ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง
“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็นบุญปากพวกเราจริงๆ”
“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ
“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้
“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเจ้านายเขาล่ะ
“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว
“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”
ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวันเลยกลับมาเอาเสื้อผ้านะ”
“งานหรือคะ”
“ใช่” เขาตอบแต่พอเห็นแววตาเหมือนลูกแมวหลงทางแล้วก็รู้สึกแปลกๆในหัวใจ
“ปกติผมเดินทางบ่อย ไปดูสวนยางพาราที่จะซื้อไม้บ้าง ไปติดต่อลูกค้าบ้าง งานโรงงานมันก็แบบนี้แหละ ผมไม่อยู่คุณดูแลพ่อกับแม่ให้ดีด้วยนะ”
“ค่ะ คุณพยัตเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
หญิงสาวยิ้มให้เขา แต่แล้วก็ต้องตัวแข็งไปเมื่อร่างสูงก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนจนเธอพลอยรุ่มร้อนไปไม่รู้ตัว
“อยู่บ้านคนเดียวได้นะ”
“ค่ะ”
“ล็อกประตูดีๆ ถ้ากลัวก็ไปนอนเรือนใหญ่”
“ค่ะ”
พูดจบภูมิพยัตก็เงยหน้าขึ้น สองหนุ่มสาวยืนคุยกันส่งสายตาระยิบระยับแบบลืมไปว่า รอบข้างมีคนแอบมองอยู่และคาดเดาไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ แม่บ้าน? น่าจะเป็นมากกว่าแม่บ้านเสียแล้ว ไม่อย่างนั้น คุณภูมิพยัตคงไม่ถึงขนาดสั่งลูกน้องมาซ่อมไฟทางเดินและปูอิฐตัวนอนตรงทางเดินใหม่ขนาดนี้
แต่ความรักจะผลิบานในหัวใจที่เยียบเย็นดุจก้อนหินของภูมิพยัต นั้นหมายความว่าผู้ชายคนนี้ได้ฟื้นจากบาดแผลร้าวลึกของหัวใจแล้ว ทว่าใครจะอดทนพอที่จะรักและรักคนอย่างภูมิพยัต ผู้ชายผู้มีหัวใจดุจหินผาคนนี้ได้
ไปรยามักจะเผลอมองไปทางหน้าบ้านเสมอ เหมือนจะเฝ้ารอใครบางคนกลับมา ภูมิพยัตบอกว่าไปดูงานต่างจังหวัดสองวัน แค่สองวันที่เขาไม่อยู่ เธอควรอยู่บ้านอย่างสบายใจแต่กลับเอาแต่คิดถึงผู้ชายปากร้ายคนนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาไปรยาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นแต่ไม่เจอคนถูกใจหรือคนที่จะทำให้ใจเต้นแรงสักครั้ง ก็เป็นครูเด็กประถม เจอแต่ผู้ปกครองเด็กๆนี่นะ เลิกงานก็กลับบ้านมาทำงานบ้านก็แทบไม่ได้หยุดได้พัก จะเอาเวลาที่ไหนไปเจอหนุ่มโสดได้ละ
“งานไอ้เสือมันก็แบบนี้ ต้องไปดูงานที่นั้นที่นี่บ่อยๆ แถมงานโรงงานมันก็สกปรกมีแต่ฝุ่นไม่เหมือนคนทำงานบริษัท ไม่มีเวลาไปเอาอกเอาใจใคร มันก็เลยอยู่เป็นโสดแบบนี้แหละ”
คุณบุญมาพูดเปรยๆ ท่านเองก็สังเกตเห็นว่าไปรยาคอยมองหาลูกชายตัวเองบ่อยๆ สองวันมานี่เธอยังคงกิริยาน่ารักอ่อนหวาน ต้องเรียกว่าเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากกว่าแม่บ้านอาชีพ อาหารคาวหวานทำได้อย่างไม่มีที่ติ ตื่นเช้ามาช่วยภรรยาของเขาจัดเตรียมอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านช่องได้อย่างดี แถมยังมาช่วยดูแลต้นไม้ใบหญ้าและอ่านหนังสือให้ฟังอีกด้วย ถ้าเธอจะเสแสร้งแกล้งทำก็ไม่น่าจะแนบเนียนได้ขนาดนี้
ปัญหาเดียวที่ยังแคลงใจ ไปรยาเป็นผู้หญิงที่แม่เล้าส่งมานะซิ
“คุณพยัตไม่มีคนรักหรือคะ” ไปรยาอดถามไม่ได้ ก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากรู้เรื่องของเขานัก รู้แค่ว่าเป็นเจ้าของโรงไม้แปรรูปขนาดใหญ่ แต่เรื่องอื่นเธอก็ไม่รู้จัก
“อยากรู้เรื่องตาภูมิหรือจ๊ะหนูปราย” คุณรำเพยหยอกเย้า
“เอ่อ..เผื่อคุณพยัตพามาคนรักมา ปรายจะได้ดูแลต้อนรับได้ค่ะ” แค่คิดก็เจ็บจี๊ดในอก เธอจะไปมีสิทธิ์คิดหรือรู้สึกอะไรกับเขาได้ล่ะ
“ก็...” สองสามีภรรยาวันหกสิบอัพมองหน้ากันเหมือนช่างใจ จะเล่าดีไหม? แต่เรื่องมันก็นานมากแล้ว
“ปรายขอโทษค่ะ ปรายเป็นแค่แม่บ้านไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของผู้เป็นนาย” เธอรีบออกตัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทั้งท่านสองลำบากใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องมันนานมาหลายปีแล้ว” คุณบุญมาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“น่าจะแปดหรือเก้าปีแล้วละ ใช่ไหมคุณ” คุณรำเพยหันไปถามสามี
“ประมาณนั้น” คุณบุญมาพยักหน้ารับ “ไอ้เสือเคยมีคนรัก รักมากถึงขั้นจะแต่งงานอยู่กินด้วยกันนี่แหละ แต่ช่วงนั้นที่โรงงานมีปัญหา การเงินติดขัด มันวิกฤตเลยละช่วงนั้น ไอ้เสือมันเลือกที่จะไม่ปลดคนงาน มันพยายามสู้เพื่อให้ทุกคนยังมีงานทำ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแต่งานกับผู้ชายอื่นเสียนี่ ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยไอ้เสือคบผู้หญิงคนไหนจริงจังอีก”
“คุณพยัตคงจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก”
จากไปหลายปีแถมแต่งงานไปแล้ว เขายังไม่ลืมเธอ ยังไม่มีใครใหม่ จะเรียกว่าเป็นเรื่องดีของเธอได้หรือเปล่า หากเธอปรารถนาจะให้เขารักเธอล่ะ เธอต้องสู้กับเงาคนรักเก่าของเขานะหรือ
‘รัก’
ไปรยาเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไป เธอเผลอคิดแบบนั้นได้อย่างไรกัน เธออยากให้ภูมิพยัตรักเธอนะหรือ? อะไรกัน? เธอเพิ่งเจอเขานะแค่ไม่กี่วันด้วยซ้ำไป
อาการนิ่งงันไปของไปรยา ทำให้คุณบุญมาและคุณรำเพยเข้าใจว่าเธอเหนื่อยจากการทำงานและต้องดูแลคนแก่ทั้งวัน
“หนูปราย วันนี้ไปพักผ่อนเถอะจ๊ะ”
“ค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกปรายได้นะคะ”
“จ๊ะ ไปพักผ่อนเถอะ”
ไปรยายกมือไหว้ลาคุณท่านทั้งสองแล้วเดินออกมาอย่างเหงาๆ ทางเดินที่เขาให้คนมาปูอิฐทางเดินใหม่ รวมทั้งโคมไฟที่หัวเสาก็สว่างไม่มืดมิดเหมือนค่ำคืนแรกที่มาเยือน คนแบบนั้นเคยมีบาดแผลในใจด้วยหรือ? เขาดูสมบูรณ์แบบและหล่อเหลา
เอ่อ...ใช่ เธอไม่โกหกก็ได้ เขาดูหล่อมากแถมยังเต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เธอเคยรู้จัก ที่มักจะผอมๆบางๆ
หญิงสาวเดินกลับมาที่เรือนหลังเล็กของภูมิพยัต เขาบอกว่าสองวันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าบ้านตอนไหน ไปรยาจัดการอาบน้ำสระผมยาวสลวยแล้วมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลา เธอควรจะเลิกคิดถึงเรื่องของเขา และหาทางแก้ปัญหาของตัวเอง หนี้ห้าล้านบาทที่เกิดการจากเล่นการพนันนี่นะ ทำไมต้องเป็นเธอที่ชดใช้ล่ะ ตั้งแต่เรียนจบทำงานมาสามปีนี้ เงินเดือนของเธอก็แบ่งให้ทางบ้านตลอด เธอควรมีชีวิตของตัวเอง เธอลาออกจากงานเก่ามาแล้ว ทุกคนไม่มีใครสงสัยในการหายตัวไปของเธอ
ร่างบางกระถดกายนั่งกอดเข่าบนโซฟา ด้านนอกมืดแล้วและโคมไฟก็ส่องแสงสว่าง เธออยากเริ่มต้นใหม่ให้ชีวิตตัวเอง ทำงานหาเงิน หาที่อยู่ค่อยๆจัดการชีวิตตัวเองไปที่ละนิดละน้อย ต้องเริ่มต้นใหม่และต้องบอกความจริงกับเขา ถ้าเขาไม่ให้เธอทำงานที่นี่ต่อ เธอก็ต้องหาที่ทางของตัวเอง แต่จะให้กลับไปใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เธอไม่ยอมเด็ดขาด
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดตามด้วยเสียงมอเตอร์ไซค์ ไปรยาลุกจากโซฟาไปที่หน้าต่าง ขยับแง้มผ้าม่านออกดู เป็นรถของภูมิพยัต รถจอดสนิทแล้ว ลูกน้องก็ประคองปีกภูมิพยัตลงมาจากรถ ไปรยาตกใจรีบเดินไปเปิดประตูบ้าน แต่พอคนตัวเข้ามาใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าโชยคลุ้งก่อนตัวคนจะมาถึงเสียอีก
“นี่ไปตกถังเหล้าถังเบียร์ที่ไหนมาเนี้ย” ไปรยาเบี่ยงตัวหลบให้ลูกน้องสองคนหิ้วปีกเจ้านายมาที่โซฟา
“ฉลองกันหนักไปนิดหนึ่งครับคุณปราย” วินพูดขึ้นแล้วสะอึก กลิ่นเหล้าก็โชยคลุ้งไม่แพ้กัน “ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวปรายดูแลต่อเองค่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ”“ครับคุณปราย” วินยกมือไหว้ลา เดินตัวเซไปถึงประตูแล้วนึกได้ หมุนตัวกลับเอากุญแจรถยื่นให้พร้อมยิ้มแห้งๆ ไปรยาได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกน้องทั้งสองกลับไปพร้อมมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาเมื่อครู่ เธอเดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยแล้วไปดูสภาพคนเมา อะไรจะเมาได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าและอ่างใส่น้ำ เดินกลับมาก็เห็นเขาเอนหลังพิงโซฟา ศีรษะพาดไปกับพนักพิงหลัง มือเรียวหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วเช็ดใบหน้าของเขา มือใหญ่ปัดมือเธอออกคล้ายรำคาญ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย“อยู่นิ่งๆ สิคะ ปรายจะเช็ดตัวให้ จะได้สบายเนื้อสบายตัว”เธออดดุเขาไม่ได้ เสียงดุของเธอไม่ดังนักแต่ก็ทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของเขาฉ่ำหวาน โครงหน้าคมและเหนือริมฝีปากที่ยิ้มน้อยๆนั้นมีเรียวหนวดบางๆ เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ ไปรยาพยายามไม่สนใจสายตาของเขา บรรจงเช็ดใบหน้าและลำคอให้ มือเรียวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเขาครางในลำคออย่างพอใจ หญิงสาว
ลมหายใจสม่ำเสมอบอกได้ชัดเจนว่าหญิงสาวหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอหลับเพียงลำพัง เธอยังนอนหนุนท่อนแขนของเขาอยู่ และเขาก็รู้สึกอุ่นในอกทีได้ใช้วงแขนปกป้องใครสักคน มันเนิ่นนานเหินห่างความรู้สึกแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ เขาเคยคิดว่าแผลในใจของเขาไม่มีวันดีขึ้น เขาไม่อาจเปิดใจมีความรักใหม่ได้อีก แต่เขารู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นมันผิดไปถนัด ตั้งแต่น้ำตาของเธอรินไหล เขาก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังรู้เป็นไม่ด้านชาอย่างที่คิด เวลาที่ได้พบกัน รู้จักกันมันน้อยเกินกว่าจะตัดสินอะไรได้ เขาไม่อยากบังคับเธอ อยากได้ยินความจริงจากปากเธอ ไม่ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายเพียงใด ขอให้เธอเป็นคนบอกเขาเอง อย่าให้เขาต้องไปรับรู้จากคนอื่น อย่างที่เขาเคยเจอมาจากคนรักเก่าเลย ภูมิพยัตดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน เธอหลับไปแล้ว และหลับจริงๆจังๆเสียด้วย แต่เขาละ ผู้ชายทั้งแท่งมีผู้หญิงตัวนุ่มหอมกรุ่นในวงแขนนี่ ไอ้ที่ตื่นอยู่นี่จะข่มให้มันหลับลงไปได้ยังไง เขาเผลอหัวเราะในลำคอแล้วก้มลงจูบขมับเธอเบาๆ“นี่เธอกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหมไปรยา”แสงแดดจากภายนอกแทรกผ่านผ้าม่านลายลูกไม้มาแตะเปลือกตา ปลุกคนที่หลับใหลให้รู้สึกสึกตัว ไป
“ทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ” ไปรยาพูดแทรกขึ้น เธอตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วระหว่างฟังพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างน่าอิจฉา เธอมักจะเป็นส่วนเกินของคำว่า“ครอบครัว”เสมอ“วันนี้ผมขอยืมตัวแม่บ้านคนโปรดของพ่อกับแม่ไปใช้งานหน่อยนะครับ” ภูมิพยัตไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดพูดประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“เสร็จงานแล้วก็พาน้องไปเที่ยวดูนั้นดูนี่บ้างก็ได้นะ” คุณบุญมาแนะนำลูกชาย“แถวนี้จะมีอะไรให้เที่ยว” ลูกชายคนเดียวส่ายหน้าไปมา“ไม่เป็นไรค่ะ เสร็จงานแล้วปรายจะรีบกลับมารับใช้คุณท่านค่ะ”ไปรยายิ้มหวาน ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็รีบจัดเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยจะได้ไปทำงานพร้อมภูมิพยัตที่นั่งจิบกาแฟหน้านิ่ง ราวกับเมื่อวานไม่ได้เมาปลิ้นกลับบ้านมา ภูมิพยัตสังเกตเห็นใบหน้าหวานวันนี้แต้มแต่งเครื่องสำอางไม่จัดนัก แต่ก็ทำให้ใบหน้าเธอดูสดใสน่ามอง ซึ่งมันก็ลบรอยช้ำรอบดวงตาได้บ้าง ร่างสูงก้าวเดินนำออกมาเมื่อเห็นว่าเธอเสร็จงานในครัวแล้ว เขาหยุดยืนที่ประตูรถฝั่งคนนั่งรอจนร่างเล็กพาตัวเองเดินเร็วๆมาถึงรถจึงเปิดประตูให้“จะเอาบันไดไหม?” “ปรายปีนขึ้นเองได้ค่ะ”เธอเบ้ปากใส่เขาแล้วก้าวขึ้นรถโฟร์วิล โดยไม่รู้ว่าภูมิพย
“ผมเป็นเจ้าของโรงงาน เลิกงานครึ่งวันจะเป็นไรไป” ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ เรื่องงานมาก่อนหญิงเสมอ แต่คราวนี้ให้ตัวเองสักวันก็แล้วกัน“ไปหยิบกระเป๋าเถอะ”“ค่ะ”ไปรยาเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ ภูมิพยัตเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินมาเปิดประตูห้องให้เธอก้าวออกมาก่อน เขาหันไปบอกเลขาฯหน้าห้องว่าจะไม่กลับเข้ามาอีก ไปรยารู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครถามอะไรเกี่ยวกับเธอ ทุกคนเคารพเจ้านายอย่างภูมิพยัตมาก หญิงสาวหยุดที่ประตูรถแล้วหันมาบอกเขาก่อนที่เขาจะทำอะไร“ฉันขึ้นรถเองได้ คุณไม่ต้องอุ้มขึ้นหรอก”“ก็ได้ ผมจะยืนดูเผื่อคุณตกผมจะได้หัวเราะได้ทันเวลา”ไปรยาถลึงตาใส่ เขากลับมาเป็นผู้ชายปากร้ายแต่เพิ่มเติมคือจูบของเขาแสนหวานและเร่าร้อนจนเธอแทบจะละลายไปทันที เขารอเธอจึงขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ใบหน้าคมอมยิ้มนิดๆก่อนที่รถจะเลื่อนตัวออกไป เขาขับรถวนไปรอบๆบริเวณโรงงาน“นี่โรงงานผม จริงๆมันเป็นของพ่อผม พ่อมาตั้งโรงงานที่นี่เพราะมันใกล้สวนยางพาราของชาวบ้าน ไม้พวกนี้มันหมดอายุแล้ว น้ำยางไม่มี ชาวสวนก็โค่นทิ้งปลูกใหม่ แต่ผมมาขยับขยายโรงงานแปรรูปไม้เต็มรูปแบบตามความต้องการของตลา
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง“อยากได้แม่บ้านไปดูแลบ้าน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า” ภูมิพยัตโวยวายหัวเสียอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากโรงงานมาในเมืองไกลร่วมร้อยกิโลเมตร หากได้เข้าเมืองมาทำธุระอะไรก็ตามแล้วเย็นย่ำนักเขาก็มักจะนอนค้างที่โรงแรม ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนขับรถกลับแบบเมื่อยๆให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ก็เขาเป็นเจ้าของ “โรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต” เงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 36 ล้านบาทนี่ เขาจะนอนไหนจะทำอะไรก็ได้ เหมือนกับที่เขากำลังเสียงดังใส่เจนนี่ สาวประเภทสองที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ในห้องพักของเขา“เจนนี่ขอโทษค่ะคุณพยัต” เสียงแหลมพูดขึ้นทั้งที่ปากคอสั่น ผู้ชายคนนี้แม้จะอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่ดูน่าเกรงขาม และชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจก็ดังกระฉ่อนพอๆ กับความร่ำรวยของเขาเองด้วย“ไม่อยากได้คำขอโทษ อยากได้แม่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว โทรมาสั่งแล้วว่าให้หาไว้ให้ ผมจะกลับโรงงานเย็นนี้แล้วจะได้ไหม?” ภูมิพยัตพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดันทำให้หญิงสาวอรชรในชุดรัดรูปเน้นสัดสวนไม่กล้าสบตาด้วย ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจใช่! เขาเคยใช้บริการเจนนี่ ให้จัดหาคู่นอนมาปรนเปรอเป็นครั้งคราว แต่ที่เขาโทรศัพ
“ผมภูมิพยัต เรียกพยัตก็พอ อ้อชื่อผมเขียนด้วยพานยักษ์ไม้หันอากาศตอเต่า พยัตที่แปลว่าฉลาดเฉียบแหลม อย่าสะกดผิดล่ะ” เขาบอกแล้วหยิบกางเกงยีนมาสวม“คุณ!ไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำซิ!” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า“อะไรกันคุณนี่ก็...” เขาพลอยเขินไปด้วย จำใจต้องหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ นึกแปลกใจทำไมต้องทำตามเธอสั่งด้วยนะ เขาเป็นเจ้านายนี่ ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ว่าที่เจ้านายอย่างรวดเร็วแต่เรียบร้อย กระนั้นก็อดกังวลคนที่จะตามมาจับตัวเธอไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงเธอก็ไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้พนันให้อาธงชัยเด็ดขาด ถึงจะเคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร แต่จะให้ตอบแทนบุญคุณแบบนี้เธอยอมไม่ได้ เธอได้แต่ขอโทษคุณอาในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า หากหาลู่ทางใช้หนี้ได้เมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ไม่กี่นาทีต่อมา ภูมิพยัตก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนเพิ่มเติมด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต เขาสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเสร็จก็หยิบกุญแจรถจะเดินออกมา หญิงสาวถือกระเป๋าตัวเองและถือเป้เสื้อผ้าให้เขา แต่เพราะเธอตัวเล็กมันดูขัดหูขัดตาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้ากระเป๋าของเธอมาถือให้เสียเอง
“ห้าล้าน! คุณอาเล่นพนันเสียเงินไปห้าล้าน! ทำไมคุณอาไม่เอาบ้านเอารถไปเข้าธนาคารละคะ? ทำไมต้องให้ปรายมาที่นี่”“อาหมุนเงินไม่ทันหรอก ทั้งบ้านทั้งรถก็ติดไฟแนนซ์ไปหมดแล้ว ปรายต้องช่วยอานะ”“จะช่วยอายังไงคะ ปรายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ”“ก็หนูไง”“อะไรนะคะ ปรายไม่เข้าใจ”“ก็เอาตัวปรายไปใช้หนี้แทนก่อนไง”“คุณหมายขายปรายใช้หนี้เหรอคะ” “อย่าพูดแบบนั้นซิ อาเองก็เสียใจนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เสี่ยเขาเป็นคนดี ทำตัวดีๆ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยตัวปรายเองนั้นแหละ”“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ค่ะ” คราวนี้เธอขึ้นเสียง และรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามาไม่มีเวลาให้คิดต่อรองใดๆ ทั้งนั้น ไปรยาคว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็อาศัยจังหวะที่ประตูเปิดออก เธอแทรกตัวออกไปทันที วิ่งไปตามทาง ได้ยินเสียงตะโกนเรียกไล่หลัง คิดว่าวิ่งแบบนี้อีกฝ่ายต้องตามทันแน่ๆ บังเอิญเธอเห็นประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอจึงแทรกเข้าไปและแอบมองเห็นคนที่วิ่งไล่ตาม3-4คนวิ่งเลยไป ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รู้สึกว่าในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” ไปรยาจำน้ำเสียงดุดันของเขาได้ เธอนี่ช่างหนีเสือปะจระเข้เสียจริง ยิ่งเห็นว่าเขามีเพียงผ้าข
“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ” เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน“ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ”“เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” “แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้ “มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” “พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง”“ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะ
“ผมเป็นเจ้าของโรงงาน เลิกงานครึ่งวันจะเป็นไรไป” ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ เรื่องงานมาก่อนหญิงเสมอ แต่คราวนี้ให้ตัวเองสักวันก็แล้วกัน“ไปหยิบกระเป๋าเถอะ”“ค่ะ”ไปรยาเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ ภูมิพยัตเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินมาเปิดประตูห้องให้เธอก้าวออกมาก่อน เขาหันไปบอกเลขาฯหน้าห้องว่าจะไม่กลับเข้ามาอีก ไปรยารู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครถามอะไรเกี่ยวกับเธอ ทุกคนเคารพเจ้านายอย่างภูมิพยัตมาก หญิงสาวหยุดที่ประตูรถแล้วหันมาบอกเขาก่อนที่เขาจะทำอะไร“ฉันขึ้นรถเองได้ คุณไม่ต้องอุ้มขึ้นหรอก”“ก็ได้ ผมจะยืนดูเผื่อคุณตกผมจะได้หัวเราะได้ทันเวลา”ไปรยาถลึงตาใส่ เขากลับมาเป็นผู้ชายปากร้ายแต่เพิ่มเติมคือจูบของเขาแสนหวานและเร่าร้อนจนเธอแทบจะละลายไปทันที เขารอเธอจึงขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ใบหน้าคมอมยิ้มนิดๆก่อนที่รถจะเลื่อนตัวออกไป เขาขับรถวนไปรอบๆบริเวณโรงงาน“นี่โรงงานผม จริงๆมันเป็นของพ่อผม พ่อมาตั้งโรงงานที่นี่เพราะมันใกล้สวนยางพาราของชาวบ้าน ไม้พวกนี้มันหมดอายุแล้ว น้ำยางไม่มี ชาวสวนก็โค่นทิ้งปลูกใหม่ แต่ผมมาขยับขยายโรงงานแปรรูปไม้เต็มรูปแบบตามความต้องการของตลา
“ทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ” ไปรยาพูดแทรกขึ้น เธอตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วระหว่างฟังพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างน่าอิจฉา เธอมักจะเป็นส่วนเกินของคำว่า“ครอบครัว”เสมอ“วันนี้ผมขอยืมตัวแม่บ้านคนโปรดของพ่อกับแม่ไปใช้งานหน่อยนะครับ” ภูมิพยัตไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดพูดประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“เสร็จงานแล้วก็พาน้องไปเที่ยวดูนั้นดูนี่บ้างก็ได้นะ” คุณบุญมาแนะนำลูกชาย“แถวนี้จะมีอะไรให้เที่ยว” ลูกชายคนเดียวส่ายหน้าไปมา“ไม่เป็นไรค่ะ เสร็จงานแล้วปรายจะรีบกลับมารับใช้คุณท่านค่ะ”ไปรยายิ้มหวาน ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็รีบจัดเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยจะได้ไปทำงานพร้อมภูมิพยัตที่นั่งจิบกาแฟหน้านิ่ง ราวกับเมื่อวานไม่ได้เมาปลิ้นกลับบ้านมา ภูมิพยัตสังเกตเห็นใบหน้าหวานวันนี้แต้มแต่งเครื่องสำอางไม่จัดนัก แต่ก็ทำให้ใบหน้าเธอดูสดใสน่ามอง ซึ่งมันก็ลบรอยช้ำรอบดวงตาได้บ้าง ร่างสูงก้าวเดินนำออกมาเมื่อเห็นว่าเธอเสร็จงานในครัวแล้ว เขาหยุดยืนที่ประตูรถฝั่งคนนั่งรอจนร่างเล็กพาตัวเองเดินเร็วๆมาถึงรถจึงเปิดประตูให้“จะเอาบันไดไหม?” “ปรายปีนขึ้นเองได้ค่ะ”เธอเบ้ปากใส่เขาแล้วก้าวขึ้นรถโฟร์วิล โดยไม่รู้ว่าภูมิพย
ลมหายใจสม่ำเสมอบอกได้ชัดเจนว่าหญิงสาวหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอหลับเพียงลำพัง เธอยังนอนหนุนท่อนแขนของเขาอยู่ และเขาก็รู้สึกอุ่นในอกทีได้ใช้วงแขนปกป้องใครสักคน มันเนิ่นนานเหินห่างความรู้สึกแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ เขาเคยคิดว่าแผลในใจของเขาไม่มีวันดีขึ้น เขาไม่อาจเปิดใจมีความรักใหม่ได้อีก แต่เขารู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นมันผิดไปถนัด ตั้งแต่น้ำตาของเธอรินไหล เขาก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังรู้เป็นไม่ด้านชาอย่างที่คิด เวลาที่ได้พบกัน รู้จักกันมันน้อยเกินกว่าจะตัดสินอะไรได้ เขาไม่อยากบังคับเธอ อยากได้ยินความจริงจากปากเธอ ไม่ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายเพียงใด ขอให้เธอเป็นคนบอกเขาเอง อย่าให้เขาต้องไปรับรู้จากคนอื่น อย่างที่เขาเคยเจอมาจากคนรักเก่าเลย ภูมิพยัตดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน เธอหลับไปแล้ว และหลับจริงๆจังๆเสียด้วย แต่เขาละ ผู้ชายทั้งแท่งมีผู้หญิงตัวนุ่มหอมกรุ่นในวงแขนนี่ ไอ้ที่ตื่นอยู่นี่จะข่มให้มันหลับลงไปได้ยังไง เขาเผลอหัวเราะในลำคอแล้วก้มลงจูบขมับเธอเบาๆ“นี่เธอกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหมไปรยา”แสงแดดจากภายนอกแทรกผ่านผ้าม่านลายลูกไม้มาแตะเปลือกตา ปลุกคนที่หลับใหลให้รู้สึกสึกตัว ไป
“ฉลองกันหนักไปนิดหนึ่งครับคุณปราย” วินพูดขึ้นแล้วสะอึก กลิ่นเหล้าก็โชยคลุ้งไม่แพ้กัน “ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวปรายดูแลต่อเองค่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ”“ครับคุณปราย” วินยกมือไหว้ลา เดินตัวเซไปถึงประตูแล้วนึกได้ หมุนตัวกลับเอากุญแจรถยื่นให้พร้อมยิ้มแห้งๆ ไปรยาได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกน้องทั้งสองกลับไปพร้อมมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาเมื่อครู่ เธอเดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยแล้วไปดูสภาพคนเมา อะไรจะเมาได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าและอ่างใส่น้ำ เดินกลับมาก็เห็นเขาเอนหลังพิงโซฟา ศีรษะพาดไปกับพนักพิงหลัง มือเรียวหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วเช็ดใบหน้าของเขา มือใหญ่ปัดมือเธอออกคล้ายรำคาญ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย“อยู่นิ่งๆ สิคะ ปรายจะเช็ดตัวให้ จะได้สบายเนื้อสบายตัว”เธออดดุเขาไม่ได้ เสียงดุของเธอไม่ดังนักแต่ก็ทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของเขาฉ่ำหวาน โครงหน้าคมและเหนือริมฝีปากที่ยิ้มน้อยๆนั้นมีเรียวหนวดบางๆ เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ ไปรยาพยายามไม่สนใจสายตาของเขา บรรจงเช็ดใบหน้าและลำคอให้ มือเรียวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเขาครางในลำคออย่างพอใจ หญิงสาว
ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็นบุญปากพวกเราจริงๆ”“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเจ้านายเขาล่ะ“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวัน
มีเพียงสายตาคมกริบที่จ้องมองไปรยาก่อนที่ก้าวออกมา ภูมิพยัตมองไปยังทางเดิน คิดถึงร่างเนียนนุ่มในวงแขนและกลิ่นหอมละมุนที่ชวนให้เขากระสับกระส่าย เขาไล่ให้เธอไปนอนแต่หัวค่ำ แต่ตัวเขาเองที่นอนไม่หลับ จนต้องเดินลงมานั่งจิบเบียร์อยู่ตามลำพัง และเฝ้ามองว่าเธอจะเปิดประตูห้องออกตอนไหน และ..เขาพบว่าตัวเองนั้นคอยเก้อมือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน กดเบอร์คนสนิทแล้วกรอกเสียงลงไป“ไอ้ตุ้มเหรอ”“ครับเจ้านาย”“มาซ่อมโคมไฟทางเดินที่บ้านให้หน่อยซิ”“มันก็เสียตั้งนานแล้วนี่ครับ แล้วผมก็บอกเจ้านายให้ซ่อมนานแล้วด้วย”“เออ! แต่ตอนนี้อยากให้มาซ่อม เอ็งจะมาซ่อมไหม? หรือว่าจะให้คนอื่นมาทำแทนแล้วเอ็งก็ไปหางานที่อื่นทำ!”“ครับๆเจ้านาย ผมเอาอุปกรณ์แล้วจะเข้าไปเลยครับ”“เออให้มันเร็วเหมือนเวลาเรียกไปกินเหล้าหน่อย”“ครับเจ้านาย”ภูมิพยัตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จะไปห่วงทำไมยัยเด็กตัวเล็กขาสั้นแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อวานเขาไม่เดินมาส่องดูว่าเธอจะกลับมายังไง ป่านนี้คงหน้าตาบวมปูนเพราะล้มกลิ้งไปแล้ว แต่นอกจากโคมไฟที่หัวเสาแล้ว พื้นที่ปูอิฐตัวหนอนก็ไม่เป็นระเบียบ เขาปล่อยทิ้งไม่ให้ใครมาดูแลนานแล้ว ชายหนุ่
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกทีไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็นไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”“น่าจะบอกปรายตั้งแต่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว “เอาเป็นผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาป
“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”“ครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็นหนังสือสะสม “เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็นอะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน“ก็ใช่ มันก็ค
“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์ “พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต” ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่