ตามที่ชายชราบอกเป็นนัย โจชัวเคยพบกับเฟนเดอร์สันเมื่อสองสามปีก่อนจริง ความจริงแล้ว ก็เป็นเฟนเดอร์สันนั่นเองที่ต้องการจะจ้างโจชัวให้เป็นหมอส่วนตัวของตระกูลพวกเขาในตอนนั้น แม้พวกเขาเสนอเงินเดือนที่สูงลิ่วให้เขา แต่สุดท้ายโจชัวก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอพวกเขา “ยินดีอย่างยิ่งจริง ๆ ครับ” โจชัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา เป็นตอนนั้นเองที่โจชัวสังเกตเห็นใบหน้าใหม่ หรืออย่างน้อยก็ครึ่งใบหน้าใหม่ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอย่างอ่อนน้อมถัดจากโจชัวขณะที่เขาถือชุดเครื่องมือแพทย์ไว้ในมือ อย่างไรก็ดี สิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเขาก็คือความจริงที่ว่าคนหนุ่มคนนั้นสวมหน้ากากครึ่งซีก มันปิดบังใบหน้าส่วนบนของเขา และมันก็ไม่ต่างจากหน้ากากงานแฟนซี “ผมขอทราบได้ไหมว่านี่อาจเป็นใครกันครับ?” ไบรสันถามด้วยรอยยิ้ม “อ อ่า…! อ่า!” คนหนุ่มที่สวมหน้ากากตอบกลับ ขณะที่เขาชี้ไปที่ปากของตัวเองก่อนจะโปกมือเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่โจชัวก่อนจะวางฝ่ามือของเขาไว้ใกล้หัวใจของเขา เมื่อเห็นแบบนั้น มินดี้จึงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา “แซนเดอร์สันเป็นลูกมือฝึกหัดของผู้เชี่ยวชาญเจนคินสันค่ะ คุณปู่! เขาเป็นใบ้ดั
ด้วยมือเล็ก ๆ ของมินดี้ที่นุ่มนวลและอบอุ่นมาก ไม่นานก่อนที่เจอรัลด์จะเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ทันใดนั้นมินดี้ก็เริ่มลากเขาไปยังม้านั่งหินเล็ก ๆ สองสามตัวในสวนที่พวกเขาทั้งคู่นั่งอยู่ “นายรู้ไหม แซนเดอร์สัน ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมฉันถึงคุ้นกับนายมากขนาดนี้…หลังจากคิดดูแล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะประสบการณ์ในอดีตของพวกเรานั้นคล้ายคลึงกัน… แม้มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยซึ่งใช้ชีวิตหรูหรามาตลอดชีวิตของฉัน ในขณะที่นายมีอดีตที่ยากลำบากมาก แถมยังประสบกับอุบัติเหตุที่น่าสังเวชอีกด้วยซ้ำ แต่พวกเราทั้งคู่ก็คล้ายกันในด้านที่ว่าพวกเราไม่ได้มีเพื่อนที่ดีเยี่ยมตลอดทั้งขีวิตของพวกเราเลย” มินดี้อธิบาย เมื่อได้ยินแบบนั้น เจอรัลด์เพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่พอใจกับความจริงมากมายเมื่อฉันยังเด็ก รู้ไหม? นายอาจไม่รู้ แต่เพราะครอบครัวหนึ่ง ทั้งแจสมินและฉันก็ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านมาเป็นเวลานานมากที่สุด นั่นคล้ายกับการทรมานสำหรับฉัน เพราะฉันเป็นคนประเภทที่ไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ กับที่เป็นเวลานานได้…ฉันมั่นใจว่านายสามารถเชื่อมโยงเรื่องนั้นได้ในระดับหนึ่ง…ไม่ว่
หลังจากเห็นเขาพยักหน้า จากนั้นมินดี้ก็พูดขึ้นมา “ไปตรวจดูแจสมินก่อนเถอะ เพราะเธอฝึกฝนอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้ มันอาจเป็นปัญหาเดิมอีกแล้วก็ได้ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่คืนพรุ่งนี้ เพื่อที่เราจะได้คุยกันอีก!” มินดี้กล่าว จากนั้นเจอรัลด์ก็พยักหน้าตกลง ขณะที่เขาเริ่มตามคนรับใช้หญิงไปที่ห้องของแจสมินพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ในมือ เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น เจอรัลด์ได้รับการทักทายด้วยภาพของแจสมินที่สวมชุดนอนสตรี ผมของเธอห้อยหลวม ๆ รอบไหล่ของเธอ และรูปลักษณ์ราวกับเทพธิดาของเธอก็ทำให้เจอรัลด์ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ “เนื่องจากนายอยู่กับผู้เชี่ยวชาญเจนคินสันในช่วงเช้าเป็นส่วนใหญ่ ฉันรู้สึกว่ามันจะเป็นการไม่สุภาพที่รบกวนนาย ฉันเกรงว่าฉันสามารถขอความช่วยเหลือของนายได้ในตอนกลางคืนเท่านั้น” แจสมินกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเธอ“อ่า! อ่า!” เจอรัลด์ตอบกลับ ขณะที่เขาแสดงท่าทางเป็นการตอบสนอง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมันเลย เมื่อเห็นแบบนั้น แจสมินจึงนั่งลงก่อนจะพูดขึ้นมา “ขอบคุณนะ…คือ ไหล่ของฉันเจ็บปวดเป็นครั้งคราวนับตั้งแต่ที่มันได้รับบาดเจ็บในอดีต เนื่องจากการฝึกฝนของฉันรุนแรงยิ่งขึ้นเมื
มันไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมเขาถึงทำผิดพลาดไปแบบนั้นอย่างไม่ตั้งใจ ท้ายที่สุดแล้วเจอรัลด์ก็รู้สึกตกตะลึงที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอมีความรู้สึกให้เขาเล็กน้อย เท่าที่เจอรัลด์จำได้ เขาเคยสนทนากับแจสมินสั้น ๆ เท่านั้น แม้เขายอมรับว่าหลอกเธอเล็กน้อยในระหว่างเหตุการณ์บางอย่างก็ตาม แต่เมื่อคิดว่าเธอจะลงเอยด้วยการตกหลุมรักเขาเพียงเพราะเรื่องนั้นล่ะก็… “ยังไงซะ เมื่อเฟนเดอร์สันไปหาตระกูลคลอฟอร์ดมานานสักพักแล้ว พวกเราก็ได้รู้ว่าเขาหายตัวไป แม้ฉันส่งคนมากมายออกไปค้นหาเขา มันก็ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วในตอนนี้ แต่ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวใดเกี่ยวกับเขาเลย…ฉันยังคงสงสัยบางครั้งว่าเขาเลือกโดยสมัครใจหรือไม่…” แจสมินกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเศร้าสร้อย “…ไม่ว่าจะยังไง นายเสร็จหรือยัง?” แจสมินถาม ขณะที่เธอหันไปมองแซนเดอร์สัน เพียงแค่นั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าก่อนจะแสดงท่าทางให้เธอเพื่อไปพักผ่อนให้ดี ๆ และในขณะที่เขากำลังจะออกไปพร้อมกับชุดเครื่องมือทางการแพทย์ของเขา ขณะนั้นเขาก็เห็นเครื่องมืออธิษฐานบางอย่างวางอยู่รอบห้องของเธอแวบ ๆ เขทขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังของดังกล่าวก่อนจะพูด “อ่า อ๋า?” เข
“ดื่ม!” ตามที่แจสมินได้พูดไว้คืนก่อน งานที่โบสถ์ถูกจัดขึ้นในเมืองตอนเช้าของวันต่อมา ด้วยทุกอย่างที่ดูยิ่งใหญ่มาก จึงไม่แปลกที่ทำไมมันถึงพลุกพล่านไปด้วยผู้คนกัน “ช่างมีชีวิตขีวาจริง!” มินดี้กล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธอยืนอยู่ในท่ามกลางฝูงชน “เธอช่วยสงบเสงี่ยมมากกว่านี้หน่อยได้ไหม มินดี้?” แจสมินพูดอย่างค่อนข้างช่วยไม่ได้“ทำไมฉันควรทำด้วยล่ะ? วันนี้เป็นวันที่น่าตื่นเต้น! เธอไม่รู้สึกเหรอ? เมื่อเห็นผู้คนทั้งหมดที่นี่จึงทำให้ฉันรู้สึกมึนหัวไปหมด!” มินดี้ตอบกลับ ขณะที่แจสมินส่ายหัวของเธอ “นาน ๆ ทีก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่หรือไงแจสมิน? ไปเดินเล่นกันสั้น ๆ ก่อนมุ่งหน้าไปยังโบสถ์เพื่ออธิษฐานขอพรกันในภายหลังเถอะ” อาสองของพวกเธอกล่าว ขณะที่เธอหันไปมองคนหนุ่มที่ตอดตามพวกเธอจากด้านหลังอยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลามานี้ “ฉันขอโทษที่เธอต้องมาเห็นด้านเด็ก ๆ ของครอบครัวของเราด้วยนะ” อาสองกล่าว ขณะที่เธอยิ้ม ในการตอบสนอง เจอรัลด์ส่ายหัวของเขา ด้วยความสัตย์จริง แม้ว่าพวกเธอห้ามไม่ให้เจอรัลด์ติดตามมาด้วย เขาก็จะยังคงทำมันอย่างลับ ๆ อยู่ดี อย่าลืมว่า เขาจะไม่ทำได้ยังไง ในเมื่อเขารู้ดีว่าชุยเลอร์กำลัง
เธอทำแบบนั้น เนื่องจากเวลาครึ่งปีก็แทบจะไม่พอเปลี่ยนนิสัยที่หยิ่งยโสของเธอได้เลย อย่างที่คาดไว้ เมอายังคงชอบที่จะอยู่ใกล้ผู้คนที่มีสถานะสูงในสังคม เหมือนวอร์เรน แจสมิน และมินดี้เท่านั้น ไม่มีใครตำหนิเธอสำหรับเรื่องนั้นได้จริง ๆ ไม่ว่าจะยังไง เจอรัลด์ก็ยุ่งมากเกินไปในการจับตาดูสภาพแวดล้อมของเขา จนไม่ได้สังเกตการเพ่งมองอย่างดูถูกจากทั้งเมอาและอิซาเบลเลยด้วยซ้ำ “เฮ้ แจสมิน ดูนั่นสิ! เห็นขนมหวานเล็ก ๆ ที่พวกเด็ก ๆ กำลังถืออยู่ไหม? ฉันชอบพวกมันมากเลย! ฉันสงสัยว่าพวกเขาซื้อพวกนั้นมาจากที่ไหน!” มินดี้พูดขึ้นสักพักต่อมา ขณะที่เธอชี้ออกหน้าต่างไปยังเด็กสองสามคนที่กำลังเดินผ่านไป ในเวลานี้กลุ่มนั่งอยู่ในร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในขณะที่เพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟกัน “โอ้ งั้นเหรอ? ฉันรู้ว่าพวกเขาขายมันพวกนั้นที่ไหน! มันอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือเล็กน้อย แต่ฉันสามารถพาเธอไปที่นั่นได้ถ้าเธอต้องการ!” เมอาตอบกลับ “นั่นยอมเยี่ยมไปเลย!” มินดี้กล่าวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอหันไปมองเจอรัลด์ จากนั้นมินดี้ก็ยิ้มและพูดขึ้นมา “เอาน่า แซนเดอร์สัน! มากับฉัน! อย่าลืมว่า นายก็ดูไม่เหมือนว่านายมีอะไรอื่นให้ทำอย
“ฮ่า! อย่างกับว่าพวกเราไม่รู้ว่าเธอเป็นใครงั้นแหละ! เธอคือมินดี้ คุณหนูรองแห่งตระกูลเฟนเดอร์สันไง! อีกอย่าง แจสมินก็กำลังดื่มกาแฟอยู่แน่นอน แต่เป็นอดีตไปแล้วแน่นอน เพราะเธอถูกจับไปแล้ว! เธอเป็นคนเดียวที่เหลือให้จัดการ! ตอนนี้ก็เดินไปซะ!” ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มสั่ง ขณะที่เขาผลักมินดี้ไปอย่างค่อนข้างกระโชกโฮกฮาก ทันทีที่เขากล่าวไปแบบนั้น ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังเร่งเครื่องในระยะไกล ครู่ต่อมา ก็สามารถเห็นได้ว่ารถตู้ขนาดเล็กกำลังเร่งเครื่องผ่านฝูงชนมาทางพวกเขา! “เข้าไปในรถ!” ผู้ชายคนนั้นสั่งทันทีที่รถมาหยุดเสียงดังต่อหน้าพวกเขา โดยไม่มีทางเลือกอื่นใด ๆ ทั้งสามคนจึงทำตาม ณ จุดนั้น เจอรัลด์ยังคงครุ่นคิดอยู่ว่าเขาควรลงมือตอนนี้หรือรอต่อไปอีกสักหน่อย ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าคนเหล่านี้มีปืนติดตัวกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นจริง ๆ ในขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงนิ่งดังมาจากวิทยุสื่อสาร โดยพูดว่า “นายเสร็จหรือยัง?” “เรียบร้อยครับ! มันง่ายมาก!” หัวหน้าคนนั้นตอบกลับ ขณะที่ทั้งสองคนยังคงคุยกันผ่านวิทยุสื่อสารต่อไป พอถึงจุดหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงของแจสม
เจอรัลด์ทำได้เพียงแค่มองไปที่เมอาด้วยความไม่เชื่อเท่านั้น เมื่อคิดว่าเขาได้คาดเดาไว้ว่าเธอจะมีความประทับใจที่ค่อนข้างดีต่อเขามากขึ้น หลังจากช่วยเหลือเธอในตอนนั้น แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดปรารถนาสินะ ทั้งหมดที่เขาทำได้คือยิ้มอย่างขมขื่นด้วยการยอมจำนน ขณะที่เขามองไปยังผู้หญิงที่ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ คนนั้น “พอได้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ สิ่งสำคัญคือการคิดหาทางว่าพวกเราควรหนีไปกันยังไง!” วอร์เรนกล่าว ทันทีที่เขากล่าวไปแบบนั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาขณะที่ประตูเหล็กถูกเปิดออก “เข้าไป! พวกแกทุกคน!” หลังจากนั้น ผู้คนประมาณสามสิบคน ทั้งหนุ่มและแก่ ก็ถูกผลักเข้ามาในสถานที่นั้น พวกเขาทั้งหมดมีกระสอบคลุมหัวของพวกเขา ก็เหมือนกับที่กลุ่มของพวกเขาถูกนำเข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้ เมื่อกระสอบถูกถอดออกไป อย่างไรก็ดี แจสมินก็ช็อกไปในทันที “อะไรกัน? เป็นคุณเหรอ? งั้นคนที่เหลือ…จริง ๆ แล้วพวกเขาจับพวกคุณทั้งหมดงั้นเหรอ?!” แจสมินอุทานออกมา รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกผลันนี้ “งั้นคุณถูกลักพาตัวไปเหมือนกันสินะ คุณหนู! พวกชุยเลอร์ช่างสารเลวกันจริง ๆ!” หน