่งทิศใต้ กระหม่อมขอยืมม้าท่านสักตัวเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลงจิ้งยังมิได้ไป เ
“ไฟไหม้ หนีเร็วเข้า!”“รีบดับไฟเร็ว!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งออกไปแล้ว ก็ตะเบ็งเสียงออกมาอย่างดังผู้คุ้มกันเหล่านั้นมิสนใจที่จะจัดการกับคุณชายเหล่านี้แล้ว พวกเขารีบกระจายกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อหาน้ำมาดับไฟเมื่ออากาศแห้ง หากความรุนแรงของไฟที่ห้องบัญชีมากเกินไป เช่นนั้นไฟก็จะลามไปยังห้องอื่น ๆ หรืออาจจะเชื่อมไปจนหมดทั้งบ่อนก็เป็นได้บรรดาแขกที่กำลังเล่นพนันอยู่ในบ่อนส่วนหน้า เมื่อพวกเขาได้ยินว่าไฟไหม้ก็มิสนใจเล่นพนันแล้ว ต่างก็พากันหนีไปข้างนอกเจ้าแห่งทิศใต้อยู่ในบ้านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของหลงจิ้งและเย่หรงอยู่ตลอด เมื่อนั่งมิติดจึงเป็นคนพารองแม่ทัพไปที่เรือนที่ใช้ชั่วคราวแห่งหนึ่งที่อยู่แถว ๆ สำนักซิงหลัวด้วยตนเองเมื่อเห็นแขกเหล่านั้นต่างพากันหนีออกมาข้างนอก เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิรู้ว่าเกิดกระไรขึ้น แต่ในขณะที่กำลังกังวลอยู่นั้นสายลับผู้หนึ่งก็พุ่งเข้ามารายงาน“องค์ชาย ด้านในบ่อนพนันเกิดไฟไหม้พ่ะย่ะค่ะ ท่านชายสามเป็นผู้นำบุกเข้าไปในห้องบัญชีแล้วก่อความวุ่นวายขึ้นมา!”“ท่านชายสามยังอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ คนของพวกเราเห็นท่านชายสามเดินไปทางด้านหลัง คาดว่าจะไปจุดไฟเผาพ่ะย่ะค่ะ!”อ
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต