หลิวซือซือซึ่งนั่งอยู่ในรถตำรวจรู้สึกประหม่ามากและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “หัวหน้าทีมเย่ ฉันพูดผิดไป ทำให้ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งยากหรือเปล่าคะ?”“คุณคิดยังไง?”เย่เทียนหยู่กลอกตา“ฉันขอโทษนะ ฉันแค่อยากจะช่วยคุณ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ บอกไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก”“จริงเหรอคะ หัวหน้าทีมเย่ คุณรู้จักเจ้าพ่อใหญ่ ๆ ใช่ไหมคะ?”หลิวซือซือถามด้วยความสงสัย“……”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ต้องมาอยากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจด้วยเหรอ?นี่เธอยังเป็นยอดนักขายของบริษัทอยู่รึเปล่า?“นั่นเพราะเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เรื่องที่คุณบอกก็เลยไม่ใช่กระทงใหญ่” ตำรวจหญิงที่นั่งข้างเขาพูดอย่างเย็นชา“อ่า อะไรนะคะ?”หลิวซือซือตกใจ คดีฆาตกรรมเหรอ?เป็นไปได้ยังไงกัน“อย่าฟังเรื่องไร้สาระ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” เย่เทียนหยู่ปลอบใจเธอ“ฉันก็หวังอย่างนั้น แต่ถ้าคุณตกอยู่ในมือของฉัน คุณก็อย่าหวังพึ่งโชคเลย ขอแค่คุณก่ออาชญากรรม ไม่ว่าคุณจะรู้จักเจ้าพ่อคนไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก”“ผมไม่ได้ก่ออาชญากรรม” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“แล้วเจียงเทาตายได้ยังไง?”“เจียงเทา?”“ฉันไม่รู้จักคนคนนี้สักหน่อย!”ตำรวจหญิงส่ายห
“เขาตายแล้วเหรอ?”“ดูเหมือนเวรกรรมจะมีจริงสินะ”“คุณพูดอะไร?”หลงเจี๋ยโกรธมาก“ไม่มีอะไร ผมหมายถึงไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผมฆ่าเขา เพียงเพราะผมมีเรื่องขัดแย้งกับเขา คุณก็คิดว่าผมเป็นฆาตกรแน่แล้วอย่างนั้นเหรอครับ?”เย่เทียนหยู่โต้กลับ“นายคงคิดว่าตัวเองทำมันได้สมบูรณ์แบบเลยสินะ เจียงเทาทิ้งหลักฐานไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต”หลงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “แต่ว่า ฉันจะให้โอกาสคุณสารภาพทุกอย่างเอง”“ไม่ต้องหรอก ถ้าคุณมีหลักฐานก็แสดงออกมาเลย”“ดี งั้นคุณลองดูนี่”หลงเจี๋ยก็แสดงวิดีโอที่เจียงเทาบันทึกไว้เมื่อคืนนี้ เขาบอกว่าคนที่ทุบตีเขาตอนนั้นเตือนเขาว่าเขาจะฆ่าเขา เขากังวลมากจากนั้นก็มีรูปถ่ายที่เขาเขียนคำว่า “เย่” ไว้ข้างตัวเขาก่อนจะเสียชีวิตเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าอย่างไร้คำพูดและพูดว่า “คุณก็เชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่คิดว่าทุกอย่างเป็นการจงใจสร้างของปลอมเหรอ?”“คุณหมายถึงมีคนจงใจที่จะทำร้ายคุณและฆ่าใครสักคนเพื่อใส่ร้ายคุณ?” หลงเจี๋ยถามกลับ“เป็นไปได้”ภาพของหลายคนปรากฏในใจของเย่เทียนหยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าใครโหดร้ายขนาดนี้ หลี่ว์ซิงเหอ?ไม่หรอกมั้งหรือจะเป็นกงซุนจื้อ? ซูเห
หลงเจี๋ยไม่อยากปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเลยจริง ๆ แต่หากผู้กองจางพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถต่อต้านได้แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นเจ้านายของผู้กองจางแต่เธอก็ถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดเกี่ยวกับการฉวยโอกาสจากสถานะตระกูลของเธอ แม้แต่คนอื่น ๆ ในสำนักงานตำรวจก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของรัฐมันตรีหลงหลังจากวางสายแล้ว หลงเจี๋ยขอให้คนไปปลดล็อคกุญแจมือของเย่เทียนหยู่และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เย่เทียนหยู่ คุณมีอิทธิพลมากนี่ ตอนนี้ภูมิใจในตัวเองหรือยังล่ะ?”“ไม่หรอกครับ ก็ผมไม่ได้ทำตั้งแต่แรก ส่วนเรื่องนี้ผมยังหวังว่าสารวัตหลงจะยังสืบสวนต่อและหาคนฆาตกรตัวจริงเจอ”“ไม่ต้องกังวล ฉันทำแน่ แต่ฉันเกรงว่าจะดันสืบไปเจอคุณอีกน่ะสิ เมื่อถึงเวลานั้น ใครหน้าไหนก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก”“ไม่หรอกครับ!”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นพูด “สารวัตรหลง ผมไปล่ะ ไว้จะมาพบคุณอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”“เจอกันอีกแน่นอน”หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาและแอบคิดว่าให้ดีอย่าพลาดมาอยู่ในมือฉันแล้วกัน ไม่งั้นคุณได้เห็นดีแน่อีกเหตุผลที่เธอยอมปล่อยเขาไปในครั้งนี้ ก็คือตัวเธอเองพบว่าความรู้สึกของการถูกใส่ร้ายนั้นชัดเจนมากแต่คนที่เย่อหยิ่ง
“แล้วแต่นาย”หลินหว่านหรูวางสายโทรศัพท์อย่างมีความสุขในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็ได้เข้าใจ ว่าความรักคืออะไรในขณะนี้ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าเธอชอบเย่เทียนหยู่จริง ๆแม้ว่าเขาคนนี้จะไร้ความสามารถและไม่ได้มีอิทธิพลอะไร เธออาจถูกนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าแต่งงานกับเขาแต่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดอะไรขอแค่เธอชอบเขาก็พอเพียงแต่ว่าพ่อแม่อาจไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ ท่านปู่อาจขอให้เธอออกจากตระกูล ไม่รู้ว่ากลับมาแล้วเขาจะมีท่าทียังไงกันนะเฮ้อ!ทำไมทุกอย่างถึงยากแบบนี้นะ!ในขณะนี้ หลินหว่านหรูได้แอบตัดสินใจเธอต้องฝึกฝนเย่เทียนหยู่ให้ดี และต้องทำให้เขามีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นแกนนำของบริษัทด้วยเมื่อถึงเวลานั้น แรงช่วยของเขาต้องน้อยมากแน่ๆทันใดนั้น หลินหว่านหรูก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องคนเล็กเก๊กรัก นี่เธอก็เป็นเหมือนเรื่องคนเล็กเก๊กรักหรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่ ต่อไปนายต้องใจสู้หน่อยล่ะนะ เลิกเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งสักทีในขณะเดียวกัน หลิวซือซือกลับมาที่บริษัท ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนั่งลงบนที่นั่ง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลิวซือซือยืนนิ่งอยู่กับที่ ตัวเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยอะไรกัน ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของหัวหน้าทีมเย่? หรือเธอเกิดประสาทหลอนเพราะเป็นห่วงเขามากเกินไป?เธออดหันหน้าไปมองทันที เป็นหัวหน้าทีมเย่จริง ๆ ด้วย และทันใดนั้นความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอหัวหน้าทีมเย่กลับมาเร็วขนาดนี้ ก็หมายความว่าหมดเรื่องแล้วใช่หรือเปล่านะ?เย่เทียนหยู่เดินเข้ามา และมองดูจางเหยียนที่ตกอยู่ในอาการตกใจ แล้วพูดอย่างใจเย็น: “จางเหยียน ผมถามคำถามคุณนะ ทำไมไม่ตอบ?”ใบหน้าของจางเหยียนซีดขาว ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวและรีบตอบทันที: “หัวหน้าทีมเย่ เข้าใจผิดแล้วค่ะ เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่พูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย”เย่เทียนหยู่ยิ้ม ในดวงตาของเขามีแสงเย็นวาบผ่าน และพูดว่า “คุณคิดว่าผมเชื่อเหรอ”“ฉัน……”“ดูสิว่าท่าทางขี้ขลาดของคุณสิ!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป แต่ทิ้งประโยคไว้หนึ่งประโยค“จางเหยียน ผมขอเตือนคุณว่า อย่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งคุณจะต้องตายอย่างน่าสังเวช”เมื่อมองดูเย่เทียนหยู่จากไป สีหน้าของจางเหยียนน่าเกลี
“แล้วก็ ต่อไปนายต้องตั้งใจทำงานที่บริษัทให้มาก ๆ นะ อย่าให้หลิวสุ่ยทำทุกอย่างแทน ความพยายามของนายในตอนนี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน รอจนมีโอกาสฉันจะเลื่อนขั้นให้นายเอง”หลินหว่านหรูบอกเขาตามตรง และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเย่เทียนหยู่ด้วยแต่เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟัง เขาก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีแค่นี้ก็พอแล้ว”“พอแล้วอะไรของนาย นายไม่คิดจะก้าวหน้าเลยหรือยังไง?”“มันไม่จำเป็นจริง ๆ ครับ”“ไม่จำเป็น นายคิดว่านายตามเงินคืนมาได้เยอะมากก็เลยเก่งสุดๆ ไปเลยอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าแค่นี้จะแต่งงานกับใครก็ได้แล้วรึยังไง?”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ฟังแบบนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดว่า “คุณหมายถึงว่า ถ้าคุณอยากให้ผมทำงานเลื่อนตำแหน่ง แล้วคุณจะยอมเป็นภรรยาจริง ๆ ของผมแบบนั้นสินะ”“หึ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”“งั้นก็ลืมไปเถอะ ผมไม่อยากทำงานไร้ประโยชน์”“นาย!”หลินหว่านหรูโกรธมาก แต่เพื่อให้เย่เทียนหยู่ก้าวหน้า เธอเลยจะเป็นต้องเปิดเผยความในใจเล็กน้อย: “นายพูดถูก ถ้านายได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการ ฉันจะพิจารณาเป็นภรรยาของนาย”“บอกมาซะก็จบเรื่อง ถ้าอย่างนั้นผมจะพยาย
“เค่อซิน......”หลังจากออกจากบริษัท เย่เทียนหยู่ก็ไปเยี่ยมเฉินเค่อซินแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว แต่เฉินเค่อซินยังคงสวมกระโปรงยาวเรียบง่ายเป็นนิสัย ซึ่งเผยรูปร่างเพรียวบางของเธอได้เป็นอย่างดีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นสวยงามมากและผิวพรรณของเธอเนียบละเอียดผู้ชายคนไหนได้เห็นก็คงถูกทำเอาหลงหัวปักหัวปำ“พี่เย่ พี่มาแล้ว!”เฉินเค่อซินมีความสุขมากที่ได้พบเย่เทียนหยู่ ความจริงแล้ว หลายครั้งเธออยากจะเป็นคนเข้าหาเขาก่อน แต่เธอกลัวที่จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพี่เย่“อือ ก็คิดถึงคุณไม่ใช่รึไงเล่า”“ฉันไม่เชื่อพี่หรอกค่ะ” ใบหน้าของเฉินเค่อซินแดงก่ำ แต่ภายในใจเธอมีความสุขมากหลังจากที่ทั้งสองนั่งลง เย่เทียนหยู่ก็ถามสถานการณ์ของเค่อซินในระยะนี้เขารู้มาว่าเฉินเค่อซินลาออกจากที่เดิมแล้วและกำลังมองหางานใหม่ ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เธอแค่อยากหางานที่เหมาะกับเธอเท่านั้นแถมยังไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปด้วย“คุณไปสัมภาษณ์ที่หลินซื่อกรุ๊ปมาเหรอ?”“อือ น่าเสียดายที่ไม่ผ่านค่ะ” เฉินเค่อซินไม่รู้เลยว่าภรรยาของเย่เทียนหยู่เป็นประธานของหลินซื่อกรุ๊ป“ใครเป็นคนสัมภาษณ์?
เฉินเค่อซินไม่อยากพลาดโอกาส หลังจากวางสาย เธอก็ทั้งมีความสุขและวิตกกังวล เธอค้นหาคำถามสัมภาษณ์มากมายในกูเกิลทันทีและท่องคำถามเหล่านี้ไม่หยุดเพื่อจะเตรียมตัวทำผลงานดี ๆ ในวันพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเค่อซินเตรียมตัวอย่างปราณีต ไม่นานเธอก็มาถึงชั้นล่างของบริษัทเทียนมู่กรุ๊ป เธอกังวลมากจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนจะเข้าไปทันทีที่มาถึงประตู ก็มีคนเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีค่ะ คุณคือคุณเฉินเค่อซินหรือเปล่าคะ”“ใช่แล้วค่ะ!”“เชิญทางนี้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณขึ้นไปเอง”เฉินเค่อซินตกตะลึง บริษัทเทียนมู่กรุ๊ปสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์ขนาดนี้เลยเหรอ? แถมพี่สาวคนนี้ก็นิสัยดีมากและยังมารับเธอเป็นพิเศษอีกด้วยเธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย: “สวัสดีค่ะ บริษัทของคุณสุภาพต่อผู้สัมภาษณ์เกินไปหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ถึงสถานการณ์เลยสินะ แต่ว่าในฐานะเลขาของประธานถาน เธอรู้ดีว่ามีบางอย่างที่เธอไม่สามารถพูด เธอยิ้มและพูดว่า “ยินดีค่ะ เรียกฉันว่าหวงฉินก็ได้นะคะ”แม้เธอจะไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คือใคร แต่เธอก็ทำให้ประธานถานบอกเธอได้ ว่าเธอต้องดูแลผู
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก