“คุณปู่!” ควินลีย์กล่าวขณะที่เธอวิ่งไปหาเขา “เชิญครับ คุณคลอฟอร์ด” บ็อบกล่าว โดยฟังดูพอใจมากขณะที่เจอรัลด์เดินออกมาก่อน แม้เพียงแค่สองชั่วโมงผ่านไปเท่านั้น แต่ควินลีย์ก็บอกได้เลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากแล้วในท่าทางของปู่ของเธอ “ไม่ต้องกังวลไป ควินลีย์ อย่างที่คาดไว้ คุณคลอฟอร์ดสามารถหาวิธีรักษาอาการป่วยของปู่ได้ ตามที่เขาบอก ปู่จะสามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่เร็ว ๆ นี้” บ็อบอธิบาย โทนเสียงของเขายังเคารพมากขึ้นด้วยซ้ำในตอนนี้ “ผมขอแสดงความยินดีกับคุณล่วงหน้าแล้วกันนะครับ นายท่านเวสลีย์ เมื่อพูดแล้วก็ เนื่องจากเขาจัดการช่วยเหลือคุณได้แล้ว ผมสงสัยว่าคุณจะเต็มใจช่วยเหลือเขาบางอย่าง…” โจชัวกล่าว “โอ้? มีอะไรให้ผมช่วยคุณอีกไหมครับ คุณคลอฟอร์ด?” “แม้เขาไม่ได้รวมมันไว้ในเงื่อนไขของเขา แต่จริง ๆ แล้วเขากำลังมองหาสมุนไพรที่หายากมากที่สุดในชายแดนทางใต้ของจังหวัดซอลฟอร์ด สมุนไพรนั้นเรียกว่าราชาโสม และรุ่นพี่ก็ค้นหามันมานานแล้วในตอนนี้ ถ้าคุณจัดการตามหามันมาได้ ผมมั่นใจว่ามันจะช่วยเขาได้มากเลยทีเดียวครับ” โจชัวกล่าวเพิ่มเติม เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อค
เมื่อมองไปยังทิศทางเดียวกันกับเจอรัลด์ เกสท์ก็เห็นว่ามีทีมรถที่ดูคล้าย ๆ กันเพิ่งมาจอดอยู่เชิงเขาของยอร์คนอร์ท เมาน์เทน เมื่อหรี่ตามอง เขาก็ตระหนักได้ว่าเจอรัลด์กำลังมองไปยังผู้หญิงสองคนที่เพิ่งลงมาจากหนึ่งในรถเหล่านั้น เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ดูตกตะลึงแค่ไหน เกสท์จึงวางนิ้วชี้ไว้ใต้คางของเขา ขณะที่เขากล่าวด้วยการพูดเป็นนัยของความสนใจในโทนเสียงของเขา “ฮึ่ม! นายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เหรอ คุณคลอฟอร์ด? นายจะบอกฉันตอนนี้ว่านายไม่เคยเห็นสาวสวยมาก่อนหรือไง? แม้ฉันก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงสองคนนั้นน่าตะลึงเป็นพิเศษก็เถอะ” “ชู่ว์!” เจอรัลด์ตอบกลับด้วยสายตาที่เคร่งขรึมของเขา ขณะที่เขายังมองไปที่ผู้หญิงสองคนนั้นต่อไป เจอรัลด์ไม่คาดคิดจริง ๆ ที่จะบังเอิญพบผู้หญิงสองคนนั้นได้ทุกที่ทุกเวลา ความจริงแล้วสาวสวยสองคนนั้นก็คือคนรู้จักเก่าของเขา แจสมินและมินดี้ เขาไม่ได้พบสองสาวตั้งแต่ช่วงที่เขาบอกลาพวกเธอเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ในจังหวัดซอลฟอร์ดแล้ว อย่าลืมว่าหลังจากเหตุการณ์ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟนเดอร์สัน พ่อของเขาก็บอกเขาว่าเขาถูกผูกมัดตามสัญญาในการแต่งงานกับแจสมิน เมื่อรู้ว่าปู่ของเขาเป็นคนที่เซ็นสัญญ
ทันทีทันใดหลังจากพูดไปแบบนั้น เจอรัลด์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา และยัดบางอย่างเข้าไปในปากของพวกเขา! “น นายเพิ่งป้อนอะไรให้พวกเรากัน?!” พวกเขาทั้งคู่ต่างพูดละล่ำละลัก รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้ ไม่นานที่ผู้ชายสองคนนั้นจะตระหนักได้ว่าไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันเจ็บปวดมากเหมือนตกนรก ผลกระทบแทบจะในทันที ขณะผู้ชายทั้งคู่เริ่มกุมท้องของพวกเขาและกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ด้วยสีหน้าทรมานที่เห็นได้ชัดมากบนใบหน้าของพวกเขา เกสท์เองที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างตลอดเวลา ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อเพราะความกลัว ขณะที่เขาเฝ้ามองพวกเขากลิ้งเกลือกไปมาด้วยความเจ็บปวด “ก็แค่หนอนพิษ เข้าใจไว้ด้วยว่าหนอนพวกนี้อาจจะกลืนกินอวัยวะภายในของพวกนายไปแล้วก็ได้ ขณะที่พวกเราคุยกัน ไม่นานหรอกก่อนที่ความทรมานจะสิ้นสุดลงและนายทั้งคู่ก็จะตาย” เจอรัลด์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าของเขา “ด ได้โปรดไว้ชีวิตของพวกเราด้วย! ด ได้โปรด…” ผู้ชายคนนั้นเริ่มอ้อนวอน “งั้นก็ต่อเมื่อนายตอบคำถามทั้งหมดของฉัน อย่างแรก ทำไมนายถึงย่องตามพี่น้องเฟนเดอร์สันไป? นายเป็นสมาชิกของตระกูลไหนกัน?” แม้ผู้ชายทั้งคู่ได้สาบานว่า
ตามที่ชายชราบอกเป็นนัย โจชัวเคยพบกับเฟนเดอร์สันเมื่อสองสามปีก่อนจริง ความจริงแล้ว ก็เป็นเฟนเดอร์สันนั่นเองที่ต้องการจะจ้างโจชัวให้เป็นหมอส่วนตัวของตระกูลพวกเขาในตอนนั้น แม้พวกเขาเสนอเงินเดือนที่สูงลิ่วให้เขา แต่สุดท้ายโจชัวก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอพวกเขา “ยินดีอย่างยิ่งจริง ๆ ครับ” โจชัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา เป็นตอนนั้นเองที่โจชัวสังเกตเห็นใบหน้าใหม่ หรืออย่างน้อยก็ครึ่งใบหน้าใหม่ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอย่างอ่อนน้อมถัดจากโจชัวขณะที่เขาถือชุดเครื่องมือแพทย์ไว้ในมือ อย่างไรก็ดี สิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเขาก็คือความจริงที่ว่าคนหนุ่มคนนั้นสวมหน้ากากครึ่งซีก มันปิดบังใบหน้าส่วนบนของเขา และมันก็ไม่ต่างจากหน้ากากงานแฟนซี “ผมขอทราบได้ไหมว่านี่อาจเป็นใครกันครับ?” ไบรสันถามด้วยรอยยิ้ม “อ อ่า…! อ่า!” คนหนุ่มที่สวมหน้ากากตอบกลับ ขณะที่เขาชี้ไปที่ปากของตัวเองก่อนจะโปกมือเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่โจชัวก่อนจะวางฝ่ามือของเขาไว้ใกล้หัวใจของเขา เมื่อเห็นแบบนั้น มินดี้จึงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา “แซนเดอร์สันเป็นลูกมือฝึกหัดของผู้เชี่ยวชาญเจนคินสันค่ะ คุณปู่! เขาเป็นใบ้ดั
