แคว้นเกาอวิ๋นสมองของมู่จิ่วซีมึนงง รู้สึกเพียงแค่ร่างกายถูกคนกระชากไปมา โยนไปรอบๆ ในหูยังมีเสียงต่างๆ ลอดเข้ามาอีก“รีบเอากรงเข้ามา นังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ กล้าแอบไปคบชู้สู่ชายภายนอก ต้องถูกขังกรงหมูแล้วถ่วงน้ำเสียให้ตาย”มู่จิ่วซีเบิกสองตาโพลงสิ่งที่สัมผัสกับสายตาคือแสงตะเกียงสลัวกับพื้นหญ้า รอบด้านมีคนยืนเต็มไปหมดบนตัวนางคือชุดกระโปรงยาวที่เปียกโชก มือเท้าถูกคนมัดไว้ นอนตัวงอราวกับกุ้งอยู่บนพื้นหญ้าห่างออกไปหนึ่งเมตรมีศพของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยมุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาประชดประชันนางเป็นถึงราชินีราตรีของกองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลก มีแต่นางที่คอยจับคนอื่นมัด เมื่อไรกันที่ต้องมาถูกคนพันธนาการไว้เช่นนี้?นั่นก็เพราะนางข้ามมิติมาแล้ว ดวงวิญญาณข้ามมาอยู่บนตัวของมู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แห่งแคว้นเกาอวิ๋น“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยคุณหนูใหญ่ของตระกูลพวกเราเถิด คุณหนูใหญ่กับหมอหลวงเวินถูกใส่ร้าย” หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโขกหัวลงพื้นร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างนางมู่จิ่วซีเงยตาทันที ตั้งใจมองให้ชัดข้างหน้าห่างไปสามเมตรมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่
ไป๋เฟิ่งหว่านหน้าแข็งไปในพริบตา ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ทันที“พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน ข้าไม่ใช่คนที่เห็นเสียหน่อย ชิงตงต่างหากที่เห็น”ชิวตงเป็นหนึ่งในคนใช้ของไป๋เฟิ่งหว่านชิวตงรีบคลานขึ้นหน้าออกมาพูดว่า “ตอนที่ข้าน้อยเห็น หมอหลวงเวินกับคุณหนูใหญ่มู่ก็อยู่ในทะเลสาบแล้ว”มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว เหลือบมองโม่จุนแล้วพูดว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านได้ยินแล้วหรือไม่? ตอนที่นางเห็น ข้ากับหมอหลวงเวินก็อยู่ในทะเลสาบนั่นแล้ว นี่จะอธิบายว่าข้ากับเขาฆ่าตัวตายเพราะความรักได้อย่างไร?”“เช่นนั้นเจ้าลงไปอยู่ในน้ำได้อย่างไรกัน?” โม่จุนถามขึ้น“ข้าถูกคนผลักตกน้ำ ตอนที่กำลังมึนงงก็ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำลงมา ดังนั้นข้าเดาว่าหมอหลวงเวินคงจะลงน้ำมาช่วยข้า”“น่าขัน หมอหลวงเวินว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วจะลงน้ำไปช่วยเจ้าได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหวานยิ้มเย็นชาขึ้นมา“ดูท่าคุณหนูไป๋จะคุ้นเคยกับหมอหลวงเวินเสียเหลือเกิน” ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำเอาทุกคนหน้าประหลาดกันหมด“เจ้าพูดจาเหลวไหล! มู่จิ่วซี มีคนยังเห็นเจ้ากับหมอหลวงเวินคุยกันกระหนุงกระหนิงที่สวนดอกไม้ด้านหลังก่อนหน้านี้ด้วย เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ไป๋เฟิ่ง
นางเอื้อมสัมผัสไปที่ท้ายทอยหลังศีรษะของหมอหลวงเวินก่อนจะพูดกับโม่จุน "เจ้าเข้ามาดู"โม่จุนเดินเข้าไป พอเขาเห็นใบหน้าของคนตาย ลมหายใจก็เย็นวาบขึ้นมา"หมอหลวงเวินไม่ได้จมน้ำตายและก็ไม่ได้กระโดดลงมาช่วยข้าด้วย ที่ท้ายทอยหลังศีรษะเขามีบาดแผล ใบหน้าก็ไม่ได้บวม เขาถูกคนฆ่าก่อนแล้วถึงถูกผลักลงทะเลสาบไป ถ้ายังไม่เชื่อข้าอีก จะไปเรียนขุนนางฝ่ายชันสูตรมาชันสูตรศพนี้ก็ได้"มู่จิ่วซีพูดเสร็จก็ยืนขึ้นและจ้องมองไปยังใบหน้าของโม่จุนซึ่งหล่อเหลาจนขนาดทวยเทพยังอิจฉาชังน้ำหน้าชายคนนี้ทำไมถึงได้หล่อมากขนาดนั้น ช่างเป็นอาหารตาจริงๆ“อะไรนะ เขาจะถูกทุบตีจนตายและผลักลงทะเลสาบไปได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหว่านส่งเสียงอุทานขึ้นมาทันทีมู่จิ่วซีก็รู้สึกน่าขบขัน ทันใดนั้นนางก็ขยับเข้าหาโม่จุนและพูดกระซิบเบาๆ: "ข้าถูกผลักลงไปในน้ำจริงๆ หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า ข้ายอมถอดเสื้อผ้าออกให้เจ้าดูแผ่นหลังข้าก็ได้ ตอนนี้ที่หลังข้ายังเจ็บอยู่เลย"โม่จุนแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาสีดำเข้มอันลึกล้ำก็ราวกับมีพายุก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา“ไร้ยางอาย!” โม่จุนพอพ่นวาจาออกมาสามคำก็ถอยห่างจากมู่จิ่วซีไปไกลเล็กน้อย“ใครก็ได้ เรียกเย่อู
มู่จิ่วซีมองโม่จุนอย่างดูถูกและถอนหายใจปลงอารมณ์อย่างมาก : "เดิมทีข้าไม่กลัวหรอก แต่ใจคนมันน่ากลัวยิ่งกว่า ข้าแต่ก่อนช่างไร้เดียงสาเลยจริงๆ""ไม่มีความรู้ความสามารถ เอาแต่เที่ยวเล่นไร้ความก้าวหน้า!" โม่จุนพอกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที "อานเย่ เจ้าอยู่นี่แหละ"อานเย่เผยสีหน้าอันขมขื่นออกมา แต่ก็ทำได้เพียงกล่าวรับคำไป"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนช่วยเจ้าแล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไร จะหยิ่งผยองก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย!" ไป๋เฟิ่งหว่านพอเห็นโม่จุนเดินไปไกลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงนาง"ใครบอกว่าข้าไม่เป็นไร?" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาและเดินเข้าไปใกล้ไป๋เฟิ่งหว่านไป๋เฟิ่งหว่านถูกนางทำให้ตกใจจนสะดุ้งพร้อมกับรีบพูดขึ้นมา : "เจ้าจะทำอะไร? วันนี้ถือว่าพวกเจ้าดวงดีก็แล้วกัน พวกเรา กลับ!""คิดจะหนี?" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็หัวเราะเยาะเย้ย "ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือเปล่า พวกเจ้าอยากให้ข้าตายแล้วคิดจะหนีเนี่ยนะ?"ขณะพูด นางก็คว้าข้อมือของไป๋เฟิ่งหว่านเอาไว้ไป๋เฟิ่งหว่านกรีดร้องขึ้นมา ทันใดนั้นนางพยายามดิ้นรนและกรีดร้องเสียงดัง : "มู่จิ่วซี เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้า"
"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" ชายที่เข้ามาสวมชุดเสื้อผ้ากางเกงสีดำ พอเขาเห็นมู่จิ่วซีก็คุกเข่าลงทันทีมู่จิ่วซีให้เขาลุกขึ้นและเอ่ยกล่าว : "ข้าไม่เป็นไร เย่ฮาน ท่านพ่อทราบเรื่องในวันนี้หรือเปล่า?""คุณท่านเพิ่งทราบขอรับ เขาโกรธจนทุบโต๊ะจนหัก เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการทำร้ายฆ่าคุณหนูใหญ่"เย่ฮานคือหนึ่งในผู้พิทักษ์เงาข้างกายคนหนึ่งของแม่ทัพใหญ่มู่"ท่านพ่อคาดเดาว่าเป็นใครที่ต้องการทำร้ายฆ่าข้า?" มู่จิ่วซีถามเย่ฮานครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย : "คุณท่านบอกว่ามีสองคนที่น่าสงสัยมาก หนึ่งคือสนมเอกสามเซียวหลิงเย่ว์ สองคือคุณหนูใหญ่ไป๋ชิงขอรับ"มู่จิ่วซีเงียบไม่พูดอะไร นางเองก็สงสัยสนมเอกสามเหมือนกันแคว้นเกาอวิ๋นค่อนข้างพิเศษ จักรพรรดิเป็นเพียงเด็กอายุแค่สิบขวบ โม่จุนคือเสด็จลุงห้าของจักรพรรดิองค์น้อยนี้จักรพรรดิองค์ก่อนได้ทรงนำทัพเป็นการส่วนพระองค์และสิ้นพระชนม์ลง ฮองเฮาที่มีพระชันษาเพียง 25 พรรษาก็กลายเป็นพระพันปีหลวง มกุฎราชกุมารที่อายุ 8 พรรษาก็ต้องสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็ต้องมาประสบจากแรงกดดันของหลายฝ่ายโม่จุนได้ใช้เวลาสามปีในการช่วยพระพันปีหลวงและจักรพรรดิองค์น้อ
ลู่เอ๋อร์เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูใหญ่ของนาง ใบหน้าของนางก็ราวกับอึดอัดใจพร้อมกับรีบพูดเสียงเบา : "คุณหนู นี่ มันคงไม่ดีหรือเปล่าเจ้าคะ"มู่จิ่วซีหันมองเย่อู่เหิงพร้อมกับใบหน้าอันงดงามและเย็นชา : "ใต้เท้าเย่ สีหน้าของพวกเจ้าแบบนี้คืออะไร อยากจะบอกว่าคุณหนูอย่างข้าไม่รู้จักยางอายใช่ไหม?""เจ้าเคยคิดไหม นี่มันเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตคน ถ้าข้าไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง หลังจากนี้ก็คงไม่รู้ว่าถูกคนเอาไปพูดต่อกันอย่างไร""ถ้าเจ้าเป็นท่านผู้สำเร็จราชการแทน แน่นอนว่าข้าต้องเขินอาย แต่ว่าเจ้าคือขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ผู้ทรงเกียรติ เป็นข้าราชการที่ซื่อตรงของพสกนิกร เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับหลักฐานพยาน เจ้ายังคงสำเหนียกอายอยู่อีกหรือ?""ก็เหมือนกับผู้หญิงป่วยที่ไม่อาจให้หมอผู้ชายได้ตรวจ จากที่จะมีชีวิตรอดก็ต้องมาตายถึงจะถูกอย่างงั้นหรือ?"แววตาดูถูกของมู่จิ่วซีทำให้ใบหน้าของเย่อู่เหิงร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขาถูกคำพูดของนางแทงใจดำเข้าจริงๆ"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน!" จู่ๆ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยนอกห้องคนหนึ่งก็ส่งเสียงตกใจมู่จิ่วซีและเย่อู่เหิงก็หันไปเห็นบุคลิกท่าทางเย็นชาของเขา
"ท่านหมายความว่าอย่างไร หวังให้ข้าตาย จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับข้าหรือ? โม่จุน ที่บอกว่าท่านไร้ซึ่งศีลธรรมนี่พูดไว้ไม่ผิดเลย ท่านทำไมจึงต่ำทรามเช่นนี้? ไม่แต่งก็ไม่แต่งสิ ต้องมาแช่งข้าแบบนี้ด้วยหรือ?"สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาของเย่อู๋เหิงมากมายเต็มไปหมด รู้สึกว่าตนเองตอนนี้เป็นส่วนเกินหรือเปล่านะ?แต่ว่าสำหรับความพูดมากกับความกำเริบเสิบสานของมู่จิ่วซีอันที่จริงก็รู้มาบ้างแล้ว ขนาดท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่โหดร้ายเย็นชาในสายตาคนนอก นางก็ยังด่ากราดพ่วงสกุลไปด้วยได้เลย"มู่จิ่วซี!" โม่จุนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "ข้าก็แค่กำลังวิเคราะห์ตามปกติ!"มู่จิ่วซีมองบนใส่เขายกใหญ่"เรื่องจริงก็คือข้ายังมีชีวิต ดังนั้นคนร้ายคนนี้พวกท่านต้องหาออกมาให้ได้ ฝ่ามือสันดอนสินะ รอให้หาเจอก่อนเถอะ คุณหนูอย่างข้าจะให้เขาได้ลิ้มรสฝ่ามือยูไลดูบ้าง!" มู่จิ่วซี่ขบฟัน"ฝ่ามือยูไล?" เย่อู๋เหิงดวงตาเป็นประกาย ท่าทีอยากรู้อยากเห็น "คุณหนูใหญ่เป็นวรยุทธ์ด้วยหรือ?""ท่านเย่ บิดาข้าคือแม่ทัพใหญ่นะ ที่ข้ารอบรู้บู๊บุ๋นมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือ?" มู่จิ่วซีเอ่ยขึ้นอย่างเคืองๆ "มาดูถูกใครกันล่ะนั่น?""รอบรู้บู๊บุ๋น? เจ้าน่ะหรือ?"
"คุณหนู" ลู่เอ๋อร์ข้างๆ เองก็มองต่อไปไม่ไหวแล้วเย่อู๋เหิงขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น "คุณหนูใหญ่ไม่กลัวคนร้ายจะเข้ามาสังหารท่านหรือ?""ให้เขาเข้ามา! คุณหนูอย่างข้าก็อยากจะเห็นว่าใครกันที่สายตาไม่กว้างไกลจนคิดจะเข้ามาสังหารข้า?"มู่จิ่วซีสองตาหรี่ลง กำหมัดแน่น ทั้งตัวแผ่ความเย็นเยียบ กระหายเลือดออกมาในพริบตา กลิ่นอายที่ดุดัน ราวกับราชาแห่งรัตติกาลกำลังจ้องมองใต้หล้าโม่จุนกับเย่อู๋เหิงก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที ทั้งสองคนล้วนสีหน้าตกตะลึง เพราะกลิ่นอายที่มู่จิ่วซีแผ่ออกมาเวลานี้แข็งแกร่งอย่างมากนี่ไม่ใช่พลังที่คุณหนูใหญ่ราวกับผ้าพับไว้มี แต่กลับเหมือนเป็นเพชรฆาตที่จมดิ่งอยู่ในการฆ่าฟันคนหนึ่งจะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาตาฝาดไปกระมังหลังจากมู่จิ่วซีหัวเราะเย็นชา ก็เก็บกลิ่นอายลง มองไปทางชายทั้งสองคน จู่ๆ ก็กระแอมไอออกมาเสียงหนึ่ง "ครั้งนี้ข้าประมาทไปหน่อย ถ้าหากนักฆ่ากลับมาอีกครั้ง ข้ารับรองว่าจะทำให้เขาไม่ได้กลับไปเลย!""มู่จิ่วซี นี่ไม่ใช่การเล่นขายของนะ คนร้ายเป็นวิชาฝ่ามือสันดอน พลังไม่ธรรมดา เจ้าที่มีวรยุทธ์แค่หางอึ่งคิดจะหนียังยากเลย!"โม่จุนประชดประชันขึ้นทันทีมู่จิ่วซีเหลือบตามองเขา