คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้เย่อู่เหิงถึงกับยิ้มออกมา มีใครเขาถามคำถามแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?ดวงตาของเซียวเจี้ยนก็หรี่ลง จากนั้นเขาก็หลับตาราวกับกำลังครุ่นคิด"เซียวเจี้ยน เจ้าเดิมทีก็เป็นกบฏ เมื่อจับเจ้าได้ก็สามารถประหารได้ทันที วันนี้ถ้าไม่ใช่ข้าที่มาหา ให้โอกาศเจ้าได้รอดชีวิต เจ้าไม่มีวันได้ออกจากที่นี่ไปชั่วชีวิตแน่นอน ดังนั้นเจ้าคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจะช่วยเจ้าได้งั้นเหรอ? หากช่วยเจ้าไม่ได้ งั้นเจ้าจำเป็นต้องเอาชีวิตต้องไปทิ้งเพื่อคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าด้วยงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมาเซียวเจี้ยนก็เงยหน้าขึ้นมามองมู่จิ่วซีทันทีพร้อมกับพูดเสียงต่ำ : "มู่จิ่วซี เจ้าต้องสาบาน! ว่าหลังจากที่ข้าพูดไปแล้ว เจ้าจะต้องปล่อยข้าไปจริงๆ""ไม่มีปัญหา ข้าสาบาน ข้ามู่จิ่วซีจะปล่อยเจ้าไปแน่นอน ส่วนว่าหลังจากนี้เจ้าจะถูกจับมาอีกหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเองแล้ว" มู่จิ่วซียักไหล่"ได้ ข้าจะบอกเจ้าคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง เจ้าจะต้องคิดไม่ถึงเลยล่ะ" เซียวเจี้ยนเหลือบมองเย่อู่เหิงแวบหนึ่ง "เขาอยู่ฟังได้ด้วยเหรอ?""แน่นอว่าใต้เท้าเย่อยู่ฟังได้ ส่วนคนอื่นออกไปก่อน!" มู่
เซียวเจี้ยนตอนที่ถูกมู่เทียนซิงจับตัวมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้สาหัสมากพอเขาหลังจากถูกมู่จิ่วซีปล่อยตัวออกมา เขาก็นั่งยองอยู่ที่พื้นพักหนึ่งถึงจะค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมาได้"เจ้าไปได้แล้ว" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็กำลังหลังหันเตรียมที่จะออกไปก่อนเซียวเจี้ยนมองเย่อู่เหิงแวบหนึ่ง ราวกับว่ากลัวเขาจะเสียดายพลาดโอกาส ก็เลยหยิบดาบที่ไว้ใช้ทรมานและเดินออกไปที่ประตูภายในห้องทรมานมีเจ้าหน้าที่หันมามองเขาจำนวนมาก ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสายตา ว่าทำไมผู้กระทำผิดตัวฉกาจถึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา?เซียวเจี้ยนราวกับเบาใจลงมาได้บ้าง ฝีเท้าของเขาก็รีบสาวเร็วขึ้นทันทีพออกมาจากห้องทรมาน ก็เป็นเรือนใหญ่ของศาลต้าหลี่ เซียวเจี้ยนตรงไปที่ประตูใหญ่อย่างรวดเร็วทันใดนั้นเย่อู่เหิงก็ยกมือขึ้นมา รอบด้านก็มีคนโผล่ปรากฎออกมาล้อมรอบเซียวเจี้ยนเอาไว้"เย่อู่เหิง! เจ้าหมายความว่ายังไง?" เซียวเจี้ยนกล่าวอย่างโมโห จากนั้นก็หันไปหามู่จิ่วซี พบว่ามู่จิ่วซีไม่อยู่แล้วเย่อู่เหิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่สัญญาว่าจะปล่อยเจ้า นั่นก็เป็นแค่คำอนุญาตจากนาง ข้าไม่ได้พูดว่าจะปล่อยเจ้าออกไป""เจ้า!" เซี
เขาเห็นเพียงป้าจ้าวได้ตายไปแล้ว ส่วนภายในห้องของมู่เจินจู มู่จิ่วซีก็ได้ตะโกนดังออกมา : "รีบไปเอากล่องยามา!"มู่เทียนซิงวิ่งพุ่งออกไปอย่างกับหอก อีกนิดเขาก็เกือบสะดุดล้มลง ยังดีที่องครักษ์ได้ช่วยพยุงเขาเอาไว้ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าประตูห้องของมู่เจินจู ก็เห็นรอยเลือดกระจายอยู่ทั่วพื้น เป็นเลือดที่เยอะอย่างมาก จนเขาตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นในสายตาส่วนมู่เจินจูก็นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับตาที่เหลือกจนขาวทั้งสองข้าง นางชักกระตุกเกร็ง จนเขาไม่อยากจะเชื่อในสายตา"เจินจู!" มู่เทียนซิงตะโกนออกมา ทันใดนั้นขาสองข้างก็ยืนอย่างไม่มั่นคง และล้มลงทั้งยืนองครักษ์ก็ถูกเขาล้มตัวใส่จนล้มไปตามๆ กัน มู่เทียนซิงรีบคลานมาอยู่ตรงหน้าของมู่เจินจู"ท่านพ่อ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ เจินจูยังมีลมหายใจ" มู่จิ่วซีกำลังฝังเข็มให้มู่เจินจู โชคดีที่นางมาพบ และก็โชคดีที่นางพกห่อเข็มไว้กับตัวภายในห้องไม่เห้นแม้แต่เงาของลู่เวยหย่า ผู้หญิงคนนี้คงรู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยตัวตน ก็เลยวางยาพิษฆ่าป้าจ้าวและก็ฆ่ามู่เจินจู ส่วนตัวเองก็หนีหายไปมู่เทียนซิงรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนน้ำตาไหลพราก องครักษ์รีบเข้ามากล่าว : "หาค้นทั้ง
สติของมู่จิ่วซีสั่นคลอนและเอ่ยกล่าวออกมา : "ลุงมู่ นี่คืออะไร?""คุณหนูใหญ่ นี่คือของๆ ฮูหยินรอง" ลุงมู่รีบยื่นไปให้มู่จิ่วซี "เมื่อก่อนนานมากแล้ว ข้าเคยเห็นฮูหยินรองวางเอาไว้ใต้ก้นกล่องของที่เก็บยาสมุนไพร และก็ยังล็อคเอาไว้ด้วย ข้าเองก็นึกว่าเป็นวัตถุดิบยามุนไพรมูลค่าแพง พอข้านึกขึ้นมาได้ ข้าก็ทุบเปิดออกมา แต่ว่าด้านในกลับไม่ใช่วัตถุดิบยาสมุนไพร"มู่จิ่วซีเปิดกล่องนั้นออก ภายในมีกระดาษสีเหลืองอยู่แผ่นหนึ่ง อีกทั้งบนกระดาษทั้งหมดล้วนเป็นตัวเลข"นางเอาของแบบนี้มาใส่ไว้ในที่เก็บยาสมุนไพรเนี่ยนะ?" มู่จิ่วซีรู้สึกตกตะลึง"ฮูหยินรองเป็นคนจัดการที่เก็บยาสมุไนพร อีกอย่างวัตถุดิบยาสมุไนพรที่มีมูลค่าก็ล็อคเอาไว้ทั้งหมด กุญแจก็อยู่ในมือของฮูหยินรอง กล่องนี้ถูกเอาไว้มุมลึกล่างสุด แทบจะมองไม่เห็น และก็ไม่ได้เขียนวัตถุดิบยาสมุนไพรด้วย" ลุงมู่กล่าว "คุณหนูใหญ่ ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์รึเปล่า?""มี มีประโยชนืแน่นอน นางคงไม่มีเวลาได้นำเอาติดตัวไปด้วย" มุมปากของมู่จิ่วซีก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นนางก็หยิบภาพพระไตรปิฎกสีทองอันนั้นจากร้านเฟิงเหอออกมาและก็เอาออกมาใช่ตรงนั้นทันที นางเอ
"จ้วงชิงเหมยกับสวีหยางเป็นยังไงบ้าง?" มู่จิ่วซีถาม"สวีหยางถูกอัครมหาเสนาบดีไป๋ทรมานจนตายไปแล้ว ได้ยินมาว่าถูกดาบกรีดเนื้อออกไปเรื่อยๆ จนตายในที่สุด" โม่จุนตอนที่ได้ยินลูกน้องรายงานมาก็ตกใจจนสะดุ้งเหมือนกัน"ข้าพอจะเข้าใจอัครมหาเสนาบดีไป๋ที่ทำแบบนี้ ลูกชายเขาถูกสวีหยางฆ่า เขาคงไม่ได้ที่อยากจะทรมานสวีหยางด้วยการพันมีดหมื่นแล่" มู่จิ่วซีก็ได้แต่ถอนหายใจในใจ "ได้ระบายความโกรธก็ดีเหมือนกัน ไม่งั้นใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีเกรงว่าคงทนไม่ไหวแน่ จ้วงชิงเหมยล่ะ?""นางยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ" โม่จุนกล่าว "มีข่าวป้าสะใภ้รองลู่เวยหย่าของเจ้าบ้างไหม?""ไม่มีเลย ผู้คนนี้ฉลาดยิ่งกว่าจ้วงชิงเหมย" มู่จิ่วซีกลุ้มใจ "คราวนี้ข้าประมาทไป เห็นได้ชัดว่าข้าจับนางเป็นๆ ได้"โม่จุนมองไปที่นางที่กำลังโทษตัวเองและกล่าว : "จิ่วซี เจ้าอย่าโทษตัวเอง เจ้าได้ทำสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำได้ไปตั้งมากมายแล้ว แคว้นเกาอวิ๋นเป็นหนี้เจ้ามหาศาล""จ่ายเงินเดือนไหม?" มู่จิ่วซีเหลือบตามองขวางไปที่เขาโม่จุนก็รู้สึกจุดที่อกพร้อมกับพูดออกมา : "ข้ายกร้านให้เจ้าร้านหนึ่งล่ะเป็นไง?""จริงเหรอ?" ใบหน้าที่เย็นชาแต่เดิมของมู่จ
โม่จุนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "แคว้นเกาอวิ๋นของเราทางทิศตะวันตกติดต่อกับแคว้นซีเย่ว์ สถานการณ์ชายแดนมักจะไม่ค่อยสงบราบลื่นตลอดทั้งปี มักจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมาดดยตลอด นี่ก็ใกล้จะฤดูหนาวแล้ว แคว้นซีเย่ว์จะต้องอยากแลกเปลี่ยนอาหารธัญพืชกับแคว้นเกาอวิ๋นอย่างมาก แต่ว่าอาหารธัญพืชปีนี้ของแคว้นเกาอวิ๋นก็ไม่ได้มีปริมาณสูงมากนัก""ไม่เยอะก็ไม่ต้องให้ไง ยังคิดจะต่อสู้ทำสงครามอยู่อีกเหรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว "ข้าได้ช่วยเรื่องเงินเดือนทหารไปแล้วนะ""กระแอ่มๆๆ ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หากเลี่ยงการสู้รบได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่สู้ ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องทนลำบากขมขื่นก็คือพสกนิกร" โม่จุนถอนหายใจมู่จิ่วซีเบ้ปากและก็กล่าว : "ที่เจ้าพูดก็ไม่เลว แต่ว่าคนพวกนี้ต้องการจะได้ประโยชน์ หรือว่าคนพวกนี้มาทุกปีเลยงั้นเหรอ? เจ้าเมื่อครู่ก็เป็นคนพูดเองว่าได้คืบจะเอาศอก"ดวงตาสีดำของโม่จุนก็ได้เหลือบมองนาง ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์นัก?"ปีนี้ทางแคว้นเป่ยจิ้นเองก็สถานการณ์ไม่ค่อยสงบ หน้าหนาวปีนี้จะต้องหนาวมากเป็นพิเศษ แคว้นเป่ยจิ้นอันที่จริงต้องการอาหารธัญพืชมากยิ่งกว่าแคว้นซีเย่ว์ อย่างที่คาดไว้ เดือนหน้าแคว้นเ
"ใช่ หากแคว้นเกาอวิ๋นเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปมีหน้าบอกับบรรพบุรุษยังไง" แววตาของโม่จุนก็แน่วแน่ขึ้นมา"เอาล่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ปวดหัว แต่ว่าโม่จุน เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ แม้ว่าจะไม่สามารถสั่งทหารทำสงครามได้ แต่ว่าการจับไส้ศึก การทำเรื่องลับลมคมในอย่างการลอบสังหาร ข้าถือว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง ดังนั้นเจ้าดูแลภายนอก ข้าดูแลภายใน แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องไม่เป็นอะไร"มู่จิ่วซีพริบตาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ"จิ่วซี เจ้าทำไมถึงได้ชำนาญเรื่องที่มีลับลมคมในแบบนี้?" ประโยคคำพูดของโม่จุนทำให้มู่จิ่วซีที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษก็ได้หายไปทันทีแต่พอมาคิดถึงคำอธิบายภายนอกภายในก็ทำให่รู้สึกเหมือนสามีภรรยา"กระแอ่มๆๆ นี่มันขุดคุ้ยเรื่องอดีตกันไม่ใช่เหรอ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างดูถูก "ข้าไม่บอกเจ้าหรอก เจ้าจำไว้แค่ว่าข้าคือลูกสาวของมู่เทียนซิง คนของแคว้นเกาอวิ๋นก็พอ"โม่จุนมองไปที่นางกำลังทำท่าภาคภูมิใจและกล่าวออกมา : "พ่อของเจ้าทำสงครามเก่งมาก แต่ด้านอื่นๆ เขาไม่เก่งเท่าเจ้าซึ่งเป็นลูกสาว หรือว่าแม่เจ้าก็เป็นคนลึกลับซับซ้อน?""เจ้าอยากรู้จริงๆ งั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองเขาอย่างอันตราย
โม่จุนถูกนางโมโหใส่จนหนาวสั่นไปครู่หนึ่ง"เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?" โม่จุนคิดว่าหูของตัวเองมีปัญหาได้ยินผิด"ผู้ชายชาติหมา!" มู่จิ่วซีโมโหใส่เขาออกไปตรงๆ"มู่จิ่วซี! เจ้ากล้ายอกย้อนแล้ว!" โม่จุนก็โมโหดุร้ายออกมา เขาเป็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงส่ง แต่กลับมาถูกนางเรียกว่าผู้ชายชาติหมา?"เจ้าอยากจะหลอกเงินข้า งั้นเจ้าก็คือผู้ชายชาติหมา ผู้ชายสารเลว!" มู่จิ่วซีไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย"มู่จิ่วซี เอาสิ ในสายตาของเจ้า ข้าไม่ได้ดีไปกว่าเศษเงินของเจ้างั้นสินะ" โม่จุนโมโหจนโกรธสั่นไปทั้งตัว"โม่จุน เจ้าเข้าใจะไรผิดไปรึเปล่า? เอาตัวเองมาเียบกับเงิน? เจ้าจะยกเยินยอตัวเองสูงไปแล้วไหม?" มู่จิ่วซีรู้สึกขำกับคำพูดของเขา"เจ้า?" โม่จุนอีกนิดก็เกือบจะสำลักความโกรธ "ข้าไม่อาจเทียบกับเงินได้แล้ว?"นี่เขาเองเอาตัวเองไปเทียบกับเงินไม่ได้ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงขนาดที่เขาไม่มีสิทธิเอาตัวเองไปเทียบแล้วงั้นเหรอ?"เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ มันเทียบกันไม่ได้ ระหว่างเงิน 1 ตำลึงกับเจ้า ข้าเองก็เลือกเงิน 1 ตำลึง" มู่จิ่วซีจงใจแหย่เขา ไอผู้ชายชาติหมาคนนี้คงต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างโม่จุนโกรธจนหน้ามื
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่