หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะพูด คนที่ปลายสายอีกด้านก็วางไปแล้วแม้ชายคนนี้จะไม่มีอำนาจอะไร แต่เขากลับชอบพูดคำที่ทำให้เธอประทับใจอยู่เสมอ และยัง ทำเรื่องที่ตัวเธอประทับใจอยู่เสมอด้วยแต่เขาก็เป็นจอมดึงดูดความอัปโชคเหมือนกันเขาหมายถึงอะไรกันแน่ หรือมีคนจ้องทำลายเธออยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?แต่ต่อให้มีคนทำ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว ก็คงไม่มีทางรับมือได้หรอก นอกเสียจากว่าเขาจะมีอำนาจมากจากการกระทำในอดีตของเขา มันมีความเป็นไปได้จริง ๆหลินหว่านหรูโทรกลับทันทีเย่เทียนหยู่คาดไม่ถึงว่าหลินหว่านหรูจะโทรมาทันทีหลังจากที่เขาวางสาย“หว่านหรู!”“เทียนหยู่ ที่นายบอกเมื่อกี้หมายถึงอะไรที่? นายไปค้นพบอะไรบางอย่างมรทึเปล่า นายอย่าไปทำอะไรซี้ซั้วเชียวนะ”หลินหว่านหรูถาม“ผมไม่ทำซี้ซั้วแน่นอนครับ”“คุณรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง” หลินหว่านหรูถามด้วยความประหลาดใจ“อือ!”“ใครคะ?” หลินหว่านหรูถามทันที“ซูเหวินฮุยกับหลี่ว์ซิงเหอ!” เย่เทียนหยู่ไม่ได้ปิดบังจากหลินหว่านหรู“อะไรนะ!”“เป็นไปไม่ได้!”หลินหว่านหรูปฏิเสธทันทีและกล่าวว่า: “ถึงตอนนั้นเราจะทำให้ซูเหวินฮ
อันที่จริงมาถึงจุดนี้แล้ว บนอินเตอร์เน็ตก็ติดฮิตอันดับหนึ่ง ถึงกับทุกแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องล้วนติดอันดับ แน่นอนว่าเป็นเหตุฮอตฮิตที่สุด “ซือซือเห็นไหมว่าประธานหลินน่ะจบเห่แล้ว”จางเหยียนเยาะเย้ยและพูดว่า หลิวซือซือกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพวกเขาเท่านั้น แล้วยังเลือกอยู่ข้างเย่เทียนหยู่หลิวซือซือดูไม่ค่อยสู้ดีนัก หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ ประธานหลินมีหวังได้จบเห่กันพอดีเพราะปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตกำลังสาดกันเมามัน ยังมีผู้คนจำนวนมากกำลังสร้างปัญหาและคนที่พวกเขาอยากจะหาล้วนเป็นประธานหลินไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ว่าประธานหลินก็เป็นผู้รับเคราะห์หลักของเรื่องทั้งหมดนี่ในเวลานี้ หลิวเหลิน หลี่ซินเยว่และคนอื่นๆ อีกหลายคนที่สนับสนุนหลินหว่านหรูต่างก็กำลังพากันมองโลกในแง่ร้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประธานหลินโดยเฉพาะแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้ประธานหลินท่าจะรอดยากแม้เย่เทียนหยู่จะได้รับคำเตือนจากหลินหว่านหรู แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้จริง ๆ และพูดกับเฉินเค่อซิน: “เค่อซิน ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ คุณทานไปก่อนนะ”“อือ!”เฉินเค
จางผิงที่มากับเธอดูหมดหนทาง จริง ๆ แล้วเธอเองก็ไม่เชื่อเช่นกันแต่ตราบใดที่ยังมีโอกาสเธอก็ไม่อยากพลาด ถึงยังไงซะใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถจริงหรือไม่แม้ว่าเขาจะไม่เห็นสีหน้าของเฉินเฟยเฟย แต่เย่เทียนหยู่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะยิ้มเล็กน้อย: “ผมมองออกว่าคุณไม่เชื่อใจผม หรืออีกทางคือคุณไม่เชื่อใครเลย”“แต่ถ้าคุณเต็มใจให้โอกาสผม ผมสามารถแสดงให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงได้ภายในเวลาไม่หนึ่งถึงวัน”เฉินเฟยเฟยไม่ใช่มือใหม่อย่างที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดอย่างเย็นชา: “คุณไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้แล้ว ฉันไม่ใช่เฉินเฟยเฟย ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”หลังสิ้นคำพูดเหล่านี้ เธอก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า: “ผิงผิง เราไปกันเถอะ!”จางผิงจนปัญญา เธอจ่ายเงินและลุกขึ้นตามไปแต่ทันทีที่ลุกขึ้น ก็มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนปรากฏตัวที่ประตูชายหนุ่มสองคนกำลังรายล้อมผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาสูงกว่ามาตรฐาน และแต่แต่งตัวได้มีเสน่ห์แถมเขายังมีเครื่องประดับมากมายทั่วร่างกาย ทำให้เขาดูรวยมากชายทั้งสองมองดูแล้วท
“อะไร พูดไม่ออกเหรอ? ไม่มีอะไรจะปฏิเสธเหรอ?”“ในฐานะมนุษย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเองให้ชัดเจนและรู้ว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำให้ตัวเองตาย”จงเหล่ยดูภูมิใจเมื่อนึกถึงว่า สมัยที่เธอเคยเป็นผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยมาก่อน และวันนี้เธอก็รู้สึกฟินสุด ๆ ที่ได้ทำแบบนี้เฉินเฟยเฟยโกรธมาก เห็นจางผิงถูกทุบตีแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าตัวเองถูกทุบเสียอีกแต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้ามอง เพราะชายสองคนที่อยู่ข้าง ๆ กำลังปกป้องจงเหล่ย ต่อให้เธออยากจะทำ แต่เกรงว่ายังไม่ทันได้เข้าไปตบก็คงประสบเคราะห์กรรมก่อนในขณะนี้ มีเสียงแผ่วเบาเข้ามาพูดว่า: “ไม่รู้ว่าพี่สาวคนนี้มาจากไหนนะครับเนี่ย หรือจะเป็นตึกอวี๋หง ถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนี้”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเฉินเฟยเฟยและจางผิงไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยพวกเธอ และพูดล้อจงเหล่ยแบบนี้จงเหล่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่จงใจเรียกเธอว่าเป็นหญิงขายบริการ และเธอก็โกรธทันที: “แก แก กำลังพูดถึงฉันเหรอ?”“มีใครเหมือนอีก นอกจากคุณ?”“รนหาที่ตาย รู้ไหมว่า
ครั้งนี้ทำเอาทุกคนมองดูด้วยความตกตะลึงนี่มันพลังของมนุษย์เหรอ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว แถมยังลงมือรุนแรงขนาดนี้แต่เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะแลมองจงเหล่ย เขาจะไปมีเวลาใส่ใจขยะแบบนั้นได้ยังไง เขาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกลาเฉินเค่อซินแล้วตรงไปที่บริษัททันทีในเวลานี้ จงเหล่ยที่เจ็บไปทั้งร่างกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมกับกุมหน้าไว้ด้วยความโมโหและความตกใจใบหน้าของเธอบวมเป่งไปกว่าครึ่งเฉินเฟยเฟยกับจางผิงตกใจยิ่งกว่า พวกเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย“มองอะไรฮะ พวกเธอสองคนคอยดูเถอะ เรื่องนี้พวกแกหนีไปไม่ได้แน่ พวกแกจะต้องถูกรวมไปด้วย”จงเหล่ยพูดด้วยความโมโห ดวงตาทั้งสองราวกับจะมีไฟลุกเฉินเฟยเฟยและจางผิงต่างก็ไม่ได้พูดจา เพียงแต่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้จงเหล่ยหาตัวเจอเพราะพวกเธอมองออกว่า ครั้งนี้จงเหล่ยถูกกระทำและโกรธมาก จะต้องมาตามล้างแค้นพวกเธอแน่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยพวกเธอไว้มาก แต่เธอกลับไม่ได้บอกขอบคุณเขาเลยถึงขั้นว่าตอนเธอเห็นจงเหล่ยครั้งแรก เธอยังสงสัยด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่จงเหล่ยส่งมาหรือเปล่าไม่อย่างนั้นละก็ จะบังเอิญ
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอเชื่อซูเหวินฮุย และรู้สึกว่าคนที่ทำเรื่องแย่นี่ต้องไม่ใช่เขาแน่“ขอโทษค่ะประธานซู”“ขอโทษแล้วจะได้อะไร ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อดูว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ถ้าจบไม่สวย คุณควรจะชดใช้ซะจะเป็นการดีที่สุด” ซูเหวินฮุยเอ่ยอย่างเย็นชา“คุณสบายใจได้เลยค่ะ ฉันจะต้องหาคำอธิบายให้คุณได้แน่”หลินหว่านหรูกัดฟันพูด สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการจัดการกับการประชุมปราบปรามที่หลี่ว์ซิงเหอเป็นคนจัด เขารอคอยมานาน โอกาสแบบนี้ หลี่ว์ซิงเหอไม่มีทางปล่อยหลุดมือเป็นไปตามที่คาด การประชุมเพิ่งจะเริ่มต้น และหลี่ว์ซิงเหอก็ริเริ่มโจมตีใส่หลินหว่านหรูอย่างแรงโดยไม่ปิดบังใดๆเขาพูดต่อหน้าฝูงชนว่าตลอดเวลาเข้ารับตำแหน่งที่ผ่านมาหลินหว่านหรูดึงดันความคิดของตนเป็นใหญ่ เลือกที่รักมักที่ชังขอแค่เธอเป็นคนตัดสิน จะปัญหาใหญ่แค่ไหนเธอก็จะยังดึงดันทำโดยไม่สนคำเตือนแม้แต่น้อยเมื่อก่อนเป็นเพราะผลลัพธ์ออกมาไม่เลว ก็เลยไม่เป็นปัญหาแต่ว่าครั้งนี้ หลี่ว์ซิงเหอเอ่ยถึงเครื่องสำอางว่า “เรื่องการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง พวกเราเหล่าผู้บริหารระดับสูงคัดค้านมาตลอด”“เพราะเราไร้ความรู้ในด้านนี้ แต
หลินหว่านหรูเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าต้องมีคนวางแผนใส่เธออยู่ภายในนี้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผู้คนด้านนอกไม่มีทางพุ่งตรงมาหาเธอแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นหลี่ว์ซิงเหอทำจริงๆ ?ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง หลินหว่านหรูคงไม่คิดแบบนี้ แต่ถ้ามีคนสร้างเรื่องจริง หลี่ว์ซิงเหอก็มีแรงจูงใจมากที่สุดแต่ตอนนี้รู้เรื่องนี้ไปแล้วจะได้อะไร เพราะผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้วในเวลานี้เอง หลี่ว์ซิงเหอมองดูหลินหว่านหรูอย่างภูมิอกภูมิใจ ใบหน้าของเขาเผยสีหน้าหมดหนทางออกมา ก่อนจะเอ่ยปากว่า “ประธานหลิน อย่าโทษที่ผมต้องตัดญาติขาดมิตรขนาดนี้เลยนะ ตอนนี้มันหมดหนทางแล้วจริงๆ”“ผมว่าตัวคุณเองคงสำนึกได้อยู่แล้วสินะ ว่าผู้เสียหายด้านนอกทุกคนอยากจะฆ่าคุณซะ ถ้าคุณไม่ออกหน้ารับ เรื่องนี้คงไม่จบแน่”“ยิ่งยื้อไปก็ยิ่งทำให้บริษัทเลวร้ายลงกว่าเดิม”“ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ งั้นก็ให้ทุกคนยกมือเป็นการตัดสิน ลองดูซิว่าทุกคนหวังให้บริษัทล้มละลาย ทุกคนตกงาน หรือแม่แต่เงินเดือนก็ไม่ได้รับกันหรือเปล่า”หลี่ว์ซิงเหอมองไปที่ทุกคนขณะที่กำลังพูด เห็นได้ชัดว่าจะทำการโหวตแต่คำพูดของเ
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว สงสัยเราคงยังเมตตาเกินไปสินะหลี่ว์ซิงเหอคิดไม่ถึงเลยว่าซูเหวินฮุยจะช่วยเขาขนาดนี้ หัวใจของเขาตื่นเต้น “ประธานหลิน ปัญหาเรื่องการชดใช้ก็ชัดเจนแล้ว ตอนนี้คุณควรจะลาออกแล้วลงไปเผชิญหน้ากับผู้คนที่ร่วมตัวกันอยู่ด้านล่างได้แล้วใช่ไหม” เขาพูดเสียงเข้มพร้อม“ดันทุรังต่อไป มีแต่จะเกิดปัญหาใหญ่”หัวใจของหลินหว่านหรูรู้สึกขมขื่น เธอลุกขึ้นยืนและร่างกายของเธอก็แทบจะยืนไม่อยู่ “ได้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันหลินหว่านหรู…”“ปึง!”ในตอนนั้นเอง ห้องประชุมเกิดเสียงดังลั่น ที่แท้แล้วประตูห้องก็ถูกคนคนหนึ่งถีบให้เปิดออกอย่างแรงแน่นอนว่าคำพูดของหลินหว่านหรูถูกขัดจังหวะทันทีใบหน้าของทุกคนตกตะลึง ใครกัน บุกเข้ามาที่ห้องประชุมในเวลานี้ แถมยังรุนแรงขนาดนั้นแต่หลังจากที่ทุกคนหันไปมอง ผู้คนจำนวนหนึ่งก็จำเขาได้ คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นเย่เทียนหยู่ หัวหน้าทีมฝ่ายขายหลินหว่านหรูเองก็เพ็งสายตาไปทันที ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเย่เทียนหยู่ หลังจากงุนงงไปชั่วครู่ เขามาทำอะไรที่นี่ แถมยังพังประตูเข้ามาอีกหลิวเหวินและคนอื่นๆ บนแสตนที่นั่งกับหลี่ซินเยว่ที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็น