ทันทีที่สิ้นคำพูดนี้ หลินหว่านหรูก็หน้าแดงก่ำ ความสุขอันไม่อาจอธิบายซึมผ่านหัวใจของเธอ ต่อให้เธอคิดว่าเขากำลังพูดโม้ หรืออาจะเรียกได้ว่าเป็นเพียงแผนลวงมายาอยู่ก็ตามอันที่จริงทุกคนต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน ตกใจที่เย่เทียนหยู่ปกป้องประธานหลินขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นคือความสงสัยที่ว่าทำไมเขาถึงดูทรงอำนาจขนาดนี้แต่ภายในใจของหลิวเหวินกลับแอบคิดว่าเห็นทีเธอจะคิดไว้ไม่มีผิด เย่เทียนหยู่กับประธานหลินมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้มีอำนาจเก่งกาจอะไร จะช่วยประธานหลินได้ยังไงกันมีแต่หลี่ซินเยว่ที่กำลังตื่นเต้น เย่เทียนหยู่พูดเช่นนี้เขาต้องมีวิธีการแน่แน่นอนว่าหลินหว่านหรูมีความสุขที่สุด แม้เธอจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ได้ แต่เพียงความตั้งใจที่เขามี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วแต่หลี่ว์ซิงเหอโกรธมาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “เย่เทียนหยู่ เลิกทำตัวเย่อหยิ่งที่นี่ซะะ ปัญหาของประธานหลิน แม้แต่ตัวประธานหลินเองก็ยังยอมรับ แกมีสิทธิ์อะไรมาสร้างเรื่องที่นี่?”“ถ้ายังรอต่อไป หลินซื่อกรุ๊ปมีหวังได้ถูกแกทำลายพินาศแน่ หรือแกไม่อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีอย่างนั้นรึไง?”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เ
“รีบไสหัวออกไปซะ เลิกทำร้ายหลินซื่อกรุ๊ปได้แล้ว”“ใช่ ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”คนที่สนับสนุนหลี่ว์ซิงเหอหลายคนเริ่มพากันพูดทำให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามขับไล่เย่เทียนหยู่ออกไปเมื่อมองดูฉากตรงหน้า หลี่ว์ซิงเหอดูภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเหน็บแนมเขาในใจ เย่เทียนหยู่ ที่แท้แกก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยสินะ ก็แค่ทำให้คนอื่นตื่นตูม รอดูเถอะว่าฉันจะจัดการแกยังไงหลินหว่านหรูกังวล แม้เธอจะไม่รู้ว่าแผนของเย่เทียนหยู่คืออะไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่เทียนหยู่แค่อยากช่วยเธอ และทำไปเพื่อเธอเท่านั้นเธอกำลังจะเอ่ยปากปกป้องเย่เทียนหยู่แต่เย่เทียนหยู่กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ประธานหลิว รบกวนหน่อยนะครับ คุณช่วยผมจำหน่อยว่าตอนแรกมีใครบ้างที่อยากจะไล่ผมออกไป เพราะคนพวกนั้นมีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับหลี่ว์ซิงเหอมากที่สุด”เมื่อหลิวเหวินได้ยินดังนั้น เธอก็พูดไม่ออกไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไง นายก็ปกป้องตัวเองก่อนเถอะยังจะไปคิดเรื่องนั้นอีกทุกคนถึงกับพูดไม่ออก แต่เย่เทียนหยู่ยังกล่าวต่อ “ส่วนอารมณ์ของผู้คนที่อยู่ด้านนอกนั่นทุกคนไม่ต้องกังวล ก่อนผมจะเข้ามาที่นี่ ผมได้พูดกับผู้รับผิดชอบของอาค
เป็นเพราะทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอย่างละเอียด แรกเริ่มเดิมทีซูเหวินฮวาจึงไม่ได้ให้ข้อมูลแก่เย่เทียนหยู่ เขาต้องการค้นหาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ไม่คิดเลยว่าหลี่ว์ซิงเหอจะลงมือเร็วขนาดนี้ และสถานการณ์ปัจจุบันก็เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันแต่ด้วยเหตุนี้ ซูเหวินฮวาจึงไม่เพียงแต่จัดเตรียมเทปบันทึกเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกมากมายเพื่อช่วยให้คนของเย่เทียนหยู่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อหาว่าใครบ้างที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จนทำให้คนจำนวนหนึ่งเกิดปัญหาผิวแม้หลี่ว์ซิงเหอจะกล้าหาญ แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน การชดเชยดังกล่าวจะทำลายหลินซื่อกรุ๊ปและจะไม่ทำประโยชน์ใด ๆ ให้กับเขานอกจากนี้ยังมีแผนกบริการลูกค้าที่ทำให้พวกเขาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นและนำปัญหามาสู่ หลินหว่านหรูแน่นอนว่ายังมีสื่อต่างๆแอบโปรโมตอยู่ด้วยทันทีที่บันทึกนี้ออกมา ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยืนตะลึงกับจุดนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คัดค้าน หลินหว่านหรูอยู่ในใจ แต่พวกเขาเชื่อว่า หลินหว่านหรูล้มเหลวในการควบคุมคุณภาพเครื่องสำอางที่นำไปสู่ปัญหาในปัจจุบันถ้าหลินหว่านหรูไม่ต้องเ
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินก็ยิ่งโมโห “ประธานซู นี่คุณยังข่มขู่กันแบบเปิดเผยอีกเหรอคะ? คุณอย่าลืมนะ ว่าทุกอย่างในห้องนี้จะถูกเผยแพร่ไปด้านนอก คุณไม่กลัวถูกประณามหรือไง?”“ประณาม?”“ใครจะประณาม พวกพนักงานชั้นต่ำที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่น่ะเหรอ?”“น่าตลกสิ้นดี!”ซูเหวินฮุยเผยสีหน้าเย่อหยิ่ง“จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งให้คนตัดการเชื่อมต่อของที่นี่กับคนข้างนอกไปน่ะนะ” เขาพูดอย่างเยาะเย้ย“เพราะอย่างนั้นเองสินะ ถึงว่าทำไมถึงได้ผยองขนาดนี้”เย่เทียนหยู่เอ่ย “แต่ว่านะประธานซู เราทำสิ่งใดฟ้าย่อมมีตา คุณไม่กลัวกรรมตามสนองหรือไง?”“กรรมตามสนอง ใครจะมาสนองผมได้ คุณเหรอ?”“หรือไอ้พวกชั้นต่ำไร้สมองข้างนอกนั่น?”“ช่างน่าหัวเราะจริงๆ!”ซูเหวินฮุยพูดอย่างเย็นชา “หลินหว่านหรู ผมจะไม่พูดเหลวไหลกับพวกคุณอีก สรุปแล้ว ถ้าคุณแก้ปัญหาเครื่องสำอางปัวเรต์ไม่ได้ ก็รอชดใช้ก็แล้วกัน”“แต่ว่าตอนนี้คุณทำให้ผมโมโห คงไม่ได้ชดใช้กันแค่เงินสองร้อยห้าสิบล้าน นอกจากชดใช้ด้วยเงินแล้ว ยังมีด้วยชื่อเสียงกับอื่น ๆ ด้วย”“ส่วนคุณ เย่เทียนหยู่ เพลิดเพลินกับชีวิตช่วงนี้ให้ดีเถอะ เพราะวันเวลาของคุณคงเหลืออีกไม่มาก”ยิ่
เรื่องอะไรกัน?ที่แท้เรื่องจริงเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?แต่ที่ประธานหลี่ว์พูดไว้ก็ไม่ผิด หัวหน้าทีมฝ่ายขายตัวเล็ก ๆ อย่างเย่เทียนหยู่ จะไปเอาความกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้มาจากไหนถ้าไม่ได้รับคำชี้แนะจากประธานหลิน?แต่ว่า มันเป็นเทปเสียงปลอมจริงหรือเปล่า?มองจากสีหน้าของนายน้อยตระกูลซูแล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอมไม่อย่างนั้นละก็ เกรงว่านายน้อยตระกูลซูคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แบบนี้แน่หลินหว่านหรูโมโหยิ่งกว่า เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเป็นแค่คนโง่ที่ถูกเรื่องราวพาไป โดยที่ไม่ได้เป็นผู้นำเรื่องราวเลยสักนิดเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขากลับพูดขึ้นเสียงดังโดยไม่ได้เกรงกลัว “หลี่ว์ซิงเหอ คุณพูดถูกแล้ว เดิมทีประธานหลินไม่ได้วางแผนจะรับผิดชอบความผิดนี้อยู่แล้ว”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนต่างก็ตะลึงงันทุกคนเบิกตากว้าง และเกิดสงสัยหูตัวเองอะไรกัน นี่เย่เทียนหยู่ช่วยประธานหลี่ว์เหรอ?หากหลี่ว์ซิงเหอพูดเอง พวกเขาคงจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่ยืนยันทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัยหลินหว่านหรูสับสนขึ้นมาทันที เธอไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะพูดยอมรั
หากเธอสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้จริงๆ ไม่ว่าเธอจะดำเนินนโยบายอะไรก็ตาม การนำไปปฏิบัติก็จะง่ายขึ้น และเธอก็สามารถตระหนักถึงความทะเยอทะยานของเธอได้อย่างแท้จริงและบริษัทจะกลายเป็นเสาหินและเป็นหนึ่งเดียวคนเลวคนนี้คิดไปไกลมากจริงๆแต่ปัญหาก็คือ แค่อาศัยการบันทึกแบบนั้น นอกจากนี้ บันทึกไม่ได้พูดอะไรโดยละเอียด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าหลี่ว์ซิงเหอมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะฉะนั้น เทปบันทึกเสียงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเว้นแต่เขาจะเตรียมการอย่างอื่นแต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง การได้รับบันทึกนั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของเขา มีสถานการณ์อื่นใดที่เขาสามารถค้นพบได้หรือไม่?ในขณะนี้ หลิวเหวินก็เข้าใจเช่นกัน เพราะเธอรู้ดีว่าประธานหลินไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย และยังตกใจและสูญเสียอีกด้วยแต่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ของเย่เทียนหยู่ ปรากฏว่าประธานหลินรู้ทุกอย่างแล้วและมีไข่มุกแห่งปัญญาอยู่ในมือของเขาหากครั้งนี้ปลอดภัย ประธานหลินก็จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ กับความทะเยอทะยานทางธุรกิจของเธออีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ว์ซิงเหอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ และดุทันที “คุณยังคงพูดเรื่องไร้สาระ เ
เทียบกับความสงบของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าหัวใจของหลี่ว์ซิงเหอกำลังกระสับกระส่าย และเมื่อเขาเห็นชายคนนั้นถูกพาเข้ามา สีหน้าของเขาก็มืดมนลงกว่าเดิมถึงชายคนนี้จะคุกคามเขาได้ไม่มาก แต่มันเป็นการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่ค้นพบความจริงซูถิงแอบรวดร้าวในใจ เย่เทียนหยู่สมเป็นเย่เทียนหยู่ ไม่เพียงแค่อำนาจล้นฟ้า แต่ความสามารถของเขายังโดดเด่น เพียงแค่พริบตาก็เปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างได้แต่ว่า ทำไมในสายตาเขาถึงมีแต่หว่านหรู ทำไมเขาถึงไม่มองมาที่คนข้างๆ หว่านหรูอย่างเธอบ้าง?นอกจากฐานะทางบ้านแล้ว เธอแก้หลินหว่านหรูที่ตรงไหนต้องโทษหลินหว่านหรู เป็นผู้ชายที่เธอไม่เอาแท้ๆ แต่ก็ยังเอาแต่คอยพกไว้ข้างกาย ไร้ยางอายเป็นที่สุดหลังจากที่เขาถูกนำตัวเข้ามา สายตาของผู้คนต่างก็จรดไปที่ตัวของชายคนนั้น เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จักชายคนนี้เลยแต่เฉินเวยกลับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จัก แต่จะเป็นเขาไปได้ยังไงกันนี่เป็นเรื่องที่เฉินเวยไม่เคยคาดคิดมาก่อน หรือจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าเดิมทีชายคนนี้ก็ชื่อหวงเมา เป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมฝ่ายการผลิต ดูท่าทางเป็นชายเรียบร้อย แต่ความจริงแล้วมีความสามารถไม่น้อย อีกท
ในยามนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่เท่าไร แต่หยางอี้ติดตามเขามาหลายปี ฝีมือไม่เลว จัดการทุกอย่างได้มิดชิด และยังทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขาเขาไปตกอยู่ในมือเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกันแต่ก็เพียงชั่วครู่ ชายอีกคนก็ถูกนำตัวเข้ามาเขาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางอี้ คนขับรถของเขาหลี่ว์ซิงเหอหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เย่เทียนหยู่ ตกลงคุณต้องการอะไร คุณอยากโยนความผิดให้ผมมากถึงกับไม่เลือกวิธีการเลยรึไง?”“ได้ยังไงกันล่ะ คุณต่างหากโมโหขนาดนี้ หรือจะกลัวซะแล้ว”“ล้อเล่นกันรึไง ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวด้วย”หลี่ว์ซิงเหอปฏิเสธทันทีและพูดเสียงดัง “หยางอี้ ถึงคุณจะเป็นคนขับรถของผม แต่คุณก็เป็นแค่คนขับ ระวังคำพูดคำจาหน่อย ถ้ากล้าใส่ร้ายผมละก็ อย่ามาโทษที่ผมต้องหยาบคายนะ”“โอ้โห ตอนนี้คุณเริ่มข่มขู่กันแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ล้อเลียนเบาๆ“ข่มขู่อะไร? ผมก็แค่เตือนเขา”“ไม่ต้องเตือนหรอกครับ”หยางอี้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ เขารู้ทุกหมดอย่างแล้ว คุณยอมรับเถอะนะ”“หยางอี้ หุบปากซะ!” หลี่ว์ซิงเหอโกรธมากหยางอี้ไม่โกรธ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าและพูดอ
ประจวบเหมาะกับที่หลินหว่านหรูเองก็เกือบจะจัดการธุระเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่มองดูนาฬิกาครู่หนึ่ง เวลาเพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขารีบกลับไป“แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ ล่ะ หรือพวกเขากลับไปกันแล้ว?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขา แถมยังเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นอีก ไม่คิดจะอยู่พูดคุยกันหน่อยรึไง“กลับไปกันแล้ว!”สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าคุณต้องรีบกลับไปจัดการธุระเหรอคะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”“ได้!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทาง เขาหันไปมองหลินหว่านหรูที่ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล่าเอ่ยปาก เขาจึงถามออกไปว่า “หว่านหรู คุณเป็นอะไรรึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”“หรือจะเป็นเรื่องสูตรนั่น?”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่เป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน หลินหว่านหรูก็พยักหน้าทันที ก่อนจะพูดซ้ำสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งจะพูดไปออกมาเย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สูตรส่วนผสมสูตรเดียวเอง ผมเขียนให้ตอนนี้เลยก็ได้ และจะ
“ได้สิ”ทันทีที่แม่ตระกูลหลินพูดจบ เธอก็รีบเดินจากไป พร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจใครขอให้แกมากัน ไม่รู้จะมาทำไม มาแย่งบริษัทไปจากฉันรึไงฝันไปเถอะ!หลินซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดจะเอาก็เอาไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ!ถ้าเธอรู้แต่แรก ว่าอีกไม่นานหลินหว่านหรูจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเทียนเฟิงกรุ๊ป และได้กลายเป็นผู้จัดการระดับสูงของกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านแบบนี้ เธอไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่พ่อตระกูลหลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก อันที่จริง เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของแม่ตระกูลหลินสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเมื่อก่อนทุกการตัดสินใจก็มักจะขึ้นอยู่กับแม่ตระกูลหลิน แถมตอนนี้ท่าทีของเธอก็ยิ่งเหมือนบูเช็คเทียนเข้าไปทุกวัน ไม่ว่าเธอพูดจะอะไร ตนก็ได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็เดินตามหาหลงเจี๋ยจนเจอ จากนั้นหลงเจี๋ยก็ถามออกไปด้วยความโกรธทันที “เย่เทียนหยู่ นี่คุณหมายความว่ายังไง ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงต้องหลอกฉันด้วย?”“ผมหลอกคุณงั้นเหรอ?” เย่เทียนหยูรู้สึกสับสน“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ เห็น ๆ อยู่ว่าคุณคือราชามังกรแห่งพรรคมังกร ไม่บอกฉันก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังจะแสร้งบ
เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หว่านหรู ในเมื่อทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พอดีเมื่อกี้คุณตำรวจหลงมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมน่ะ ผมขอไปหาเธอหน่อยนะ”“อือ คุณไปเถอะ”เมื่อกี้ตอนที่หลงเจี๋ยเชิญเขา หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้เรื่องนี้ดีหลังจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงเดินจากไปเมื่อเย่เทียนหยู่เดินจากไปแล้ว คนที่เหลือก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หลังจากที่สื่อสารกันไปมาสักพัก หลินหว่านหรูก็ได้เซ็นลงไปส่วนเรื่องเงินชดเชย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเลยสักบาทเมื่อเห็นว่าในที่สุดปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แม่ตระกูลหลินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เธอจึงกอดหลินหว่านหรูเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดด้วยความซาบซึ้งออกไปว่า “หว่านหรู ขอบคุณมากนะ!”“ก่อนหน้านี้แม่ทำผิดพลาดไปมากมาย แต่ลูกก็ยังปกป้องแม่ตลอด ลูกเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกเลย แม่รักลูกนะ!”คำพูดที่หวานซึ้งเช่นนี้ หลินหว่านหรูถึงกับทนรับเอาไว้ไม่ไหว แต่การที่แม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากแล้ว“หว่านหรู ลูกวางใจได้ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แม่จะดูแลบริษัทใ
ในตอนที่เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นว่าพ่อตระกูลหลินกำลังเดินออกมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นออกไปว่า “หว่านหรู ในที่สุดแกก็มาแล้ว ขืนแกยังไม่มา แม่แกคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”หลินหว่านหรูขมวดคิ้ว เธอแทบไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยสีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชาอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของทั้งสอง สีหน้าพ่อตระกูลหลินก็ดูหมดหวัง และคิดว่าหลายสิ่งที่พวกเขาทำมันเกินไปแล้วจริง ๆ เขาจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเป็นเพราะเขาเดินตามทั้งสองเข้าไป พ่อตระกูลหลินถึงเข้าไปด้วยได้ เดิมที เขาแค่จะมาดูแม่ตระกูลหลินเท่านั้นภายใต้การนำทางของตำรวจ หลินหว่านหรูและเย่เทียนหยู่ก็ได้มาถึงห้องขังที่แม่ตระกูลหลินอยู่แม่ตระกูลหลินเองก็รู้ว่าหลินหว่านหรูมาถึงแล้ว ทันทีที่เห็นทั้งสอง เธอก็รีบลุกขึ้น และเดินมาหาทันที ดวงตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “หว่านหรู ลูกรักของแม่ ลูกมาแล้วเหรอ!”มองดูดวงตาที่แดงก่ำของแม่ตระกูลหลิน บวกกับท่าทีตื่นเต้นโดยเฉพาะสีหน้าที่ดูอ่อนเพลียและซีดเซียวของเธอ แม้แต่ผมเผ้าเองก็ยังดูยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เธอดูน่าสงสารอย่างมากบวกกับที่เธอพูดคำว
คุณนายไป๋ถูกหัวหน้าใหญ่ไป๋จ้องตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย ก่อนจะรีบพูดออกมาเบา ๆ ว่า “พี่เฉินคะ พะ พี่เป็นอะไรไป?”“เธอคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่“ละ แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะคะ ถึงต่อให้ฉันเป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา พี่ก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงจะสามารถจัดการเขาได้?”“เดิมทีมันก็อาจจะได้ แต่เมื่อกี้พยัคฆ์ทมิฬเพิ่งรายงานว่า เขาอาจจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรก็ได้ และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสมากถึงแปดเก้าส่วนที่จะเป็นเรื่องจริง”“หากว่าเขาเป็นราชามังกรจริง ๆ ล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่สำนักเจวี๋ยฉิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้”ไป๋เฉินพูดด้วยความโกรธ“หา ไม่จริงน่า เป็นไปได้ไหมที่พยัคฆ์ทมิฬกำลังหลอกพี่อยู่”“เขาไม่มีทางหลอกฉันแน่”ไป๋เฉินถอนหายใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาถูกภรรยาชักจูงแบบผิด ๆ มาตั้งแต่แรก ต่อให้ตอนนี้ตนได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหาในการจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เป็นจุดตันเถียนของเขา มันจะยังสามารถฟื้นฟูกลับมาไ
จากนั้น ไป๋เฉินก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่ดูประณีตออกมาจากตัว เขานำมันติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงยื่นให้เย่เทียนหยู่ด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นี่คือสมบัติที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น ว่ากันว่า หากกลั่นมันออกมาเป็นยา ก็จะสามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่ระดับปรามาจารย์ได้ทันทีหากไม่ใช่เพราะแรงกดดันที่น่ากลัวจากสำนักเจวี๋ยฉิง เขาก็คงคิดที่จะเก็บมันเอาไว้ใช้เองเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ตอนที่ยอดฝีมือจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่อสู้กับปรมาจารย์ที่น่ากลัวคนหนึ่ง กระบวนท่าเดียว ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็สามารถฆ่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์คนนั้นได้ในทันทีดังนั้น การที่ไอ้เด็กนี่มันกล้าท้าทายอำนาจสำนักเจวี๋ยฉิงแบบนี้ มันจะต้องตายอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่รับกล่องมา ก่อนจะเปิดดูด้านใน และพบว่านั่นคือดอกบัวสีเจ็ดสีจริง ๆ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อมาอยู่ในมือของเขา เขาจึงรับเก็บมันไว้ทันที แล้วพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยออกไปว่า “เห็นแก่ของเล่นชิ้นนี้ ผมจะปล่อยคุณไปสักครั้งก็แล้วกัน”“จำไว้นะว่า อีกสี่หมื่นห้าพันล้าน จะต้องถูกโอนเข้าบัญชีภายในหนึ่งวัน เพราะไม่อย่างนั้น ก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย!”ทันที
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด
แต่สิ่งนี้ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าใหญ่ไป๋ถูกจัดการแล้วจริง ๆ เขาถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงคุณนายไป๋หน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว เธอทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ในเวลานี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเทพสงครามในสายตาของเธอได้ถูกทำลายลงแล้วจริง ๆเพราะความทะเยอทะยานของเธอ จึงทำให้ผู้ชายของเธอได้กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง!ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดไป๋เฉินก็สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ก่อนจะถามออกไปด้วยความกลัวว่า “แกเป็นใครกันแน่?”“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินอีกสี่หมื่นห้าพันล้านจะต้องเข้าบัญชีเดี๋ยวนี้” เย่เทียนหยูกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย “ภรรยาของคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่ตัวคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาสินะ?”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ดีมากนัก เขารู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างมาก ที่ทำให้ชี่แท้ของตนถูกทำลาย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เงินก้อนนี้ฉันจะไม่มีวันมอบให้แน่นอน”“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยสนใจชีวิตภรรยาของคุณเลยสินะ”“พี่เฉินคะ......”คุณนายไป๋ลนลานขึ้นมาทันที เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้อีก เ
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต