ห้องสุขาอยู่หลังเรือน เสี่ยวเอ้อร์พาหลิงอวี๋ส่งอยู่ประตูเข้าหลังเรือนกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ สุขาอยู่นั้น ข้าจะรอท่านอยู่ตรงนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ยิ้มสักพักและกล่าวตรง ๆ ว่า “ข้ามิได้อยากใช้สุขาจริง ๆ ข้าต้องการพบท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเจ้าหรือคนดูแลที่นี่!”แม้เสี่ยวเอ้อร์ของในร้านแห่งนี้จะมีมารยาทดี แต่บนหน้าก็ยังปรากฏความดูถูกไปชั่วแวบหนึ่งเขากล่าวอย่างนิ่งสงบ “พระชายาอ๋องอี้ ท่านเกิ่งเอ้อร์ของเรากำลังดูแลแขกคนสำคัญอยู่ขอรับ สั่งไว้ว่าห้ามรบกวนเขาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร”“พระชายาอ๋องอี้หากจ่ายค่าอาหารไม่ไหว ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือขอรับ? ท่านไปขอเขาก็ได้!”แต่ที่เมืองหลวงนี้ มีผู้ที่ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาอ๋องอี้ด้วยหรือ?ทันทีที่หลิงอวี๋ยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาว่าเขาจะไม่ชดใช้ให้หลิงอวี๋สักเฟินเดียว(1)ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่ชายาอ๋องอี้ถูกเหล่าสตรีรุมทำให้อับอายขายขี้หน้า ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ก็แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น!หลิงอวี๋กล่าวอย่างอดทนว่า “เจ้าช่วยไปแจ้งให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าอยากคุยเรื่องคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงกับเข
บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่? “อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบเสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา“รู้ความผิดหรือยัง?”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้ง
คำพูดที่กล่าวไปพักหนึ่งของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนนิ่งอึ้งไป เขากำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างมึนงงมิใช่ว่าเขากลัวเสียเปรียบเลยไม่ลงมือ ทว่า… คำพูดของหลิงอวี๋คล้ายมีความจริงหลายส่วน!แต่ความนิ่งเงียบไม่กล่าวคำของเขาทำให้ลู่หนานเข้าใจผิด ลู่หนานเคยเห็นเซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ห้อยไว้บนต้นไม้ด้วยตาตัวเอง เลยหวั่นเซียวหลินเทียนจะออกมือต่อหลิงอวี๋ภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ!แต่นี่อยู่ข้างนอก พวกเขาจะขายหน้าเพราะคนผู้นี้มิได้!“ท่านอ๋อง อาจจะมีความเข้าใจผิดบางอย่างในหมู่พวกนางจริง ๆ หาไม่แล้ว เราลองฟังที่พระชายาพูดดูเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ลู่หนานกล่าวโน้มน้าวเมื่อเสิ่นจวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าว “ผู้พี่ หรือว่าท่านมิเชื่อใจหม่อมฉันเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนเช่นไรท่านยังไม่รู้แจ้งหรือ?”“ท่านดูสิ นางตบหน้าหม่อมฉัน ร่องรอยล้วนยังอยู่! อีกอย่างหม่อมฉันยังมีพยานบุคคล...”เสิ่นจวนดันเจิงจื่ออวี้ออกไป แล้วเจิงจื่ออวี้ก็กล่าวอย่างปราดเปรื่องว่า“กราบบังคมทูลท่านอ๋อง เป็นพระชายาอ๋องอี้ตบเสิ่นจวนจริงเพคะ แถมยังกล่าวว่าต้องการทำลายดวงหน้าของนาง! เราทุกคนเป็นพยานให้เสิ่นจวนได้เพคะ!”“หม่อมฉันก็เป็นพยานได้เพ
ครั้นผู้อาสุโวกล่าวจบ ประหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้บ่ายศีรษะไปมองทางเซียวหลินเทียน ยิ้มตาหยีกล่าวคำ“ท่านอ๋องอี้ นี่คือกฎของภัตตาคารจี๋เสียงที่จะลงโทษแขกที่ทานอาหารไม่จ่ายเงิน ท่านพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เซียวหลินเทียนไม่ชอบรอยยิ้มเหน็บแนมนี้ของท่านผังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความเย็นชาเมื่อหลิงอวี๋เห็นสายตาเขาพลันเข้าใจทันที เจ้าใช้แววตานี้สื่อเป็นนัยว่าเพียงขอโทษนาง เขาก็จะช่วยจ่ายเงินให้ทว่าหัวใจของหลิงอวี๋ล้วนถูกเขาทำให้เยือกเย็นไปแล้ว ไฉนเลยจะรู้สึกซาบซึ้งได้!หลิงอวี๋มิใช่เป็นคนที่โค้งคำนับเพื่อข้าวสารหาถัง!เซียวหลินเทียนต้องการให้นางละทิ้งหลักการของตนเพื่อเงินสองสามร้อยตำลึง แล้วนี่มีสิ่งใดแตกต่างจากท่านผังที่ทำให้นางต้องอัปยศกัน!ในเมื่อเซียวหลินเทียนต้องการแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้ ได้ หากเขาไม่กลัวขายหน้าตำหนักอ๋องอี้ นางหลิงอวี๋ผู้นี้ก็จะไม่หวั่นเกรง!“ข้าจะใช้หนี้เอง ข้าจะคืนเอง!”“พวกเจ้าให้ข้าพบกับท่านเกิ่งเอ้อร์สักหน่อย บอกไปว่าข้ามีธุรกิจจะคุยกับเขา!”“ท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเรากำลังยุ่งอยู่ มิใช่ว่าผู้ใดอยากคุยธุรกิจกับเขาก็
นางสลัดการเกาะกุมตนของเสี่ยวเอ้อร์ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นวิ่งรุดตามไปชั้นบนเพียงตนช่วยชีวิตท่านเกิ่งเอ้อร์ได้ ความอัปยศในวันนี้ก็จะล้างมลทินออกไปได้…หลิงอวี๋เพิ่งวิ่งถึงชั้นสองก็พลันเห็นแม่นมลี่ดึงหลิงอวี๋เอาไว้ หลิงซินยืนอยู่ทางออกใกล้บันไดอย่างพะว้าพะวังครั้นเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงแม่นมลี่มากล่าวปลอบขวัญ “พวกเจ้าไปนั่งรอข้าเถอะ หากอยากกินสิ่งใดสั่งได้เลย!”“พวกเจ้าเชื่อข้า วันนี้พวกเราจะไม่ต้องจ่ายอาหารมื้อนี้สักเฟินเดียว!”เมื่อนางเอ่ยจบก็รีบไล่ตามขึ้นไปแม่นมลี่น้ำตาแทบไหล นางเพิ่งกลับมาก็เห็นหลิงอวี๋จะถูกลากไปประจาน!หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก เมื่อกี้ก็ไม่น่าขอเทียบเชิญกับแม่นมเว่ย ควรจะขอเงินสองสามร้อยตำลึงแค่นี้ก็แก้ไขเรื่องจวนตัวเพื่อคุณหนูได้แล้วเฮ้อ จะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว!“ดูสิ หลิงอวี๋กำลังคุยโวอย่างไม่กระดากอายอีกแล้ว!”ครั้นได้ยินคำพูดนี้เสิ่นจวนที่ยืนอยู่ด้านล่างบันไดก็ลั่นวาจาเย้ยหยันทันใดนางรั้งสายตาไปยังเซียวหลินเทียนแล้วกล่าวคำ “ผู้พี่ เราขึ้นไปดูสักหน่อยเถอะ! หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นคนที่ถูกก้างปลาติดคอตายเลยเพคะ!”“อีกทั้งเปี่ยวจิ้วก็ไปแล้วด้วย
เกิ่งเสี่ยวหาวหันหน้ากลับมามองบิดาของตนเอง พบว่าเกิ่งเสี่ยวเหยนิ่งเงียบไปแล้ว เหลือเพียงหน้าอกที่ยังกระเพื่อมแผ่วเบา“เรามาเดิมพันกันเถอะ! ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะช่วยชีวิตท่านพ่อของเจ้า!”“หากข้าทำสำเร็จ เจ้าต้องยอมรับข้าเป็นพี่สาว! แต่หากข้าทำล้มเหลว ข้าจะชดใช้ให้เจ้าด้วยชีวิต!”หลิงอวี๋พบว่าคนสกุลเกิ่งผู้นี้ในแววตาค่อนข้างพอใจ แม้ว่าเขาจะพุ่งปราดมาตรงหน้าตนแล้ว แต่หมัดนั้นกลับไม่เคยโดนนางเลยอีกนัยหนึ่งคือนางอยากสร้างรายได้นั่นเอง ถ้ามีลู่ทางสายนี้ของเกิ่งเสี่ยวหาวคงจะราบรื่นยิ่งความคิดเรื่องยอมรับเป็นน้องชายนี้ก็พลันแวบสว่างเข้ากลางใจทันใด“คุณชายเกิ่ง อย่าฟังนาง! เดิมทีนางมิได้วิชาแพทย์ด้วยซ้ำ! หมอของโรงหมอยังไม่มีวิธี แล้วนางจะมีวิธีทำอะไรได้!” เจิงจื่ออวี้กล่าวดังลั่นครั้นหมอเหวินได้ยินชื่อตนหยิบยกขึ้นก็กระแอมไอเบา ๆ และกล่าวคำ“เรารอหมอหลวงจางดีกว่าเถอะ! ถ้าหมอหลวงไม่มีวิธี เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน! คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!”แต่เกิ่งเสี่ยวหาวกลับจ้องเขม็งไปยังหลิงอวี๋และนางก็กำลังมองเขาอย่างยั่วยุเช่นกัน สายตาทั้งสองประสานกัน“เสี่ยวหาว อย่าเสียแรงเป
ฝูงชนมองไปทางท่านเกิ่งเอ้อร์อีกครั้ง พบเพียงท่านเกิ่งเอ้อร์ไอค่อกแค่กสองสามครั้งและหายใจทางปาก“มา นี่คือลูกอมเย็นสดชื่นเป็นยาอมแก้เจ็บคอ ให้ท่านพ่อเจ้าอมเสีย!”เมื่อเห็นลมหายใจเข้าออกของท่านเกิ่งเอ้อร์ค่อย ๆ สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงถอดถุงมือหยิบยาอมแก้เจ็บคอสองสามเม็ดส่งให้เกิ่งเสี่ยวหาวครั้นเกิ่งเสี่ยวหาวเห็นสีหน้าบิดาดีขึ้นเยอะแล้วก็ถอดถุงมืออย่างเชื่อฟัง ก่อนจะแกะยาอมแล้วป้อนเข้าในปากเขาท่านเกิ่งเอ้อร์คว้าตัวเขาไว้ แค่นกล่าวสองคำ “ช่วย… นั่ง!”เกิ่งเสี่ยวหาวรีบคุกเข่าลงทันควัน พยุงเขาขึ้นนั่งหายใจได้ราบรื่นมากแบบนี้ทำให้ท่านเกิ่งเอ้อร์รู้สึกสบายขึ้นเยอะเมื่ออมยาอมแก้เจ็บคอที่หลิงอวี๋ให้ไว้ในปาก ความรู้สึกเจ็บปวดแผดเผาที่ถูกก้างปลาแทงในลำคอก็เริ่มมลายหายไปอย่างช้า ๆเขามองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความซึ้งใจ เมื่อครู่เขาพูดไม่ได้เพราะถูกก้างปลาแทงคอ ทว่าก็รู้กระจ่างถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและเขาก็รู้ด้วยว่าถ้าไม่มีหลิงอวี๋ ตนก็คงสิ้นใจไปธารเหลือง(1)แล้วจริง ๆ“ดียิ่ง… ขอบคุณพระชายาอ๋องอี้...”ท่านเกิ่งเอ้อร์บีบมือเกิ่งเสี่ยวหาวอย่างลึกซึ้งพ่อลูกเกิ่งเสี่ยวหาวมีความสัมพันธ์แน่
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋กำลังคิดว่าต้องพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเกิ่งเสี่ยวหาว นางสั่งให้หลิงเยวี่ยเชื่อฟังแม่นมลี่ จากนั้นก็ออกตำหนักพร้อมกับหลิงซินหลิงซินได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ซื้อใหม่และกำลังถือกระปุกยารักษาแผลที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ เดินตามนางออกตำหนักอย่างเบิกบานคราวนี้พอทั้งสองคนมาถึงภัตตาคารจี๋เสียงก็ได้รับการปฏิบัติแตกต่างไปจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเสี่ยวเอ้อร์ของร้านคนนั้นก็ไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว สีได้หน้าผันแปรใหม่ครั้นเห็นหลิงอวี๋ก็กล่าวอย่างเคารพนบน้อม “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมาแล้ว คุณชายน้อยเหลือห้องส่วนตัวไว้ให้ท่านที่ชั้นสามขอรับ!”“ท่านขึ้นไปดื่มชาก่อนเถิด กระผมจะส่งคนไปแจ้งคุณชายน้อยและท่านเอ้อร์เดี๋ยวนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มแล้วเดินตามขึ้นไปชั้นสามการตกแต่งของชั้นนี้หรูหราโอ่อ่ากว่าชั้นสองเสียอีก!เมื่อวานหลิงอวี๋วุ่นอยู่กับการช่วยคน ไม่ได้สังเกตให้ละเอียดวันนี้มีเวลาว่างแล้วจึงได้ดูละเอียดถี่ถ้วนหลิงซินสับสนวุ่นใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก สถานที่หรูหราแห่งนี้ทำให้นางรู้สึกประหม่ายิ่งผ่านไปสักพักหนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาดีกับขนมอบมาหลิงอวี๋ดึงหลิงซินให้นั่งล