“ทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ” ไปรยาพูดแทรกขึ้น เธอตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วระหว่างฟังพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างน่าอิจฉา เธอมักจะเป็นส่วนเกินของคำว่า“ครอบครัว”เสมอ“วันนี้ผมขอยืมตัวแม่บ้านคนโปรดของพ่อกับแม่ไปใช้งานหน่อยนะครับ” ภูมิพยัตไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดพูดประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“เสร็จงานแล้วก็พาน้องไปเที่ยวดูนั้นดูนี่บ้างก็ได้นะ” คุณบุญมาแนะนำลูกชาย“แถวนี้จะมีอะไรให้เที่ยว” ลูกชายคนเดียวส่ายหน้าไปมา“ไม่เป็นไรค่ะ เสร็จงานแล้วปรายจะรีบกลับมารับใช้คุณท่านค่ะ”ไปรยายิ้มหวาน ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็รีบจัดเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยจะได้ไปทำงานพร้อมภูมิพยัตที่นั่งจิบกาแฟหน้านิ่ง ราวกับเมื่อวานไม่ได้เมาปลิ้นกลับบ้านมา ภูมิพยัตสังเกตเห็นใบหน้าหวานวันนี้แต้มแต่งเครื่องสำอางไม่จัดนัก แต่ก็ทำให้ใบหน้าเธอดูสดใสน่ามอง ซึ่งมันก็ลบรอยช้ำรอบดวงตาได้บ้าง ร่างสูงก้าวเดินนำออกมาเมื่อเห็นว่าเธอเสร็จงานในครัวแล้ว เขาหยุดยืนที่ประตูรถฝั่งคนนั่งรอจนร่างเล็กพาตัวเองเดินเร็วๆมาถึงรถจึงเปิดประตูให้“จะเอาบันไดไหม?” “ปรายปีนขึ้นเองได้ค่ะ”เธอเบ้ปากใส่เขาแล้วก้าวขึ้นรถโฟร์วิล โดยไม่รู้ว่าภูมิพย
“ผมเป็นเจ้าของโรงงาน เลิกงานครึ่งวันจะเป็นไรไป” ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ เรื่องงานมาก่อนหญิงเสมอ แต่คราวนี้ให้ตัวเองสักวันก็แล้วกัน“ไปหยิบกระเป๋าเถอะ”“ค่ะ”ไปรยาเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ ภูมิพยัตเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินมาเปิดประตูห้องให้เธอก้าวออกมาก่อน เขาหันไปบอกเลขาฯหน้าห้องว่าจะไม่กลับเข้ามาอีก ไปรยารู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครถามอะไรเกี่ยวกับเธอ ทุกคนเคารพเจ้านายอย่างภูมิพยัตมาก หญิงสาวหยุดที่ประตูรถแล้วหันมาบอกเขาก่อนที่เขาจะทำอะไร“ฉันขึ้นรถเองได้ คุณไม่ต้องอุ้มขึ้นหรอก”“ก็ได้ ผมจะยืนดูเผื่อคุณตกผมจะได้หัวเราะได้ทันเวลา”ไปรยาถลึงตาใส่ เขากลับมาเป็นผู้ชายปากร้ายแต่เพิ่มเติมคือจูบของเขาแสนหวานและเร่าร้อนจนเธอแทบจะละลายไปทันที เขารอเธอจึงขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ใบหน้าคมอมยิ้มนิดๆก่อนที่รถจะเลื่อนตัวออกไป เขาขับรถวนไปรอบๆบริเวณโรงงาน“นี่โรงงานผม จริงๆมันเป็นของพ่อผม พ่อมาตั้งโรงงานที่นี่เพราะมันใกล้สวนยางพาราของชาวบ้าน ไม้พวกนี้มันหมดอายุแล้ว น้ำยางไม่มี ชาวสวนก็โค่นทิ้งปลูกใหม่ แต่ผมมาขยับขยายโรงงานแปรรูปไม้เต็มรูปแบบตามความต้องการของตลา
