@ แคมป์พยาบาล
"เสร็จแน่!!!" ร่างอรชรไม่รอให้เตโชเข้ารายงานเจ้านาย ปานมีเรื่องร้อยพันอารมณ์จะซักถาม สองเท้าเรียวสวยเร่งก้าวรวดเร็วยิ่งกว่ามีเรื่องร้อนใจ หลังเขาทำเหมือนหลบหน้ากัน จะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาอยู่แบบรวนเรได้ยังไง
"มีอะไร?" น้ำเสียงเข้มเจ้าของห้องพูดขึ้น เขาจำเสียงจังหวะฝีเท้าก้าวเดินได้ดี แค่ไม่เงยมองดูก็รู้ว่าใครเยื้องกายเข้ามา ร่างสูงยอมวางปากกาเซ็นเอกสารลง เหลือบนัยน์ตาคมไร้ความหมายจ้องอีกฝ่าย
"คุณก็รู้หนูมาเรื่องอะไร!" คนตัวเล็กรีบทิ้งสะโพกมนนั่งบนเก้าอี้ของผู้ป่วย ประจันหน้าเอาเรื่องหมอหนุ่ม ผ่านแววตาจริงจังคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อ
~ก้อนใจดวงน้อยยิ่งกว่าล่วงหล่นใส่ตาตุ่ม เมื่อสัมผัสบรรยากาศไร้อารมณ์ของซิลค์ได้~
"ฉันบอกไปหมดแล้ว" น้ำเสียงเข้มบอก ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงอย่างไม่เคยเป็น โชยกลิ่นสารนิโคตินคละคลุ้งดั่งคนสูบมาอย่างหนัก
"แต่สำหรับหนูมันไม่หมด! ไหนคุณว่าหนูเป็นเมียไง แล้วจะยอมให้หนูกลับไปทำไม" โมอาโวยวายจริงจัง ซึ่งกลุ่มบอดี้การ์ดข้างนอกยังได้ยินชัดเจน ฝ่ามือเรียวบางจะเอื้อมจับคนเบื้องหน้า ร่างสูงกลับหมุนเก้าอี้เชิงรำคาญ ยิ่งตอกย้ำสถานะความสัมพันธ์
"แค่อารมณ์พาไป" เขาบอก หรี่หางตาคมสังเกตุใบหน้าใสกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ดูกักเก็บอาการได้ไม่มิด ดวงตากลมสั่นระริกสะท้อนประกายใสใสจนน่าสงสารจับใจ
"ถ้าแค่นั้นจริงๆ แล้วทำไมไม่ปล่อยหนูไปกับอองตวนล่ะจะตามไปช่วยทำไมอีก!" ร่างอรชรทุบโต๊ะทำงานด้วยฝ่ามือสองข้าง บัดนี้อารมณ์เดือดดาลปล่อยเลือดร้อนแล่นพล่านทั่วกายสาว เขาไม่มีทางรู้เลยว่าก้อนใจดวงน้อยเริ่มแตกเป็นเสี่ยง จะผลิตน้ำตาเพื่ออะไรเมื่ออีกฝ่ายไม่สน
การกระทำของเขาบอกชัดเจนตลอดที่ผ่านมา แต่ไหงพอเจอพี่ชายเธอสามีคนนี้ถึงเปลี่ยนไป จะยอมทิ้งเรื่องราวสัมพันธ์ดีๆตลอดหลายเดือนได้เช่นไร
"นั่นสิเนอะ" ร่างสูงนั่งนิ่งแผ่นหลังตรงเช่นเดิม ถอนหายใจกระแทกระบายอารมณ์ข้างในเช่นกัน เขาโตกว่าเธอตั้งหลายปีแต่เหตุใดหญิงสาวไม่เคารพ กับเอาแต่ด่าทอและใช้กิริยาไม่เหมาะสม
"ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายกับคุณจริงๆเหรอ..อึก" แค่จะพูดบอก น้ำเสียงหวานยังเริ่มสั่นคลอน เบื่อนหน้าใสมองทางอื่น ยกหลังมือบางปาดคราบน้ำตาที่ไม่อาจกักเก็บได้
"กลับไป" คนตัวสูงยังบอกผ่านน้ำเสียงเรียบ ท่าทางนิ่งเฉยสะท้อนความเจ็บปวดแก่หญิงสาว ฝ่ามือหนากำปากกาแน่นเกร็ง อีกเพียงนิดเดียวได้หักครึ่งท่อนพอๆกับความรู้สึก
เขาอาจหยาบช้าเรื่องหัวใจ คิดตริรองหาเหตุผลหลังความเป็นจริง เมื่อต้องเลือกสิ่งที่ถูกต้องกับอารมณ์ตัวเอง
"ได้!!!ถ้าคุณบอกว่าเรื่องของเราแค่ความอยากเท่านั้น งั้นต่อไปฉันกับคุณเราขาดกัน ส่วนเรื่องจดทะเบียนอย่าฉันจะให้พี่เดย์จัดการแทน" โมอาระลึกได้ว่าการทำตัวเป็นคนไม่รู้จักกันเลยจะดีกว่า สับเปลี่ยนสรรพนามให้เขาเหมือนตอนแรกเจอ แม้พูดผ่านความเจ็บปวดในอก ยังดีกว่าเสียศักดิ์ศรีให้ชายหนุ่มเชยชมเล่น รู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงในสักวันนึง
สองเท้าเรียวสวยกำลังจะก้าวเดินออกจากห้อง ไม่ลืมหันเหลียวมองปฎิกริยาอีกฝ่าย ซึ่งเขายังคงเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเดิมต่างจากเธอสิ้นดี
"........" ใจแกร่งพาลสับสน อยากจะทิ้งให้คนตัวเล็กไปมีชีวิตสุขสบายเหมือนเก่า แต่พอเอาเข้าจริงๆเกิดความรู้สึกเสียดสีตรงแผงอกแกร่ง โดยเฉพาะตอนเธอเรียกแทนตัวเองไม่เหมือนเดิม นั่นเป็นประโยคตราตรึงย้ำความสัมพันธ์
@ ริมลำธาร
"นี่ฉันต้องถามแกทุกวันแล้วใช่ไหม ว่าแกโอเคหรือเปล่า" เธอก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนรักต่อยังไงดี เมื่อความสัมพันธ์ของโมอาและซิลค์ดูซับซ้อน แถมสถานะของเธอไม่ใช่คนธรรมดา ต้องเลือกสักทางเพื่อครอบครัว
"โอเค..อึก..ฮือ" นิ้วชี้สวยกับหัวแม่มือจรดบอกเพื่อนสาว ทว่าร่างอรชรกับนั่งชันเข่าซุกระบายน้ำตาระลอกใหญ่ นี่หรืออาการอกหักปานจะขาดใจ เธอได้รู้ซึ้งและจะไม่มีทางให้เกิดขึ้นซ้ำ
"โอเคอะไรว่ะโม! อยากร้องก็ร้องมาเหอะให้เท่ากับน้ำในนี้เลยนะ" เบลล์พูดประชดกึ่งเรียกเสียงหัวเราะ แม้จะดูเป็นมุกฝืดเคือง ปกติแล้วเวลาผิดหวังเรื่องความรักโมอาคือคนปลอบใจได้ดีที่สุด ทว่าคืนนี้เธอต้องรับหน้าที่นั้น ซึ่งดูไม่ค่อยเวิร์คสักนิดเลย
"เอาจริงดิ...ฮือ.....ฮือ..อึก.." โมอาปล่อยเสียงสะอื้นชุดใหญ่ ทำคนฟังผิดคลาดรีบโอบกอดช่วยปลอบประโลม ครั้นจะไปร้องไห้คนเดียวก็ไม่รู้ทำยังไง เลยชวนเบลล์มานั่งเล่นระบายความในใจ
ท่ามกลางบรรยากาศยามดึก มีแสงดาวส่องระยิบสลับกับดวงจันทร์ อากาศลมเย็นพัดโบกกระทบร่างอรชร พึ่งโดนจับไปทรมานแถมยังคลุกคลีกว่าจะรอดมา
"โถ่วโม...ให้ฉันบอกพี่เดย์ไหม พาแกกลับไปวันนี้เลยจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเค้าอีก" เวลานี้หากเพื่อนสาวจะหนีไปพักใจ เธอจะยอมอดทนสอนหนังสือคนเดียวก็ได้
"ไม่เอาหรอก สงสารเด็กๆ" โมอาเงยหน้าขึ้นจากสองหัวเข่ามน ยกต้นแขนเรียวปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าใส พอจะเอื้อมหยิบก้อนหินไปลงน้ำ ดันเห็นใบหน้าสากลอยมาเลยชะงักมือ
"แล้วแกจะมีกะจิตกะใจสอนไหมล่ะโม"
"แค่คืนนี้เท่านั้นแหละเบลล์ เดี๋ยวถึงเวลากลับไปแล้วยังไงก็ลืมจริงๆ" ตอนนี้เธอต้องนึกถึงบุพการีจะดีกว่า ทางครอบครัวอองตวนคงไม่ยอมง่ายๆ หากรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวจบชีวิตลง เพราะอยากได้เธอกลับไปจัดงานวิวาห์
"ให้เป็นแบบนั้นเถอะ แกจะได้กลับมาเป็นโมอาคนเดิม" เบลล์พูดเสริม ช่วงนี้เวลาอารมณ์เพื่อนสาวเหมือนลอยเคล้งคว้าง ครอบครัวคือทางออกทางเดียวอาจช่วยได้บ้าง
"ฉันต้องเป็นคนใหม่สิ จะเชิ่ดใส่เลยคอยดู!!!"
...........................................................
ฉึ่บ!!!สิ้นเสียงของกรรไกรผ่าตัดแยกเนื้อเยื่อจากกัน ด้วยฝีมือซิลค์นายแพทย์หนุ่มดีกรีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ใบหน้าคมคายเงยขึ้นทันที เอียงส่งสัญญาณให้หมอผู้ช่วยรับผิดชอบอาการคนไข้ต่อ"ขอบคุณอาจารย์นะคะ" ตามด้วยเสียงของพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เอ่ยกล่าวต่อนายแพทย์หนุ่มผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมครั้งนี้ ซิลค์พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ยืนลำตัวตรงนิ่งความสูงเกินร้อยแปดห้า ทำให้ผู้ช่วยต้องเขย่งปลายเท้าปลดปมผูกชุดผ่าตัดด้านหลัง เพื่อกันเชื้อโรคแปดเปื้อนไปยังพื้นที่นอกเขตควบคุมผับSK"เฮียไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ" ภาคินลองใจถามซิลค์ รุ่นพี่หนุ่มแสนเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศสักนิดเดียว ขณะร่วมโต๊ะดื่มสังสรรค์ ตรงโซนวีไอพีเฉพาะพวกเขาแม้ว่าเสียงดนตรีจะดังครึกครื้นขนาดไหน มีสิ่งยัวยุมากมาย ก็ไม่เคยเห็นเอนไหวสักนิดเดียว"ไม่" ซิลค์ตอบน้ำเสียงเข้ม ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นข้อศอก นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา จับแก้วเหล้าสีอำพันยกดื่ม หลังจบเคสผ่าตัดรักษาสมองเสร็จสิ้น เขาไม่ได้รู้สึกฉาบฉวยมีช่วงเวลาสนุกดั่งมนุษย์คนอื่น ในขณะที่คนรอบตัวล้วนกอบโกยความสุขมากมาย มีครอบครัวสมบูรณ์กันหมดแล้ว"แหม่..ถ
ณ ประเทศนาเธอร์ลาสติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"แย่แล้วค่ะองค์หญิงตื่นได้แล้ว องค์ชายกำลังมาเพคะ" ผู้ได้รับมอบหมายเป็นพี่เลี้ยงมาร่วมยี่สิบปี กำลังร้อนรนเอื้อมมือสะกิดเจ้าหญิงตัวเล็กบนเตียงหรูประกอบด้วยทองคำ ลิลลี่ส่งเสียงกระวนกระวาย จวนเจียนเหมือนกองเพลิงใกล้ขยับทุกที หลังพยามปลุกร่วมชั่วโมงกว่า แต่ไม่มีท่าทีจะลุกตื่นขึ้นมาเลย"อะไรกันแต่เช้าพี่ลิลลี่ โมอาขอตื่นตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ!" ใบหน้าสวยงอค้ำไม่พอใจ รุดออกจากผ้าห่มผืนหนา สบัดตัวนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์"นี่มันเกือบบ่ายสองแล้วนะเพคะ องค์ชายกำลังมาตามแล้ว""ห๊ะ!!!!..แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่า!" ดวงตากลมขนงอนเงา รีบเหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างพนังห้อง ทันใดนั้นร่างอรชรรีบกระโดดลงจากเตียง เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเลย"ลิลลี่ปลุกมาเกือบชั่วโมงแล้วนะเพคะ" เธอรีบส่งเครื่องแต่งกายทั้งหมดให้องค์หญิงราวรู้ใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ลิลลี่รับหน้าที่ช่วยดูแลตลอดมา... ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันภายในห้องโถงใหญ่ ของเมืองเล็กๆซึ่งน้อยคนรู้จักทางแถบตะวันตก ทั้งองค์หญิงและองค์ชายนั่งก้มหน้าตึงเครียด เมื่อโดนถ้อยคำบังคับจากบิดา ให้ไปงานการกุศ
@ โรงแรมหรูชื่อดัง"พี่มาร์จะให้น้องเข้าไปจริงๆหน่ะหรอ" ข้อศอกเล็กรีบสะกิดผู้เป็นพี่ชาย ยามทั้งคู่หยุดอยู่หน้าโซนทางเข้างาน ร่างบอบบางสวมชุดราตรียาว เปิดไหล่โชว์ผิวขาวโดดเด่น ท่ามกลางงานระรื่นผู้คนมากล้น ต่างจับจ้องชนชั้นสูงของยศเจ้าหญิง ที่มาพร้อมกับเจ้าชายเรียงลำดับขั้น เตรียมจะขึ้นครองบัลลังก์อีกไม่นาน"ถอยหลังไปตอนนี้ มีหวังท่านพ่อสั่งขังเจ้าแน่โมอา" ใบหน้าหล่อสมฉายาเจ้าชายของเมือง เอียงมองน้องสาวก่อนจับฝ่ามือบางกระชับเข้าที่ ตรงท่อนแขนแกร่ง ออกแรงก้าวเดินนำโดยที่คนด้านข้างจำใจยอมตามทันใดนั้นเกิดเสียงแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปกดรัวชัตเตอร์ เป็นจุดจับจ้องจนเจ้าของงานรีบวิ่งเข้าต้อนรับ"ในที่สุดองค์หญิงก็มาด้วย" อองตวนเอ่ยบอก เขาคือลูกของนักการเมืองชื่อดัง แฝงไปด้วยบารมีจากสิ่งผิดกฎหมาย รีบก้มคำนับลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการเคารพในเกียรติของทั้งสอง แม้จะรู้จักเล่นสนุกกันตั้งแต่วัยเยาว์"เล่นบังคับกันยันท่านแม่ เกินไปแล้วนะอองตวน!" น้ำเสียงใสรีบโต้กลับเบาๆ ครั้นต้องรักษากิริยาเพราะไม่ว่ายังไงผู้คนก็จับจ้องสถานะพวกเธออยู่ดี"ฝากดูแลเธอด้วย...พี่มีคุยกับพวกองคมนตรีแป๊บเดียว" มาร์แชลล์พยักหน้าใ
@ สวนดอกไม้ในวัง"พี่เดย์เรื่องที่ให้ไปหาข้อมูลไปถึงไหนแล้ว" เสียงขององค์หญิงกระซิบกระซาบ ยามบรรดาพี่เลี้ยงคนสนิทแยกตัวไปจัดเตรียมมื้ออาหารว่าง เธอเลยลอบคุยเรื่องความลับ นั่งบนชิงช้าแกว่งขาเรียวท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ผีเสื้อบินคล่องตัวเหนือดอกกุหลาบหลากสี"เรียบร้อยครับ เป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างใหญ่โตทางแทบประเทศไทย นี่คือประวัติของเขาครับ" เดโม่แอบยื่นเอกสารลับระบุประวัติของชายนิรนาม มีใบหน้าคมคายแต่นัยน์ตาดำกริบชวนวังเวง"เราจะเริ่มแผนได้เมื่อไหร่" โมอากลับพูดจริงจัง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกโลเล ยามคิดแผนสำคัญทำชีวิตผลิกผันได้เพียงแค่นาทีเดียว พอเห็นพี่ชายเดินมาระยะไกลรีบขย้ำเอกสารใบนั้นโยนใส่ชายหนุ่มด้านข้าง มือเรียวบางแสร้งรับแก้วน้ำผลไม้สีส้มอมแดงจากองครักษ์ ยกจิบเล็กน้อยให้คล่องคอ"คืนนี้ครับ แต่ว่าองค์หญิง..." เดโม่ลากเสียงยาวไม่ยอมพูดจนจบ ปานวิตกในหัวสมอง"ไม่มีเวลาแล้วรีบไปจัดการนะ" เธอเอ่ยออกคำสั่งแผ่วเบา เมื่อมีบุคคลใหมาใกล้เข้ามาทุกที จนเดโม่พยักเคารพรีบออกจากจุดนั้นสวนคนละทางกัน"ตามหาน้องอยู่หรอพี่มาร์" น้ำเสียงใสพูดก่อน เมื่อเห็นความหมายผ่านนัยน์ตาคมผู้เป็นพี่ ร่างสูงแต่งต
@ ห้องพักระดับพรีเมี่ยม ภายในห้องพักระดับหรูหรา แสงไฟนีออนจ้าสว่าง มีชายร่างกำยำนอนเปือยกายส่วนบนในผ้านวมผืนสีขาวหนา หลับตาสนิทด้วยใบหน้าแสนหล่อเหลา บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ ระหว่างนั้นดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง ครุ่นคิดถึงการกระทำผิดชอบชั่วดี แต่ถึงอย่างไรนั้น...คงเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถต่อกร เอาตัวรอดจากเรื่องยุ่งเหยิงได้"คุณ!!!ตื่นได้แล้ว" โมอาตะเบ่งเสียงดัง หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง ชนิดขาดรุ่ยหากใครมองคงตกใจ แถมยังป้ายลิปสติกสีบนปากบางลงตามแผงอกกว้าง เธอพยามปลุกคนข้างกายหวังให้ตื่นก่อนใครจะเข้ามา"หื้ม...เฮ้ย!!!" ทันทีที่ประสาทสัมผัสว่องไวทำงาน ซิลค์รีบลุกชันตัวนั่งพิงหัวเตียง สำรวจทั้งสถานที่และหญิงสาวข้างกาย นัยน์ตาคมตื่นตนกครั้งแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท จับจ้องใบหน้าสวยกำลังสับส่ายอย่างมีพิรุจ"เมื่อคืนเรา...." น้ำเสียงใสกลั้นใจพูด สองมือประสานตรงหน้าตักราวประหม่า เหตุใดต้องไหวสั่นกับเวลาอีกฝ่ายจ้องหน้า ยิ่งกว่าผู้ปกครองจ้องจับผิด"ไม่มีทาง" น้ำเสียงเข้มตอบกลับอย่างราบเรีียบ จับผ้านวมสะบัดเตรียมลุกตัวหนี ส่วนล่างยังสวมกางเกงสแลคดำแต่หัวเข็มขัดปลดออก เขาพอจำเธอได้เลือ
โคร้มม!!!!!เสียงของแก้วสแตนเลสทรงสวยถูกปาใส่พนังกำแพงห้องลับอย่างไม่พอใจ ณ ราชวังเมืองนาเธอร์ลาส ด้วยฝีมือประมุขผู้ยิ่งใหญ่ เพราะธิดาสาวกระทำผิดขั้นรุนแรง ไม่ให้คนรับใช้หรือบอดี้การ์ดย่างกรายเข้าล่วงรู้"ท่านพ่อโปรดใจเย็นก่อน" น้ำเข้มสุขุมของเจ้าชายพยามกักเก็บอารมณ์โมโหเช่นเดียวกัน รีบลุกจากที่นั่งไปยืนเคียงข้างบิดา เอื้อมจับมือผู้เป็นแม่กำลังนั่งถือยาดมราวกับจะวูบสลบเมื่อทราบข่าว โดยทุกคนยังเพ่งเล็งชายหญิงสองคนที่นั่งตรงอีกฝั่งห้อง องค์หญิงคนก่อเรื่องก้มหน้าก้มตาแสร้งรู้สึก แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับนิ่งเรียบไม่ได้หวั่นเกรงตามบรรยากาศ ถอนหายใจเบื่อหน่ายดันตกหลุมพลาง เรื่องราวคล้ายในละครน้ำเน่า"โมอา!ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี กล้าทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติได้ยังไงกัน!!!" ราชาผู้ยิ่งใหญ่ตะเบ่งเสียงแข็งกร้าว พุ่งคว้าดาบยาวโยนปลอกทิ้ง พาดปลายแหลมสีเงินสะท้อนเงาความคมกริบ ตวัดเฉียดลำคอหนายังนั่งหลังตรงเขาไม่มีแม้แต่จะหลบสายตา นัยน์ตาคมบึ้งลึกยากจะอ่านใจออก"อึก!""ท่านพ่อ!!" โมอารีบเอาตัวเองแทรกอยู่ระหว่างกลางดาบนั้นด้วยตัวเอง หากเขาดันโดนทำร้ายถึงชีวิต เธอคงรู้สึกผิดไปตลอดกาล ฝ่ามือหนา
ประเทศไทย@ บ้านซิลค์"ทำไมต้องเป็นฉัน?" น้ำเสียงเข้มถามขึ้น ทันทีที่เขาพาเธอมายังบ้านหลังส่วนตัว มันไม่ง่ายเลยกับการพาคนแปลกหน้าเข้าอาณาเขตตัวเอง หากไม่มีพันธะสัญญาบ้าบอ ชีวิตอิสระคงเป็นเช่นเดิม ซิลค์ไม่คิดแม้แต่แยแสหญิงสาวด้านข้าง ที่ถือวิสาสะแทนเจ้าของไล่สำรวจบริเวณโซนต่างๆในบ้าน โดยมีเดโม่ติดตามมารับใช้ด้วย พอทราบคร่าวๆว่าเธอยังศึกษา ณ มหาวิทยาลัยแห่งนึง คณะคุรุศาสตร์ที่ไทยช่วงปีสุดท้ายแล้ว"คุณคนเดียวเท่านั้นสามารถต่อกรกับด้านมืดได้" โมอาตอบกลับ พอหยุดสำรวจบริเวณบ้านตกแต่งได้เนียบหรูทุกจุดเสร็จ หันมายืนเอามือไขว่หลังราวมีคำพูดอะไรต่อจากนี้"ผี?" ซิลค์พูด ช่างน่าตลกเขาเป็นศัลยแพทย์อัจฉริยะ ทุกเรื่องต้องมีการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ใบหน้าหล่อเหลาสายสะบัด รู้สึกเวลาไร้เหตุผล"ไม่ใช่สักหน่อย ว่าแต่ที่นี่มีห้องรับแขกไหมคะ ฉันมีเงินนะขอเช่าก็ได้" ใบหน้าสวยดูพูดตรงกับความคิด ไม่มีการแสดงเบ่งฐานะใด เพราะอย่างน้อยช่วงรับตำแหน่ง เธอมีเงินพิเศษเก็บจำนวนตอนไปช่วยงานต่างๆแม้จะโดนบังคับ"ไปอยู่คอนโดเดิมดีกว่าไหมครับ" เดโม่เข้ามากระซิบด้านข้างกาย แต่ไม่ได้เบาจนคนรอบข้างไม่ได้ยิน"ออกไปตอนยั
อีกด้านนึง_ณ สวนสาธารณะแห่งนึงในเมืองนาเธอร์ลาส ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งพูดคุยบนเก้าอี้ยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยมีบอดี้การ์ดคอยซุ่มตามต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ระดับองค์ชายคนสำคัญมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เวลานี้คงไม่หาใครช่วยไม่ได้นอกจากผู้มีอำนาจด้านมืดล้นมือ"นายคงไม่คิดว่าโมอาจะกล้าทำจริงๆใช่ไหม" มาร์แชลล์พูด สวมเสื้อฮู้ดสีดำใช้หมวกคลุมปกปิดใบหน้ากันผู้คนรู้จัก แค่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวันดี คนเป็นพี่ชายย่อมห่วงใยน้องสาว ถึงเธอจะศึกษาอยู่ข้ามทวีปกัน"ต่อให้มันเป็นใคร รับรองได้เลยว่าอองตวนคนนี้จะปิดปากมันเอง" น้ำเสียงบ่งบอกแววโหดร้าย ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาไม่ต่างจากรูปปั้นชาวโรมัน ทว่าจิตใจอำมหิตเกินที่บุคคลรอบข้างจะเข้าหา ยกเว้นโมอาคือเพื่อนสนิท แม้คิดไม่ซื่อก็ตามเขาแอบชอบเธอตลอดมา จนครอบครัวพยามวางตำแหน่งคู่ครองในไม่ช้า แต่ใครจะคิดว่าหญิงสาวหาวิธีปฏิเสธได้แบบนี้"เราไว้ใจเจ้านะอองตวน" เวลานี้คนบอกคิดแค่ว่า หากปิดกลั้นเรื่องถูกผิดไว้ชั่วคราว เขาจะเลือกลงโทษชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความตายเป็นพอ ปล่อยเรื่องคือความลับตลอดกาล"ขอบใจที่เลือกผม"@ ประเทศไทยก็อก! ก็อก!"ฉันรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ขอคุยด้วยหน่อยไ
@ แคมป์พยาบาล"เสร็จแน่!!!" ร่างอรชรไม่รอให้เตโชเข้ารายงานเจ้านาย ปานมีเรื่องร้อยพันอารมณ์จะซักถาม สองเท้าเรียวสวยเร่งก้าวรวดเร็วยิ่งกว่ามีเรื่องร้อนใจ หลังเขาทำเหมือนหลบหน้ากัน จะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาอยู่แบบรวนเรได้ยังไง"มีอะไร?" น้ำเสียงเข้มเจ้าของห้องพูดขึ้น เขาจำเสียงจังหวะฝีเท้าก้าวเดินได้ดี แค่ไม่เงยมองดูก็รู้ว่าใครเยื้องกายเข้ามา ร่างสูงยอมวางปากกาเซ็นเอกสารลง เหลือบนัยน์ตาคมไร้ความหมายจ้องอีกฝ่าย"คุณก็รู้หนูมาเรื่องอะไร!" คนตัวเล็กรีบทิ้งสะโพกมนนั่งบนเก้าอี้ของผู้ป่วย ประจันหน้าเอาเรื่องหมอหนุ่ม ผ่านแววตาจริงจังคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อ~ก้อนใจดวงน้อยยิ่งกว่าล่วงหล่นใส่ตาตุ่ม เมื่อสัมผัสบรรยากาศไร้อารมณ์ของซิลค์ได้~"ฉันบอกไปหมดแล้ว" น้ำเสียงเข้มบอก ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงอย่างไม่เคยเป็น โชยกลิ่นสารนิโคตินคละคลุ้งดั่งคนสูบมาอย่างหนัก"แต่สำหรับหนูมันไม่หมด! ไหนคุณว่าหนูเป็นเมียไง แล้วจะยอมให้หนูกลับไปทำไม" โมอาโวยวายจริงจัง ซึ่งกลุ่มบอดี้การ์ดข้างนอกยังได้ยินชัดเจน ฝ่ามือเรียวบางจะเอื้อมจับคนเบื้องหน้า ร่างสูงกลับหมุนเก้าอี้เชิงรำคาญ ยิ่งตอกย้ำสถานะความสัมพันธ์"แค่อารมณ์พาไป" เขาบ
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท