หลิวซือซือซึ่งนั่งอยู่ในรถตำรวจรู้สึกประหม่ามากและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “หัวหน้าทีมเย่ ฉันพูดผิดไป ทำให้ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งยากหรือเปล่าคะ?”“คุณคิดยังไง?”เย่เทียนหยู่กลอกตา“ฉันขอโทษนะ ฉันแค่อยากจะช่วยคุณ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ บอกไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก”“จริงเหรอคะ หัวหน้าทีมเย่ คุณรู้จักเจ้าพ่อใหญ่ ๆ ใช่ไหมคะ?”หลิวซือซือถามด้วยความสงสัย“……”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ต้องมาอยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจด้วยเหรอ?นี่เธอยังเป็นยอดนักขายของบริษัทอยู่รึเปล่า?“นั่นเพราะเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เรื่องที่คุณบอกก็เลยไม่ใช่กระทงใหญ่” ตำรวจหญิงที่นั่งข้างเขาพูดอย่างเย็นชา“อ่า อะไรนะคะ?”หลิวซือซือตกใจ คดีฆาตกรรมเหรอ?เป็นไปได้ยังไงกัน“อย่าฟังเรื่องไร้สาระ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” เย่เทียนหยู่ปลอบใจเธอ“ฉันก็หวังอย่างนั้น แต่ถ้าคุณตกอยู่ในมือของฉัน คุณก็อย่าหวังพึ่งโชคเลย ขอแค่คุณก่ออาชญากรรม ไม่ว่าคุณจะรู้จักเจ้าพ่อคนไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก”“ผมไม่ได้ก่ออาชญากรรม” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“แล้วเจียงเทาตายได้ยังไง?”“เจียงเทา?”“ฉันไม่รู้จักคนคนนี้สักหน่อย!”ตำรวจหญิงส่ายห
“เขาตายแล้วเหรอ?”“ดูเหมือนเวรกรรมจะมีจริงสินะ”“คุณพูดอะไร?”หลงเจี๋ยโกรธมาก“ไม่มีอะไร ผมหมายถึงไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผมฆ่าเขา เพียงเพราะผมมีเรื่องขัดแย้งกับเขา คุณก็คิดว่าผมเป็นฆาตกรแน่แล้วอย่างนั้นเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่โต้กลับ“นายคงคิดว่าตัวเองทำมันได้สมบูรณ์แบบเลยสินะ เจียงเทาทิ้งหลักฐานไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต”หลงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “แต่ว่า ฉันจะให้โอกาสคุณสารภาพทุกอย่างเอง”“ไม่ต้องหรอก ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงออกมาเลย”“ดี งั้นคุณลองดูนี่”หลงเจี๋ยก็แสดงวิดีโอที่เจียงเทาบันทึกไว้เมื่อคืนนี้ เขาบอกว่าคนที่ทุบตีเขาตอนนั้นเตือนเขาว่าเขาจะฆ่าเขา เขากังวลมากจากนั้นก็มีรูปถ่ายที่เขาเขียนคำว่า “เย่” ไว้ข้างตัวเขาก่อนจะเสียชีวิตเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าอย่างไร้คำพูดและพูดว่า “คุณก็เชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่คิดว่าทุกอย่างเป็นการจงใจสร้างของปลอมเหรอ?”“คุณหมายถึงมีคนจงใจที่จะทำร้ายคุณและฆ่าใครสักคนเพื่อใส่ร้ายคุณ?” หลงเจี๋ยถามกลับ“เป็นไปได้”ภาพของหลายคนปรากฏในใจของเย่เทียนหยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าใครโหดร้ายขนาดนี้ หลี่ว์ซิงเหอ?ไม่หรอกมั้งหรือจะเป็นกงซุนจื้อ? ซูเห
หลงเจี๋ยไม่อยากปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเลยจริง ๆ แต่หากผู้กองจางพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถต่อต้านได้แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นเจ้านายของผู้กองจางแต่เธอก็ถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดเกี่ยวกับการฉวยโอกาสจากสถานะตระกูลของเธอ แม้แต่คนอื่น ๆ ในสำนักงานตำรวจก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของรัฐมันตรีหลงหลังจากวางสายแล้ว หลงเจี๋ยขอให้คนไปปลดล็อคกุญแจมือของเย่เทียนหยู่และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เย่เทียนหยู่ คุณมีอิทธิพลมากนี่ ตอนนี้ภูมิใจในตัวเองหรือยังล่ะ?”“ไม่หรอกครับ ก็ผมไม่ได้ทำตั้งแต่แรก ส่วนเรื่องนี้ผมยังหวังว่าสารวัตหลงจะยังสืบสวนต่อและหาคนฆาตกรตัวจริงเจอ”“ไม่ต้องกังวล ฉันทำแน่ แต่ฉันเกรงว่าจะดันสืบไปเจอคุณอีกน่ะสิ เมื่อถึงเวลานั้น ใครหน้าไหนก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก”“ไม่หรอกครับ!”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นพูด “สารวัตรหลง ผมไปล่ะ ไว้จะมาพบคุณอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”“เจอกันอีกแน่นอน”หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาและแอบคิดว่าให้ดีอย่าพลาดมาอยู่ในมือฉันแล้วกัน ไม่งั้นคุณได้เห็นดีแน่อีกเหตุผลที่เธอยอมปล่อยเขาไปในครั้งนี้ ก็คือตัวเธอเองพบว่าความรู้สึกของการถูกใส่ร้ายนั้นชัดเจนมากแต่คนที่เย่อหยิ่ง
“แล้วแต่นาย”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์อย่างมีความสุขในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็ได้เข้าใจ ว่าความรักคืออะไรในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าเธอชอบเย่เทียนหยู่จริง ๆแม้ว่าเขาคนนี้จะไร้ความสามารถและไม่ได้มีอิทธิพลอะไร เธออาจถูกนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าแต่งงานกับเขาแต่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดอะไรขอแค่เธอชอบเขาก็พอเพียงแต่ว่าพ่อแม่อาจไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ ท่านปู่อาจขอให้เธอออกจากตระกูล ไม่รู้ว่ากลับมาแล้วเขาจะมีท่าทียังไงกันนะเฮ้อ!ทำไมทุกอย่างถึงยากแบบนี้นะ!ในขณะนี้ หลินหว่านหรูได้แอบตัดสินใจเธอต้องฝึกฝนเย่เทียนหยู่ให้ดี และต้องทำให้เขามีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นแกนนำของบริษัทด้วยเมื่อถึงเวลานั้น แรงช่วยของเขาต้องน้อยมากแน่ๆทันใดนั้น หลินหว่านหรูก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องคนเล็กเก๊กรัก นี่เธอก็เป็นเหมือนเรื่องคนเล็กเก๊กรักหรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่ ต่อไปนายต้องใจสู้หน่อยล่ะนะ เลิกเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งสักทีในขณะเดียวกัน หลิวซือซือกลับมาที่บริษัท ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนั่งลงบนที่นั่ง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลิวซือซือยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยอะไรกัน ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของหัวหน้าทีมเย่? หรือเธอเกิดประสาทหลอนเพราะเป็นห่วงเขามากเกินไป?เธออดหันหน้าไปมองทันที เป็นหัวหน้าทีมเย่จริง ๆ ด้วย และทันใดนั้นความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอหัวหน้าทีมเย่กลับมาเร็วขนาดนี้ ก็หมายความว่าหมดเรื่องแล้วใช่หรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่เดินเข้ามา และมองดูจางเหยียนที่ตกอยู่ในอาการตกใจ แล้วพูดอย่างใจเย็น: “จางเหยียน ผมถามคำถามคุณนะ ทำไมไม่ตอบ?”ใบหน้าของจางเหยียนซีดขาว ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวและรีบตอบทันที: “หัวหน้าทีมเย่ เข้าใจผิดแล้วค่ะ เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย”เย่เทียนหยู่ยิ้ม ในดวงตาของเขามีแสงเย็นวาบผ่าน และพูดว่า “คุณคิดว่าผมเชื่อเหรอ”“ฉัน……”“ดูสิว่าท่าทางขี้ขลาดของคุณสิ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป แต่ทิ้งประโยคไว้หนึ่งประโยค“จางเหยียน ผมขอเตือนคุณว่า อย่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งคุณจะต้องตายอย่างน่าสังเวช”เมื่อมองดูเย่เทียนหยู่จากไป สีหน้าของจางเหยียนน่าเกลี
“แล้วก็ ต่อไปนายต้องตั้งใจทำงานที่บริษัทให้มาก ๆ นะ อย่าให้หลิวสุ่ยทำทุกอย่างแทน ความพยายามของนายในตอนนี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน รอจนมีโอกาสฉันจะเลื่อนขั้นให้นายเอง”หลินหว่านหรูบอกเขาตามตรง และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเย่เทียนหยู่ด้วยแต่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟัง เขาก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีแค่นี้ก็พอแล้ว”“พอแล้วอะไรของนาย นายไม่คิดจะก้าวหน้าเลยหรือยังไง?”“มันไม่จำเป็นจริง ๆ ครับ”“ไม่จำเป็น นายคิดว่านายตามเงินคืนมาได้เยอะมากก็เลยเก่งสุดๆ ไปเลยอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าแค่นี้จะแต่งงานกับใครก็ได้แล้วรึยังไง?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดว่า “คุณหมายถึงว่า ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานเลื่อนตำแหน่ง แล้วคุณจะยอมเป็นภรรยาจริง ๆ ของผมแบบนั้นสินะ”“หึ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”“งั้นก็ลืมไปเถอะ ผมไม่อยากทำงานไร้ประโยชน์”“นาย!”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เพื่อให้เย่เทียนหยู่ก้าวหน้า เธอเลยจะเป็นต้องเปิดเผยความในใจเล็กน้อย: “นายพูดถูก ถ้านายได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ ฉันจะพิจารณาเป็นภรรยาของนาย”“บอกมาซะก็จบเรื่อง ถ้าอย่างนั้นผมจะพยาย
“เค่อซิน......”หลังจากออกจากบริษัท เย่เทียนหยู่ก็ไปเยี่ยมเฉินเค่อซินแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว แต่เฉินเค่อซินยังคงสวมกระโปรงยาวเรียบง่ายเป็นนิสัย ซึ่งเผยรูปร่างเพรียวบางของเธอได้เป็นอย่างดีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นสวยงามมากและผิวพรรณของเธอเนียบละเอียดผู้ชายคนไหนได้เห็นก็คงถูกทำเอาหลงหัวปักหัวปำ“พี่เย่ พี่มาแล้ว!”เฉินเค่อซินมีความสุขมากที่ได้พบเย่เทียนหยู่ ความจริงแล้ว หลายครั้งเธออยากจะเป็นคนเข้าหาเขาก่อน แต่เธอกลัวที่จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพี่เย่“อือ ก็คิดถึงคุณไม่ใช่รึไงเล่า”“ฉันไม่เชื่อพี่หรอกค่ะ” ใบหน้าของเฉินเค่อซินแดงก่ำ แต่ภายในใจเธอมีความสุขมากหลังจากที่ทั้งสองนั่งลง เย่เทียนหยู่ก็ถามสถานการณ์ของเค่อซินในระยะนี้เขารู้มาว่าเฉินเค่อซินลาออกจากที่เดิมแล้วและกำลังมองหางานใหม่ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เธอแค่อยากหางานที่เหมาะกับเธอเท่านั้นแถมยังไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปด้วย“คุณไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปมาเหรอ?”“อือ น่าเสียดายที่ไม่ผ่านค่ะ” เฉินเค่อซินไม่รู้เลยว่าภรรยาของเย่เทียนหยู่เป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ป“ใครเป็นคนสัมภาษณ์?
เฉินเค่อซินไม่อยากพลาดโอกาส หลังจากวางสาย เธอก็ทั้งมีความสุขและวิตกกังวล เธอค้นหาคำถามสัมภาษณ์มากมายในกูเกิลทันทีและท่องคำถามเหล่านี้ไม่หยุดเพื่อจะเตรียมตัวทำผลงานดี ๆ ในวันพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเค่อซินเตรียมตัวอย่างปราณีต ไม่นานเธอก็มาถึงชั้นล่างของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป เธอกังวลมากจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนจะเข้าไปทันทีที่มาถึงประตู ก็มีคนเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีค่ะ คุณคือคุณเฉินเค่อซินหรือเปล่าคะ”“ใช่แล้วค่ะ!”“เชิญทางนี้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณขึ้นไปเอง”เฉินเค่อซินตกตะลึง บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์ขนาดนี้เลยเหรอ? แถมพี่สาวคนนี้ก็นิสัยดีมากและยังมารับเธอเป็นพิเศษอีกด้วยเธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย: “สวัสดีค่ะ บริษัทของคุณสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์เกินไปหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ถึงสถานการณ์เลยสินะ แต่ว่าในฐานะเลขาของประธานถาน เธอรู้ดีว่ามีบางอย่างที่เธอไม่สามารถพูด เธอยิ้มและพูดว่า “ยินดีค่ะ เรียกฉันว่าหวงฉินก็ได้นะคะ”แม้เธอจะไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คือใคร แต่เธอก็ทำให้ประธานถานบอกเธอได้ ว่าเธอต้องดูแลผู