“ค่ะ ฉันพอเข้าใจ” เธอมองไปรอบๆ “ที่นี่สงบร่มรื่นจริงๆค่ะ อุ้ย!นั้นลูกแกะนี่น่า น่ารักจัง”“ไปดูใกล้ๆ ได้นะครับคุณปราย” เม่นพูดขึ้น“ได้หรือคะ” เธอหันมาถามพร้อมรอยยิ้มสดใส“ตามสบายเลยครับ”ไปรยามองหน้าภูมิพยัตเป็นเชิงขออนุญาต เขาพยักหน้าให้ทำให้ไปรยารีบเดินไปดูคอกที่กั้นไว้เลี้ยงแพะ เธอหยิบหญ้าป้อนให้และลูบหัวแต่ละตัว“ใครนะ” เม่นถามมองดูหญิงสาวร่างเล็กเพลิดเพลินกับการให้หญ้าลูกแกะที่เขาเลี้ยงไว้“ก็แนะนำไปแล้วไง”“หมายถึงเป็นใคร แฟนนายหรือไงไอ้พยัต”“ไม่ใช่” ตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง“แล้วอยู่กับนายในฐานะอะไรวะ”“เธอเป็นแม่บ้าน”“พูดเป็นเล่น สวยแบบนั้นนะเหรอแม่บ้าน” เม่นกระแทกไหล่เพื่อนเบาๆ “ปรายไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น” เขาพูดน้ำเสียงเคร่งเครียด คนเป็นเพื่อนสนิทเข้าใจในทันทีว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น“แต่ถ้าคุณปรายไม่ได้เป็นอะไรกับนาย ฉันก็จีบได้ซินะ”“เฮ้ย! เจอกันไม่ถึงสิบนาทีจะจีบแล้วเหรอ”“เป็นไรไป ถ้าคนมันใช่มันใช่นั้นแหละ” เม่นยักไหล่ภูมิพยัตถอนหายใจหนักๆ นี่เขาคิดผิดหรือเปล่าที่มาที่นี่ เม่นไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายอะไรแค่อ่อนไหวง่ายไปนิด แต่พอคิดว่าจะมีใ
“คุณก็หัดซื้ออย่างอื่นใส่ตู้เย็นบ้างก็ดีนะคะ ทีเบียร์นี่ไม่ขาดเลย”“เหลือแค่สี่กระป๋องก็หมดแล้ว”“อะไรกันจะดื่มให้หมดเลยหรือคะ” เธอทำตาโต และเพิ่งเห็นว่าเขาเปิดไปสองกระป๋อง“เก็บไว้ทำไมให้รกตู้เย็น” เขาพูดหน้าตาย“ถ้างั้นปรายช่วยดื่มก็ได้จะได้หมดเร็วๆ”เธอยื่นมือไปแย่งกระป๋องเบียร์จากมือเขาขึ้นมาดื่ม แต่แค่อึกแรกก็สำลักไอแค่กๆออกมา ภูมิพยัตต้องลูบหลังให้แล้วเดินไปหยิบน้ำดื่มส่งให้ไปรยา“ดื่มไม่เป็นแล้วยังจะดื่ม”“ก็เพราะคุณนั้นแหละ” เธอทำหน้ามุ่ย“อีกล่ะ โทษผมทุกที” แม้จะตำหนีอีกฝ่ายแต่เขากลับยิ้มออกมาได้“ก็มันจริงนี่คะ”“คุณดื่มไม่เป็นจริงๆรึ” คราวนี้น้ำเสียงเขาจริงจังขึ้น“ฉันสอนเด็กเล็กน่ะ จะมาดื่มเหล้าดื่มเบียร์ได้ยังไงกัน”“คุณว่าอะไรนะ” “เอ่อ... ฉันพูดอะไรออกไปหรือคะ” ไปรยาสะดุ้งภูมิพยัตวางแขนไปกับพนักโซฟาแล้วยื่นหน้ามาใกล้ หรี่ตามองอย่างจ้องจับผิด“ผมว่าผมได้ยินชัดทุกถ้อยคำเลยล่ะ” เขาคุกคามเธอด้วยสายตา“ถ้าปรายเล่าความจริง คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธปราย”“มันร้ายแรงมากไหมล่ะ”“มันขึ้นอยู่กับคุณเอง” เธอบิดมือไปมา พยายามจะสงบใจที่จะพูดความจริงทั้งหมด “ว่ามาก่อนซิ ผมจะพ
ไปรยานึกถึงบทสนทนาที่เม่นพูดขึ้นขณะช่วยย้ายต้นไม้จากกระถางลงแปลงปลูกในสวนย่อมของคุณบุญมา“เคยมี? แล้วตอนนี้ละคะ” “เรื่องมันหลายปีแล้วล่ะครับ” เม่นหันมายิ้มให้ เขามักมีรอยยิ้มเสมอ “คุณปรายอยากรู้เหรอครับ”“เอ่อ...” ถ้าบอกว่าอยากรู้ มันก็พูดไม่ได้ เธอเป็นแม่บ้าน เขาเป็นเจ้านาย ลูกจ้างจะไปสู่รู้เรื่องเจ้านายมากไปมันก็ไม่เหมาะไม่ควร“ไอ้พยัตน่ะ มันเอาแต่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาไปเอาอกเอาใจใครหรอกครับ” เม่นทำเป็นพูดลอยๆ“มันเคยมีผู้หญิงที่คบกันถึงขั้นจะแต่งงานแต่งการ บ้านหลังนั้นน่ะ” เม่นพยักหน้าไปทางเรือนหลังน้อยของภูมิพยัตทำให้ไปรยาอดมองตามไม่ได้“คบกันอยู่หลายปี จนคิดว่าจะได้แต่งงานอยู่กินกัน พยัตมันปลูกบ้านไว้เพื่อเป็นเรือนหอ แต่มันมีช่วงหนึ่งที่โรงงานมีปัญหาทางการเงิน เกือบจะล้มละลายเลยล่ะ ผู้หญิงก็เลยตีจากไปแต่งงานกับคนอื่นเสียก่อน ไม่ทันอยู่เห็นว่าไอ้พยัตเพื่อนผมมันแกร่ง มันเก่ง มันฟื้นโรงงานกลับมาได้”ไปรยาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก็เคยคิดว่าทำไมภูมิพยัตถึงแยกไปอยู่เรือนหลังเล็ก ทั้งที่บ้านหลังใหญ่ก็ห้องหับมากมาย ซ้ำมีเพียงพ่อกับแม่อยู่แค่สองคนเท่านั้นเอง “ตั้งแต่นั้นมันก็ไม่มีใครอีกเล
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยอิ่มเอมใจอย่างนี้ มันไม่ใช่เพียงแค่เซ็กส์เท่านั้น แต่มันเป็นความสุข การได้เติมเต็มส่วนที่หายไปในหัวใจ“หลับซะ ใกล้สว่างแล้ว” เขาลูบไหล่เธอแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายเปลือยเปล่า“ปรายมีเรื่องต้องบอกคุณ” เธอพึมพำงึมงำเพราะง่วงงุน“แน่นอน ผมจะฟังทุกถ้อยคำของคุณ หลังจากคุณตื่นแล้ว”ไปรยาหลับไปกับเสียงหัวใจของเขา เธอไม่ได้เสียใจกับการสิ่งที่เกิดขึ้น มันก้าวมาไกลเกินกว่าที่เธอคิดไว้มาก แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องบอกความจริงกับเขา ยิ่งเธอรักเขามากเท่าไหร่ การปิดบังความจริงกลายเป็นความเจ็บปวดที่ทวีความปวดร้าวมากขึ้น มากเสียจนเธอกลัวว่าเขาจะให้อภัยแล้วนี่...เธอหลงรักผู้ชายหน้าโหดคนนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไปรยากำนันวินัยตบโต๊ะเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ลูกน้องที่ส่งไปวางเพลิงโรงงานภูมิพยัตทำไม่ได้ดั่งใจคิด โรงงานแทบไม่มีความเสียหายใดๆเลยสักนิด“อะไรวะ ของแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ยังมีหน้ากลับมาหาข้าอีกเรอะ!”“ก็มันมีคนมาเห็นก่อนนี่ครับนาย” ลูกน้องรายงานตัวสั่น“ทำงานไม่ได้คุ้มค่าแรงเลย แถมยังมีหน้ากลับมาหาข้าให้ตำรวจมันตามดมกลิ่นได้อีก ไสหัวไปทั้งหมดนี่ ไปกบดานที่ไหนก่อนก็ไป ให้เรื่อ
อาจจะมีแต่ภูมิพยัตเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เมื่ออยู่บ้านเขามักจะช่วยไปรยาหยิบนั้นหยิบนี่ กลายเป็นเงาตามตัวไปรยาไปเสีย วันนี้เขามีธุระต้องเข้าไปในตัวอำเภอ เขาสั่งลูกน้องให้แวะเวียนมาเดินยามที่หน้าบ้านพ่อแม่ ต้องบอกพ่อให้คอยระวังด้วย“ไม่พาหนูปรายไปเที่ยวบ้างละลูก” “ไม่เป็นไรคะคุณท่าน คุณพยัตไปทำงาน ปรายไปก็เกะกะเปล่าๆ”“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างซิ อยู่ในบ้านทุกวันเป็นเดือนๆแล้ว”ภูมิพยัตมองอย่างชั่งใจแล้วพยักหน้ารับ เขาก็อยากอยู่ตามลำพังกับเธอบ้างเหมือนกัน “ไปแบบนี้นั้นแหละ ถ้าคืนนี้กลับไม่ทันก็จะมาตอนเช้า”“ดูแลน้องด้วยล่ะ” พ่อกำชับ“พ่อก็ดูแลแม่ด้วย” เขายังแอบห่วงเรื่องคนที่มาเผาโรงงานอยู่ แต่ก็สั่งคนให้คอยมาดูที่บ้านแล้ว“ไปเถอะ กว่าจะไปถึง” เขาพยักหน้าเรียกและเดินนำมาที่รถ ไปรยารีบเดินเร็วๆตามหลังเขามา แต่เขาไม่ได้เดินไปที่รถกระบะที่ใช้ประจำ แต่เป็นรถเก๋งคันหรูสีน้ำเงินเข้ม และก็เป็นเช่นทุกครั้งที่เขาจะเปิดประตูรถให้ รอจนเธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาฝั่งคนขับและออกรถ “รถมันจอดให้ฝุ่นจับอยู่อย่างนาน เลยเอาออกมาใช้บ้าง”“ค่ะ” เธอไม่รู้จะพ
“ไม่เป็นไรค่ะ ปรายเข้าใจ” ไม่หรอก จริงๆแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย จู่เขาก็ทำท่าโกรธเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี่เขาแสนดีกับเธอจะตายไป“ใช่ เราต้องคุยกัน”ภูมิพยัตปล่อยมือจากเจนนี่ เล่นเอาแม่เล้าถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ไปรยาเดินตามแผ่นหลังของเขาออกมานอกร้านกาแฟ“คุณพยัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือคะ”“ผมถามจริงๆ คุณรู้จักคนที่ผมพาเข้าไปเมื่อกี้ไหม?”“เอ่อ...ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดตามจริง”“คุณจำได้ไหมว่า คุณบอกผมว่าใครส่งคุณมาเป็นแม่บ้านที่บ้านของผม”“ค่ะ” ไปรยาพยักหน้ารับ “คุณเจนนี่ค่ะ”ภูมิพยัตสูดลมหายใจลึก แล้วจ้องมองราวกับจะฉีกเธออกเป็นชิ้นๆ เพราะเขาเกลียดคนโกหกที่สุด“ไปรยา เราต้องหาที่เงียบๆคุยกันแล้ว ผมต้องการรู้ความจริงจากปากคุณเท่านั้น”คำพูดของเขาเฉียบขาดดุจกับคมมีดที่กรีดคนให้ตายได้ เขาดึงข้อมือเธอให้เดินมาที่รถราวกับกลัวเธอจะวิ่งหนีไป เขาขับรถเข้ามาในโรงแรมที่ทั้งคู่เจอกัน ไปรยารู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะเคยหนีเจ้าหนี้ของอาธงชัย ขณะที่ภูมิพยัตโอบไหล่คนตัวเล็กเข้าห้องพัก หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอกังวลแต่เรื่องของชายหนุ่มจนลืมไ
หญิงสาวรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาทอดทับอยู่เบื้องหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็ประหลาดใจที่ได้เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ เจ้าของใบหน้าเรีบบนิ่ง เขาสวมสูทสีเข้มมืองสองข้างล้วงในกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมชอบจ้องมองเธอเหมือนกำลังประเมินอะไรสักอย่าง“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ คุณปรินทร”“มีงานสัมมนาที่นี่ ผมแอบมาหาที่ดูดบุหรี่”พูดไปอย่างนั้น แต่...ไม่ใช่หรอก เขาเห็นเธอเลยแอบเดินตามมาอย่างไม่รู้ตัวต่างหาก“นั่งด้วยกันไหมคะ” เธอเขยิบให้เขานั่งลงข้างๆ ร่างในชุดสูทเรียบหรูพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ สายลมพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้แตะปลายจมูกของชายหนุ่ม เขารู้ว่ามันเป็นกลิ่นหอมที่มาจากเธอ“ขอบคุณนะคะ”“หือ?”“ที่ช่วยออกค่ารักษาครอบครัวหมาแม่ลูกอ่อน แล้วยังหาที่อยู่ให้ด้วย”“อ่อ... ก็ไม่มีอะไร” เขายักไหล่ “ได้ยินว่าแวะไปเยี่ยมแม่หมาบ่อยๆนี่”“ค่ะ เกรงใจน้าสมชายกับครอบครัว ทำงานก็เหนื่อยแล้วต้องมาดูแลหมาเจ็บอีก แต่พั้นซ์ก็ไม่ได้ไปบ่อยนะคะ”“ผมรู้” ที่รู้เพราะลูกน้องมารายงานตลอด และออกจะแปลกใจที่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอะไรในตัวเขาเลยสักนิด นี่เธอจะสนใจแต่บรรดาหมาเจ็บ โดยไม่สนใจเขาเลยสักนิดงั้นเหรอ ยิ่งคิดก
แม้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว งานที่โรงแรมก็มีอะไรให้ยุ่งได้ตลอดทั้งปี ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะนั้นหมายถึงพนักงานทุกคนจะไม่ต้องหวาดหวั่นกับการถูกปลดจากงาน บางวันก็มีงานจัดเลี้ยงงานแต่งงาน งานมงคลต่างๆ ห้องประชุม ห้องสัมนา และบ้างครั้งก็มีทีมงานจากนิตยสารมาถ่ายแบบ หรือมาถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ “นี่ๆ ยัยพั้นซ์ ได้ยินว่าวันนี้พี่เบสท์มาถ่ายเอ็มวีที่สระว่ายน้ำโรงแรมเราเหรอ” ปาจรีย์ถามพัชญนรีน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่เบสท์?” คนถูกถามเพียงหันไปมองตารางงานแล้วก็พยักหน้า วันนี้มีคนเหมาใช้สระน้ำของโรงแรมถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ แต่เธอจำชื่อศิลปินไม่ได้เพราะในตารางไม่ลงชื่อศิลปิน แต่ลงไว้ว่าบริษัทไหนจะเข้ามาใช้งงาน“โธ่! พี่เบสท์ไง นักร้องไทยหน้าตาเกาหลีๆ นะ หล่อสไตล์โอปป้าเลยนะ” ปาจรีย์ทำหน้าเคลิ้ม แต่พิชญนรีกลับหัวเราะออกมา “พั้นซ์ไม่ค่อยติดตามดารานักร้องเลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”“ถ้างั้นช่วงพักปลาขอแอบไปส่งผู้ชาย เอ๊ย ไปดูพี่เบสท์หน่อยนะ”“ไปซิ อย่าให้หัวหน้ารู้ก็แล้วกัน”“จ๊ะ ขอบใจมาก”หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนและทำงานของตัวเองต่อ เหมือนไม่นานเท่าไหร่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาทางประหลักของโรงแร
“แล้วคุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ” เขาถามพิชญนรียิ้มแล้วเสยผมแก้เขิน “เพิ่งเลิกงานค่ะ กำลังจะกลับที่พัก”“อ่อ...” เพียงรับคำอย่างรับรู้แต่เหมือนไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอนักและไม่ถามอะไรเพิ่มเติมทำให้เธอไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไร เขาก็ยังคงนั่งรอเป็นเพื่อนเธอ เมื่อได้นั่งใกล้กัน เธอรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนตัวสูงรูปร่างหนา ขนาดว่าเธอตัวสูงถึง 167 ซม.แล้วนะ พออยู่ใกล้เขาเหมือนเธอจะตัวเล็กไปเลยทีเดียว แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดเธอก็แอบกังวลใจว่าเขาจะเสียเวลากับครอบครัวหมาข้างถนนสามชีวิตนี้“คุณอยากดื่มกาแฟไหมคะ มีร้านกาแฟสดอยู่ใกล้ๆ ค่ะ”“คุณอยากดื่มเหรอ”“เอ่อ...ค่ะ” ไม่หรอก เธอจะอยากกินกาแฟตอนนี้ทำไม นี่มันเวลาที่เธอจะต้องหัวถึงหมอนแล้วหลับเป็นตายไปแล้ว“ก็ได้ เดี๋ยวผมไปซื้อให้”ร่างสูงลุกขึ้นยืน หญิงสาวรีบลุกตามแล้วดึงชายเสื้อของเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาเพียงเอี้ยวตัวมองมือเรียวที่จับชายเสื้อของเขา เธอทำตาปริบๆ ก่อนจะปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อนเข้าไป“ฉันหมายถึง ฉันจะไปซื้อให้คุณเองคะ ไม่ใช่ให้คุณไปซื้อให้ฉัน”“ปรินทร” “คะ?”เขาถอนหายใจหนัก “ผมชื่อปรินทร ““อ้อ...ค่ะ
น้ำเสียงราบเรียบดังมาจากผู้ชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เขาสวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าเจ้าของน้ำเสียงคิดอะไรอยู่ คนขับมอเตอร์ไซค์เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นเป้าสายตา มีบางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป มันเห็นท่าไม่ดีรีบขับรถออกไป พิชญนรีไม่มีเวลาสนใจคนตัวใหญ่ที่เข้ามาช่วยนัก เธอเป็นห่วงแม่หมาและลูกๆ ที่เข้ามาคลอเคลียไม่ยอมห่าง“คุณเป็นเจ้าของหมาเหรอ”“เปล่าคะ แต่...” หญิงสาวพยายามตั้งสติ“เอาเถอะ รถผมจอดตรงนั้น ผมจะอุ้มแม่ไปหาหมอ คุณจะเอาตัวเล็กไปด้วยกันก็ได้นะ”“ค่ะ ค่ะ” พิชญ์นรีทำตามที่เขาบอก เขาอุ้มหมาแม่ลูกอ่อนง่ายดายและไม่กลัวเสื้อผ้าจะเปื้อนเปรอะ เธออุ้มเจ้าตัวเล็กวิ่งตาม เพราะเขาขายาวแค่เดินเร็วๆ ก็เท่ากับเธอวิ่งแล้ว เธอตกใจเล็กน้อยที่เห็นรถเก๋งคันหรูสีดำมันวาวจอดอยู่ เขากดรีโมทกุญแจแล้วพยักหน้าให้เธอเปิดประตู “คุณนั่งเบาะหลังแล้วกัน จะได้ช่วยดูหมาๆด้วย” “ค่ะ” หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็ส่งแม่หมาไว้บนตักเธอ เขาเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปทันที“มีโรงพยาบาลสัตว์อยู่ใกล้ๆ นี่ใช่ไหม”“แค่ เลยสี่แยกไฟแดงหน้าไปประมาณห้าสิ
ปรินทรหันไปพยักหน้ากับลูกน้องแล้วเดินออกไป เขาเองก็ต้องกลับไปดูงานที่บริษัทของตัวเองอยู่แล้ว จะแวะไปดูสินค้าก่อนก็ไม่เสียหายสักเท่าไหร่ เขาสั่งงานลูกน้องเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยรถตู้หรูหรา และข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของเขา “เข้างานกะบ่าย?” ปรินทร์พึมพำกับตัวเอง เมื่อถึงกรุงเทพฯก็เข้าบริษัททำงานปกติ พอถึงช่วงบ่าย เขาก็แค่ขับรถไปไม่กี่ช่วงตึกก็ถึงโรงแรมที่นิพัฒน์บอก ชายหนุ่มนั่งดื่มกาแฟร้อนในร้านกาแฟเก๋ไก๋เหมาะกับที่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว แล้วสายตาของเขาก็มองเห็นหญิงสาวรูปร่างได้สัดส่วน ดวงตาคมจ้องมองสินค้าที่เดินเข้ามาในชุดพนักงานตอนรับ เสื้อผ้าสีดำขลิบทองทำให้รูปร่างเธอดูเพรียวมากขึ้น สะโพกกลมที่ชวนมองและใบหน้าหวานที่ระบายรอยยิ้มตลอดเวลาผู้หญิงสวยขนาดนี้ เป็นแฟนได้ผีพนันอย่างนิพัฒน์ได้ยังไงกันเขาประเมินราคาอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงลูกน้องให้ติดต่อนิพัฒน์เพื่อตกลงข้อเสนอกันอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง190เซนติเมตร หรี่ตามองหญิงสาวก่อนจะหยิบแว่นกันแดดมาสวมแล้วเดินออกไป โดยที่คนถูกมองไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้ถูกตีตราเป็นสินค้าใช้แทนหนี้พนั
“ก็ให้คนที่บ้านเอามาให้ซิครับ” เขาพูดน้ำเสียงสุภาพแต่เยียบเย็น เขายกแขนซ้ายขึ้นแล้วใช้มือขวาเลื่อนแขนเสื้อเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ทุกอากัปกิริยาของเขาแม้จะเป็นท่าทางปกติทว่ามีรัศมีอำมหิตแผ่กระจายออกมา“ทำไมผมต้องมาเสียเวลากับคุณนะ”“เพราะผมเป็นลูกค้าประจำไง” ใช่! นิพัฒน์ติดการพนันงอมแงมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มจากพนันฟุตบอลซึ่งก็เสียหนักหลักหมื่นมาหลายรอบ พ่อก็ต้องตามจัดการให้ทุกครั้ง ว่าจะเลิกมันก็เลิกไม่ได้ ไม่หรอก เขาเชื่อว่าเขาไม่ได้ติดการพนัน หนักๆ เข้าเขาก็เล่นพนันตามบ่อนต่างๆ พ่อของนิพัฒน์ก็ตามไปใช้หนี้ให้ พ่อกับแม่ของนิพัฒน์เลิกกันตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อมักจะเอาเขาไปทิ้งไว้ตามบ้านญาติคนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ ระหว่างที่พ่อทำงานเป็นเซลแมนตระเวนไปทั่วประเทศนั้น เขาก็ถูกพี่ป้าน้าอาเลี้ยงดูในวงเหล้าและวงไพ่ มันคงเดาได้ไม่ยากที่เขาพัฒนาตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้เพราะอะไรก่อนที่เขาจะกลายเป็นลูกค้าขาประจำที่คาสิโน่นี้ นิพัฒน์ติดตามญาติผู้ใหญ่ที่นั่งรถตู้ข้ามชายแดนมาเล่นแบบ “ถูกกฏหมาย” ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เขายอมรับว่าตื่นตาตื่นใจกับคาสิโน่ นอกจากไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตำรวจ
พิชญ์นรีได้แต่ถอนหายใจ การทำงานเป็นกะก็ดีไปอย่างเพราะเขาไม่รู้ตารางเข้างานของเธอ สองสามเดือนมานี้จึงไม่เห็นเขามาก่อกวนเธอรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์แล้วกวาดสายตามองไปมาหลายครั้ง เพราะติดนิสัยถูกนิพัฒน์มาก่อกวนทำให้เธอต้องคอยเหลือบมองหาร่างผอมบางของเขาอยู่บ่อยๆ“มีอะไรหรือพั้นซ์” ปาจรีย์ถามเพราะเห็นเพื่อนหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาใครอยู่“ไม่รู้ซิ รู้สึกเหมือนมีคนมอง” พิชญนรีส่ายหน้าไปมา“คงไม่ใช่พี่ชายนอกไส้หรอกนะ” ปาจรีย์ช่วยสอดส่องสายตา เธอเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่นิพัฒน์มาขอยืมเงินพิชญนรีมาแล้ว และมีอยู่ครั้งที่เธออดไม่ไหวเลยเข้าไปขวางและต่อว่าที่เขามาขอเงินเพื่อนของเธอ“ยัยบ้า!มาเดือดร้อนอะไรด้วยวะ! หรือเป็นเลสเบี้ยน”“เป็นคนดีไง เลยทนเห็นคนดีถูกรังแกไม่ได้ ถ้าแกไม่รีบไสหัวไป ฉันแจ้งรปภ.ของโรงแรมมาลากคอออกไปแน่ๆ”“ปากดีแบบนี้คงหาผัวได้หรอกนะ”“ต๊าย ตาย นี่ไม่รู้เหรอยะ มีทองท่วมหัวไม่มีผัวก็ได้ยะ”นิพัฒน์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป ปาจรีย์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วหันไปปลอบเพื่อน ตอนนั้นเองที่พิชญนรีได้เล่าเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ได้แต่สงสารและเห็นใจ