ด้วยมือเล็ก ๆ ของมินดี้ที่นุ่มนวลและอบอุ่นมาก ไม่นานก่อนที่เจอรัลด์จะเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ทันใดนั้นมินดี้ก็เริ่มลากเขาไปยังม้านั่งหินเล็ก ๆ สองสามตัวในสวนที่พวกเขาทั้งคู่นั่งอยู่ “นายรู้ไหม แซนเดอร์สัน ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมฉันถึงคุ้นกับนายมากขนาดนี้…หลังจากคิดดูแล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะประสบการณ์ในอดีตของพวกเรานั้นคล้ายคลึงกัน… แม้มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยซึ่งใช้ชีวิตหรูหรามาตลอดชีวิตของฉัน ในขณะที่นายมีอดีตที่ยากลำบากมาก แถมยังประสบกับอุบัติเหตุที่น่าสังเวชอีกด้วยซ้ำ แต่พวกเราทั้งคู่ก็คล้ายกันในด้านที่ว่าพวกเราไม่ได้มีเพื่อนที่ดีเยี่ยมตลอดทั้งขีวิตของพวกเราเลย” มินดี้อธิบาย เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์เพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่พอใจกับความจริงมากมายเมื่อฉันยังเด็ก รู้ไหม? นายอาจไม่รู้ แต่เพราะครอบครัวหนึ่ง ทั้งแจสมินและฉันก็ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านมาเป็นเวลานานมากที่สุด นั่นคล้ายกับการทรมานสำหรับฉัน เพราะฉันเป็นคนประเภทที่ไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ กับที่เป็นเวลานานได้…ฉันมั่นใจว่านายสามารถเชื่อมโยงเรื่องนั้นได้ในระดับหนึ่ง…ไม่ว่
หลังจากเห็นเขาพยักหน้า จากนั้นมินดี้ก็พูดขึ้นมา “ไปตรวจดูแจสมินก่อนเถอะ เพราะเธอฝึกฝนอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ มันอาจเป็นปัญหาเดิมอีกแล้วก็ได้ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่คืนพรุ่งนี้ เพื่อที่เราจะได้คุยกันอีก!” มินดี้กล่าว จากนั้นเจอรัลด์ก็พยักหน้าตกลง ขณะที่เขาเริ่มตามคนรับใช้หญิงไปที่ห้องของแจสมินพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในมือ เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น เจอรัลด์ได้รับการทักทายด้วยภาพของแจสมินที่สวมชุดนอนสตรี ผมของเธอห้อยหลวม ๆ รอบไหล่ของเธอ และรูปลักษณ์ราวกับเทพธิดาของเธอก็ทำให้เจอรัลด์ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ “เนื่องจากนายอยู่กับผู้เชี่ยวชาญเจนคินสันในช่วงเช้าเป็นส่วนใหญ่ ฉันรู้สึกว่ามันจะเป็นการไม่สุภาพที่รบกวนนาย ฉันเกรงว่าฉันสามารถขอความช่วยเหลือของนายได้ในตอนกลางคืนเท่านั้น” แจสมินกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเธอ“อ่า! อ่า!” เจอรัลด์ตอบกลับ ขณะที่เขาแสดงท่าทางเป็นการตอบสนอง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมันเลย เมื่อเห็นแบบนั้น แจสมินจึงนั่งลงก่อนจะพูดขึ้นมา “ขอบคุณนะ…คือ ไหล่ของฉันเจ็บปวดเป็นครั้งคราวนับตั้งแต่ที่มันได้รับบาดเจ็บในอดีต เนื่องจากการฝึกฝนของฉันรุนแรงยิ่งขึ้นเมื
มันไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมเขาถึงทำผิดพลาดไปแบบนั้นอย่างไม่ตั้งใจ ท้ายที่สุดแล้วเจอรัลด์ก็รู้สึกตกตะลึงที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอมีความรู้สึกให้เขาเล็กน้อย เท่าที่เจอรัลด์จำได้ เขาเคยสนทนากับแจสมินสั้น ๆ เท่านั้น แม้เขายอมรับว่าหลอกเธอเล็กน้อยในระหว่างเหตุการณ์บางอย่างก็ตาม แต่เมื่อคิดว่าเธอจะลงเอยด้วยการตกหลุมรักเขาเพียงเพราะเรื่องนั้นล่ะก็… “ยังไงซะ เมื่อเฟนเดอร์สันไปหาตระกูลคลอฟอร์ดมานานสักพักแล้ว พวกเราก็ได้รู้ว่าเขาหายตัวไป แม้ฉันส่งคนมากมายออกไปค้นหาเขา มันก็ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วในตอนนี้ แต่ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวใดเกี่ยวกับเขาเลย…ฉันยังคงสงสัยบางครั้งว่าเขาเลือกโดยสมัครใจหรือไม่…” แจสมินกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเศร้าสร้อย “…ไม่ว่าจะยังไง นายเสร็จหรือยัง?” แจสมินถาม ขณะที่เธอหันไปมองแซนเดอร์สัน เพียงแค่นั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าก่อนจะแสดงท่าทางให้เธอเพื่อไปพักผ่อนให้ดี ๆ และในขณะที่เขากำลังจะออกไปพร้อมกับชุดเครื่องมือทางการแพทย์ของเขา ขณะนั้นเขาก็เห็นเครื่องมืออธิษฐานบางอย่างวางอยู่รอบห้องของเธอแวบ ๆ เขทขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังของดังกล่าวก่อนจะพูด “อ่า อ๋า?” เข
“ดื่ม!” ตามที่แจสมินได้พูดไว้คืนก่อน งานที่โบสถ์ถูกจัดขึ้นในเมืองตอนเช้าของวันต่อมา ด้วยทุกอย่างที่ดูยิ่งใหญ่มาก จึงไม่แปลกที่ทำไมมันถึงพลุกพล่านไปด้วยผู้คนกัน “ช่างมีชีวิตขีวาจริง!” มินดี้กล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธอยืนอยู่ในท่ามกลางฝูงชน “เธอช่วยสงบเสงี่ยมมากกว่านี้หน่อยได้ไหม มินดี้?” แจสมินพูดอย่างค่อนข้างช่วยไม่ได้“ทำไมฉันควรทำด้วยล่ะ? วันนี้เป็นวันที่น่าตื่นเต้น! เธอไม่รู้สึกเหรอ? เมื่อเห็นผู้คนทั้งหมดที่นี่จึงทำให้ฉันรู้สึกมึนหัวไปหมด!” มินดี้ตอบกลับ ขณะที่แจสมินส่ายหัวของเธอ “นาน ๆ ทีก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่หรือไงแจสมิน? ไปเดินเล่นกันสั้น ๆ ก่อนมุ่งหน้าไปยังโบสถ์เพื่ออธิษฐานขอพรกันในภายหลังเถอะ” อาสองของพวกเธอกล่าว ขณะที่เธอหันไปมองคนหนุ่มที่ตอดตามพวกเธอจากด้านหลังอยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลามานี้ “ฉันขอโทษที่เธอต้องมาเห็นด้านเด็ก ๆ ของครอบครัวของเราด้วยนะ” อาสองกล่าว ขณะที่เธอยิ้ม ในการตอบสนอง เจอรัลด์ส่ายหัวของเขา ด้วยความสัตย์จริง แม้ว่าพวกเธอห้ามไม่ให้เจอรัลด์ติดตามมาด้วย เขาก็จะยังคงทำมันอย่างลับ ๆ อยู่ดี อย่าลืมว่า เขาจะไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเขารู้ดีว่าชุยเลอร์กำลัง