"จินเป้ยที่ตายไปยังหาฆาตกรไม่พบ เขาก่อนตายก็ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทกับคุณหญิงฉีอย่างเจ้า ตอนนี้เขาตายไปแล้ว เจ้าเลยต้องสงสัยมากที่สุด หรือว่าเจ้าเป็นคนฆ่าจริงๆ?""อะไรนะ? เจ้า เจ้ามันพูดซี้ซั้ว!" ฉีเล่อฉี่รู้สึกว่าตัวเองถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว"ถ้าไม่ใช่เจ้า งั้นเจ้ากับเถ้าแก่ที่มีอะไรกัน ข้าก็มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าเถ้าแก่อาจจะอิจฉา เลยฆ่าเพราะหึงหวง" เสียงของมู่จิ่วซีคมกริบมากยิ่งขึ้น "เจ้าอดทนมาได้หลายวัน จนในที่สุดก็อดทนไปไม่ไหวจนต้องมาหาเขาสินะ?""เจ้า เจ้า..." ฉีเล่อฉี่โกรธโมโหจนชี้ไปที่มู่จิ่วซีพร้อมกับรู้สึกตัวเองจนปัญญา "ข้าไม่ได้ฆ่าคน และข้าก็ไม่ได้มีอะไรกับเถ้าแก่หลิวด้วย!""เขาเป็นคนฆ่าหรือเปล่า บางเจ้าเองอาจไม่รู้ก็ได้ เถ้าแก่หลิว เอาไง ไปศาลต้าหลี่ด้วยกันหน่อยไหม ถึงที่นั่นแล้วก็ค่อยๆ พูดกัน หากเจ้าขัดขืนคำสั่ง เจ้าเองก็คงรู้ว่าผลที่ตามมาร้อยแรงแค่ไหน?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองไปที่เถ้าแก่หลิวทุกคนต่างก็ล้วนกังวลขึ้นมา ทุกคนไม่รู้เลยว่าเรื่องจะมาเป็นแบบนี้"มู่จิ่วซี เจ้าถือดีอะไร เจ้าเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล ไม่ใช่คนของศาลต้าหลี่ เจ้ามีสิทธิอะไรมาจับคนอื
มู่จิ่วซีรีบปิดจมูกและเดินเข้าไปในทางเดินนนั้น นางเองก็กลัวว่าด้านในจะมีการซุ่มโจมตีทางเดินนั้นมีระยะทางแค่ประมาณห้องหนึ่งจากนั้นก็จะเป็นทางลงไปซึ่งเป็นทางเดินบันไดหิน เห็นไดชัดว่าเป็นทางใต้ดินออกไป ถึงอย่างไรด้านบนก็เป็นร้านค้า ไม่สามารถออกไปทางถนนใหญ่ได้ เลยต้องขุดหลุมให้เป็นทางเดินใต้ดินพอเดินผ่านบันไดหินก็เห็นทางเดินใต้ดินที่เป็นดินอย่างที่คาดไว้ ภายในเนื่องจากมักมีคนเดินบ่อยครั้ง พื้นดินจึงถูกเหยียบจนเงาเกิดแสงสะท้อน พอเดินผ่านไปสักระยะหนึ่งก็จะมีตะเกียงน้ำมันแขวนฝังไว้ตรงผนังดินมู่จิ่วซียิ่งเดินไปก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ทางเดินใต้ดินนี้มาระยะทางยาวมาก นางเดินมาได้ร้อยเมตรแล้วก็ยังไม่ถึงปลายทาง อีกทั้งยิ่งเดินไปก็ยิ่งชื้นมากขึ้นนางกล้ารับประกันว่าเซียวเจี้ยนจะต้องหลบหนีออกไปจากทางเดินใต้ดินนี้แล้วแน่ ตอนนี้ในใจของนางหวาดกลัวว่าหากเซียวเจี้ยนเป็นไส้ศึกของแคว้นเป่ยจิ้น งั้นเซียวหลิงเย่ว์ก็คงจะเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นเหมือนกันท่านอ๋องสามสภามพิการเวทนาขนาดนี้แล้ว หรือว่ายังจะร่วมมือกับแคว้นเป่ยจิ้นคิดก่อกบฏอีกงั้นเหรอ?เซียวหลิงเย่ว์หมดหวังกับท่านอ๋องสามแล้วมาลงมือเอง? หรือว่
"ไอไส้ศึกพวกนี้มันหยิ่งผยองจริงๆ!" ใบหน้าวัยชราของมู่เทียนซิงก็โกรธโมโห"เถ้าแก่หลิวกับฉีเล่อฉี่ล่ะ?" มู่จิ่วซีช่วยเขาทำเขาตัดการบาดแผล เป็นแผลถูกดาบเฉือน แต่ว่าก็บาดเจ็บแค่ผิวหนังเท่านั้น ไม่ร้ายแรง"เถ้าแก่หลิวถูกชิงเฟิงกับหลิวฮั่วคุมตัวไปที่กรมพระราชวังนครบาลแล้ว อ้อ หลิวฮั่วจับเพื่อนร่วมขบวนการของเซียวเจี้ยนได้แล้ว แต่ว่ากลับถูกฆ่าไปเสียก่อน" มู่เทียนซิงกล่าวมู่จิ่วซีก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากและกล่าว : "ข้าสั่งเขาเอง ไม่เป็นไร เซียวเจี้ยนได้โผล่หัวออกมาแล้ว จับตาเฝ้าสังเกตจวนอ๋องสามไว้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเจอตัวเขา ท่านพ่อ ท่านคิดว่าท่านอ๋องสามกับไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นได้ติดต่อกันไหม?"มู่เทียนซิงถอนหายใจและกล่าว : "ข้าเองก็คิดถึงปัญหานี้ ทำไมเซียวเจี้ยนถึงได้มาที่นี่ หรือว่าเขาคือไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น? แต่ว่าซีเอ๋อร์ ความขัดแย้งทั้งหกแคว้น แต่ละแคว้นก็ล้วนมีสายลับ หากไม่มั่นใจ 100% ก็คงยากที่จะปักใจเชื่อ"มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "ฉีเล่อฉี่ล่ะ?""ปล่อยนางไปเถอะ" มู่เทียนซิงกล่าว "างหนีไม่รอดหรอก อีกอย่างพ่อก็อยากจะเห็นตอนที่นางลนลานว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนางอีก ให้คนจับตาเอาไว้แล้ว เจ้าว
"ทำไมไม่ไปอีกล่ะ?" มู่เทียนซิงเห็นว่าลูกสาวของเขาแปลกออกไป นางเอาแต่จ้องไปที่ภาพนั้น เขาไม่รู้จะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดีพร้อมกับถามออกไป"ฮาๆๆ...ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว! ฮาๆๆ..." มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็ดีใจหัวเราะเสียงดังออกมา สภาพของนางทำเอามู่เทียนซิงตกใจสะดุ้งผู้หญิงสามารถหัวเราะเสียงดังตามอำเภอใจขนาดนี้ได้เลยเหรอ? คิดว่าเป็นผู้หญิงบ้าเสียสติซะอีกมู่เทียนซิงถึงแม้จะคิดว่าลูกสาวเขาเองได้เปลี่ยนไปมาก แต่ไม่คิดว่าจะห่างไกลจากความเป็นกุลสตรีขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรพูดอะไรล้วนหยาบคายยิ่งกว่าผู้ชายอีก"เจ้ารู้อะไร?" มู่เทียนซิงอดไม่ไหวกับเสียงหัวเราะปีศาจแบบนี้"ท่านพ่อ พระไตรปิฎก มันคือประปิฎก!" มู่จิ่วซีดีใจจนไปคว้าแขนของมู่เทียนซิงข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเขย่า"เจ็บๆๆ!" มู่เทียนซิงเจ็บจนร้องออกมา นี่ใช่ลูกสาวตัวน้อยของเขาหรือเปล่าเนี่ย แสบเกินไปแล้ว"อ่อๆ ฮิๆ ท่านพ่อ ท่านพ่อเห็นพระไตรปิำกสีทองนั่นไหม?" มู่จิ่วซีปล่อยพ่อของนางและเดินไปหน้ารูปภาพนั้นจากนั้นนางก็หยิบกระดาษข้อความที่ค้นเจอในห้องของจินเป้ยก่อนหน้านี้ออกมา"ฮิๆ กระดาษแผ่นสีเหลี่ยมจตุรัส ตัวเลขพวกนี้ทั้งจำง่ายและหาเจอได้ง่าย
"เจ้าอยากพูดถึงป้าสะใภ้รองของเจ้าสินะ?" ความสว่างบนใบหน้าอันแก่ชราของมู่เทียนซิงก็มืดหม่นลงมุมปากของมู่จิ่วซีกระตุก มู่เทียนซิงก็ถอนหายใจและกล่าวออกมา : "ขนาดจ้วงชิงเหมยยังเป็นไส้ศึก หากป้าสะใภ้รองเจ้าเป็นไส้ศึก พ่อเองก้พอจะเข้าใจ เพียงแต่...""ป้าสะใภ้รองจะใช่ไส้ศึกหรือไม่ คืนนี้ข้าไปที่กรมพระราชวังนครบาลก็จะได้รู้แล้ว" มู่จิ่วซีเอาเรื่องที่นางพาลู่เวยหย่าและป้าจ้าวไปที่กรมพระราชวังนครบาลเพื่อไปพบมู่หยางชุนเล่าให้ฟังขอเพียงไส้ศึกสองคนนั้นที่รอดมาได้ตายมาในวันนี้ รองอธิบดีหวางชิว ผู้ช่วยเจียงจื้อหมิง ป้าจ้าวและลู่เวยหย่าทั้งหมดก็จะถูกรวบกวาดเรียบในคราวเดียว"ซีเอ๋อร์ หากเจ้าคิดว่าป้าสะใภ้รองเป็น...หลังจากนี้เจินจูกับหยางชุนจะทำอย่างไร?" ดวงตาชราภาพของมู่เทียนซิงก็แดงขึ้นมา"ท่านพ่อ พวกเขายังคงเป็นลูกของท่าน เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ หยางชุนข้ายังพอส่งเขาเจ้าไปที่ค่ายทหารได้ ฝึกฝนเขาให้ดี ลูกชายของท่านแม่ทัพจะต้องไม่ไร้ประโยชน์เด็ดขาด!" มู่จิ่วซีกล่าวมู่เทียนซิงพยักหน้า มู่จิ่วซีก็กล่าวออกมาอีกครั้ง : "ส่วนเจินจู นางเป็นคนขี้กลัว แค่พูดคุณและโทษให้นางฟัง ใ
มู่จิ่วซีที่เำิ่งจะลุกขึ้นมาก็รีบนั่งกลับลงไปอีกครั้งและพูดอย่างสงสัย : "เหอะ นางคงจะเป็นห่วงเจ้ามากเลยล่ะสิ?"โม่จุนรู้ว่านางจะต้องเหน็บแนมเขาก็เลยรีบพูดขึ้นมา : "ก็แค่มาดูว่าข้าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ลงจากเตียงได้หรือยังไง ไม่ได้คุยอะไรกันอย่างอื่น""ไม่มีอะไรอื่นจริงๆ หรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วโม่จุนพอเห็นแววตาดูถูกของนางก็ยิ้มกล่าวในทันที : "จิ่วซี เจ้าอคติกับเซียวหลิงเย่ว์มาก""มากบ้ามากบออะไร!" มู่จิ่วซีกรอกตาพร้อมกับกล่าว "ผู้หญิงไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้ตาบอกขนาดนี้ เจ้ากับนางมีอะไรกันแน่ถึงได้ปกป้องนางนัก?""ไม่ใช่ว่าปกป้องนาง แต่ว่าแค่มีบางเรื่องที่ข้าเองก็ลำบากใจ ต้องคิดถึงข้อดีข้อเสีย" โม่จุนกล่าวอย่างอึดอัดใจ"เรื่องอะไร? บอกข้าไม่ได้หรือไง? ถ้าไม่บอกข้า ข้าก็จะคิดว่าเจ้าเป็นห่วงนางตลอด นางคือแสงจันทร์สีขาวของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็เลยปกป้องนางเสมอ" มู่จิ่วซีอยากจะรู้ถึงปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดโม่จุนก็โกรธจนไอออกมา ดวงตาสีดำทมิฬมองเขาและกล่าวออกมา : "อย่าพูดจาดซี้ซั้ว ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดแบบนั้น""แล้วมันแบบไหน? ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่คิดแบบนี้ พ่อข
มู่จิ่วซีกล่าว : "มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นความลับมากขนาดไหนและจำทำร้ายคนมากกี่คน"โม่จุนอีกนิดก็แทบโกรธจนกระอักออกมาเป็นเลือด จนเขากรอกตามองมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีอีกนิดก็เกือบจะหลุดขำออกมาท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงศักดิ์กลับมากลอกตามองนาง ถ้าเอาไปพูดคาดว่าคงจะคงไม่ใช่ใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้"เล่าสิ อย่ามัวยืดยาด เป็นผู้ชายรึเปล่า ข้ายังต้องไปจับตัวการใหญ่ที่กรมพระราชวังนครบาลอีก" ที่มู่จิ่วซีพูดว่าตัวการใหญ่ก็คือหวางชิวนางมีสัญชาติญาณอย่างแรงกล้า ว่าหวางชิวคนนี้จะต้องมีปัญหาโม่จุนมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง จากนั้นก็กังวลและพูดขึ้นมา : "เจ้าระวังตัวด้วย พาคนไปด้วยสักหน่อย วนยุทธของหวางชิวเองก็ไม่ได้แย่"โม่จุนเหมือนจะรู้ว่ามู่จิ่วซีพูดถึงหวางชิว"พอได้แล้ว ข้าอุตส่าห์ช่วยปกป้องเจ้ามาแล้ว เจ้ายังไม่ไว้ใจข้าอีก ถ้าเจ้าไปยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าข้าไปเองเสียอีก" มู่จิ่วซีก็ชมตัวเองความกังวลใจของโม่จุนก็หายไปเพราะความหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีช่วงเวลาที่อ่อนโยนนุ่มนวลเลย เขาเองเป็นห่วงนางไม่รู้เลยหรือไง?"ถ้าไม่บอกความจริงข้า งั้นข้าไปแล้วนะ" มู่จิ่วซีอดทนไม่ไหวอีกต่อไป"บอกแล้ว" โ
โม่จุนยิ้มขมขื่นและกล่าว : "ไม่รู้สิ นี่ก็ห้าปีแล้วที่ไม่ได้ข่าวของเขา""หา? ไม่เคยกลับมาเลยเหรอ? ไม่มีเขียนจดหมายพูดคุยกันเลยเหรอ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างประหลาดใจโม่จุนยังคงส่ายหัว : "ข้ากับพระพันปีหลวงต่างก็สงสัยว่าอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ไม่อย่างงั้นเรื่องกบฎครั้งใหญ่เมื่อสามปีที่แล้วในแคว้นเกาอวิ๋น เขาทำไมถึงไม่กลับมาช่วยพระพันปีหลวงกับข้าเลย?""ก็เป็นไปได้" มู่จิ่วซีพยักหน้า "แต่ว่าข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงต้องศัลยกรรมใบหน้าของเซียวหลิงเย่ว์?""ตัวตยที่แท้จริงของเซียวหลิงเย่ว์คือองค์หญิงเจ็ดของราชวงศ์แคว้นซีเย่ว์" ประโยคนี้ของโม่จุนทำให้มู่จิ่วซีถึงกับหายใจเข้าดังเฮือกนางไม่คาดคิดเลยว่าเซียวหลิงเย่ว์ตัวจริงจะเป็นองค์หญิงมู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าเรื่องตัวตนที่สลับซับซ้อนแบบนี้ไม่ใช่ว่าควรเป็นนางที่ทะลุมิติข้ามเวลาไม่ใช่เหรอ?"ตอนนั้นราชวงศ์แคว้นซีเย่ว์มีสงครามภายในที่รุนแรง มีคนต้องการที่จะฆ่านาง ปรมาจารย์ก็บังเอิญผ่านทางมาช่วยนางไว้ ตอนนั้นนางอายุได้แค่ห้าขวบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะยังจำตัวตนของนางเองได้ไหม""เพียงแต่ว่าหลังจากปรมาจารย์รับนางไว้เป็นลูกสาว เขาก็รู้สึก
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่