ทันทีที่สิ้นคำพูดนี้ หลินหว่านหรูก็หน้าแดงก่ำ ความสุขอันไม่อาจอธิบายซึมผ่านหัวใจของเธอ ต่อให้เธอคิดว่าเขากำลังพูดโม้ หรืออาจะเรียกได้ว่าเป็นเพียงแผนลวงมายาอยู่ก็ตามอันที่จริงทุกคนต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน ตกใจที่เย่เทียนหยู่ปกป้องประธานหลินขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นคือความสงสัยที่ว่าทำไมเขาถึงดูทรงอำนาจขนาดนี้แต่ภายในใจของหลิวเหวินกลับแอบคิดว่าเห็นทีเธอจะคิดไว้ไม่มีผิด เย่เทียนหยู่กับประธานหลินมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้มีอำนาจเก่งกาจอะไร จะช่วยประธานหลินได้ยังไงกันมีแต่หลี่ซินเยว่ที่กำลังตื่นเต้น เย่เทียนหยู่พูดเช่นนี้เขาต้องมีวิธีการแน่แน่นอนว่าหลินหว่านหรูมีความสุขที่สุด แม้เธอจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ได้ แต่เพียงความตั้งใจที่เขามี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วแต่หลี่ว์ซิงเหอโกรธมาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “เย่เทียนหยู่ เลิกทำตัวเย่อหยิ่งที่นี่ซะะ ปัญหาของประธานหลิน แม้แต่ตัวประธานหลินเองก็ยังยอมรับ แกมีสิทธิ์อะไรมาสร้างเรื่องที่นี่?”“ถ้ายังรอต่อไป หลินซื่อกรุ๊ปมีหวังได้ถูกแกทำลายพินาศแน่ หรือแกไม่อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีอย่างนั้นรึไง?”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เ
“รีบไสหัวออกไปซะ เลิกทำร้ายหลินซื่อกรุ๊ปได้แล้ว”“ใช่ ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”คนที่สนับสนุนหลี่ว์ซิงเหอหลายคนเริ่มพากันพูดทำให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามขับไล่เย่เทียนหยู่ออกไปเมื่อมองดูฉากตรงหน้า หลี่ว์ซิงเหอดูภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเหน็บแนมเขาในใจ เย่เทียนหยู่ ที่แท้แกก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยสินะ ก็แค่ทำให้คนอื่นตื่นตูม รอดูเถอะว่าฉันจะจัดการแกยังไงหลินหว่านหรูกังวล แม้เธอจะไม่รู้ว่าแผนของเย่เทียนหยู่คืออะไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนหยู่แค่อยากช่วยเธอ และทำไปเพื่อเธอเท่านั้นเธอกำลังจะเอ่ยปากปกป้องเย่เทียนหยู่แต่เย่เทียนหยู่กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ประธานหลิว รบกวนหน่อยนะครับ คุณช่วยผมจำหน่อยว่าตอนแรกมีใครบ้างที่อยากจะไล่ผมออกไป เพราะคนพวกนั้นมีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับหลี่ว์ซิงเหอมากที่สุด”เมื่อหลิวเหวินได้ยินดังนั้น เธอก็พูดไม่ออกไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไง นายก็ปกป้องตัวเองก่อนเถอะยังจะไปคิดเรื่องนั้นอีกทุกคนถึงกับพูดไม่ออก แต่เย่เทียนหยู่ยังกล่าวต่อ “ส่วนอารมณ์ของผู้คนที่อยู่ด้านนอกนั่นทุกคนไม่ต้องกังวล ก่อนผมจะเข้ามาที่นี่ ผมได้พูดกับผู้รับผิดชอบของอาค
เป็นเพราะทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอย่างละเอียด แรกเริ่มเดิมทีซูเหวินฮวาจึงไม่ได้ให้ข้อมูลแก่เย่เทียนหยู่ เขาต้องการค้นหาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ไม่คิดเลยว่าหลี่ว์ซิงเหอจะลงมือเร็วขนาดนี้ และสถานการณ์ปัจจุบันก็เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันแต่ด้วยเหตุนี้ ซูเหวินฮวาจึงไม่เพียงแต่จัดเตรียมเทปบันทึกเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกมากมายเพื่อช่วยให้คนของเย่เทียนหยู่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อหาว่าใครบ้างที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จนทำให้คนจำนวนหนึ่งเกิดปัญหาผิวแม้หลี่ว์ซิงเหอจะกล้าหาญ แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน การชดเชยดังกล่าวจะทำลายหลินซื่อกรุ๊ปและจะไม่ทำประโยชน์ใด ๆ ให้กับเขานอกจากนี้ยังมีแผนกบริการลูกค้าที่ทำให้พวกเขาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นและนำปัญหามาสู่ หลินหว่านหรูแน่นอนว่ายังมีสื่อต่างๆแอบโปรโมตอยู่ด้วยทันทีที่บันทึกนี้ออกมา ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยืนตะลึงกับจุดนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คัดค้าน หลินหว่านหรูอยู่ในใจ แต่พวกเขาเชื่อว่า หลินหว่านหรูล้มเหลวในการควบคุมคุณภาพเครื่องสำอางที่นำไปสู่ปัญหาในปัจจุบันถ้าหลินหว่านหรูไม่ต้องเ
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินก็ยิ่งโมโห “ประธานซู นี่คุณยังข่มขู่กันแบบเปิดเผยอีกเหรอคะ? คุณอย่าลืมนะ ว่าทุกอย่างในห้องนี้จะถูกเผยแพร่ไปด้านนอก คุณไม่กลัวถูกประณามหรือไง?”“ประณาม?”“ใครจะประณาม พวกพนักงานชั้นต่ำที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่น่ะเหรอ?”“น่าตลกสิ้นดี!”ซูเหวินฮุยเผยสีหน้าเย่อหยิ่ง“จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งให้คนตัดการเชื่อมต่อของที่นี่กับคนข้างนอกไปน่ะนะ” เขาพูดอย่างเยาะเย้ย“เพราะอย่างนั้นเองสินะ ถึงว่าทำไมถึงได้ผยองขนาดนี้”เย่เทียนหยู่เอ่ย “แต่ว่านะประธานซู เราทำสิ่งใดฟ้าย่อมมีตา คุณไม่กลัวกรรมตามสนองหรือไง?”“กรรมตามสนอง ใครจะมาสนองผมได้ คุณเหรอ?”“หรือไอ้พวกชั้นต่ำไร้สมองข้างนอกนั่น?”“ช่างน่าหัวเราะจริงๆ!”ซูเหวินฮุยพูดอย่างเย็นชา “หลินหว่านหรู ผมจะไม่พูดเหลวไหลกับพวกคุณอีก สรุปแล้ว ถ้าคุณแก้ปัญหาเครื่องสำอางปัวเรต์ไม่ได้ ก็รอชดใช้ก็แล้วกัน”“แต่ว่าตอนนี้คุณทำให้ผมโมโห คงไม่ได้ชดใช้กันแค่เงินสองร้อยห้าสิบล้าน นอกจากชดใช้ด้วยเงินแล้ว ยังมีด้วยชื่อเสียงกับอื่น ๆ ด้วย”“ส่วนคุณ เย่เทียนหยู่ เพลิดเพลินกับชีวิตช่วงนี้ให้ดีเถอะ เพราะวันเวลาของคุณคงเหลืออีกไม่มาก”ยิ่
เรื่องอะไรกัน?ที่แท้เรื่องจริงเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?แต่ที่ประธานหลี่ว์พูดไว้ก็ไม่ผิด หัวหน้าทีมฝ่ายขายตัวเล็ก ๆ อย่างเย่เทียนหยู่ จะไปเอาความกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้มาจากไหนถ้าไม่ได้รับคำชี้แนะจากประธานหลิน?แต่ว่า มันเป็นเทปเสียงปลอมจริงหรือเปล่า?มองจากสีหน้าของนายน้อยตระกูลซูแล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอมไม่อย่างนั้นละก็ เกรงว่านายน้อยตระกูลซูคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แบบนี้แน่หลินหว่านหรูโมโหยิ่งกว่า เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเป็นแค่คนโง่ที่ถูกเรื่องราวพาไป โดยที่ไม่ได้เป็นผู้นำเรื่องราวเลยสักนิดเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขากลับพูดขึ้นเสียงดังโดยไม่ได้เกรงกลัว “หลี่ว์ซิงเหอ คุณพูดถูกแล้ว เดิมทีประธานหลินไม่ได้วางแผนจะรับผิดชอบความผิดนี้อยู่แล้ว”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนต่างก็ตะลึงงันทุกคนเบิกตากว้าง และเกิดสงสัยหูตัวเองอะไรกัน นี่เย่เทียนหยู่ช่วยประธานหลี่ว์เหรอ?หากหลี่ว์ซิงเหอพูดเอง พวกเขาคงจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่ยืนยันทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัยหลินหว่านหรูสับสนขึ้นมาทันที เธอไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะพูดยอมรั
หากเธอสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้จริงๆ ไม่ว่าเธอจะดำเนินนโยบายอะไรก็ตาม การนำไปปฏิบัติก็จะง่ายขึ้น และเธอก็สามารถตระหนักถึงความทะเยอทะยานของเธอได้อย่างแท้จริงและบริษัทจะกลายเป็นเสาหินและเป็นหนึ่งเดียวคนเลวคนนี้คิดไปไกลมากจริงๆแต่ปัญหาก็คือ แค่อาศัยการบันทึกแบบนั้น นอกจากนี้ บันทึกไม่ได้พูดอะไรโดยละเอียด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าหลี่ว์ซิงเหอมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะฉะนั้น เทปบันทึกเสียงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเว้นแต่เขาจะเตรียมการอย่างอื่นแต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง การได้รับบันทึกนั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของเขา มีสถานการณ์อื่นใดที่เขาสามารถค้นพบได้หรือไม่?ในขณะนี้ หลิวเหวินก็เข้าใจเช่นกัน เพราะเธอรู้ดีว่าประธานหลินไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย และยังตกใจและสูญเสียอีกด้วยแต่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ของเย่เทียนหยู่ ปรากฏว่าประธานหลินรู้ทุกอย่างแล้วและมีไข่มุกแห่งปัญญาอยู่ในมือของเขาหากครั้งนี้ปลอดภัย ประธานหลินก็จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ กับความทะเยอทะยานทางธุรกิจของเธออีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ว์ซิงเหอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ และดุทันที “คุณยังคงพูดเรื่องไร้สาระ เ
เทียบกับความสงบของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าหัวใจของหลี่ว์ซิงเหอกำลังกระสับกระส่าย และเมื่อเขาเห็นชายคนนั้นถูกพาเข้ามา สีหน้าของเขาก็มืดมนลงกว่าเดิมถึงชายคนนี้จะคุกคามเขาได้ไม่มาก แต่มันเป็นการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่ค้นพบความจริงซูถิงแอบรวดร้าวในใจ เย่เทียนหยู่สมเป็นเย่เทียนหยู่ ไม่เพียงแค่อำนาจล้นฟ้า แต่ความสามารถของเขายังโดดเด่น เพียงแค่พริบตาก็เปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างได้แต่ว่า ทำไมในสายตาเขาถึงมีแต่หว่านหรู ทำไมเขาถึงไม่มองมาที่คนข้างๆ หว่านหรูอย่างเธอบ้าง?นอกจากฐานะทางบ้านแล้ว เธอแก้หลินหว่านหรูที่ตรงไหนต้องโทษหลินหว่านหรู เป็นผู้ชายที่เธอไม่เอาแท้ๆ แต่ก็ยังเอาแต่คอยพกไว้ข้างกาย ไร้ยางอายเป็นที่สุดหลังจากที่เขาถูกนำตัวเข้ามา สายตาของผู้คนต่างก็จรดไปที่ตัวของชายคนนั้น เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จักชายคนนี้เลยแต่เฉินเวยกลับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จัก แต่จะเป็นเขาไปได้ยังไงกันนี่เป็นเรื่องที่เฉินเวยไม่เคยคาดคิดมาก่อน หรือจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าเดิมทีชายคนนี้ก็ชื่อหวงเมา เป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมฝ่ายการผลิต ดูท่าทางเป็นชายเรียบร้อย แต่ความจริงแล้วมีความสามารถไม่น้อย อีกท
ในยามนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่เท่าไร แต่หยางอี้ติดตามเขามาหลายปี ฝีมือไม่เลว จัดการทุกอย่างได้มิดชิด และยังทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขาเขาไปตกอยู่ในมือเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกันแต่ก็เพียงชั่วครู่ ชายอีกคนก็ถูกนำตัวเข้ามาเขาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางอี้ คนขับรถของเขาหลี่ว์ซิงเหอหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เย่เทียนหยู่ ตกลงคุณต้องการอะไร คุณอยากโยนความผิดให้ผมมากถึงกับไม่เลือกวิธีการเลยรึไง?”“ได้ยังไงกันล่ะ คุณต่างหากโมโหขนาดนี้ หรือจะกลัวซะแล้ว”“ล้อเล่นกันรึไง ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวด้วย”หลี่ว์ซิงเหอปฏิเสธทันทีและพูดเสียงดัง “หยางอี้ ถึงคุณจะเป็นคนขับรถของผม แต่คุณก็เป็นแค่คนขับ ระวังคำพูดคำจาหน่อย ถ้ากล้าใส่ร้ายผมละก็ อย่ามาโทษที่ผมต้องหยาบคายนะ”“โอ้โห ตอนนี้คุณเริ่มข่มขู่กันแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ล้อเลียนเบาๆ“ข่มขู่อะไร? ผมก็แค่เตือนเขา”“ไม่ต้องเตือนหรอกครับ”หยางอี้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ เขารู้ทุกหมดอย่างแล้ว คุณยอมรับเถอะนะ”“หยางอี้ หุบปากซะ!” หลี่ว์ซิงเหอโกรธมากหยางอี้ไม่โกรธ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าและพูดอ
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก