“พ่อ...แม่ปราบเมื่อไรจะทำหน้าที่นางฟ้าเสร็จฮะ”
ในรถเอสยูวีคันโตเกิดอุณหภูมิลดฮวบกะทันหัน วิเชียรที่นั่งข้างคนขับเหลือบตาดูเด็กชายผู้นั่งคนเดียวที่เบาะหลัง สลับกับเจ้านายผู้นั่งหลังพวงมาลัย เห็นแล้ว มือกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
“ปราบอยากเจอแม่”
เจ้าตัวน้อยอมลมจนแก้มพอง
“ทุกคนมีหน้าหน้าที่ต้องทำ แม่...ก็มีหน้าที่ของเขา”
ผู้เป็นพ่อตอบเสียงต่ำ ๆ ตามองไปยังถนน ทว่าร่างใหญ่โตแผ่รังสีอึมครึมชวนอึดอัดออกมา
วิเชียรกลืนน้ำลายลงคอดังอึก เมื่อเรื่องต้องห้ามถูกเอ่ยออกจากผู้เป็นนายน้อยของบ้าน
“พ่อช่วยบอกแม่ทำงานเสร็จเร็ว ๆ ได้ไหมฮะ ปราบคิดถึง”
บรรยากาศน่าจะเศร้ากว่านี้ ถ้าคนนั่งเบาะหลังจะไม่พูดเสร็จแล้วล้วงมือหยิบโดนัทเคลือบช็อกโกแลตจากถุงออกมาเคี้ยวหงุบ ๆ หงับ ๆ
“อืม...”
ไผทรับคำ เมื่อเห็นความสนใจของเด็กชายเบี่ยงเบนไปที่ของกิน บรรยากาศกดดันค่อยผ่อนคลายลงมาหน่อย ลูกน้องอย่างวิเชียรถึงกับเป่าปากโล่งอกไปด้วย
“เกลไม่ชอบกินบร็อคโคลี่”
สกลกันต์กินขนมพร้อมเล่าเรื่องในโรงเรียนไปเรื่อย เหมือนทุก ๆ วันยามผู้เป็นบิดาขับรถมารับจากโรงเรียนอนุบาล
“อืม...”
ไผทตอบรับลูก แสดงความเอาใจใส่ เรื่องพวกนี้เขาอ่านมามากแล้วจากหนังสือจิตวิทยาการเลี้ยงเด็ก คิดว่าตัวเองรับมือลูกได้ดีประมาณหนึ่ง
“เพราะบร็อคโคลี่ขมไม่อร่อย”
“อืม...”
สงสัยมื้อเย็นเขาต้องสั่งยายพุด แม่ครัวประจำบ้านให้งดทำกับข้าวที่มีส่วนประกอบเป็นเจ้าผักเขียว ๆ นี่สักอาทิตย์
“แต่เกลบอก แม่เกลมีเวทมนตร์ทำให้บร็อคโคลี่อร่อย”
ไผทเหยียบเบรกเอี๊ยด สีแดงขึ้นบนสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยกพอดี ในรถอุณหภูมิลดต่ำอีกแล้ว แต่กระนั้นวิเชียรก็มีเหงื่อผุดขึ้นหน้าผาก
“ปราบไม่ชอบมะเขือเทศ แม่เป็นนางฟ้า ต้องมีเวทมนตร์ทำให้มะเขือเทศอร่อยแน่ ๆ เลย ปราบอยากเจอแม่”
ตาคมเข้มที่ได้ต้นแบบมาจากไผทมีไฟลุกโชน แสดงความมุ่งมั่น แต่แก้มกลมยังมีเศษช็อกโกแลตเปื้อนอยู่เลย
“เป็นลูกผู้ชาย อย่าคิดเล็กคิดน้อย เอาชนะผู้หญิงด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้สิ”
ผู้เป็นพ่อจับไต๋ได้ คงไม่พ้นโดนเพื่อนขิงมาแน่ ๆ
“ก็เกลบอกว่าคนกินผักได้เท่นี่นา ดีนกินผักได้หมด เกลบอกว่าเท่มาก ปราบกินผักทุกอย่างได้เหมือนกัน”
ผู้ใหญ่สองคนถึงกับอมยิ้ม เมื่อได้ฟังเรื่องว้าวุ่นของวัยรุ่นฟันน้ำนม
“...ยกเว้นมะเขือเทศ มันไม่อร่อยจริง ๆ นะฮะพ่อ แต่ปราบอยากเท่ไง”
โดนัทหมดชิ้น เจ้าตัวขยำถุงที่ใส่เสียเป็นก้อนกลม บ่งบอกความขัดอารมณ์เป็นอย่างมาก
“งั้นเดี๋ยวพ่อจะให้ยายพุดทำเมนูมะเขือเทศเยอะ ๆ ปราบจะได้ฝึกกินไว้”
ไฟเขียวกะพริบขึ้น พร้อมอารมณ์ของไผทที่ดีขึ้นมาก เมื่อหาทางออกของวิกฤติประจำวันกับเจ้าลูกชายตัวดีได้
“อึ๊ย...ยายพุดชอบทำมะเขือเทศผัดไข่เละ ๆ ไม่อร่อย” สกลกันต์เบ้หน้า
“งั้นซุปไก่ใส่มะเขือเทศล่ะ เอาไหม”
วิเชียรเป็นคนพยักหน้าเสียเอง เจ้าซุปนี่บีบมะนาว ใส่น้ำปลา บุบพริกขี้หนูใส่เสียหน่อย มันคือกับแกล้มเหล้าแซ่บ ๆ ดี ๆ นี่เอง นึกถึงแล้วเปรี้ยวปาก
“เช็ดน้ำลายด้วยไอ้เชียร กูถามลูกกู มึงไม่ต้องทำท่าอยากกินขนาดนั้น”
ลูกน้องหัวเราะแหะ ๆ ที่เจ้านายรู้ทัน
“ใส่สปาเกตตีด้วยนะ ปราบชอบ”
“ได้ แวะห้างกันหน่อย จะได้ซื้อของไปให้ยายพุดทำให้”
แม่ครัวถนัดทำอาหารไทย เมนูฝรั่งไผทเคยซื้อหนังสือไปให้เหมือนกัน แต่ยายพุดบอกอ่านไม่รู้เรื่อง จำไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร
ขนาดมักกะโรนีที่ใส่ในซุปไก่ ยายพุดยังเรียกผิดเป็นสปาเกตตี เลยพลอยทำให้สกลกันต์เรียกผิดไปด้วยจนถึงทุกวันนี้
เมนูฝรั่งที่ลูกชายได้กินมาจากการเห็นในยูทูปบ้าง เห็นเพื่อนกินบ้าง ที่โรงเรียนมีให้กินบ้าง
“ซื้อชีสวัวหัวเราะด้วยนะพ่อ ดีนกับเกลบอกว่าอร่อย”
ไผทผงกศีรษะให้ ก่อนเลี้ยวรถเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าหรูที่สุดในจังหวัด เพื่อซื้อของให้ลูกชายคนเดียวอย่างตามใจ
เหมือนทุกครั้งที่มีประเด็นเรื่องแม่ของเจ้าตัวผุดขึ้นมา
“ไง...แก”
ศรัญญาทักทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวเดินหน้าบานกลับเข้ามาในร้านคาเฟ่
“เขาน่ารักมากเลย”
วัชรมัยเปี่ยมสุขจนยิ้มตาหยี เพื่อนเอาน้ำเปล่าใส่มะนาวฝานมาเสิร์ฟ เธอเลือกนั่งห้องพิเศษของร้าน ที่ศรัญญาเอาไว้ให้ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรืออยากเช่าไว้ประชุมขนาดเล็ก
“ลูกของฉัน หน้าเหมือนพ่ออย่างกับก๊อบปี้วาง โตไปคงหล่อน่าดู”
พอนึกถึงอีกคน ใบหน้าชื่นมื่นของวัชรมัยก็เจื่อนลง
“ฉันมันเลวจริง ๆ นะเก๋ ที่ทิ้งลูก ไม่เคยมาดูดำดูดีเขาเลย เสียดายจริง ๆ”
ในตาร้อนผ่าว น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ
“อย่าคิดมากสิแก เดี๋ยวอาการจะยิ่งแย่”
ศรัญญามองหาทิชชู ก่อนวิ่งไปคว้าที่อยู่นอกห้องประชุมมายื่นให้
“ฉันเป็นแม่ที่เลวจริง ๆ”
น้ำตากลิ้งเผาะไหลอาบแก้ม เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง
“ถ้าลูกรู้ต้องเกลียดฉันแน่ ๆ”
เด็กชายแก้มกลมใส ตาคมกริบ ตัวนิดเดียว เล็กไปเสียทุกส่วน วัชรมัยอยากยื่นมือไปสัมผัส แต่ความผิดบาปที่เกาะกินจิตใจทำให้เธอทำได้เพียงตัวแข็งทื่อ ยืนนิ่งงันมองเด็กชาย
ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสเข้าใกล้ได้เพียงถึงขนาดนี้
“ฉันจะทำยังไงดีเก๋”
ศรัญญามองเพื่อนแล้วถอนหายใจ สภาพวัชรมัยเหมือนวันนั้น วันที่เธอไปส่งเพื่อนขึ้นรถไปกรุงเทพฯ วัชรมัยตัวสั่น ร้องไห้น้ำตาท่วม
เวลาห้าปีเปลี่ยนเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้น แต่เพื่อนยังอ่อนไหวเหมือนเดิม
...เหมือนวันที่ยังเป็นเพียงเด็กสาวเพิ่งคลอดลูกวัชรมัยในวัยยี่สิบห้าปี ราวกับกลับเป็นสาวอายุยี่สิบ
“ใจร่ม ๆ ไว้แก อย่าคิดมาก เดี๋ยวอาการทรุด”
เพื่อนที่จากที่นี่ไปดังนกปีกหัก มีเพียงข่าวคราวส่งมาบอกสบายดี ศรัญญาพลอยดีใจด้วย ก่อนกลับมาเจอกันอีกเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมความจริงอันหนักอึ้ง
“กรรมตามฉันทันแล้วแก”
เสียงสะอื้นไห้ดังทั่วห้อง ศรัญญาสงสารในชะตากรรมของอีกคนจนต้องโอบประคองปลอบ
“ฉันทำผิด...ทำบาปกับลูกเหลือเกิน”
สุดท้ายเด็กชายที่เธอปล่อยมือ ยื่นสิทธิ์ให้คนอื่น วันนี้กลับเป็นเธอที่อาลัยเขากว่าใคร อยากกอด อยากหอม
อยากได้ยินเสียงเล็ก ๆ นั้น เรียกว่า...แม่
“ฉันมันคนเห็นแก่ตัว”
ศรัญญาลูบหลังเพื่อนเหมือนเคย ปลอบกันตั้งแต่วันแรกที่เจอจนกระทั่งวันนี้
“สมแล้วที่ฉันได้รับกรรม”
วัชรมัยเป็นคนเลว สมแล้วที่ตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายในชีวิตเช่นนี้
สกลกันต์เล่นก่อกองทรายกับเพื่อนในบ่ออยู่ แม้หลังบ้านจะมีทะเล แต่ใช่ว่าจะได้ไปเล่นบ่อย ๆ ไผทไม่ยอมให้ลูกลงทะเลเด็ดขาดถ้าตนเองไม่ได้ไปด้วยแล้วนายหัวอย่างเขาก็งานยุ่งเสียด้วย ไม่ค่อยมีเวลาพาลูกไปทะเล สกลกันต์จึงได้แต่เล่นอยู่ภายในบ้านบ้าง ในสวนยาง สวนปาล์มบ้างบ่อทรายในโรงเรียนอนุบาลจึงเป็นสถานที่เล่นที่เขาโปรดปรานที่สุด“เมื่อเช้านี้แม่เราทำเทมปุระบร็อคโคลี่ให้กินด้วยแหละ”ผู้พูดเป็นเด็กอวบอ้วนตาหยี ข้าง ๆ กันเป็นลูกสมุน อ้วนหนึ่ง ผอมหนึ่ง“อร่อยมากเลย”ดีนที่เล่นเอารถตักทรายไม่สนใจ สกลกันต์ได้ยินแต่แกล้งทำเฉย ก่อกองทรายต่อ ขณะเด็กหญิงเกลเลิกคิ้ว“แล้ว...”เด็กตาหยียิ้มกว้าง เมื่อสาวที่น่ารักที่สุดในห้องแสดงท่าทีสนใจตน เขากำลังจะกลายเป็นคนเท่ในสายตาเธอแน่ ๆ“ถ้าวันนี้เกลยอมไปเล่นชิงช้ากับเรา จะให้แม่ทำเทมปุระบร็อคโคลี่ให้ก็ได้”พ่อบอกว่าจะจีบผู้หญิงต้องมีของล่อใจ เด็กชายได้ยินเกลเล่าเรื่องเจ้าผักเขียวบ่อย แสดงว่าเธอต้องชอบแน่ ๆ“เราไม่กินของทอดหรอก เดี๋ยวอ้วน”เกลสะบัดบ๊อบ“ทำไมล่ะ แม่เราทำอร่อยนะ หรือไม่ชอบบร๊อคโคลี่ทอด จะกินทอดมันกุ้งไหม ขาหมูก็ได้ แม่เราทำอร่อย พ่อกินเยอะทุกวันเลย”
ไผทไม่ต้องการคุยเรื่องลับในครอบครัวในที่สาธารณะ เขาจึงพาวัชรมัยออกไปข้างนอก พอสกลกันต์เห็นพ่อเดิน ลูกก็ตามมาด้วยวันนี้ไผทมารับคนเดียว ส่วนวิเชียร คอยคุมคนงานขนปุ๋ยที่ร้านในตลาดเพื่อเอากลับไร่ตัวเลือกในการคุยกันจึงเป็นร้านอาหาร และพอดีกับที่เป็นคาเฟ่ของศรัญญาด้วย“ยินดีต้อนระ...”เพื่อนทักทายลูกค้าที่เข้ามาใหม่ยังไม่ทันจบประโยค หน้าเจื่อนลงทันที ส่งสายตาเลิ่กลั่กให้วัชรมัย“ขอใช้ห้องประชุมหน่อย...ค่ะ”เกือบพูดอย่างสนิทสนมไปแล้ว เธอไม่อยากให้จำได้ว่าศรัญญาเป็นเพื่อนกัน มิเช่นนั้นแผนมาตามส่องลูกวันอื่นอาจพัง“ปราบไปอยู่กับพี่เขาก่อนนะครับ อยากกินอะไรสั่งได้เลย” วัชรมัยยิ้มให้เจ้าตัวเล็ก“ท็อฟฟี่ก็กินได้เหรอ”ตาคมคู่เล็กจ้องไปยัง ท็อฟฟี่ห่อยักษ์ที่วางในตะกร้าบนตู้กระจกโชว์ขนมเค้ก“ได้สิครับ ปราบกินแล้วต้องแปรงฟันด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณแมงกินฟันจะมาหา แล้วจะปวดฟัน”เด็กชายเอามือขึ้นกุมแก้มพอดี แสดงว่าเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วแน่ ๆ“เป็นเด็กดีนะครับ...น้าขอคุยธุระกับพ่อปราบเดี๋ยวเดียว”สกลกันต์พยักหน้า ศรัญญารับช่วงต่อ ยื่นมือแตะไหล่เด็กชาย“ฝากด้วยนะ”ขยับปากไม่ออกเสียง“แกก็ด้วยล่ะ ตั้งสติ
วินาทีที่ได้ยินคำว่าแม่จากปากเล็ก ๆ ราวกับโลกของวัชรมัยหยุดหมุน เธอทรุดกายลง มืออันสั่นเทาโอบประคองแก้มยุ้ยของลูก“แม่กลับมาหาปราบแล้วใช่ไหมครับ แม่ไปอยู่ไหนมา รู้ไหมปราบคิดถึง”เด็กที่ชายที่กินสตอร์วเบอรี่ปั่นจนอิ่ม เห็นทั้งสองหายไปนาน แล้วเป็นช่วงจังหวะที่ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ศรัญญาจึงปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวกระจกห้องประชุมนั้นเป็นแบบใส สกลกันต์เห็นข้างในหมด ภาพวัชรมัยร้องไห้ ทำให้นึกถึงคำสอนของบิดา“ลูกต้องไม่รังแกคนอื่น”เด็กชายไม่เคยรังแกใคร แล้วทำไมพ่อถึงทำคุณน้าคนสวยร้องไห้เสียล่ะ เขาไม่ชอบเลยขาสั้นป้อมจึงเดินเตาะแตะไปเปิดประตูห้องประชุม หูได้ยินความจริงอันต้องตกตะลึง“ปราบคิดถึงแม่”สกลกันต์เบะปาก ความรู้สึกตื้อตันตีตื้นขึ้นในอก ในตาร้อนผ่าว“แม่ขอโทษครับปราบ...แม่ขอโทษ”เด็กชายโถมกอดซุกหน้าลงกับไหล่บาง วัชรมัยพร่ำบอกพร้อมกอดเจ้าตัวนุ่มนิ่มไว้แน่น“แม่ไปทำหน้าที่นางฟ้าเสร็จแล้วใช่ไหม จะกลับมาอยู่กับปราบตลอดไปใช่ไหมครับ”เสียงเล็ก ๆ มาพร้อมอาการสะอื้นฮัก หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจคำถามนัก แต่เธออยากอยู่กับลูกตลอดไป“จ้ะ แม่กลับมาแล้ว แม่จะอยู่กับปราบ”ไผทมองภาพการกอดกันของทั้งสองด้
ห้องทำงานของนายหัวไผทเป็นห้องลึกสุดทางเดิน อยู่ชั้นหนึ่งของบ้าน ประตูไม้สักสีเข้มสลักลายเถาวัลย์พันวัวชนอันดูดุดันบานประตูปิดอยู่ ราวกับไม่ต้อนรับใครทั้งนั้น วัชรมัยจำได้ดี เวลาไผทจะดุว่าเธอ เขามักเรียกมาที่ห้องนี้เวลาปรกติยามยังอยู่ด้วยกัน เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า ถ้าเจ้าของไม่ต้องการมือขาวผอมบางเปิดประตูเข้าไป เจ้าของบ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหลังให้เธอ ตามองออกไปยังสวนเขียวข้างนอก“ฉันขออยู่กับลูกอีกหน่อยได้ไหม สักประเดี๋ยว”หญิงสาววอน ตอนนี้เรื่องเดียวที่ไผทจะทำคือไล่วัชรมัยออกไปจากที่นี่“เพื่ออะไรล่ะ เมื่อห้าปีที่แล้ว เธอเลือกรับเงิน ทิ้งเขาไปเอง ตอนนี้จะมาเรียกร้องอะไร”คนบนเก้าอี้หันมา ดวงตาคมลึกส่งแววห้ำหั่น“หรือเงินหมดแล้ว อยากได้อีก จะใช้ลูกเป็นตัวประกันล่ะสิ เลว!”แม้คำบริภาษนี้ เธอก็เคยเอ่ยกับตัวเอง แต่ยามได้ฟังจากริมฝีปากหนา มันทำเจ็บกว่า บาดลึกจนรู้สึกราวเลือดอุ่น ๆ ซึมออกจากอก“ฉันไม่ได้ต้องการเงิน ฉันต้องการเจอลูก”วัชรมัยสูดลมหายใจลึกอีกครา กล้ำกลืนเลือดเข้าไว้ในอก“เธอได้เจอเขาแล้ว ออกไปจากบ้านฉันซะ!”หญิงสาวพยายามมองหาความปรานีในดวงตาคม แต่มันไม่เหลือเลย มีเพีย
วัชรมัยพาสกลกันต์ในชุดนอนลายสไปเดอร์แมนลงมาข้างล่าง บ้านเปิดไฟสว่าง บรรยากาศเงียบเชียบเธอโดนยายพุดเล่นงานอีกแล้ว ไม่มีคนรับใช้คอยช่วยอะไรเลย แต่ไม่อยากเกินจะรับมือ ห้าปีที่ผ่านมาวัชรมัยทำอะไรเองมาตลอด เรื่องงานบ้านแค่นี้จิ๊บ ๆ นัก“ปราบไปตามพ่อมากินข้าวนะครับ”สกลกันต์พยักหน้าอย่างยินดี เธอเข้าครัว ลำเลียงอาหารมาจัดโต๊ะ บีบซอสมะเขือเทศตกแต่งออมเล็ตเป็นรูปหน้ายิ้มข้าวก็ตักใส่ถ้วยคว่ำลงจาน ตกแต่งข้าวขาวด้วยเม็ดข้าวโพดต้มเหลืองอ๋อยเป็นตา ปากเป็นรูปแคร์รอตส้มสดใสหั่นแว่น สภาพจึงเหมือนคนอ้าปากกว้างสิ่งละอันพันละน้อยที่เธอเรียนรู้จากยูทูปบ้าง จากหนังสือบ้าง วัชรมัยอยากทำมาตลอดตั้งแต่เห็นหน้าสกลกันต์“คุณหน้ายิ้ม คุณปากจู๋”เด็กชายเบิกตาโต ห่อปากเมื่อเห็นการตกแต่งในจาน“แม่มีเวทมนตร์จริง ๆ ด้วย”รอยยิ้มจากใบหน้าเล็ก ๆ ช่างมีอานุภาพทำลายล้างสูงนัก วัชรมัยกุมใจที่เต้นแรงแทบเป็นลม“อย่ามัวแต่เล่นสิปราบ กินข้าวได้แล้ว”ไผทยังตีหน้าเข้ม หลังเอ็ดลูก ก็เลื่อนเก้าอี้นั่งประจำหัวโต๊ะ สกลกันต์นั่งทางขวาเขา วัชรมัยนั่งถัดไป“ง่ำ ๆ แม่ทำมะเขือเทศอร่อย ไข่ปราบก็ชอบมาก”คนอายุน้อยสุดตาเป็นประกายทันทีเม
“ขอฉันเข้าไปข้างในหน่อยเถอะค่ะ”วัชรมัยในสภาพผมฟูกระเซิง ใบหน้าแห้งกรังไปด้วยคราบน้ำตากำลังอ้อนวอนคนงานที่ป้อมหน้าสวน“ขอร้องล่ะ หรือต้องการเงิน ฉันก็ให้ได้นะคะ”หญิงสาวล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบธนบัตรใบละพันขึ้นมาชูสามใบ“กลับไปเถอะครับคุณผู้หญิง”คนงานชายที่ลากเธอมาในทีแรกส่ายหน้า ขณะเพื่อนอีกสามสี่คนส่งสายตาวอกแวก ลังเลเมื่อเห็นธนบัตรส่ายยั่วใจอยู่ไหว ๆ“หลอกเอาเงินจากอีนี่ก่อนก็ได้...แล้วแกล้งทำเป็นปล่อยให้เข้ามา ค่อยจับกลับอีกที”หนึ่งในนั้นกระซิบแผนการอันชั่วร้าย“มึงรู้ไหม ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”หนุ่มหุ่นสันทัดกระซิบบอกเพื่อน เล่าตัวตนที่ที่แท้จริงของเธอ เมื่อได้ฟังหนุ่ม ๆ ถึงกับหน้าซีดเผือด“ตะ...แต่นายหัวไล่ออกมาเองนะเว้ย”“ยังไงเธอก็เป็นแม่คุณปราบ มึงกล้าเหรอ”หลายคนคอหด ไผทนั้นดุก็จริง แต่สกลกันต์ก็ใช่ย่อย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น วีรกรรมแกล้งปล่อยหมาพิตบลูไล่คนงานในสวน จนต้องวิ่งหนีกันตับแทบแล่บยังตราตรึงใจอยู่มิรู้ลืม“ว่าไง เงินน่ะจะเอาไหม”วัชรมัยเสนอสิ่งที่เธอไม่ขาด ตอนนี้มีมากกว่าสิบล้านด้วยซ้ำ“พวกผมไม่ทรยศนายหัวหรอก เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ”หญิงสาวหน้าสลด สมองแล่นเร็วจี๋ คิดจ
“ปราบจะไปหาแม่”ล้อรถเอสยูวีคันโตหยุดกึกลงในทันใด“คุณปราบครับ นิ่ง ๆ ไว้อย่าดิ้น”วิเชียรห้ามลูกเจ้านาย นี่คือเรื่องกังวลที่ทำเขาหน้าเสียในเช้านี้ ด้วยเจอพวกคนงานในป้อมเมื่อคืน เล่าว่าวัชรมัยอยู่ที่นั่นตลอด ตากฝนจนเช้า ลากก็ไม่ยอมไปไหน บอกจะรอเจอสกลกันต์“หะ...เอ้ย!”ไผทสบถ จ้องมองร่างบนถนนซึ่งมอมแมมไม่ต่างจากกองขยะเปียก“พ่อ!”เด็กชายสกลกันต์ร้องลั่น นายหัวเหลือบตาดูลูกน้องคู่ใจ วิเชียรเปิดประตูออก ไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยคนข้างหลังทันที ขาสั้นป้อมวิ่งปร๋อมุ่งไปยังถนน“ทำไมแม่มาอยู่ตรงนี้ ไม่กลับสวรรค์แล้วใช่ไหม ทำไมแม่ตัวเปียก”วัชรมัยปวดหนึบทั่วศีรษะ ความอ่อนล้าเพราะไม่ได้นอนทำให้สติรางเลือน กึ่งฝันกึ่งตื่น ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่เฝ้ารอมาทั้งคืน“ปราบ...”ร่างเล็กนิ่มโผเข้ากอดมารดาด้วยความคิดถึง จิตใจเด็กอันบริสุทธิ์ไม่ได้รังเกียจสภาพอันอเนจอนาถของมารดาเลย“แม่กลับมาอยู่กับปราบตลอดไปแล้วใช่ไหม”อ้อมกอดนุ่มอันแสนอบอุ่น กลิ่นกรุ่นนมสดที่แสนคิดถึง วัชรมัยดังคนร่อนเร่ในทะเลทราย เมื่อได้พบโอเอซิส ได้ลิ้มรสน้ำบริสุทธิ์ จึงยากจะห้ามใจไม่ให้ดื่มด่ำมันอีกการได้อยู่กับลูก คือความสุขใจที่ไม่อาจ
ศรัญญาขับรถกระบะตอนครึ่งมายังสวนปาล์ม เมื่อจอดลง ณ บ้านหลังใหญ่ ใบหน้าอวบอิ่มเล็ก ๆ ชะโงกออกจากประตูมาดู“น้าเก๋มาแล้ว”สกลกันต์ทักเสียงแจ๋ว ได้รับหน้าที่จากมารดาให้รอรับเพื่อน“ไงครับ ปราบ”ศรัญญาไม่ได้แปลกที่เด็กน้อยรู้จักเธอ วัชรมัยคงบอกแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เพื่อนต้องการสัมฤทธิผล“ปราบช่วยถือกระเป๋าฮะ”หน้าเงยมองกระบะสูง ศรัญญายกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาตาคมฉ่ำวาว มารดาไม่ได้โกหก เธอจะกลับมาอยู่กับเขาจริง ๆ คนงานในบ้านเมื่อเห็นหญิงสาวก็รีบกระวีกระวาดช่วย“อ่ะ...น้าเอามาฝาก”ศรัญญายื่นขนมจากร้านถุงใหญ่ให้“ขอบคุณครับ”สกลกันต์หน้าบานดีอกดีใจ กระพุ่มมือไหว้อย่างงดงาม“ขอบใจที่เอาของมาให้นะแก”วัชรมัยออกมาพบเพื่อนด้วยชุดแปลกตา สวมเสื้อยืดนุ่งผ้าถุงกรอมเท้าสีสันสดใส“เรื่องมันยาว”เธอหลุบหลบสายตา ศรัญญาเห็นนะ แก้มเพื่อนขึ้นสีแดง“มีเวลาฟังทั้งวัน ฉันเป็นเจ้าของคาเฟ่ มีอิสระในการทำงานนะเผื่อแกลืม”ศรัญญายิ้มล้อ วัชรมัยบอกคนรับใช้ในบ้านให้คอยดูแลสกลกันต์ในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนเธอพาเพื่อนไปคุยกันให้ห้องพักแขก“สรุปแกกลับมาเป็นนายหญิงของที่นี่แล้วงั้นสิ”เชฟสาวเลือกนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแ