“เกิดอะไรขึ้นกับหลินซื่อกรุ๊ป?”“คุณยังไม่รู้เหรอครับ?” ซูเหวินฮวาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า “เครื่องสำอางที่ประธานหลินร่วมมือกับตระกูลซูมีปัญหาใหญ่ ตอนนี้ดังไปทั้งอินเตอร์เน็ตเลยครับ”เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและค้นหาอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาก็เผยความขุ่นเคืองขึ้นมาทันทีแม้ว่าเครื่องสำอางจะมีปัญหา แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่หลวงขนาดนี้ แถวมยังมีแรงกระเพือมมหาศาล จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่โกรธได้ยังไงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคำพูดที่เลวร้ายมากมายมุ่งเป้าไปที่หลินหว่านหรู หัวใจของเขาก็ปะทุเจตนาฆ่าอันแรงกล้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกรธอย่างแท้จริง นับตั้งแต่มาที่เมืองเทียนไห่เห็นทีบางคนคงเบื่อการมีชิวิตอยู่แล้วสินะ“ซูเหวินฮวา ที่คุณโทรหาผม คงไม่ได้จะบอกผมแค่นี้หรอกใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถามตรงๆ ซูเหวินฮวาตกใจเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงแรงสังหารจากน้ำเสียงของเย่เทียนหยู่ผ่านทางโทรศัพท์ และพูดอย่างเร่งรีบ: “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ ผมอยากจะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค
หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะพูด คนที่ปลายสายอีกด้านก็วางไปแล้วแม้ชายคนนี้จะไม่มีอำนาจอะไร แต่เขากลับชอบพูดคำที่ทำให้เธอประทับใจอยู่เสมอ และยัง ทำเรื่องที่ตัวเธอประทับใจอยู่เสมอด้วยแต่เขาก็เป็นจอมดึงดูดความอัปโชคเหมือนกันเขาหมายถึงอะไรกันแน่ หรือมีคนจ้องทำลายเธออยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?แต่ต่อให้มีคนทำ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว ก็คงไม่มีทางรับมือได้หรอก นอกเสียจากว่าเขาจะมีอำนาจมากจากการกระทำในอดีตของเขา มันมีความเป็นไปได้จริง ๆหลินหว่านหรูโทรกลับทันทีเย่เทียนหยู่คาดไม่ถึงว่าหลินหว่านหรูจะโทรมาทันทีหลังจากที่เขาวางสาย“หว่านหรู!”“เทียนหยู่ ที่นายบอกเมื่อกี้หมายถึงอะไรที่? นายไปค้นพบอะไรบางอย่างมรทึเปล่า นายอย่าไปทำอะไรซี้ซั้วเชียวนะ”หลินหว่านหรูถาม“ผมไม่ทำซี้ซั้วแน่นอนครับ”“คุณรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง” หลินหว่านหรูถามด้วยความประหลาดใจ“อือ!”“ใครคะ?” หลินหว่านหรูถามทันที“ซูเหวินฮุยกับหลี่ว์ซิงเหอ!” เย่เทียนหยู่ไม่ได้ปิดบังจากหลินหว่านหรู“อะไรนะ!”“เป็นไปไม่ได้!”หลินหว่านหรูปฏิเสธทันทีและกล่าวว่า: “ถึงตอนนั้นเราจะทำให้ซูเหวินฮ
อันที่จริงมาถึงจุดนี้แล้ว บนอินเตอร์เน็ตก็ติดฮิตอันดับหนึ่ง ถึงกับทุกแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องล้วนติดอันดับ แน่นอนว่าเป็นเหตุฮอตฮิตที่สุด “ซือซือเห็นไหมว่าประธานหลินน่ะจบเห่แล้ว”จางเหยียนเยาะเย้ยและพูดว่า หลิวซือซือกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยพวกเขาเท่านั้น แล้วยังเลือกอยู่ข้างเย่เทียนหยู่หลิวซือซือดูไม่ค่อยสู้ดีนัก หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ ประธานหลินมีหวังได้จบเห่กันพอดีเพราะปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตกำลังสาดกันเมามัน ยังมีผู้คนจำนวนมากกำลังสร้างปัญหาและคนที่พวกเขาอยากจะหาล้วนเป็นประธานหลินไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ว่าประธานหลินก็เป็นผู้รับเคราะห์หลักของเรื่องทั้งหมดนี่ในเวลานี้ หลิวเหลิน หลี่ซินเยว่และคนอื่นๆ อีกหลายคนที่สนับสนุนหลินหว่านหรูต่างก็กำลังพากันมองโลกในแง่ร้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประธานหลินโดยเฉพาะแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้ประธานหลินท่าจะรอดยากแม้เย่เทียนหยู่จะได้รับคำเตือนจากหลินหว่านหรู แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้จริง ๆ และพูดกับเฉินเค่อซิน: “เค่อซิน ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ คุณทานไปก่อนนะ”“อือ!”เฉินเค
