“ทำร้ายคุณแล้วจะทำไม? ถ้ายังพูดไร้สาระผมจะฆ่าคุณซะ!”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกจริง ๆ ทำไมหมาแมวอะไรก็กล้าออกอาละวาดกันขนาดนี้“ฮ่าฮ่า อย่างมึงน่ะเหรอ จะฆ่ากู มาสิ กูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามึงแล้วนี่ไง ถ้ามึงเก่งจริงก็ฆ่ากูสิวะ”ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังและแม้แต่เริ่มขยับหน้าเข้าหาเธอด้วยซ้ำ“โง่!”หลังจากที่เย่เทียนหยู่ด่าเสร็จ เขาก็เตะชายคนนั้นออกไปอย่างแรงชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ชั่วครู่และคิดจะหลบ แต่กลับพบว่าไม่มีทางให้หลับได้เลย เขาจึงถูกเตะกระเด็นออกไปอย่างแรงจนมาตกลงตรงจุดที่ไกลออกไปเขาปวดมากจนลุกขยับตัวไม่ได้เลยแรงขนาดนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วแม้แต่เพื่อนของชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ก่อนจะพากันเก็บเท้าที่ก้าวออกมาแล้วอย่างรวดเร็ว แถมไม่กล้าพูดอะไรสักคำพวกเขารู้ตัวแล้วว่า คราวนี้พวกเขาเจอคนจริงเข้าให้แล้วเย่เทียนหยู่ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับอันธพาลพวกนี้ เขาอุ้มหยางเฉียนเฉียนขึ้นมาแล้วเดินออกไปมีคนจำนวนมากพากันออกความเห็นต่าง ๆ นานา แต่การอยู่ต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าจะเขาหรือหยางเฉียนเฉียน โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นหยางเฉียนเฉียนหยางเฉียนเฉียนไม่ได้พูดอะไร
เวลา 9 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังก่อนที่เขาจะตื่น หลังจากรับสาย เขาก็รู้ว่าเป็นคุณแม่ตระกูลหลินที่โทรหาเขา และอยากมาเยี่ยมเย่เทียนหยู่ไม่มีเวลาคุยกับพวกเขา ดังนั้น เขาจึงปฏิเสธไป แต่คุณแม่ตระกูลหลินยืนกรานที่จะถาม เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนัดหมายเพื่อไปพบกันที่ชั้นล่างของบริษัทยังไงก็ต้องไปบริษัทเสียหน่อยหลังจากได้ฟังแบบนั้น คุณแม่ตระกูลหลินก็พบว่าเย่เทียนหยู่ไปทำงานในบริษัทของลูกสาวเธอแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะโกรธมาก แต่ในขณะนี้ เธอก็แอบมีความสุข ลูกสาวของเธอนี่สายตาดีจริง ๆ เลยนะ รู้จักใช้ประโยชน์จากเย่เทียนหยู่ตั้งแต่เนิ่น ๆด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่สามีภรรยามาถึงบริษัทตอน 10 โมงเช้า และบอกว่าอยากคุยกับเย่เทียนหยู่เรื่องนี้ทำให้หลินหว่านหรูตกใจมาก และเธอก็รีบเรียกพวกเขาเข้าไปในห้องทำงานของเธอ เธอเตือนพวกเขาว่าไม่มีใครรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือสามีของเธอถ้าเธอไม่รู้เรื่องของหยางเฉียนเฉียนกับเย่เทียนหยู่ คุณแม่ตระกูลหลินคงจะไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะการเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาให้ทุกคนรู้ไปเลย ให้ดีก็กินข้าวตอนข้าวร้อน มีลูกอีกสั
“เดี๋ยวก่อน ใครบอกคุณว่าอนาคตผมจะเป็นลูกเขยตระกูลหยาง”“เทียนหยู่ คุณมองสถานการณ์ไม่ชัดเจนจริง ๆ เหรอ ลองคิดดูสิ ประธานหยางให้ความสำคัญกับคุณมาก ถ้าคุณขัดความปรารถนาของเขา จุดจบมันจะอนาถขนาดไหน”“ยิ่งกว่านั้น อาก็ได้ยินมานะ ว่าลูกสาวของประธานหยางสวยสดงดงามมาก เป็นสาวงามที่หาตัวได้อยาก เธอสวยและมีเสน่ห์กว่าหว่านหรูอีกนะ”คุณพ่อตระกูลหลินชักชวนคุณแม่ตระกูลหลินถึงกับกระซิบ: “เทียนหยู่ น้ารู้ว่าคุณชอบหว่านหรู แต่สำหรับคุณ การเป็นลูกเขยของตระกูลหยางคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”“สำหรับหว่านหรูน่ะ ถ้าคุณชอบเธอจริง ๆ ในอนาคตก็ค่อยแอบมาหาเธอเอา แค่ระวังอย่าท้องก็พอแล้ว และก็อย่าให้ประธานหยางรู้เรื่องนี้”หลินหว่านหรูตกใจกับสิ่งที่เธอพูดและพูดด้วยความโกรธ: “แม่ นี่แม่กำลังพูดเรื่องอะไรคะ?”“มันก็เพื่อผลประโยชน์ของลูกเองไม่ใช่รึไง ลูกไม่เต็มใจที่จะปล่อยเย่เทียนหยู่ไปไม่ใช่เหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ เขาสามารถเป็นลูกเขยตระกูลหยางและได้รับอิทธิพลมหาศาล แถมลูกยังอยู่กับคนที่ลูกรักได้ด้วย”“หยุดนะ ถ้าแม่ยังพูดไร้สาระอีกหนูจะโกรธแล้ว” หลินหว่านหรูโกรธมาก นี่พวกเขาเห็นเธอเป็นคนแบบไหน?“เอาล่ะ หยุดทะเลา
“เทียนหยู่ คุณหมายความว่ายังไง” คุณแม่ตระกูลหลินดูไม่เชื่อเลยสักนิด“ใช่ เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าคุณหนูหยางรู้เกี่ยวกับการแต่งงานของคุณกับหว่านหรูแล้ว?” พ่อหลินถามอย่างกังวล ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ไม่ใช่มีหวังได้ถูกเก็บกวาดกันหมดเหรอ“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หยางเฉียนเฉียนเพิ่งหมั้นหมายกับคนอื่นเมื่อเช้านี้”อะไรนะ!ทันทีที่สิ้นคำพูดเหล่านี้ ทุกคนก็ตกตะลึงโดยเฉพาะ หลินหว่านหรูที่ดูประหลาดใจมาก แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเย่เทียนหยู่และหยางเฉียนเฉียนนั้นลึกซึ้งแค่ไหน แต่เธอก็มองสายตาของหยางเฉียนเฉียนออกไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นชอบเย่เทียนหยู่มากแค่ไหน ดวงตาของเธอไม่อาจโกหกได้ในกรณีนี้ เธอจะหมั้นหมายกับคนอื่นได้ยังไง?โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวลือว่าประธานหยางรักลูกสาวล้ำค่าคนนี้มากและมีพลังมหาศาลเช่นนี้ โดยปกติแล้วน่าจะให้อิสระในการเลือกคู่ครองแก่ลูกสาวสิคุณแม่ตระกูลหลินยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงหมั้นกันล่ะ? คุณทำให้ใครขุ่นเคืองบ้างหรือเปล่า?”“นั่นสิ เทียนหยู่ คุณทำอะไรไป?”คุณพ่อตระกูลหลินถามด้วยความโกรธ เย่เ
“แบบนี้แล้วละก็ ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ก็คงต้องเลือกพรรคถังอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นการที่เย่เทียนหยู่ถูกไล่ออกมาก็เป็นเรื่องปกติ”คุณพ่อตระกูลหลินอธิบาย“อย่างนี้เองสินะ ถ้าอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเย่เทียนหยู่ก็จะกลับไปเป็นพวกไร้ประโยชน์อีกแล้วสิ เพราะถึงยังไงซะ หยางต้าฝูก็คงจะไม่คุ้มกะลาหัวเขาต่อไปแน่”คุณแม่ตระกูลหลินก็ตระหนักได้ทันที“ก็น่าจะอย่างนั้นล่ะ”“ดูเหมือนว่าเย่เทียนหยู่คงจะถูกกำหนดให้ทั้งชีวิตเป็นได้แค่เหลือบไรแล้วสินะ โอกาสดีแบบนี้ก็ยังพลาดไปได้” หลินหงส่ายหน้า“เขาไม่ใช่แค่ขยะเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นตัวอัปโชคด้วย”คุณแม่ตระกูลหลินเปลี่ยนสีหน้าทันทีและพูดว่า: “เย่เทียนหยู่ ในเมื่อประธานหยางไม่ได้ชอบแกแล้ว หว่านหรูของเราก็คงไม่ชอบแกเหมือนกัน เพราะงั้นควรจะทำยังไง แกคงรู้ดีสินะ?”เย่เทียนหยู่ที่ยืนอยู่ถึงกับตกตะลึงเขาเพิ่งได้รับข่าวแล้วยังไม่ทันได้เริ่มอธิบายอะไรเลยสักคำ ก็เริ่มโจมตีเขาแล้วเหรอ การเปลี่ยนหน้าของคนพวกนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆในขณะนั้นเอง หลินหว่านหรูโกรธจัดและพูดออกไปว่า “พ่อกับแม่หมายความว่ายังไงกันคะ? เป็นคนทั้งทีต้องบ้าอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”“อะไรเรียกว่าบ้าอำ
“อีกครึ่งปี?”“ตอนแรกก็ครึ่งเดือน ตอนนี้ก็มาครึ่งปี แกคิดว่าพวกเราโง่หรือยังไง?”คุณแม่ตระกูลหลินตอบด้วยความโกรธ“ใช่ ทำแบบนั้นไม่ได้แน่นอน เราจะไม่มีวันตกลง!”“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม ผมก็คงช่วยไม่ได้ สรุปคือ เว้นเสียแต่หว่านหรูจะเป็นคนไล่ผมเอง ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบพ่อแม่ตระกูลหลินโกรธมาก ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น และเธอก็กดวางสายไป แต่หลิวเหวินก็โทรมาอีกครั้งเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกดรับ ทันทีที่เธอรับสาย น้ำเสียงเร่งด่วนของหลิวเหวินก็ดังขึ้นว่า: “ประธานหลิน มีคนจากสถานีตำรวจบอกว่าพวกเขาต้องการจับกุมเย่เทียนหยู่ค่ะ”“อะไรนะ!”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เทียนหยู่“ฉันกำลังให้คนตามหาเขาอยู่ค่ะ”หลิวเหวินพูดก่อนวางสายโทรศัพท์“มีเรื่องอะไร?”พ่อแม่ตระกูลหลินได้ยินมาว่ามีคนจากสถานีตำรวจดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูเพิกเฉยต่อเธอและถามเย่เทียนหยู่: “เย่เทียนหยู่ นายไปทำอะไรมา คนของสถานีตำรวจมาที่บริษัทเพื่อจับกุมนาย”“จับผม?”“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”เย่เทียนหยู่ก็สับสนเล็กน
โดยเฉพาะ ข่าวสมัยก่อนที่ว่าลูกเขยสังหารโหดทั้งครอบครัวเพราะความโกรธ น่ากลัวมากสีหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนไปทันที และเธอพูดด้วยความกังวล: “คุณตำรวจ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ? เย่เทียนหยู่เป็นที่ซื่อมากเลยนะคะ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ”“เขาได้ทำหรือไม่ หลังจากการสอบสวนเราก็จะได้รู้กันแน่ชัดเจนแล้วค่ะ”“ใส่กุญแจมือ!”ตำรวจหญิงจึงสั่งการเจ้าหน้าที่ของเธอเย่เทียนหยู่ไม่ได้ขัดขืน และขมวดคิ้ว: “คุณตำรวจ ผมไม่รู้ว่าคุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน แต่คุณต้องเข้าใจผิดคนแน่”ตำรวจสาวดูเฉยเมย ทุกครั้งที่มีนักโทษถูกจับกุมต่างก็ล้วนปฏิเสธกันทั้งนั้น “ไว้เราจะรู้เองว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหรือไม่ แต่คุณต้องมากับฉันก่อน”“แต่ฉันต้องรู้ว่าทำไมฉันถึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ผมฆ่าใคร?”“คุณจะรู้เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ”“เอาตัวไป!”เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงไม่ได้พูดคำว่า ในประเทศแห่งนี้ ทุกคนมีหน้าที่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในสืบสวนคดี เพียงแต่จับเขาใส่กุญแจมืออย่างไม่เหมาะสมแต่เย่เทียนหยู่คนนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา และเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างยิ่งเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถูกใส่กุญแจมือและเอาตัวไปในเวล
หลิวซือซือซึ่งนั่งอยู่ในรถตำรวจรู้สึกประหม่ามากและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “หัวหน้าทีมเย่ ฉันพูดผิดไป ทำให้ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งยากหรือเปล่าคะ?”“คุณคิดยังไง?”เย่เทียนหยู่กลอกตา“ฉันขอโทษนะ ฉันแค่อยากจะช่วยคุณ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ บอกไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก”“จริงเหรอคะ หัวหน้าทีมเย่ คุณรู้จักเจ้าพ่อใหญ่ ๆ ใช่ไหมคะ?”หลิวซือซือถามด้วยความสงสัย“……”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ต้องมาอยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจด้วยเหรอ?นี่เธอยังเป็นยอดนักขายของบริษัทอยู่รึเปล่า?“นั่นเพราะเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เรื่องที่คุณบอกก็เลยไม่ใช่กระทงใหญ่” ตำรวจหญิงที่นั่งข้างเขาพูดอย่างเย็นชา“อ่า อะไรนะคะ?”หลิวซือซือตกใจ คดีฆาตกรรมเหรอ?เป็นไปได้ยังไงกัน“อย่าฟังเรื่องไร้สาระ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” เย่เทียนหยู่ปลอบใจเธอ“ฉันก็หวังอย่างนั้น แต่ถ้าคุณตกอยู่ในมือของฉัน คุณก็อย่าหวังพึ่งโชคเลย ขอแค่คุณก่ออาชญากรรม ไม่ว่าคุณจะรู้จักเจ้าพ่อคนไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก”“ผมไม่ได้ก่ออาชญากรรม” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“แล้วเจียงเทาตายได้ยังไง?”“เจียงเทา?”“ฉันไม่รู้จักคนคนนี้สักหน่อย!”ตำรวจหญิงส่ายห
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป