“เขาตายแล้วเหรอ?”“ดูเหมือนเวรกรรมจะมีจริงสินะ”“คุณพูดอะไร?”หลงเจี๋ยโกรธมาก“ไม่มีอะไร ผมหมายถึงไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผมฆ่าเขา เพียงเพราะผมมีเรื่องขัดแย้งกับเขา คุณก็คิดว่าผมเป็นฆาตกรแน่แล้วอย่างนั้นเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่โต้กลับ“นายคงคิดว่าตัวเองทำมันได้สมบูรณ์แบบเลยสินะ เจียงเทาทิ้งหลักฐานไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต”หลงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “แต่ว่า ฉันจะให้โอกาสคุณสารภาพทุกอย่างเอง”“ไม่ต้องหรอก ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงออกมาเลย”“ดี งั้นคุณลองดูนี่”หลงเจี๋ยก็แสดงวิดีโอที่เจียงเทาบันทึกไว้เมื่อคืนนี้ เขาบอกว่าคนที่ทุบตีเขาตอนนั้นเตือนเขาว่าเขาจะฆ่าเขา เขากังวลมากจากนั้นก็มีรูปถ่ายที่เขาเขียนคำว่า “เย่” ไว้ข้างตัวเขาก่อนจะเสียชีวิตเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าอย่างไร้คำพูดและพูดว่า “คุณก็เชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่คิดว่าทุกอย่างเป็นการจงใจสร้างของปลอมเหรอ?”“คุณหมายถึงมีคนจงใจที่จะทำร้ายคุณและฆ่าใครสักคนเพื่อใส่ร้ายคุณ?” หลงเจี๋ยถามกลับ“เป็นไปได้”ภาพของหลายคนปรากฏในใจของเย่เทียนหยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าใครโหดร้ายขนาดนี้ หลี่ว์ซิงเหอ?ไม่หรอกมั้งหรือจะเป็นกงซุนจื้อ? ซูเห
หลงเจี๋ยไม่อยากปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเลยจริง ๆ แต่หากผู้กองจางพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถต่อต้านได้แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นเจ้านายของผู้กองจางแต่เธอก็ถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดเกี่ยวกับการฉวยโอกาสจากสถานะตระกูลของเธอ แม้แต่คนอื่น ๆ ในสำนักงานตำรวจก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของรัฐมันตรีหลงหลังจากวางสายแล้ว หลงเจี๋ยขอให้คนไปปลดล็อคกุญแจมือของเย่เทียนหยู่และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เย่เทียนหยู่ คุณมีอิทธิพลมากนี่ ตอนนี้ภูมิใจในตัวเองหรือยังล่ะ?”“ไม่หรอกครับ ก็ผมไม่ได้ทำตั้งแต่แรก ส่วนเรื่องนี้ผมยังหวังว่าสารวัตหลงจะยังสืบสวนต่อและหาคนฆาตกรตัวจริงเจอ”“ไม่ต้องกังวล ฉันทำแน่ แต่ฉันเกรงว่าจะดันสืบไปเจอคุณอีกน่ะสิ เมื่อถึงเวลานั้น ใครหน้าไหนก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก”“ไม่หรอกครับ!”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นพูด “สารวัตรหลง ผมไปล่ะ ไว้จะมาพบคุณอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”“เจอกันอีกแน่นอน”หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาและแอบคิดว่าให้ดีอย่าพลาดมาอยู่ในมือฉันแล้วกัน ไม่งั้นคุณได้เห็นดีแน่อีกเหตุผลที่เธอยอมปล่อยเขาไปในครั้งนี้ ก็คือตัวเธอเองพบว่าความรู้สึกของการถูกใส่ร้ายนั้นชัดเจนมากแต่คนที่เย่อหยิ่ง
“แล้วแต่นาย”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์อย่างมีความสุขในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็ได้เข้าใจ ว่าความรักคืออะไรในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าเธอชอบเย่เทียนหยู่จริง ๆแม้ว่าเขาคนนี้จะไร้ความสามารถและไม่ได้มีอิทธิพลอะไร เธออาจถูกนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าแต่งงานกับเขาแต่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดอะไรขอแค่เธอชอบเขาก็พอเพียงแต่ว่าพ่อแม่อาจไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ ท่านปู่อาจขอให้เธอออกจากตระกูล ไม่รู้ว่ากลับมาแล้วเขาจะมีท่าทียังไงกันนะเฮ้อ!ทำไมทุกอย่างถึงยากแบบนี้นะ!ในขณะนี้ หลินหว่านหรูได้แอบตัดสินใจเธอต้องฝึกฝนเย่เทียนหยู่ให้ดี และต้องทำให้เขามีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นแกนนำของบริษัทด้วยเมื่อถึงเวลานั้น แรงช่วยของเขาต้องน้อยมากแน่ๆทันใดนั้น หลินหว่านหรูก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องคนเล็กเก๊กรัก นี่เธอก็เป็นเหมือนเรื่องคนเล็กเก๊กรักหรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่ ต่อไปนายต้องใจสู้หน่อยล่ะนะ เลิกเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งสักทีในขณะเดียวกัน หลิวซือซือกลับมาที่บริษัท ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนั่งลงบนที่นั่ง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลิวซือซือยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยอะไรกัน ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของหัวหน้าทีมเย่? หรือเธอเกิดประสาทหลอนเพราะเป็นห่วงเขามากเกินไป?เธออดหันหน้าไปมองทันที เป็นหัวหน้าทีมเย่จริง ๆ ด้วย และทันใดนั้นความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอหัวหน้าทีมเย่กลับมาเร็วขนาดนี้ ก็หมายความว่าหมดเรื่องแล้วใช่หรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่เดินเข้ามา และมองดูจางเหยียนที่ตกอยู่ในอาการตกใจ แล้วพูดอย่างใจเย็น: “จางเหยียน ผมถามคำถามคุณนะ ทำไมไม่ตอบ?”ใบหน้าของจางเหยียนซีดขาว ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวและรีบตอบทันที: “หัวหน้าทีมเย่ เข้าใจผิดแล้วค่ะ เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย”เย่เทียนหยู่ยิ้ม ในดวงตาของเขามีแสงเย็นวาบผ่าน และพูดว่า “คุณคิดว่าผมเชื่อเหรอ”“ฉัน……”“ดูสิว่าท่าทางขี้ขลาดของคุณสิ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป แต่ทิ้งประโยคไว้หนึ่งประโยค“จางเหยียน ผมขอเตือนคุณว่า อย่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งคุณจะต้องตายอย่างน่าสังเวช”เมื่อมองดูเย่เทียนหยู่จากไป สีหน้าของจางเหยียนน่าเกลี
“แล้วก็ ต่อไปนายต้องตั้งใจทำงานที่บริษัทให้มาก ๆ นะ อย่าให้หลิวสุ่ยทำทุกอย่างแทน ความพยายามของนายในตอนนี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน รอจนมีโอกาสฉันจะเลื่อนขั้นให้นายเอง”หลินหว่านหรูบอกเขาตามตรง และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเย่เทียนหยู่ด้วยแต่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟัง เขาก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีแค่นี้ก็พอแล้ว”“พอแล้วอะไรของนาย นายไม่คิดจะก้าวหน้าเลยหรือยังไง?”“มันไม่จำเป็นจริง ๆ ครับ”“ไม่จำเป็น นายคิดว่านายตามเงินคืนมาได้เยอะมากก็เลยเก่งสุดๆ ไปเลยอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าแค่นี้จะแต่งงานกับใครก็ได้แล้วรึยังไง?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดว่า “คุณหมายถึงว่า ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานเลื่อนตำแหน่ง แล้วคุณจะยอมเป็นภรรยาจริง ๆ ของผมแบบนั้นสินะ”“หึ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”“งั้นก็ลืมไปเถอะ ผมไม่อยากทำงานไร้ประโยชน์”“นาย!”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เพื่อให้เย่เทียนหยู่ก้าวหน้า เธอเลยจะเป็นต้องเปิดเผยความในใจเล็กน้อย: “นายพูดถูก ถ้านายได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ ฉันจะพิจารณาเป็นภรรยาของนาย”“บอกมาซะก็จบเรื่อง ถ้าอย่างนั้นผมจะพยาย
“เค่อซิน......”หลังจากออกจากบริษัท เย่เทียนหยู่ก็ไปเยี่ยมเฉินเค่อซินแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว แต่เฉินเค่อซินยังคงสวมกระโปรงยาวเรียบง่ายเป็นนิสัย ซึ่งเผยรูปร่างเพรียวบางของเธอได้เป็นอย่างดีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นสวยงามมากและผิวพรรณของเธอเนียบละเอียดผู้ชายคนไหนได้เห็นก็คงถูกทำเอาหลงหัวปักหัวปำ“พี่เย่ พี่มาแล้ว!”เฉินเค่อซินมีความสุขมากที่ได้พบเย่เทียนหยู่ ความจริงแล้ว หลายครั้งเธออยากจะเป็นคนเข้าหาเขาก่อน แต่เธอกลัวที่จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพี่เย่“อือ ก็คิดถึงคุณไม่ใช่รึไงเล่า”“ฉันไม่เชื่อพี่หรอกค่ะ” ใบหน้าของเฉินเค่อซินแดงก่ำ แต่ภายในใจเธอมีความสุขมากหลังจากที่ทั้งสองนั่งลง เย่เทียนหยู่ก็ถามสถานการณ์ของเค่อซินในระยะนี้เขารู้มาว่าเฉินเค่อซินลาออกจากที่เดิมแล้วและกำลังมองหางานใหม่ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เธอแค่อยากหางานที่เหมาะกับเธอเท่านั้นแถมยังไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปด้วย“คุณไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปมาเหรอ?”“อือ น่าเสียดายที่ไม่ผ่านค่ะ” เฉินเค่อซินไม่รู้เลยว่าภรรยาของเย่เทียนหยู่เป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ป“ใครเป็นคนสัมภาษณ์?
เฉินเค่อซินไม่อยากพลาดโอกาส หลังจากวางสาย เธอก็ทั้งมีความสุขและวิตกกังวล เธอค้นหาคำถามสัมภาษณ์มากมายในกูเกิลทันทีและท่องคำถามเหล่านี้ไม่หยุดเพื่อจะเตรียมตัวทำผลงานดี ๆ ในวันพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเค่อซินเตรียมตัวอย่างปราณีต ไม่นานเธอก็มาถึงชั้นล่างของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป เธอกังวลมากจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนจะเข้าไปทันทีที่มาถึงประตู ก็มีคนเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีค่ะ คุณคือคุณเฉินเค่อซินหรือเปล่าคะ”“ใช่แล้วค่ะ!”“เชิญทางนี้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณขึ้นไปเอง”เฉินเค่อซินตกตะลึง บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์ขนาดนี้เลยเหรอ? แถมพี่สาวคนนี้ก็นิสัยดีมากและยังมารับเธอเป็นพิเศษอีกด้วยเธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย: “สวัสดีค่ะ บริษัทของคุณสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์เกินไปหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ถึงสถานการณ์เลยสินะ แต่ว่าในฐานะเลขาของประธานถาน เธอรู้ดีว่ามีบางอย่างที่เธอไม่สามารถพูด เธอยิ้มและพูดว่า “ยินดีค่ะ เรียกฉันว่าหวงฉินก็ได้นะคะ”แม้เธอจะไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คือใคร แต่เธอก็ทำให้ประธานถานบอกเธอได้ ว่าเธอต้องดูแลผู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหว่านหรูมาที่สำนักงานของบริษัทตามปกติและกำลังยุ่งอยู่กับงานในมือ แต่ในไม่ช้าซูถิงก็เดินเข้ามาและพูดอย่างกังวล: “หว่านหรู มีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ!”“มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลินหว่านหรูสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่ซูถิงเตือน หลินหว่านหรูก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและค้นหาในที่สุดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเธอมืดมนลงทันทีที่แท้แล้วบนอินเตอร์เน็ตก็กำลังคอมเพลนปัญหาเครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ของหลินซื่อกรุ๊ป ว่าหลังจากทาแล้วแทนที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นและฟื้นฟูผิวกลับมีจุดด่างดำมากมายปรากฏบนใบหน้าประเด็นคือ พวกเขาตามตัวบริษัทผ่านทางผู้ขาย แต่ทางบริษัทไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดของตน โดยบอกว่าผลิตภัณฑ์ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันเป็นปัญหาที่ผิวของลูกค้าเองพวกเขายังขู่ด้วยว่า ประธานหลินผู้เป็นประธานบริษัทบอกแล้วว่า หากพวกเขาเผยแพร่ข่าวลือและทำลายชื่อเสียงของบริษัท บริษัทจะฟ้องร้องพวกเขาและขอให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลนอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าเจ้านายของพวกเขา ประธานหลินเป็น CEO สาวสวยที่มีชื่อเสียงในเมืองเทียนไห่ มีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังมากมาย และมีหลายวิธีที่จะฆ่าพวกเขา ดังนั
เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หว่านหรู ในเมื่อทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พอดีเมื่อกี้คุณตำรวจหลงมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมน่ะ ผมขอไปหาเธอหน่อยนะ”“อือ คุณไปเถอะ”เมื่อกี้ตอนที่หลงเจี๋ยเชิญเขา หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้เรื่องนี้ดีหลังจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงเดินจากไปเมื่อเย่เทียนหยู่เดินจากไปแล้ว คนที่เหลือก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หลังจากที่สื่อสารกันไปมาสักพัก หลินหว่านหรูก็ได้เซ็นลงไปส่วนเรื่องเงินชดเชย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเลยสักบาทเมื่อเห็นว่าในที่สุดปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แม่ตระกูลหลินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เธอจึงกอดหลินหว่านหรูเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดด้วยความซาบซึ้งออกไปว่า “หว่านหรู ขอบคุณมากนะ!”“ก่อนหน้านี้แม่ทำผิดพลาดไปมากมาย แต่ลูกก็ยังปกป้องแม่ตลอด ลูกเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกเลย แม่รักลูกนะ!”คำพูดที่หวานซึ้งเช่นนี้ หลินหว่านหรูถึงกับทนรับเอาไว้ไม่ไหว แต่การที่แม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากแล้ว“หว่านหรู ลูกวางใจได้ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แม่จะดูแลบริษัทใ
ในตอนที่เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นว่าพ่อตระกูลหลินกำลังเดินออกมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นออกไปว่า “หว่านหรู ในที่สุดแกก็มาแล้ว ขืนแกยังไม่มา แม่แกคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”หลินหว่านหรูขมวดคิ้ว เธอแทบไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชาอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของทั้งสอง สีหน้าพ่อตระกูลหลินก็ดูหมดหวัง และคิดว่าหลายสิ่งที่พวกเขาทำมันเกินไปแล้วจริง ๆ เขาจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเป็นเพราะเขาเดินตามทั้งสองเข้าไป พ่อตระกูลหลินถึงเข้าไปด้วยได้ เดิมที เขาแค่จะมาดูแม่ตระกูลหลินเท่านั้นภายใต้การนำทางของตำรวจ หลินหว่านหรูและเย่เทียนหยู่ก็ได้มาถึงห้องขังที่แม่ตระกูลหลินอยู่แม่ตระกูลหลินเองก็รู้ว่าหลินหว่านหรูมาถึงแล้ว ทันทีที่เห็นทั้งสอง เธอก็รีบลุกขึ้น และเดินมาหาทันที ดวงตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “หว่านหรู ลูกรักของแม่ ลูกมาแล้วเหรอ!”มองดูดวงตาที่แดงก่ำของแม่ตระกูลหลิน บวกกับท่าทีตื่นเต้นโดยเฉพาะสีหน้าที่ดูอ่อนเพลียและซีดเซียวของเธอ แม้แต่ผมเผ้าเองก็ยังดูยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เธอดูน่าสงสารอย่างมากบวกกับที่เธอพูดคำว
คุณนายไป๋ถูกหัวหน้าใหญ่ไป๋จ้องตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย ก่อนจะรีบพูดออกมาเบา ๆ ว่า “พี่เฉินคะ พะ พี่เป็นอะไรไป?”“เธอคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่“ละ แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะคะ ถึงต่อให้ฉันเป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา พี่ก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงจะสามารถจัดการเขาได้?”“เดิมทีมันก็อาจจะได้ แต่เมื่อกี้พยัคฆ์ทมิฬเพิ่งรายงานว่า เขาอาจจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรก็ได้ และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสมากถึงแปดเก้าส่วนที่จะเป็นเรื่องจริง”“หากว่าเขาเป็นราชามังกรจริง ๆ ล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่สำนักเจวี๋ยฉิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้”ไป๋เฉินพูดด้วยความโกรธ“หา ไม่จริงน่า เป็นไปได้ไหมที่พยัคฆ์ทมิฬกำลังหลอกพี่อยู่”“เขาไม่มีทางหลอกฉันแน่”ไป๋เฉินถอนหายใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาถูกภรรยาชักจูงแบบผิด ๆ มาตั้งแต่แรก ต่อให้ตอนนี้ตนได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาในการจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เป็นจุดตันเถียนของเขา มันจะยังสามารถฟื้นฟูกลับมาไ
จากนั้น ไป๋เฉินก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่ดูประณีตออกมาจากตัว เขานำมันติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงยื่นให้เย่เทียนหยู่ด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นี่คือสมบัติที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น ว่ากันว่า หากกลั่นมันออกมาเป็นยา ก็จะสามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่ระดับปรามาจารย์ได้ทันทีหากไม่ใช่เพราะแรงกดดันที่น่ากลัวจากสำนักเจวี๋ยฉิง เขาก็คงคิดที่จะเก็บมันเอาไว้ใช้เองเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ตอนที่ยอดฝีมือจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่อสู้กับปรมาจารย์ที่น่ากลัวคนหนึ่ง กระบวนท่าเดียว ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์คนนั้นได้ในทันทีดังนั้น การที่ไอ้เด็กนี่มันกล้าท้าทายอำนาจสำนักเจวี๋ยฉิงแบบนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่รับกล่องมา ก่อนจะเปิดดูด้านใน และพบว่านั่นคือดอกบัวสีเจ็ดสีจริง ๆ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อมาอยู่ในมือของเขา เขาจึงรับเก็บมันไว้ทันที แล้วพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยออกไปว่า “เห็นแก่ของเล่นชิ้นนี้ ผมจะปล่อยคุณไปสักครั้งก็แล้วกัน”“จำไว้นะว่า อีกสี่หมื่นห้าพันล้าน จะต้องถูกโอนเข้าบัญชีภายในหนึ่งวัน เพราะไม่อย่างนั้น ก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ทันที
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด
แต่สิ่งนี้ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าใหญ่ไป๋ถูกจัดการแล้วจริง ๆ เขาถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงคุณนายไป๋หน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว เธอทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ในเวลานี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเทพสงครามในสายตาของเธอได้ถูกทำลายลงแล้วจริง ๆเพราะความทะเยอทะยานของเธอ จึงทำให้ผู้ชายของเธอได้กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง!ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดไป๋เฉินก็สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ก่อนจะถามออกไปด้วยความกลัวว่า “แกเป็นใครกันแน่?”“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินอีกสี่หมื่นห้าพันล้านจะต้องเข้าบัญชีเดี๋ยวนี้” เย่เทียนหยูกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย “ภรรยาของคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่ตัวคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาสินะ?”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ดีมากนัก เขารู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างมาก ที่ทำให้ชี่แท้ของตนถูกทำลาย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เงินก้อนนี้ฉันจะไม่มีวันมอบให้แน่นอน”“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยสนใจชีวิตภรรยาของคุณเลยสินะ”“พี่เฉินคะ......”คุณนายไป๋ลนลานขึ้นมาทันที เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้อีก เ
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต
ไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งอะไรนั่นหรอก ก็แค่ระดับหมิงจิ้นขั้นสูงธรรมดาเท่านั้น ขนาดระดับพลังจันทราขั้นต้นก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ เย่เทียนหยู่ย่อมจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนสีหน้าคุณนายไป๋ดูหม่นหมองลง เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสามคนแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ยิ่งเป็นการทำให้ไอ้เด็กนั่นได้ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่รึไง เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “พี่เฉิน ถึงเด็กนั่นจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดา เกรงว่าพี่อาจจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ”“ฉันรู้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อกี้ทั้งสามคนยังไม่ทันจะทำให้เย่เทียนหยู่เผยความสามารถออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปว่า “ทำไม ถ้ายังไม่พร้อมล่ะก็ คุณจะลองโทรให้คนตรวจสอบความแข็งแกร่งของผมดูสักหน่อยไหมล่ะ?”“อวดดี!”“การจัดการกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!”หัวหน้าใหญ่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เมื่อกี้ ฉัน
“ความลับงั้นเหรอ?”ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย หรืออีกฝ่ายรู้ตัวตนราชามังกรของตนแล้วงั้นเหรอ? ในเมื่อรู้แล้ว แต่กลับยังกล้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก ก็แสดงว่าคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่นั้น มีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน“เหอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเสแสร้งอยู่อีก!”สีหน้าคุณนายไป๋ดูพอใจอย่างมาก เธอจึงพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ก็แค่อาศัยการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่นของแก แล้วจู่โจมอย่างกะทันหันไม่ใช่รึไง หากไม่ใช่แบบนี้ แกก็คงจัดการกับพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เถาไม่ได้หรอก!”“ตอนนี้ แกได้สูญเสียความลับวิธีการโจมตีที่สำคัญไปแล้ว และพี่เฉินเองก็มีพลังที่เหนือกว่าที่แกจะจินตนาการได้เสียอีก อย่าว่าแต่แกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีก ต่อให้แกจะมีวิธีอื่น แกก็ต้องตายอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจว่าความลับที่พูดถึงคืออะไร เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือความลับที่คุณพูดถึงเหรอ?”“ถูกต้อง ถึงแกจะไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายไป๋พูดอย่างเย็นชาหัวหน้าใหญ่ไป๋โบกมือไปมา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู พูดจาไร้สาระให้น้อย ๆ หน่อย ตอนนี้