จางผิงที่มากับเธอดูหมดหนทาง จริง ๆ แล้วเธอเองก็ไม่เชื่อเช่นกันแต่ตราบใดที่ยังมีโอกาสเธอก็ไม่อยากพลาด ถึงยังไงซะใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถจริงหรือไม่แม้ว่าเขาจะไม่เห็นสีหน้าของเฉินเฟยเฟย แต่เย่เทียนหยู่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะยิ้มเล็กน้อย: “ผมมองออกว่าคุณไม่เชื่อใจผม หรืออีกทางคือคุณไม่เชื่อใครเลย”“แต่ถ้าคุณเต็มใจให้โอกาสผม ผมสามารถแสดงให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงได้ภายในเวลาไม่หนึ่งถึงวัน”เฉินเฟยเฟยไม่ใช่มือใหม่อย่างที่เธอเคยเป็นอีกต่อไป เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดอย่างเย็นชา: “คุณไม่จำเป็นต้องพูดมากกว่านี้แล้ว ฉันไม่ใช่เฉินเฟยเฟย ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”หลังสิ้นคำพูดเหล่านี้ เธอก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า: “ผิงผิง เราไปกันเถอะ!”จางผิงจนปัญญา เธอจ่ายเงินและลุกขึ้นตามไปแต่ทันทีที่ลุกขึ้น ก็มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนปรากฏตัวที่ประตูชายหนุ่มสองคนกำลังรายล้อมผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนหญิงสาวอีกคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาสูงกว่ามาตรฐาน และแต่แต่งตัวได้มีเสน่ห์แถมเขายังมีเครื่องประดับมากมายทั่วร่างกาย ทำให้เขาดูรวยมากชายทั้งสองมองดูแล้วท
“อะไร พูดไม่ออกเหรอ? ไม่มีอะไรจะปฏิเสธเหรอ?”“ในฐานะมนุษย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเองให้ชัดเจนและรู้ว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำให้ตัวเองตาย”จงเหล่ยดูภูมิใจเมื่อนึกถึงว่า สมัยที่เธอเคยเป็นผู้ช่วยของเฉินเฟยเฟยมาก่อน และวันนี้เธอก็รู้สึกฟินสุด ๆ ที่ได้ทำแบบนี้เฉินเฟยเฟยโกรธมาก เห็นจางผิงถูกทุบตีแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าตัวเองถูกทุบเสียอีกแต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้ามอง เพราะชายสองคนที่อยู่ข้าง ๆ กำลังปกป้องจงเหล่ย ต่อให้เธออยากจะทำ แต่เกรงว่ายังไม่ทันได้เข้าไปตบก็คงประสบเคราะห์กรรมก่อนในขณะนี้ มีเสียงแผ่วเบาเข้ามาพูดว่า: “ไม่รู้ว่าพี่สาวคนนี้มาจากไหนนะครับเนี่ย หรือจะเป็นตึกอวี๋หง ถึงได้กล้าบ้าบิ่นขนาดนี้”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเฉินเฟยเฟยและจางผิงไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะช่วยพวกเธอ และพูดล้อจงเหล่ยแบบนี้จงเหล่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่จงใจเรียกเธอว่าเป็นหญิงขายบริการ และเธอก็โกรธทันที: “แก แก กำลังพูดถึงฉันเหรอ?”“มีใครเหมือนอีก นอกจากคุณ?”“รนหาที่ตาย รู้ไหมว่า
ครั้งนี้ทำเอาทุกคนมองดูด้วยความตกตะลึงนี่มันพลังของมนุษย์เหรอ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว แถมยังลงมือรุนแรงขนาดนี้แต่เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะแลมองจงเหล่ย เขาจะไปมีเวลาใส่ใจขยะแบบนั้นได้ยังไง เขาออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกลาเฉินเค่อซินแล้วตรงไปที่บริษัททันทีในเวลานี้ จงเหล่ยที่เจ็บไปทั้งร่างกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมกับกุมหน้าไว้ด้วยความโมโหและความตกใจใบหน้าของเธอบวมเป่งไปกว่าครึ่งเฉินเฟยเฟยกับจางผิงตกใจยิ่งกว่า พวกเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย“มองอะไรฮะ พวกเธอสองคนคอยดูเถอะ เรื่องนี้พวกแกหนีไปไม่ได้แน่ พวกแกจะต้องถูกรวมไปด้วย”จงเหล่ยพูดด้วยความโมโห ดวงตาทั้งสองราวกับจะมีไฟลุกเฉินเฟยเฟยและจางผิงต่างก็ไม่ได้พูดจา เพียงแต่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้จงเหล่ยหาตัวเจอเพราะพวกเธอมองออกว่า ครั้งนี้จงเหล่ยถูกกระทำและโกรธมาก จะต้องมาตามล้างแค้นพวกเธอแน่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นช่วยพวกเธอไว้มาก แต่เธอกลับไม่ได้บอกขอบคุณเขาเลยถึงขั้นว่าตอนเธอเห็นจงเหล่ยครั้งแรก เธอยังสงสัยด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่จงเหล่ยส่งมาหรือเปล่าไม่อย่างนั้นละก็ จะบังเอิญ
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอเชื่อซูเหวินฮุย และรู้สึกว่าคนที่ทำเรื่องแย่นี่ต้องไม่ใช่เขาแน่“ขอโทษค่ะประธานซู”“ขอโทษแล้วจะได้อะไร ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อดูว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ถ้าจบไม่สวย คุณควรจะชดใช้ซะจะเป็นการดีที่สุด” ซูเหวินฮุยเอ่ยอย่างเย็นชา“คุณสบายใจได้เลยค่ะ ฉันจะต้องหาคำอธิบายให้คุณได้แน่”หลินหว่านหรูกัดฟันพูด สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการจัดการกับการประชุมปราบปรามที่หลี่ว์ซิงเหอเป็นคนจัด เขารอคอยมานาน โอกาสแบบนี้ หลี่ว์ซิงเหอไม่มีทางปล่อยหลุดมือเป็นไปตามที่คาด การประชุมเพิ่งจะเริ่มต้น และหลี่ว์ซิงเหอก็ริเริ่มโจมตีใส่หลินหว่านหรูอย่างแรงโดยไม่ปิดบังใดๆเขาพูดต่อหน้าฝูงชนว่าตลอดเวลาเข้ารับตำแหน่งที่ผ่านมาหลินหว่านหรูดึงดันความคิดของตนเป็นใหญ่ เลือกที่รักมักที่ชังขอแค่เธอเป็นคนตัดสิน จะปัญหาใหญ่แค่ไหนเธอก็จะยังดึงดันทำโดยไม่สนคำเตือนแม้แต่น้อยเมื่อก่อนเป็นเพราะผลลัพธ์ออกมาไม่เลว ก็เลยไม่เป็นปัญหาแต่ว่าครั้งนี้ หลี่ว์ซิงเหอเอ่ยถึงเครื่องสำอางว่า “เรื่องการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง พวกเราเหล่าผู้บริหารระดับสูงคัดค้านมาตลอด”“เพราะเราไร้ความรู้ในด้านนี้ แต
หลินหว่านหรูเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าต้องมีคนวางแผนใส่เธออยู่ภายในนี้ ไม่อย่างนั้นละก็ ผู้คนด้านนอกไม่มีทางพุ่งตรงมาหาเธอแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ เมื่อนึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นหลี่ว์ซิงเหอทำจริงๆ ?ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง หลินหว่านหรูคงไม่คิดแบบนี้ แต่ถ้ามีคนสร้างเรื่องจริง หลี่ว์ซิงเหอก็มีแรงจูงใจมากที่สุดแต่ตอนนี้รู้เรื่องนี้ไปแล้วจะได้อะไร เพราะผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้วในเวลานี้เอง หลี่ว์ซิงเหอมองดูหลินหว่านหรูอย่างภูมิอกภูมิใจ ใบหน้าของเขาเผยสีหน้าหมดหนทางออกมา ก่อนจะเอ่ยปากว่า “ประธานหลิน อย่าโทษที่ผมต้องตัดญาติขาดมิตรขนาดนี้เลยนะ ตอนนี้มันหมดหนทางแล้วจริงๆ”“ผมว่าตัวคุณเองคงสำนึกได้อยู่แล้วสินะ ว่าผู้เสียหายด้านนอกทุกคนอยากจะฆ่าคุณซะ ถ้าคุณไม่ออกหน้ารับ เรื่องนี้คงไม่จบแน่”“ยิ่งยื้อไปก็ยิ่งทำให้บริษัทเลวร้ายลงกว่าเดิม”“ถ้าคุณไม่ยอมจริงๆ งั้นก็ให้ทุกคนยกมือเป็นการตัดสิน ลองดูซิว่าทุกคนหวังให้บริษัทล้มละลาย ทุกคนตกงาน หรือแม่แต่เงินเดือนก็ไม่ได้รับกันหรือเปล่า”หลี่ว์ซิงเหอมองไปที่ทุกคนขณะที่กำลังพูด เห็นได้ชัดว่าจะทำการโหวตแต่คำพูดของเ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป