เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลิวซือซือยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยอะไรกัน ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของหัวหน้าทีมเย่? หรือเธอเกิดประสาทหลอนเพราะเป็นห่วงเขามากเกินไป?เธออดหันหน้าไปมองทันที เป็นหัวหน้าทีมเย่จริง ๆ ด้วย และทันใดนั้นความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอหัวหน้าทีมเย่กลับมาเร็วขนาดนี้ ก็หมายความว่าหมดเรื่องแล้วใช่หรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่เดินเข้ามา และมองดูจางเหยียนที่ตกอยู่ในอาการตกใจ แล้วพูดอย่างใจเย็น: “จางเหยียน ผมถามคำถามคุณนะ ทำไมไม่ตอบ?”ใบหน้าของจางเหยียนซีดขาว ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวและรีบตอบทันที: “หัวหน้าทีมเย่ เข้าใจผิดแล้วค่ะ เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย”เย่เทียนหยู่ยิ้ม ในดวงตาของเขามีแสงเย็นวาบผ่าน และพูดว่า “คุณคิดว่าผมเชื่อเหรอ”“ฉัน……”“ดูสิว่าท่าทางขี้ขลาดของคุณสิ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป แต่ทิ้งประโยคไว้หนึ่งประโยค“จางเหยียน ผมขอเตือนคุณว่า อย่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งคุณจะต้องตายอย่างน่าสังเวช”เมื่อมองดูเย่เทียนหยู่จากไป สีหน้าของจางเหยียนน่าเกลี
“แล้วก็ ต่อไปนายต้องตั้งใจทำงานที่บริษัทให้มาก ๆ นะ อย่าให้หลิวสุ่ยทำทุกอย่างแทน ความพยายามของนายในตอนนี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน รอจนมีโอกาสฉันจะเลื่อนขั้นให้นายเอง”หลินหว่านหรูบอกเขาตามตรง และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเย่เทียนหยู่ด้วยแต่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟัง เขาก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีแค่นี้ก็พอแล้ว”“พอแล้วอะไรของนาย นายไม่คิดจะก้าวหน้าเลยหรือยังไง?”“มันไม่จำเป็นจริง ๆ ครับ”“ไม่จำเป็น นายคิดว่านายตามเงินคืนมาได้เยอะมากก็เลยเก่งสุดๆ ไปเลยอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าแค่นี้จะแต่งงานกับใครก็ได้แล้วรึยังไง?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดว่า “คุณหมายถึงว่า ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานเลื่อนตำแหน่ง แล้วคุณจะยอมเป็นภรรยาจริง ๆ ของผมแบบนั้นสินะ”“หึ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”“งั้นก็ลืมไปเถอะ ผมไม่อยากทำงานไร้ประโยชน์”“นาย!”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เพื่อให้เย่เทียนหยู่ก้าวหน้า เธอเลยจะเป็นต้องเปิดเผยความในใจเล็กน้อย: “นายพูดถูก ถ้านายได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ ฉันจะพิจารณาเป็นภรรยาของนาย”“บอกมาซะก็จบเรื่อง ถ้าอย่างนั้นผมจะพยาย
“เค่อซิน......”หลังจากออกจากบริษัท เย่เทียนหยู่ก็ไปเยี่ยมเฉินเค่อซินแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว แต่เฉินเค่อซินยังคงสวมกระโปรงยาวเรียบง่ายเป็นนิสัย ซึ่งเผยรูปร่างเพรียวบางของเธอได้เป็นอย่างดีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นสวยงามมากและผิวพรรณของเธอเนียบละเอียดผู้ชายคนไหนได้เห็นก็คงถูกทำเอาหลงหัวปักหัวปำ“พี่เย่ พี่มาแล้ว!”เฉินเค่อซินมีความสุขมากที่ได้พบเย่เทียนหยู่ ความจริงแล้ว หลายครั้งเธออยากจะเป็นคนเข้าหาเขาก่อน แต่เธอกลัวที่จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพี่เย่“อือ ก็คิดถึงคุณไม่ใช่รึไงเล่า”“ฉันไม่เชื่อพี่หรอกค่ะ” ใบหน้าของเฉินเค่อซินแดงก่ำ แต่ภายในใจเธอมีความสุขมากหลังจากที่ทั้งสองนั่งลง เย่เทียนหยู่ก็ถามสถานการณ์ของเค่อซินในระยะนี้เขารู้มาว่าเฉินเค่อซินลาออกจากที่เดิมแล้วและกำลังมองหางานใหม่ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เธอแค่อยากหางานที่เหมาะกับเธอเท่านั้นแถมยังไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปด้วย“คุณไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปมาเหรอ?”“อือ น่าเสียดายที่ไม่ผ่านค่ะ” เฉินเค่อซินไม่รู้เลยว่าภรรยาของเย่เทียนหยู่เป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ป“ใครเป็นคนสัมภาษณ์?
เฉินเค่อซินไม่อยากพลาดโอกาส หลังจากวางสาย เธอก็ทั้งมีความสุขและวิตกกังวล เธอค้นหาคำถามสัมภาษณ์มากมายในกูเกิลทันทีและท่องคำถามเหล่านี้ไม่หยุดเพื่อจะเตรียมตัวทำผลงานดี ๆ ในวันพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเค่อซินเตรียมตัวอย่างปราณีต ไม่นานเธอก็มาถึงชั้นล่างของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป เธอกังวลมากจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนจะเข้าไปทันทีที่มาถึงประตู ก็มีคนเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีค่ะ คุณคือคุณเฉินเค่อซินหรือเปล่าคะ”“ใช่แล้วค่ะ!”“เชิญทางนี้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณขึ้นไปเอง”เฉินเค่อซินตกตะลึง บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์ขนาดนี้เลยเหรอ? แถมพี่สาวคนนี้ก็นิสัยดีมากและยังมารับเธอเป็นพิเศษอีกด้วยเธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย: “สวัสดีค่ะ บริษัทของคุณสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์เกินไปหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ถึงสถานการณ์เลยสินะ แต่ว่าในฐานะเลขาของประธานถาน เธอรู้ดีว่ามีบางอย่างที่เธอไม่สามารถพูด เธอยิ้มและพูดว่า “ยินดีค่ะ เรียกฉันว่าหวงฉินก็ได้นะคะ”แม้เธอจะไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คือใคร แต่เธอก็ทำให้ประธานถานบอกเธอได้ ว่าเธอต้องดูแลผู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหว่านหรูมาที่สำนักงานของบริษัทตามปกติและกำลังยุ่งอยู่กับงานในมือ แต่ในไม่ช้าซูถิงก็เดินเข้ามาและพูดอย่างกังวล: “หว่านหรู มีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ!”“มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลินหว่านหรูสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่ซูถิงเตือน หลินหว่านหรูก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและค้นหาในที่สุดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเธอมืดมนลงทันทีที่แท้แล้วบนอินเตอร์เน็ตก็กำลังคอมเพลนปัญหาเครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ของหลินซื่อกรุ๊ป ว่าหลังจากทาแล้วแทนที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นและฟื้นฟูผิวกลับมีจุดด่างดำมากมายปรากฏบนใบหน้าประเด็นคือ พวกเขาตามตัวบริษัทผ่านทางผู้ขาย แต่ทางบริษัทไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดของตน โดยบอกว่าผลิตภัณฑ์ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันเป็นปัญหาที่ผิวของลูกค้าเองพวกเขายังขู่ด้วยว่า ประธานหลินผู้เป็นประธานบริษัทบอกแล้วว่า หากพวกเขาเผยแพร่ข่าวลือและทำลายชื่อเสียงของบริษัท บริษัทจะฟ้องร้องพวกเขาและขอให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลนอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าเจ้านายของพวกเขา ประธานหลินเป็น CEO สาวสวยที่มีชื่อเสียงในเมืองเทียนไห่ มีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังมากมาย และมีหลายวิธีที่จะฆ่าพวกเขา ดังนั
แน่นอนว่าเมื่อได้รับรู้สถานการณ์นี้แล้ว เขาก็คงต้องสงสัยเธอก่อนเป็นอันดับแรก“ขออภัยค่ะ ฉันกำลังตรวจสอบว่าตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าหากได้คำตอบแล้ว ฉันจะรีบแจ้งประธานซูทันทีค่ะ” หลินหว่านหรูกล่าว“ได้ ผมจะรอรายงานของคุณ ถ้าผมต้องเสียหายมหาศาลเพราะความผิดพลาดร้ายแรงของคุณ ผมจะต้องให้คุณได้ชดใช้แน่” ซูเหวินฮุยวางสายโทรศัพท์ลง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะมีแสงเย็นวาบผ่านในตอนแรกเรื่องนี้ได้รับการอนุมัติจากเขา ไม่อย่างนั้น หลี่ว์ซิงเหอเองคงไม่กล้าดำเนินการแน่ ถึงยังไงซะ คนที่จะได้รับผลเสียไม่ใช่แค่ตระกูลหลิน แต่ยังรวมไปถึงตระกูลซูด้วยเพราะตระกูลซูก็ลงทุนไปเช่นกันแต่หลี่ว์ซิงเหอคนนี้ถือว่าใจเด็ดมากพอที่จะทำเช่นนี้ หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง มันจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อหลินซื่อกรุ๊ปและหลี่ว์ซิงเหอเองก็จะต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่สีหน้าของหลินหว่านหรูย่ำแย่มาก ตอนนี้เธอยังไม่ทราบสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด หลังจากเห็นเฉินเวยมาถึง เธอก็ถามขึ้นด้วยความโมโหทันทีเธอโมโหมากจริง ๆ เมื่อได้อ่านความคิดเห็นบนอินเตอร์เน็ตเมื่อครู่โดยเฉพาะ การตอบกลับที่ดูเถียงไปข้าง ๆ
เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่โอบกอดสาวสวย กงซุนจื้อก็พูดอย่างขมขื่น: “ไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่มันดวงดีอะไร ถึงได้รู้จักกับผู้หญิงที่สวยสุด ๆ แบบนี้ แถมยังเหยียบเรือสองแคมเลยด้วย”“ใช่ แต่ว่าภูมิหลังของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย”“อ่อ?”“เขาเป็นลูกสาวยอดดวงใจของ หยางต้าฝู ประธานหอการค้าหลงเถิง”“ลูกสาวหยางต้าฝูเหรอ?”“อย่างนั้นเองสินะ ถึงว่าทำไมไม่มีรูปถูกเผยแพร่ออกมาเลยสักรูปเดียว ตำรวจก็ปล่อยเขาเร็วมาก ที่แท้ก็เพราะหยางต้าฝู”“ใช่ครับ เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่ามันไม่ใช่ความสามารถของเขา แต่เพราะเขาโชคดี ถ้าลูกสาวของหยางต้าฝูไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาคงไม่ได้ออกมาแน่นอน”“มีโอกาสเป็นอย่างนั้นสูงทีเดียว ถ้าอย่างนั้นเราพักมันไว้ก่อน รอดูว่าเด็กคนนี้ปฏิบัติต่อลูกสาวของหยางต้าฝูยังไงบ้าง หยางต้าฝูก็เป็นคนที่ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมพอตัว คงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่”กงซุนจื้อพูดอย่างใจเย็น แต่ว่า ดันกล้ามาแข่งเรื่องผู้หญิงกับเขา ความตายต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็วไม่ต้องพูดถึงว่า เขาจะหนีจากเงื้อมมือของหยางต้าฝูได้หรือไม่ แม้ว่าเขาจะหลบหนีไปได้เพราะโชคช่วย เขาก็จะแสดงให้เห็นเองว่า กระต่ายก็คือกระต่าย ไม่มีทางไปถ
“เกิดอะไรขึ้นกับหลินซื่อกรุ๊ป?”“คุณยังไม่รู้เหรอครับ?” ซูเหวินฮวาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า “เครื่องสำอางที่ประธานหลินร่วมมือกับตระกูลซูมีปัญหาใหญ่ ตอนนี้ดังไปทั้งอินเตอร์เน็ตเลยครับ”เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและค้นหาอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาก็เผยความขุ่นเคืองขึ้นมาทันทีแม้ว่าเครื่องสำอางจะมีปัญหา แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่หลวงขนาดนี้ แถวมยังมีแรงกระเพือมมหาศาล จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่โกรธได้ยังไงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคำพูดที่เลวร้ายมากมายมุ่งเป้าไปที่หลินหว่านหรู หัวใจของเขาก็ปะทุเจตนาฆ่าอันแรงกล้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธอย่างแท้จริง นับตั้งแต่มาที่เมืองเทียนไห่เห็นทีบางคนคงเบื่อการมีชิวิตอยู่แล้วสินะ“ซูเหวินฮวา ที่คุณโทรหาผม คงไม่ได้จะบอกผมแค่นี้หรอกใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถามตรงๆ ซูเหวินฮวาตกใจเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงแรงสังหารจากน้ำเสียงของเย่เทียนหยู่ผ่านทางโทรศัพท์ และพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ ผมอยากจะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป