ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง“อยากได้แม่บ้านไปดูแลบ้าน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า”
ภูมิพยัตโวยวายหัวเสียอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากโรงงานมาในเมืองไกลร่วมร้อยกิโลเมตร หากได้เข้าเมืองมาทำธุระอะไรก็ตามแล้วเย็นย่ำนักเขาก็มักจะนอนค้างที่โรงแรม ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนขับรถกลับแบบเมื่อยๆให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ก็เขาเป็นเจ้าของ “โรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต” เงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 36 ล้านบาทนี่ เขาจะนอนไหนจะทำอะไรก็ได้ เหมือนกับที่เขากำลังเสียงดังใส่เจนนี่ สาวประเภทสองที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ในห้องพักของเขา
“เจนนี่ขอโทษค่ะคุณพยัต”
เสียงแหลมพูดขึ้นทั้งที่ปากคอสั่น ผู้ชายคนนี้แม้จะอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่ดูน่าเกรงขาม และชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจก็ดังกระฉ่อนพอๆ กับความร่ำรวยของเขาเองด้วย
“ไม่อยากได้คำขอโทษ อยากได้แม่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว โทรมาสั่งแล้วว่าให้หาไว้ให้ ผมจะกลับโรงงานเย็นนี้แล้วจะได้ไหม?”
ภูมิพยัตพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดันทำให้หญิงสาวอรชรในชุดรัดรูปเน้นสัดสวนไม่กล้าสบตาด้วย ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ
ใช่! เขาเคยใช้บริการเจนนี่ ให้จัดหาคู่นอนมาปรนเปรอเป็นครั้งคราว แต่ที่เขาโทรศัพท์สั่งเจนนี่ไว้ตั้งแต่สองวันก่อนว่า จะเข้ามาทำธุระในเมือง และอยากให้เจนนี่ช่วยหาแม่บ้านไปทำงานบ้านนั้น กลับกลายเป็นว่าเจนนี่หาคู่ขาให้เขาเสียนี่ ป้าประนอมก็ลาออกไปเลี้ยงหลานแล้ว ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครคอยดูแลเรื่องทำความสะอาด จะหาแบบไปกลับก็คงไม่ได้เพราะบ้านไกลผู้ไกลผู้คนนัก ไอ้ตอนที่โทรมาก็รับปากเสียดิบดีว่าจะจัดการให้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับได้คนละอย่างที่ต้องการ
“อีกสักสองสามวันได้ไหมคะคุณพยัต เจนนี่หาแม่บ้านจริงๆให้”
“จะกลับคืนนี้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เอาแล้ว แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้เงินจากผมอีกไม่ว่ากรณีใดก็ตาม”
“อย่านะคะคุณพยัต ให้โอกาสเจนนี่แก้ตัวอีกหน่อยนะคะ”
“เสียเวลาเปล่า ผมให้อีกชั่วโมงเดียว ผมอาบน้ำเสร็จจะเช็กเอ้าท์ออกแล้ว คุณก็รู้ว่าผมพูดคำไหนคำนั้น ออกไปได้แล้ว ไป!”
“ค่ะๆ” เจนนี่รีบคว้าผู้หญิงที่พามาให้ภูมิพยัตออกจากห้องไปทันที
ชายหนุ่มได้แต่เสยผมอย่างหงุดหงิด มาคุยกับลูกหนี้ก็ไม่ได้เรื่องได้ราว เสียเวลาขับรถมาแท้ๆ ไปกลับก็สองร้อยกว่ากิโลเมตรเข้าไปแล้ว อยากได้แม่บ้านแม่ครัวก็ไม่ได้ หายากหาเย็นเสียจริง เขาโคลงศีรษะไปมาแล้วถอดเสื้อยืดคอวีออกโยนไปบนเตียงนอน ตามด้วยกางเกงยีนที่สวมอยู่ เหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวเดินเข้าห้องอาบน้ำไป ขากลับแวะซื้อไม้ถูพื้นก็แล้วกัน นี่คงถึงคราวที่ต้องกวาดบ้านถูบ้านแล้วล่ะมั้ง
ร่างกายเปลือยเปล่ายืนใต้ฝักบัว ผิวสีเข้มแบบหนุ่มลูกทุ่งกับความสูง185เซนติเมตร มันดึงดูดสายตาสาวๆนัก แต่หลายคนเมื่อเห็นรอยแผลเป็นตามร่างกายของเขามักหวาดกลัว เขาอายุเพียง32ปีเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต เขาสืบทอดกิจการต่อจากบิดาที่เดิมที่เป็นเพียงโรงงานแปรรูปไม้เล็กๆ มีโต๊ะเลื่อยไม้แต่โต๊ะเดียว แต่เดี๋ยวนี้เนื้อนี่เกือบหกไร่ เครื่องจักรเต็มรูปแบบ แปรรูปไม้ยางพาราเป็นไม้แผ่นแบบต่างๆ ตามแต่โรงงานฟอร์นิเจอร์สั่งทำ บางส่วนส่งขายต่างประเทศ และเขากำลังขยายตลาดไปญี่ปุ่นและโซนยุโรป
หลังจากที่เขาตัดสินใจสืบทอดกิจการของพ่อ เขาทำงานหนัก เรียนรู้งานตั้งแต่วัยรุ่น ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น แต่มันก็คุ้มค่ากับตัวเลขในบัญชีธนาคาร เมื่อการเงินคงที่เขาปลูกบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่ ส่วนบ้านของเขาอยู่ห่างกันราวยี่สิบเมตร เขาไม่ใช่เด็ก ไม่ได้อยากได้แค่ห้องส่วนตัว แต่การพื้นที่ของตัวเอง แน่นอนว่าอายุขนาดนี้แล้วแม่มักเคี่ยวเข็ญถามเรื่องผู้หญิงที่จะมาอยู่เป็นคู่ชีวิตเสมอ
แม่คงลืมไปว่าผู้หญิงมีเยอะ แต่คนที่จะอยู่ด้วยนั้นมันไม่ง่ายเอาเสียเลย ใครจะอยากอยู่ไกลแสงสี ไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีโรงภาพยนตร์ คนอย่างภูมิพยัตไม่ขาดแคลนผู้หญิง แต่คนที่อยู่กับเขาโดยไม่หวังเงินนะ เขาอยู่จนอายุ 32 แล้วยังไม่เจอเลย
ภูมิพยัตสระผมแล้วปิดน้ำ เขารู้สึกได้ยินเสียงประตูห้องของเขาเปิดหรือปิดลง ไม่แน่ใจว่าตัวเองล็อกห้องก่อนเข้าห้องน้ำหรือเปล่า เขาหยิบผ้าขนหนูพับท่อนล่างที่เปลือยเปล่า และหยิบอีกผืนเช็ดผมสั้นรองทรงของตัวเองแล้วเดินออกมา แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วที่เห็นด้านหญิงสาวร่างเล็กยืนแอบที่ประตู โดยที่ยังแง้มหน้าโผล่ดูด้านนอก
“ทำอะไรนะ”
“ว้าย!” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ รีบหมุนตัวมาดู แต่พอเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวก็ก้มหน้างุดทันที
“เป็นอะไรของคุณ”
ภูมิพยัตกอดอก ก้มมองตัวเองด้วยความแปลกใจ ปกติผู้หญิงคนไหนเห็นเขาในสภาพนี้ก็มีแต่อ่อนระทวยทั้งนั้น เพิ่งจะมียัยเด็กผอมกะหร่องคนนี้ที่เอาแต่ก้มหน้า ดวงตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอสวมชุดกระโปรงดูน่ารักเหมือนเด็กสาว ยืนกอดกระเป๋าเหมือนกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม เขารู้สึกถึงคนที่วิ่งผ่านหน้าห้องของเขาไปพร้อมเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ถนัดนัก แต่กลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นกระเถิบกายเข้ามาในห้องมากขึ้น ราวกับกลัวคนอื่นจะรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้
“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” เขาถามทำลายความเงียบตรงหน้าทิ้ง
“อ่ะ...เอ่อ...” เธอเงยหน้ามองเขา อึกอักพูดไม่ออกเหมือนคนติดอ่าง
“ที่จะมาทำงานเป็นแม่บ้านใช่ไหม”
“ค่ะ ทำงานค่ะ เป็นแม่บ้านค่ะ” แล้วเธอก็พูดออกมาจนได้ “ฉันทำอาหารได้ ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าหรือรดน้ำพราดดินต้นไม้ก็ได้ค่ะ”
“โอเค อยากได้แค่คนทำความสะอาดบ้านกับทำอาหาร เสื้อผ้านี่มีเครื่องซักผ้าคิดว่าคงไม่หนักหน้ากับเด็กอย่างเธอ” เขาประเมินด้วยสายตา
“อายุเท่าไหร่แล้ว ฉันจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรือเปล่า”
“ยี่สิบสี่แล้วค่ะ” เธอทำตาดุใส่ แต่ประโยคของหญิงสาวทำให้เขาหัวเราะพรืดออกมา
“ตัวเล็กเหมือนเด็กขาดสารอาหาร”
“ก็คุณมันตัวโตเป็นยักษ์เองนี่” เธอเถียงเขา แต่พอรู้ตัวก็หุบปาก
ภูมิพยัตรู้สึกชอบใจ ไม่ค่อยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาบ่อยนัก เอาเถอะ ตัวเล็กๆแบบนี้ทำงานบ้านคงพอไหว ไม่ได้ให้ไปทำงานในโรงงานนี่คงไม่เป็นอะไร เอาไว้ถ้าทำไม่ไหวค่อยส่งกลับละกัน ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว
“อยู่กินที่บ้านผม ส่วนเงินเดือนนี่ผมให้ได้เดือนล่ะเก้าพัน กินอยู่ที่บ้านพร้อม ถ้าทำงานดีค่อยเพิ่มให้แต่ถ้าไม่ไหวส่งกลับอย่างเดียว”
“ได้ค่ะได้”
“คุณเอาเสื้อผ้ามาแล้วใช่ไหม” เขามองไปที่กระเป๋าใบย่อมของเธอ
“ค่ะ ไปได้เลยค่ะ” เธอรีบพูดเหมือนกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
“ดี ผมก็ไม่อยากขับรถกลางคืน” เขาพยักหน้า “ช่วยเก็บกระเป๋าให้ผมด้วย ขอใส่เสื้อผ้าเดี๋ยว จะได้เช็กเอ้าท์ออกไปเลย”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ”
สั่งอะไรก็ทำ ภูมิพยัตนึกในใจเมื่อเห็นหญิงสาววางกระเป๋าตัวเองแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเป้ของเขาออกมากับเสื้อผ้าที่แขวนไว้สองสามตัวมาพับ เขามองเพลินจนลืมไปว่าตัวเองต้องไปนุ่งผ้าให้เรียบร้อย
“อ้อ! คุณชื่ออะไร”
“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” หญิงสาวหันมายิ้มให้ “แล้วคุณละคะ ต้องเรียกเจ้านายหรือคุณผู้ชายไหม?”
“ผมภูมิพยัต เรียกพยัตก็พอ อ้อชื่อผมเขียนด้วยพานยักษ์ไม้หันอากาศตอเต่า พยัตที่แปลว่าฉลาดเฉียบแหลม อย่าสะกดผิดล่ะ” เขาบอกแล้วหยิบกางเกงยีนมาสวม“คุณ!ไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำซิ!” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า“อะไรกันคุณนี่ก็...” เขาพลอยเขินไปด้วย จำใจต้องหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ นึกแปลกใจทำไมต้องทำตามเธอสั่งด้วยนะ เขาเป็นเจ้านายนี่ ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ว่าที่เจ้านายอย่างรวดเร็วแต่เรียบร้อย กระนั้นก็อดกังวลคนที่จะตามมาจับตัวเธอไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงเธอก็ไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้พนันให้อาธงชัยเด็ดขาด ถึงจะเคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร แต่จะให้ตอบแทนบุญคุณแบบนี้เธอยอมไม่ได้ เธอได้แต่ขอโทษคุณอาในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า หากหาลู่ทางใช้หนี้ได้เมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ไม่กี่นาทีต่อมา ภูมิพยัตก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนเพิ่มเติมด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต เขาสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเสร็จก็หยิบกุญแจรถจะเดินออกมา หญิงสาวถือกระเป๋าตัวเองและถือเป้เสื้อผ้าให้เขา แต่เพราะเธอตัวเล็กมันดูขัดหูขัดตาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้ากระเป๋าของเธอมาถือให้เสียเอง
“ห้าล้าน! คุณอาเล่นพนันเสียเงินไปห้าล้าน! ทำไมคุณอาไม่เอาบ้านเอารถไปเข้าธนาคารละคะ? ทำไมต้องให้ปรายมาที่นี่”“อาหมุนเงินไม่ทันหรอก ทั้งบ้านทั้งรถก็ติดไฟแนนซ์ไปหมดแล้ว ปรายต้องช่วยอานะ”“จะช่วยอายังไงคะ ปรายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ”“ก็หนูไง”“อะไรนะคะ ปรายไม่เข้าใจ”“ก็เอาตัวปรายไปใช้หนี้แทนก่อนไง”“คุณหมายขายปรายใช้หนี้เหรอคะ” “อย่าพูดแบบนั้นซิ อาเองก็เสียใจนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เสี่ยเขาเป็นคนดี ทำตัวดีๆ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยตัวปรายเองนั้นแหละ”“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ค่ะ” คราวนี้เธอขึ้นเสียง และรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามาไม่มีเวลาให้คิดต่อรองใดๆ ทั้งนั้น ไปรยาคว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็อาศัยจังหวะที่ประตูเปิดออก เธอแทรกตัวออกไปทันที วิ่งไปตามทาง ได้ยินเสียงตะโกนเรียกไล่หลัง คิดว่าวิ่งแบบนี้อีกฝ่ายต้องตามทันแน่ๆ บังเอิญเธอเห็นประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอจึงแทรกเข้าไปและแอบมองเห็นคนที่วิ่งไล่ตาม3-4คนวิ่งเลยไป ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รู้สึกว่าในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” ไปรยาจำน้ำเสียงดุดันของเขาได้ เธอนี่ช่างหนีเสือปะจระเข้เสียจริง ยิ่งเห็นว่าเขามีเพียงผ้าข
“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ” เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน“ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ”“เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” “แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้ “มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” “พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง”“ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะ
“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์ “พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต” ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่
“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”“ครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็นหนังสือสะสม “เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็นอะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน“ก็ใช่ มันก็ค
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกทีไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็นไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”“น่าจะบอกปรายตั้งแต่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว “เอาเป็นผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาป
มีเพียงสายตาคมกริบที่จ้องมองไปรยาก่อนที่ก้าวออกมา ภูมิพยัตมองไปยังทางเดิน คิดถึงร่างเนียนนุ่มในวงแขนและกลิ่นหอมละมุนที่ชวนให้เขากระสับกระส่าย เขาไล่ให้เธอไปนอนแต่หัวค่ำ แต่ตัวเขาเองที่นอนไม่หลับ จนต้องเดินลงมานั่งจิบเบียร์อยู่ตามลำพัง และเฝ้ามองว่าเธอจะเปิดประตูห้องออกตอนไหน และ..เขาพบว่าตัวเองนั้นคอยเก้อมือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน กดเบอร์คนสนิทแล้วกรอกเสียงลงไป“ไอ้ตุ้มเหรอ”“ครับเจ้านาย”“มาซ่อมโคมไฟทางเดินที่บ้านให้หน่อยซิ”“มันก็เสียตั้งนานแล้วนี่ครับ แล้วผมก็บอกเจ้านายให้ซ่อมนานแล้วด้วย”“เออ! แต่ตอนนี้อยากให้มาซ่อม เอ็งจะมาซ่อมไหม? หรือว่าจะให้คนอื่นมาทำแทนแล้วเอ็งก็ไปหางานที่อื่นทำ!”“ครับๆเจ้านาย ผมเอาอุปกรณ์แล้วจะเข้าไปเลยครับ”“เออให้มันเร็วเหมือนเวลาเรียกไปกินเหล้าหน่อย”“ครับเจ้านาย”ภูมิพยัตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จะไปห่วงทำไมยัยเด็กตัวเล็กขาสั้นแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อวานเขาไม่เดินมาส่องดูว่าเธอจะกลับมายังไง ป่านนี้คงหน้าตาบวมปูนเพราะล้มกลิ้งไปแล้ว แต่นอกจากโคมไฟที่หัวเสาแล้ว พื้นที่ปูอิฐตัวหนอนก็ไม่เป็นระเบียบ เขาปล่อยทิ้งไม่ให้ใครมาดูแลนานแล้ว ชายหนุ่
ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็นบุญปากพวกเราจริงๆ”“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเจ้านายเขาล่ะ“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวัน
เสียงหัวเราะหวานใสดังขึ้น เธอหัวเราะเขาแต่ทำไมเขากลับรู้สึกดี และไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่ทำให้เขาดูเป็นตัวตลกแบบนี้“พี่พยัตสายเปย์แบบนี้ ปรายจะตอบแทนยังไงดีนะ”“รักพี่เยอะๆ รักพี่มากๆ รักพี่คนเดียวก็พอแล้วครับ”“ค่ะ ปรายจะรักพี่พยัตเยอะๆ รักมากๆ รักคนเดียว และรักตลอดไป”ไปรยาพูดไปปลดกระดุมเสื้อเจ้าบ่าวออก กล้ามอกแน่นหนั่นที่เคยสัมผัส ปลายนิ้วลากไปที่ขอบกางเกง เธอเลียริมฝีปากตัวอย่างไม่รู้ตัวขณะปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงลง“พี่ทำไม่ไหวแล้ว ขอเลยแล้วกัน” เขาสารภาพแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นไปวางบนเตียง ถอยตัวเองออกมาจัดการกับกางเกงไปให้พ้นตัว เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าแล้วจึงปีนขึ้นเตียงแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวาน เขาชอบความอ่อนหวานยามอยู่ใกล้ และความร้อนแรงของเธอทำให้เขาคลั่งไคล้“ที่รักของพี่” เขากระซิบเสียงพร่า พรมจูบไปทั่วใบหน้า ลากเรียวลิ้นไปตามลำคอแล้วขบเม้มฝากรอยคิสมาร์ก มือหนาเคล้นคลึงอกคู่สวย เสียงหวานครางกระเส่าพร้อมร่างที่บิดส่ายไปมา“อื้อออ พี่พยัต” ไปรยาครางด้วยความเสียวซ่าน เขาปลดตะขอชุดชั้นในออกแล้วอ้าปากดูดดึงยอดอกสีหวาน ปลายลิ้นตวัดรัวพร้อมกับกอบกุมเต้างาม เธอเสียวกระสัน
“ความจริง หลังจากการทลายบ่อนกับซ่องของกำนันนิยม เรามีหลักฐานพาดพิงมาถึงคุณธงชัยด้วยนะครับ” ภูมิพยัตหยิบซองสีน้ำตาลที่สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกออกมาส่งให้ธงชัย เขารับมาแล้วเปิดออกดู ใบหน้าของธงชัยถึงกับซีดเผือกในขณะที่ภรรยาคว้ารูปไปดูแล้วทุบตีสามีพัลวัน“เรามีหลักฐาน นอกจากคุณธงชัยจะเล่นพนันแล้วยังซื้อบริการหญิงที่อายุไม่ถึงสิบห้าปี แค่นี้มันก็ทำให้คุณย้ายไปนอนกินข้าวแดงในคุกได้สบายๆเลยนะครับ”“ไอ้ผัวบ้า! ไอ้จัญไร! ไหนว่าไปเล่นไพ่อย่างเดียวไง”“ก็นั่นมันของแถมนี่ โอ๊ย!” ธงชัยโดนเมียบิดหูเข้าให้“เอาล่ะครับ” ภูมิพยัตหยิบรูปเหล่านั้นกลับคืน “ในฐานะที่เราก็จะเป็นญาติกันแล้ว ผมจะช่วยปิดเรื่องนี้ให้ แต่ผมก็หวังว่าคุณทั้งสองจะตอบแทนบุญคุณผมโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับไปรยาอีก”“ได้ๆ จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเลย” ธงชัยรีบบอก“คำพูดอย่างเดียวไม่มีความหมาย ผมทำหนังสือสัญญามาแล้ว รบกวนทั้งสองช่วยเซ็นรับรู้ด้วยนะครับ” เขาหยิบซองจดหมายออกมาแล้วส่งให้ ธงชัยรีบเซ็นชื่อโดยไม่อ่านรายละเอียดทั้งมือไม้สั่น ภรรยาของเขาก็เช่นกัน เพราะเกรงสายตาคมกริบคู่นั้น ถ้าขนาดยิงกำนันนิยมคนดังได้ พวกเขาทั้งสองคนรอดได้ยาก
คุณบุญมาและคุณรำเพยดีใจที่จะได้ไปรยามาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งสองฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเม่นแล้ว ทั้งสองดูจะเห่อว่าที่ลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายเสียอีก เรียกว่าเตรียมวางแผนจัดงานแต่งงานให้สมน้ำสมเนื้อไม่ให้ไปรยาน้อยหน้าใคร“ปรายไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เราจัดกันเล็กๆก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้หรอก งานแต่งานลูกชายคนเดียวของบ้านเรา” คุณบุญมาหัวเราะชอบใจ “หนูปรายต้องมีลูกเยอะๆนะ พ่อกับแม่มีลูกคนเดียวเหงาจะแย่ ปรายไม่ต้องห่วง แม่กับพ่อจะช่วยเลี้ยงเอง”“อ้าวพ่อ นี่ลูกผมผมจะเลี้ยงเอง พ่อกับแม่เอาไปเลี้ยงเดี๋ยวก็ตามใจจนเสียคนหรอก”“บ่ะ! ไอ้ลูกคนนี้นี่ ดูเอ็งซิ นี่ก็เสียคนจะแย่อยู่แล้ว พูดจากับพ่อกับแม่ไม่มีหางเสียเอาซะเลย”“ก็พ่อเป็นคนสอนผม ลูกผู้ชายอย่าทำตัวหยุมหยิม ผมก็เป็นแบบนี้”“เอาน่าพ่อลูกคู่นี่ก็นะ” คุณรำเพยห้ามทัพ แล้วหันไปมายิ้มให้ไปรยา “แต่ยังไงหนูปรายก็ยังมีอาอยู่ ถึงเขาจะทำไม่ดีกับเรา เราก็คงจะบอกเขานะ เผื่อวันหน้าได้เจอหน้ากันจะได้มองหน้ากันได้”“ปรายก็คิดแบบนั้นค่ะ”“รอแผลหายก่อนผมจะพาปรายไปบ้านที่กรุงเทพฯ“ดีแล้ว ถ้างั้นก่อนแต่งงานให้หนูปรายมาอยู่เรือนใหญ่กับพ่อแม่ก่อนนะ”“ไม่ได้ อีกตั้งเป็นเดือน
Chapter 23.ไม่ได้กะเอาถึงตายนี่“นายต้องไปโรงพยาบาล”“แผลไม่เท่าไหร่” ภูมิพยัตกัดฟันพูดและมองตามร่างของกำนันนิยมที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลออกไปแล้ว“ไม่ค่อยได้ซ้อมหรือไง” เม่นพูดประชด“ก็ไม่ได้กะเอาตายนี่ แค่นี่ก็คงสาหัสเหมือนกัน” เขาถอนหายใจ“เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าทลายซ่องและบ่อนกำนันนิยม” เม่นอธิบาย“นายเป็นคนทำรึ” “เราแค่เป็นสายให้เท่านั้นเอง” เม่นหัวเราะแฮะๆ “เราจะให้การเป็นพยานให้นายเอง ตอนนี้ไปให้หมอทำแผลก่อนดีกว่า คุณปรายครับ ช่วยพูดให้เพื่อนดื้อๆ ของผมไปโรงพยาบาลที่เถอะครับ”“คุณพยัตไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” ไปรยาอ้อนวอนด้วยแววตาที่ใครเห็นก็ใจอ่อน ภูมิพยัตพยักหน้ารับ เขาอยากกอดเธอแต่แขนเจ็บจนยกไม่ขึ้น เขาหันไปกระซิบกับเม่น เพื่อนกลั้นหัวเราะแล้ววิ่งหายไปครู่หนึ่งกลับมาพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตให้ไปรยาใส่คลุมทับชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เธอสวมอยู่“คุณปรายต้องอยู่ให้ปากคำกับตำรวจก่อน เราจะดูแลคุณปรายให้เอง นายไปกับโรงพยาบาลก่อนเถอะ เสร็จแล้วพวกเราจะตามไป”มีเพียงสายตาที่จ้องมองด้วยความเข้าใจ จำใจต้องห่างกันเพียงชั่วคราว เธออยากอยู่ดูแลเขาแต่ก็ต้องเคลียร์เรื่องทางนี้ก่อน ไ
เจ้หงส์เดินนวดนาดด้วยท่วงท่านางพญา เธอไม่เหมือนกับเจนนี่ที่มักจะชอบร้องวีดว๊ายๆน่าปวดหัว แต่เจ้หงส์ดูแลแค่เด็กในอาบอบนวด ไม่ได้บริการจัดหาส่งถึงสถานที่อย่างเจนนี่ เจ้หงส์เดินกลับมาที่ห้องเก็บตัวที่ขังไปรยาไว้ ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่มีใครยืนคุมหน้าห้อง มือเรียวที่ทาเล็บสีม่วงสวยเปิดประตูเข้าไป ร่างเล็กผวาเฮือกยกมือที่ถูกมัดปาดน้ำตา“เช็ดน้ำตาซะ แต่งตัวสวยๆแล้วออกไปกับเจ้”“ทำไมคะ”“เจ้พูดไม่ได้แต่ต้องรีบ” เจ้หงส์เดินไปที่ตู้เสื้อเลือกหยิบชุดที่แดงเพลิงออกมาแล้วแก้เชือกที่มัดอยู่ ไปรยามองอย่างหวาดๆ“จำไว้ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าพูดชื่อเจ้เด็ดขาด เจ้ช่วยได้แค่นี้”“ขอบคุณค่ะ” ไปรยาหยิบเสื้อผ้ามาพอคลี่ชุดสีแดงออกดูก็ต้องอ้าปากค้าง เธอไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้เลย แต่เมื่อหันไปทางเจ้หงส์ที่พยักหน้าให้ ทำให้เธอต้องรีบเปลี่ยน มันเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวเส้นเล็กอวดเนื้อหนัง กระโปรงก็สั้นจนเธอไม่กล้าก้าวขา มือเล็กพยายามดึงชายกระโปรงลงมาอีกแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เจ้หงส์มองแล้วก็ถอนหายใจ หยิบแปรงมาหวีผมให้หญิงสาว ตามด้วยแต่งหน้าลบรอยน้ำตา ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่คิดว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่ได้เต็มใจมาจริงๆ แต
“ไปแล้ว” ภูมิพยัตยกเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เม่นขมวดคิ้วยุ่งกับสิ่งที่เพื่อนพูด“ไปไหน?”“ไม่รู้ รู้แต่ไปแล้ว” “เฮ้ย! พูดจาไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”เม่นแย่งแก้วเหล้าจากมือเพื่อน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มในร้านทำให้เขาตัดสินใจลากเพื่อนออกมานั่งที่หน้าร้านแทน แม้เสียงเพลงจะดังออกมาข้างนอก แต่ก็พอจะคุยกับเพื่อนได้ จะได้รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นหายไปไหนกัน“เรื่องเป็นมายังไงวะ ไหนเล่ามาดิ”“ไม่รู้จะเล่ายังไง”“เวลาแบบนี้เหล้าไม่ช่วยอะไร แต่เพื่อนน่ะช่วยรับฟังได้นะเว้ย”ภูมิพยัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างที่เม่นพูดก็ถูก เวลานี้เขาต้องเพื่อนที่ช่วยรับฟังปัญหาจริง เพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ไปรยาตัดสินใจเลยสักนิด เขาเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เม่นฟัง เว้นเพียงแต่ความสัมผัสลึกซึ้งที่เขากับไปรยามีร่วมกัน จนมาถึงฉากสุดท้ายที่เห็นไปรยาเดินจากไปพร้อมกำนันนิยม“แล้วนายว่าไงล่ะ เราทำอะไรไม่ถูกเลย”“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เม่นตะคอกใส่เสียงดัง เขาโมโหจนอยากถีบโต๊ะ หรือปาขวดระบายอารมณ์เสียจริง“อะไรวะ”“ทำไมนายโง่ขนาดนี้วะ” เม่นกระชากคอเสื้อของภูมิพยัตเขย่าแรงๆ“เฮ้ย! นายเป็นอะไรไปวะ” ภูมิพยัตปัดมือของเพื่อนออก “ไม่
“คุณพยัตจะเข้าใจยังไงมันก็เรื่องของคุณ คนเห็นแก่ตัวอย่างปรายก็ต้องไปตามทางของปราย” เธอพูดแล้วก็รีบเดินไปที่ประตูห้อง เปิดออกอย่างรวดเร็ว“ปราย”ภูมิพยัตทำเสียงเหนื่อยๆ เขาเองก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง โกรธที่เธอไม่พูดความจริง หรือโกรธที่ความจริงมันเปิดเผยตอนที่เหตุการณ์มันมาบรรจบกันอย่างนี้ เขาเคยถูกทิ้งเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาเกลียด เขาเสียใจที่ถูกทิ้งยามยากลำบาก ไปรยาทิ้งครอบครัวตัวเองทั้งที่รู้ว่ามีหนี้สินและหนีมาอยู่กับเขาแบบนี้ เขา...เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเธอรู้เพียงแค่ ปล่อยเธอไปจากชีวิตเขาไม่ได้เท่านั้นไปรยาเปิดประตูออกมา เธอต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นอารวมทั้งคนที่วิ่งตามจับเธอคราวก่อนอยู่ตรงนั้น“นังปราย! แกมันแย่จริงๆ ทิ้งอาแล้วหนีไปแบบนั้น เอาตัวมันไปเลยครับกำนันนิยม” ธงชัยชี้หน้าด่าทันที เขาโกรธจนควันแทบออกหู เห็นเงียบๆไม่คิดว่าจะมีพิษสงเล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ ธงชัยหันไปพูดน้อมน้อมกับกำนันนิยม กำนันมองหญิงสาวด้วยสายตาพึ่งพอใจแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องไปเอาตัวหญิงสาวมา ร่างบางถึงกับผงะถอยหลัง อยากหมุนตัวกลับไปหาภูมิพยัต แต่สายตาดูถูกดูแคลนของเข
“ไม่เป็นไรค่ะ ปรายเข้าใจ” ไม่หรอก จริงๆแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย จู่เขาก็ทำท่าโกรธเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี่เขาแสนดีกับเธอจะตายไป“ใช่ เราต้องคุยกัน”ภูมิพยัตปล่อยมือจากเจนนี่ เล่นเอาแม่เล้าถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ไปรยาเดินตามแผ่นหลังของเขาออกมานอกร้านกาแฟ“คุณพยัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือคะ”“ผมถามจริงๆ คุณรู้จักคนที่ผมพาเข้าไปเมื่อกี้ไหม?”“เอ่อ...ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดตามจริง”“คุณจำได้ไหมว่า คุณบอกผมว่าใครส่งคุณมาเป็นแม่บ้านที่บ้านของผม”“ค่ะ” ไปรยาพยักหน้ารับ “คุณเจนนี่ค่ะ”ภูมิพยัตสูดลมหายใจลึก แล้วจ้องมองราวกับจะฉีกเธออกเป็นชิ้นๆ เพราะเขาเกลียดคนโกหกที่สุด“ไปรยา เราต้องหาที่เงียบๆคุยกันแล้ว ผมต้องการรู้ความจริงจากปากคุณเท่านั้น”คำพูดของเขาเฉียบขาดดุจกับคมมีดที่กรีดคนให้ตายได้ เขาดึงข้อมือเธอให้เดินมาที่รถราวกับกลัวเธอจะวิ่งหนีไป เขาขับรถเข้ามาในโรงแรมที่ทั้งคู่เจอกัน ไปรยารู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะเคยหนีเจ้าหนี้ของอาธงชัย ขณะที่ภูมิพยัตโอบไหล่คนตัวเล็กเข้าห้องพัก หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอกังวลแต่เรื่องของชายหนุ่มจนลืมไ
อาจจะมีแต่ภูมิพยัตเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เมื่ออยู่บ้านเขามักจะช่วยไปรยาหยิบนั้นหยิบนี่ กลายเป็นเงาตามตัวไปรยาไปเสีย วันนี้เขามีธุระต้องเข้าไปในตัวอำเภอ เขาสั่งลูกน้องให้แวะเวียนมาเดินยามที่หน้าบ้านพ่อแม่ ต้องบอกพ่อให้คอยระวังด้วย“ไม่พาหนูปรายไปเที่ยวบ้างละลูก” “ไม่เป็นไรคะคุณท่าน คุณพยัตไปทำงาน ปรายไปก็เกะกะเปล่าๆ”“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างซิ อยู่ในบ้านทุกวันเป็นเดือนๆแล้ว”ภูมิพยัตมองอย่างชั่งใจแล้วพยักหน้ารับ เขาก็อยากอยู่ตามลำพังกับเธอบ้างเหมือนกัน “ไปแบบนี้นั้นแหละ ถ้าคืนนี้กลับไม่ทันก็จะมาตอนเช้า”“ดูแลน้องด้วยล่ะ” พ่อกำชับ“พ่อก็ดูแลแม่ด้วย” เขายังแอบห่วงเรื่องคนที่มาเผาโรงงานอยู่ แต่ก็สั่งคนให้คอยมาดูที่บ้านแล้ว“ไปเถอะ กว่าจะไปถึง” เขาพยักหน้าเรียกและเดินนำมาที่รถ ไปรยารีบเดินเร็วๆตามหลังเขามา แต่เขาไม่ได้เดินไปที่รถกระบะที่ใช้ประจำ แต่เป็นรถเก๋งคันหรูสีน้ำเงินเข้ม และก็เป็นเช่นทุกครั้งที่เขาจะเปิดประตูรถให้ รอจนเธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาฝั่งคนขับและออกรถ “รถมันจอดให้ฝุ่นจับอยู่อย่างนาน เลยเอาออกมาใช้บ้าง”“ค่ะ” เธอไม่รู้จะพ