หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะพูด คนที่ปลายสายอีกด้านก็วางไปแล้วแม้ชายคนนี้จะไม่มีอำนาจอะไร แต่เขากลับชอบพูดคำที่ทำให้เธอประทับใจอยู่เสมอ และยัง ทำเรื่องที่ตัวเธอประทับใจอยู่เสมอด้วยแต่เขาก็เป็นจอมดึงดูดความอัปโชคเหมือนกันเขาหมายถึงอะไรกันแน่ หรือมีคนจ้องทำลายเธออยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?แต่ต่อให้มีคนทำ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว ก็คงไม่มีทางรับมือได้หรอก นอกเสียจากว่าเขาจะมีอำนาจมากจากการกระทำในอดีตของเขา มันมีความเป็นไปได้จริง ๆหลินหว่านหรูโทรกลับทันทีเย่เทียนหยู่คาดไม่ถึงว่าหลินหว่านหรูจะโทรมาทันทีหลังจากที่เขาวางสาย“หว่านหรู!”“เทียนหยู่ ที่นายบอกเมื่อกี้หมายถึงอะไรที่? นายไปค้นพบอะไรบางอย่างมรทึเปล่า นายอย่าไปทำอะไรซี้ซั้วเชียวนะ”หลินหว่านหรูถาม“ผมไม่ทำซี้ซั้วแน่นอนครับ”“คุณรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง” หลินหว่านหรูถามด้วยความประหลาดใจ“อือ!”“ใครคะ?” หลินหว่านหรูถามทันที“ซูเหวินฮุยกับหลี่ว์ซิงเหอ!” เย่เทียนหยู่ไม่ได้ปิดบังจากหลินหว่านหรู“อะไรนะ!”“เป็นไปไม่ได้!”หลินหว่านหรูปฏิเสธทันทีและกล่าวว่า: “ถึงตอนนั้นเราจะทำให้ซูเหวินฮ
อันที่จริงมาถึงจุดนี้แล้ว บนอินเตอร์เน็ตก็ติดฮิตอันดับหนึ่ง ถึงกับทุกแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องล้วนติดอันดับ แน่นอนว่าเป็นเหตุฮอตฮิตที่สุด “ซือซือเห็นไหมว่าประธานหลินน่ะจบเห่แล้ว”จางเหยียนเยาะเย้ยและพูดว่า หลิวซือซือกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพวกเขาเท่านั้น แล้วยังเลือกอยู่ข้างเย่เทียนหยู่หลิวซือซือดูไม่ค่อยสู้ดีนัก หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ ประธานหลินมีหวังได้จบเห่กันพอดีเพราะปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตกำลังสาดกันเมามัน ยังมีผู้คนจำนวนมากกำลังสร้างปัญหาและคนที่พวกเขาอยากจะหาล้วนเป็นประธานหลินไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ว่าประธานหลินก็เป็นผู้รับเคราะห์หลักของเรื่องทั้งหมดนี่ในเวลานี้ หลิวเหลิน หลี่ซินเยว่และคนอื่นๆ อีกหลายคนที่สนับสนุนหลินหว่านหรูต่างก็กำลังพากันมองโลกในแง่ร้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประธานหลินโดยเฉพาะแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้ประธานหลินท่าจะรอดยากแม้เย่เทียนหยู่จะได้รับคำเตือนจากหลินหว่านหรู แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้จริง ๆ และพูดกับเฉินเค่อซิน: “เค่อซิน ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ คุณทานไปก่อนนะ”“อือ!”เฉินเค
จางผิงที่มากับเธอดูหมดหนทาง จริง ๆ แล้วเธอเองก็ไม่เชื่อเช่นกันแต่ตราบใดที่ยังมีโอกาสเธอก็ไม่อยากพลาด ถึงยังไงซะใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถจริงหรือไม่แม้ว่าเขาจะไม่เห็นสีหน้าของเฉินเฟยเฟย แต่เย่เทียนหยู่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะยิ้มเล็กน้อย: “ผมมองออกว่าคุณไม่เชื่อใจผม หรืออีกทางคือคุณไม่เชื่อใครเลย”“แต่ถ้าคุณเต็มใจให้โอกาสผม ผมสามารถแสดงให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงได้ภายในเวลาไม่หนึ่งถึงวัน”เฉินเฟยเฟยไม่ใช่มือใหม่อย่างที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดอย่างเย็นชา: “คุณไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้แล้ว ฉันไม่ใช่เฉินเฟยเฟย ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”หลังสิ้นคำพูดเหล่านี้ เธอก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า: “ผิงผิง เราไปกันเถอะ!”จางผิงจนปัญญา เธอจ่ายเงินและลุกขึ้นตามไปแต่ทันทีที่ลุกขึ้น ก็มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนปรากฏตัวที่ประตูชายหนุ่มสองคนกำลังรายล้อมผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาสูงกว่ามาตรฐาน และแต่แต่งตัวได้มีเสน่ห์แถมเขายังมีเครื่องประดับมากมายทั่วร่างกาย ทำให้เขาดูรวยมากชายทั้งสองมองดูแล้วท
“อะไร พูดไม่ออกเหรอ? ไม่มีอะไรจะปฏิเสธเหรอ?”“ในฐานะมนุษย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเองให้ชัดเจนและรู้ว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำให้ตัวเองตาย”จงเหล่ยดูภูมิใจเมื่อนึกถึงว่า สมัยที่เธอเคยเป็นผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยมาก่อน และวันนี้เธอก็รู้สึกฟินสุด ๆ ที่ได้ทำแบบนี้เฉินเฟยเฟยโกรธมาก เห็นจางผิงถูกทุบตีแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าตัวเองถูกทุบเสียอีกแต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้ามอง เพราะชายสองคนที่อยู่ข้าง ๆ กำลังปกป้องจงเหล่ย ต่อให้เธออยากจะทำ แต่เกรงว่ายังไม่ทันได้เข้าไปตบก็คงประสบเคราะห์กรรมก่อนในขณะนี้ มีเสียงแผ่วเบาเข้ามาพูดว่า: “ไม่รู้ว่าพี่สาวคนนี้มาจากไหนนะครับเนี่ย หรือจะเป็นตึกอวี๋หง ถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนี้”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเฉินเฟยเฟยและจางผิงไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยพวกเธอ และพูดล้อจงเหล่ยแบบนี้จงเหล่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่จงใจเรียกเธอว่าเป็นหญิงขายบริการ และเธอก็โกรธทันที: “แก แก กำลังพูดถึงฉันเหรอ?”“มีใครเหมือนอีก นอกจากคุณ?”“รนหาที่ตาย รู้ไหมว่า
ครั้งนี้ทำเอาทุกคนมองดูด้วยความตกตะลึงนี่มันพลังของมนุษย์เหรอ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว แถมยังลงมือรุนแรงขนาดนี้แต่เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะแลมองจงเหล่ย เขาจะไปมีเวลาใส่ใจขยะแบบนั้นได้ยังไง เขาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกลาเฉินเค่อซินแล้วตรงไปที่บริษัททันทีในเวลานี้ จงเหล่ยที่เจ็บไปทั้งร่างกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมกับกุมหน้าไว้ด้วยความโมโหและความตกใจใบหน้าของเธอบวมเป่งไปกว่าครึ่งเฉินเฟยเฟยกับจางผิงตกใจยิ่งกว่า พวกเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย“มองอะไรฮะ พวกเธอสองคนคอยดูเถอะ เรื่องนี้พวกแกหนีไปไม่ได้แน่ พวกแกจะต้องถูกรวมไปด้วย”จงเหล่ยพูดด้วยความโมโห ดวงตาทั้งสองราวกับจะมีไฟลุกเฉินเฟยเฟยและจางผิงต่างก็ไม่ได้พูดจา เพียงแต่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้จงเหล่ยหาตัวเจอเพราะพวกเธอมองออกว่า ครั้งนี้จงเหล่ยถูกกระทำและโกรธมาก จะต้องมาตามล้างแค้นพวกเธอแน่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยพวกเธอไว้มาก แต่เธอกลับไม่ได้บอกขอบคุณเขาเลยถึงขั้นว่าตอนเธอเห็นจงเหล่ยครั้งแรก เธอยังสงสัยด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่จงเหล่ยส่งมาหรือเปล่าไม่อย่างนั้นละก็ จะบังเอิญ
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอเชื่อซูเหวินฮุย และรู้สึกว่าคนที่ทำเรื่องแย่นี่ต้องไม่ใช่เขาแน่“ขอโทษค่ะประธานซู”“ขอโทษแล้วจะได้อะไร ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อดูว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ถ้าจบไม่สวย คุณควรจะชดใช้ซะจะเป็นการดีที่สุด” ซูเหวินฮุยเอ่ยอย่างเย็นชา“คุณสบายใจได้เลยค่ะ ฉันจะต้องหาคำอธิบายให้คุณได้แน่”หลินหว่านหรูกัดฟันพูด สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการจัดการกับการประชุมปราบปรามที่หลี่ว์ซิงเหอเป็นคนจัด เขารอคอยมานาน โอกาสแบบนี้ หลี่ว์ซิงเหอไม่มีทางปล่อยหลุดมือเป็นไปตามที่คาด การประชุมเพิ่งจะเริ่มต้น และหลี่ว์ซิงเหอก็ริเริ่มโจมตีใส่หลินหว่านหรูอย่างแรงโดยไม่ปิดบังใดๆเขาพูดต่อหน้าฝูงชนว่าตลอดเวลาเข้ารับตำแหน่งที่ผ่านมาหลินหว่านหรูดึงดันความคิดของตนเป็นใหญ่ เลือกที่รักมักที่ชังขอแค่เธอเป็นคนตัดสิน จะปัญหาใหญ่แค่ไหนเธอก็จะยังดึงดันทำโดยไม่สนคำเตือนแม้แต่น้อยเมื่อก่อนเป็นเพราะผลลัพธ์ออกมาไม่เลว ก็เลยไม่เป็นปัญหาแต่ว่าครั้งนี้ หลี่ว์ซิงเหอเอ่ยถึงเครื่องสำอางว่า “เรื่องการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง พวกเราเหล่าผู้บริหารระดับสูงคัดค้านมาตลอด”“เพราะเราไร้ความรู้ในด้านนี้ แต
หลินหว่านหรูเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าต้องมีคนวางแผนใส่เธออยู่ภายในนี้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผู้คนด้านนอกไม่มีทางพุ่งตรงมาหาเธอแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นหลี่ว์ซิงเหอทำจริงๆ ?ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง หลินหว่านหรูคงไม่คิดแบบนี้ แต่ถ้ามีคนสร้างเรื่องจริง หลี่ว์ซิงเหอก็มีแรงจูงใจมากที่สุดแต่ตอนนี้รู้เรื่องนี้ไปแล้วจะได้อะไร เพราะผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้วในเวลานี้เอง หลี่ว์ซิงเหอมองดูหลินหว่านหรูอย่างภูมิอกภูมิใจ ใบหน้าของเขาเผยสีหน้าหมดหนทางออกมา ก่อนจะเอ่ยปากว่า “ประธานหลิน อย่าโทษที่ผมต้องตัดญาติขาดมิตรขนาดนี้เลยนะ ตอนนี้มันหมดหนทางแล้วจริงๆ”“ผมว่าตัวคุณเองคงสำนึกได้อยู่แล้วสินะ ว่าผู้เสียหายด้านนอกทุกคนอยากจะฆ่าคุณซะ ถ้าคุณไม่ออกหน้ารับ เรื่องนี้คงไม่จบแน่”“ยิ่งยื้อไปก็ยิ่งทำให้บริษัทเลวร้ายลงกว่าเดิม”“ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ งั้นก็ให้ทุกคนยกมือเป็นการตัดสิน ลองดูซิว่าทุกคนหวังให้บริษัทล้มละลาย ทุกคนตกงาน หรือแม่แต่เงินเดือนก็ไม่ได้รับกันหรือเปล่า”หลี่ว์ซิงเหอมองไปที่ทุกคนขณะที่กำลังพูด เห็นได้ชัดว่าจะทำการโหวตแต่คำพูดของเ
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว สงสัยเราคงยังเมตตาเกินไปสินะหลี่ว์ซิงเหอคิดไม่ถึงเลยว่าซูเหวินฮุยจะช่วยเขาขนาดนี้ หัวใจของเขาตื่นเต้น “ประธานหลิน ปัญหาเรื่องการชดใช้ก็ชัดเจนแล้ว ตอนนี้คุณควรจะลาออกแล้วลงไปเผชิญหน้ากับผู้คนที่ร่วมตัวกันอยู่ด้านล่างได้แล้วใช่ไหม” เขาพูดเสียงเข้มพร้อม“ดันทุรังต่อไป มีแต่จะเกิดปัญหาใหญ่”หัวใจของหลินหว่านหรูรู้สึกขมขื่น เธอลุกขึ้นยืนและร่างกายของเธอก็แทบจะยืนไม่อยู่ “ได้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันหลินหว่านหรู…”“ปึง!”ในตอนนั้นเอง ห้องประชุมเกิดเสียงดังลั่น ที่แท้แล้วประตูห้องก็ถูกคนคนหนึ่งถีบให้เปิดออกอย่างแรงแน่นอนว่าคำพูดของหลินหว่านหรูถูกขัดจังหวะทันทีใบหน้าของทุกคนตกตะลึง ใครกัน บุกเข้ามาที่ห้องประชุมในเวลานี้ แถมยังรุนแรงขนาดนั้นแต่หลังจากที่ทุกคนหันไปมอง ผู้คนจำนวนหนึ่งก็จำเขาได้ คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นเย่เทียนหยู่ หัวหน้าทีมฝ่ายขายหลินหว่านหรูเองก็เพ็งสายตาไปทันที ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเย่เทียนหยู่ หลังจากงุนงงไปชั่วครู่ เขามาทำอะไรที่นี่ แถมยังพังประตูเข้ามาอีกหลิวเหวินและคนอื่นๆ บนแสตนที่นั่งกับหลี่ซินเยว่ที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็น
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก