โม่จุนยิ้มขมขื่นและกล่าว : "ไม่รู้สิ นี่ก็ห้าปีแล้วที่ไม่ได้ข่าวของเขา""หา? ไม่เคยกลับมาเลยเหรอ? ไม่มีเขียนจดหมายพูดคุยกันเลยเหรอ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างประหลาดใจโม่จุนยังคงส่ายหัว : "ข้ากับพระพันปีหลวงต่างก็สงสัยว่าอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ไม่อย่างงั้นเรื่องกบฎครั้งใหญ่เมื่อสามปีที่แล้วในแคว้นเกาอวิ๋น เขาทำไมถึงไม่กลับมาช่วยพระพันปีหลวงกับข้าเลย?""ก็เป็นไปได้" มู่จิ่วซีพยักหน้า "แต่ว่าข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงต้องศัลยกรรมใบหน้าของเซียวหลิงเย่ว์?""ตัวตยที่แท้จริงของเซียวหลิงเย่ว์คือองค์หญิงเจ็ดของราชวงศ์แคว้นซีเย่ว์" ประโยคนี้ของโม่จุนทำให้มู่จิ่วซีถึงกับหายใจเข้าดังเฮือกนางไม่คาดคิดเลยว่าเซียวหลิงเย่ว์ตัวจริงจะเป็นองค์หญิงมู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าเรื่องตัวตนที่สลับซับซ้อนแบบนี้ไม่ใช่ว่าควรเป็นนางที่ทะลุมิติข้ามเวลาไม่ใช่เหรอ?"ตอนนั้นราชวงศ์แคว้นซีเย่ว์มีสงครามภายในที่รุนแรง มีคนต้องการที่จะฆ่านาง ปรมาจารย์ก็บังเอิญผ่านทางมาช่วยนางไว้ ตอนนั้นนางอายุได้แค่ห้าขวบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะยังจำตัวตนของนางเองได้ไหม""เพียงแต่ว่าหลังจากปรมาจารย์รับนางไว้เป็นลูกสาว เขาก็รู้สึก
"ไม่ได้บอก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ว่านางคงจะไม่มีวรยุทธ" โม่จุนรู้สึกว่าตัวเองโง่เล็กน้อยเขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน พเขาเห็นมู่จิ่วซีถลึงตาสองข้างอย่างโมโหจนกลมโตมาที่เขา เขาก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา"คงจะ? โม่จุน เจ้าคือท่านผู้สำเร็จราชการแทน ทำไมเจ้าถึงได้ใจกว้างขนาดนี้!" มู่จิ่วซีอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขาโม่จุนได้แต่มองนางไม่พูดอะไร เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ เพราะคือลูกสาวบุญธรรมของปรมาจารย์ และก็ไม่เคยทำร้ายเขามาก่อน ดังนั้นเขาก็เลยไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรทั้งสองคนทุกครั้งที่พบกันก็จะเคารพกันและกันเหมือนทหาร"พอพูดแบบนี้ เซียวเจี้ยนก็จะไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของนางแล้ว" มู่จิ่วซีถอนหายใจออกมา "เอาล่ะ ข้าทราบแล้ว ถึงอย่างไรไอคนๆ นี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ส่วนเซียวหลิงเย่ว์ข้าจะไม่ทำอะไรกับนาง ข้าจะรอนางเผยธาตุแท้ออกมา แต่หากข้าเจอเซียวเจี้ยนอีกครั้ง ข้าจะต้องจับเขาให้ได้"โม่จุนถึงกับหนังตากระตุก เขาเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ามู่จิ่วซีได้กลับออกไปในที่สุด ในใจก็ได้แต่ระงับความโกรธ นางก็แค่ตกใจเล็กน้อยกับตัวตนของเซียวหลิงเย่ว์ก็เท่านั้นแต่ไม่ว่า
องครักษ์คนหนึ่งได้พุ่งเข้ามาในห้อง ในมือได้ถือกล่องใบหนึ่งพร้อมกับรีบพูดขึ้นมา : "ใต้เท้า ของชิ้นนี้เราพบในห้องของหวางชิว มันถูกเอาไว้ในรูด้านหลังกำแพงขอรับ"โจวเหยารีบรับเอามา มู่จิ่วซีพอเห็นว่าเจาต้องการจะเปิดออก นางก็รีบพูดเตือนออกไปทันที : "ระวังด้วย"โจวเหยาสีหน้ากังวลขึ้นมาและก็ค่อยๆ เบามือเปิดช้าๆ อย่างระมัดระวัง ก็เห็นด้านในมีแค่ขวดหยกสีขาววางเอาไว้สองขวด ไม่ได้ใหญ่ ขนาดขวดมีความสูงประมาณแค่นิ้วหัวแม่มือโจวเหยาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา เขาหยิบขวดหยกขึ้นมาและเปิดออกดู ทันใดสีหน้าเขาก็แย่อย่างมาก ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา สีหน้าอย่างกับอยากจะโยนขวดนั้นทิ้งไปจมูกของมู่จิ่วซีก็ได้กลิ่นคาวเลือดนั้นขึ้นมาทันที นางรีบเอาขวดหยกในมือของเขามาพร้อมกับบีบปิดจมูกแล้วมองลงไปในขวด"ที่แท้ก็เป็นเขา แมลงระยางเลือด!" มู่จิ่วซีพูดยืนยันมั่นใจออกมาทันที "ออกหมายจับเขา สั่งให้ออกตามจับกุมทั้งเมือง! เราจะต้องจับปลาตัวใหญ่นี้เอาไว้ให้ได้! หลิวฮั่ว เจ้ารีบไปแจ้งท่านผู้สำเร็จราชการแทนให้ทราบที"มู่จิ่วซีต้องการให้ทหารมังกรดำตามจับกุมเขา ถึงอย่างไรหวางชิวคนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอหลิวฮั่วได้รับคำสั่งเสร็
นางบอกแค่ว่านางมีประโยชน์ก็แค่เรื่องบนเตียง เจียงจื้อหมิงพูดกับน้อยครั้งมาก ดังนั้นเจียงจื้อหมิงจึงหนีไปโดยที่ไม่ได้พานางไปด้วยมู่จิ่วซีก็หาวออกมา นางผิดหวังจริงๆ แต่นางเองก็ไม่ได้พูดอะไร ทุกคนต่างตั้งใจทำงานแล้วนางก็กำลังคิดว่าจะกลับไปดีหรือว่าไปสอบปากคำเถ้าแก่หลิวดี"คุณหนูใหญ่!" เหอเฟิงจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาและพูดกล่าว "องครักษ์อาเหยามาถึงแล้ว""หรอ?" มู่จิ่วซีก็รีบเดินออกมา นางก็เห็นอาเหยาพูดด้วยสีหน้าดีใจ "คุณหนูใหญ่ มีข่าวดีขอรับ คุณท่านจับเซียวเจี้ยนได้แล้ว!""อะไรนะ!" ใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีก็ตกตะลึงขึ้นมา "ท่านพ่อข้านี่เอาเรื่องเลย แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย? เขาตอนนี้อยู่ไหน?"มู่จิ่วซีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านพ่อของนางเองจะจับเซียวเจี้ยนไว้ได้ นางคิดว่าหลังจากเซียวเจี้ยนหนีจากร้านเฟิงเหอไปแล้ว เขาคงจะกลบดานหลบพักหนึ่ง"เขาตอนนี้อยู่ในมือของใต้เท้าเย่ที่ศาลต้าหลี่ขอรับ ทั้งสองร่วมมือกันจับกุม แต่ว่าคุณท่านบาดเจ็บอีกแล้ว" สีหน้าของอาเหยาก็เปลี่ยนเป็นขมขื่นขึ้นมา"อาเหยา ลำดับการรายงานของเจ้าแบบนี้คือพร้อมเตรียมมาโดนตีใช่ไหม? เซียวเจี้ยนสำคัญกว่าหรือท่านพ่อของข้าสำคัญกว่า! รีบไปเร็
หนุ่มรูปงามอย่างใต้เท้าเย่ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขากล่าวพร้อมกับยิ้มจางๆ : "ไม่ได้บาดเจ็บขอรับ ประเด็นคือท่านพ่อของเจ้าเก่งกาจมาก ข้าน้อยไม่มีโอกาสแม้จะลงมือ""คำพูดของเจ้า อันที่จริงหากเจ้าไม่ได้ดักที่ปากทางเอาไว้ ข้าเองก็คงจับเขาเอาไว้ไม่ได้ ฮาๆๆ" มู่เทียนซิงยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีกมุมปากของมู่จิ่วซีก็กระตุกขึ้นมาเบาๆ พอนางดูบาดแผลของเขาแล้วเห็นว่าไม่ได้สาหัสอะไรก็เบาใจลงมาได้"เซียวเจี้ยนล่ะ? อย่าปล่อยให้เขาฆ่าตัวตายไปได้""ใฟันของเขาไม่ได้มียาพิษ" เย่อู่เหิงรีบกล่าวออกมา "เขาอยู่ในห้องทรมาน รอเจ้ามาสอบปากคำอยู่""ไม่มียาพิษ?" มู่จิ่วซีขมวดคิ้ว "นั่นบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่ไส้ศึก ถ้าเป็นไส้ศึกจะต้องมีพิษซ่อนอยู่ นี่จะต้องเป็นกฎขององค์กร""เซียวเจี้ยนอย่างน้อยก็เป็นคนตระกูลเซียว ขนาดกบฎก็ยังกล้า เขาไม่จำเป็นต้องเป็นไส้ศึกอยู่แล้วปะ" ความเข้าใจของมู่เทียนซิงหยาบกระด้างผิวเผินอย่างมาก"ประเด็นคือไม่ใช่ว่าวันนี้ได้เห็นเขาไปที่ร้านเฟิงเหอไม่ใช่หรือไง? อันที่จริงเถ้าแก่หลิวคือไส้ศึกของแคว้นเป่ยจิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เซียวเจี้ยนหากไม่ใช่ไส้ศึก ทำไมถึงต้องไปที่ร้านนั้นด้วย? หรือว่าจะบังเอิญขนา
คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้เย่อู่เหิงถึงกับยิ้มออกมา มีใครเขาถามคำถามแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?ดวงตาของเซียวเจี้ยนก็หรี่ลง จากนั้นเขาก็หลับตาราวกับกำลังครุ่นคิด"เซียวเจี้ยน เจ้าเดิมทีก็เป็นกบฏ เมื่อจับเจ้าได้ก็สามารถประหารได้ทันที วันนี้ถ้าไม่ใช่ข้าที่มาหา ให้โอกาศเจ้าได้รอดชีวิต เจ้าไม่มีวันได้ออกจากที่นี่ไปชั่วชีวิตแน่นอน ดังนั้นเจ้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจะช่วยเจ้าได้งั้นเหรอ? หากช่วยเจ้าไม่ได้ งั้นเจ้าจำเป็นต้องเอาชีวิตต้องไปทิ้งเพื่อคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าด้วยงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมาเซียวเจี้ยนก็เงยหน้าขึ้นมามองมู่จิ่วซีทันทีพร้อมกับพูดเสียงต่ำ : "มู่จิ่วซี เจ้าต้องสาบาน! ว่าหลังจากที่ข้าพูดไปแล้ว เจ้าจะต้องปล่อยข้าไปจริงๆ""ไม่มีปัญหา ข้าสาบาน ข้ามู่จิ่วซีจะปล่อยเจ้าไปแน่นอน ส่วนว่าหลังจากนี้เจ้าจะถูกจับมาอีกหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเองแล้ว" มู่จิ่วซียักไหล่"ได้ ข้าจะบอกเจ้าคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง เจ้าจะต้องคิดไม่ถึงเลยล่ะ" เซียวเจี้ยนเหลือบมองเย่อู่เหิงแวบหนึ่ง "เขาอยู่ฟังได้ด้วยเหรอ?""แน่นอว่าใต้เท้าเย่อยู่ฟังได้ ส่วนคนอื่นออกไปก่อน!" มู่
เซียวเจี้ยนตอนที่ถูกมู่เทียนซิงจับตัวมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้สาหัสมากพอเขาหลังจากถูกมู่จิ่วซีปล่อยตัวออกมา เขาก็นั่งยองอยู่ที่พื้นพักหนึ่งถึงจะค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมาได้"เจ้าไปได้แล้ว" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็กำลังหลังหันเตรียมที่จะออกไปก่อนเซียวเจี้ยนมองเย่อู่เหิงแวบหนึ่ง ราวกับว่ากลัวเขาจะเสียดายพลาดโอกาส ก็เลยหยิบดาบที่ไว้ใช้ทรมานและเดินออกไปที่ประตูภายในห้องทรมานมีเจ้าหน้าที่หันมามองเขาจำนวนมาก ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสายตา ว่าทำไมผู้กระทำผิดตัวฉกาจถึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา?เซียวเจี้ยนราวกับเบาใจลงมาได้บ้าง ฝีเท้าของเขาก็รีบสาวเร็วขึ้นทันทีพออกมาจากห้องทรมาน ก็เป็นเรือนใหญ่ของศาลต้าหลี่ เซียวเจี้ยนตรงไปที่ประตูใหญ่อย่างรวดเร็วทันใดนั้นเย่อู่เหิงก็ยกมือขึ้นมา รอบด้านก็มีคนโผล่ปรากฎออกมาล้อมรอบเซียวเจี้ยนเอาไว้"เย่อู่เหิง! เจ้าหมายความว่ายังไง?" เซียวเจี้ยนกล่าวอย่างโมโห จากนั้นก็หันไปหามู่จิ่วซี พบว่ามู่จิ่วซีไม่อยู่แล้วเย่อู่เหิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่สัญญาว่าจะปล่อยเจ้า นั่นก็เป็นแค่คำอนุญาตจากนาง ข้าไม่ได้พูดว่าจะปล่อยเจ้าออกไป""เจ้า!" เซี
เขาเห็นเพียงป้าจ้าวได้ตายไปแล้ว ส่วนภายในห้องของมู่เจินจู มู่จิ่วซีก็ได้ตะโกนดังออกมา : "รีบไปเอากล่องยามา!"มู่เทียนซิงวิ่งพุ่งออกไปอย่างกับหอก อีกนิดเขาก็เกือบสะดุดล้มลง ยังดีที่องครักษ์ได้ช่วยพยุงเขาเอาไว้ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าประตูห้องของมู่เจินจู ก็เห็นรอยเลือดกระจายอยู่ทั่วพื้น เป็นเลือดที่เยอะอย่างมาก จนเขาตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นในสายตาส่วนมู่เจินจูก็นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับตาที่เหลือกจนขาวทั้งสองข้าง นางชักกระตุกเกร็ง จนเขาไม่อยากจะเชื่อในสายตา"เจินจู!" มู่เทียนซิงตะโกนออกมา ทันใดนั้นขาสองข้างก็ยืนอย่างไม่มั่นคง และล้มลงทั้งยืนองครักษ์ก็ถูกเขาล้มตัวใส่จนล้มไปตามๆ กัน มู่เทียนซิงรีบคลานมาอยู่ตรงหน้าของมู่เจินจู"ท่านพ่อ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ เจินจูยังมีลมหายใจ" มู่จิ่วซีกำลังฝังเข็มให้มู่เจินจู โชคดีที่นางมาพบ และก็โชคดีที่นางพกห่อเข็มไว้กับตัวภายในห้องไม่เห้นแม้แต่เงาของลู่เวยหย่า ผู้หญิงคนนี้คงรู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยตัวตน ก็เลยวางยาพิษฆ่าป้าจ้าวและก็ฆ่ามู่เจินจู ส่วนตัวเองก็หนีหายไปมู่เทียนซิงรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนน้ำตาไหลพราก องครักษ์รีบเข้ามากล่าว : "หาค้นทั้ง