“จริงๆเราสองคนรู้จักกันมานานแล้ว แต่เป็นห่วงความรู้สึกของหนูพั้นซ์” นิรุจน์พูดขึ้นด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ แล้วแนะนำชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “อ้อ! นี่ลูกชายอาเอง ชื่อนิพัฒน์ รู้จักกันไว้ซิ”“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้ตามมารยาท“สวัสดีครับเรียกพี่แพทก็ได้ เราชื่อน้ำพั้นซ์ใช่ไหม บังเอิญชื่อขึ้นด้วยพ.พานเหมือนกันเลยนะ”ชายหนุ่มผอมบาง หน้าตามีรอยยิ้มแต่ดูเป็นรอยยิ้มที่พิชญ์นรีรู้สึกไม่เป็นมิตร แต่แม่ของเธอกลับยิ้มอย่างมีความสุขจนเธอพูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อแม่บอกว่า“บ้านเราก็มีห้องว่างเยอะ แม่ว่าจะให้คุณนิรุจน์กับแพทมาอยู่ด้วยกันกับเราที่นี่”“อะไรนะคะแม่” “ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกจ๊ะ แม่จะให้คนมาปรับปรุงบ้านอีกสักนิด อีกสักเดือนสองเดือนถึงจะเข้ามาอยู่จ๊ะ”“อยู่ที่นี่ บ้านเดียวกันนี่นะ”หญิงสาวอยากจะหวีดร้องแต่เหมือนจุกในอก เธอไม่สามารถพูดอะไรได้เลย แม้ตั้งใจว่าจะใช้เวลาสองเดือนก่อนที่ว่าที่พ่อเลี้ยงจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่เมื่อเธอเห็นแม่มีความสุขและไม่ว่าเธอจะลองพูดจาหว่านล้อมอย่างไรก็ไร้ผล สองเดือนจากนั้น นิรุจน์กับนิพัฒน์ก็ก้าวเข้ามาในบ้าน “คุณรุจน์เค้าทำงานเป็นเซลล์แมนนะลูก ส
พิชญ์นรี หญิงสาวสวยสะกดใจชาย เธอทำงานเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์โรงแรมห้าดาวในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพียงแค่สวยเท่านั้น เธอยังเก่งขนาดที่มีบริษัทหลายแห่งจีบให้ไปทำงานด้วย ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มซุกซ่อนความหม่นเศร้าไว้ หญิงสาววัย25ปีย้ายจากบ้านที่เคยอบอุ่นมาอยู่คอนโดได้สองปีแล้ว หลังจากที่มารดาของเธอแต่งงานใหม่ พิชญนรีเข้าใจมารดาที่ต้องอยู่ลำพังมาเกือบสิบปี ตั้งแต่ที่บิดาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มารดาก็ไม่เคยมีผู้ชายคนใหม่ กัดฟันทนส่งเธอร่ำเรียนจนจบ เธอเคยคิดจะมีอยู่กับแม่ดูแลไปตลอดชีวิตทว่าสองปีที่แล้ว มารดาแนะนำผู้ชายคนหนึ่งให้รู้จักและจะอยู่กินด้วย เธอเข้าใจแต่..เธอเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ได้นั้นเป็นเหตุผลที่เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง พิชญ์นรีโอนเงินเข้าบัญชีให้แม่ เธอทำแบบเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเดือนเมื่อได้รับเงินเดือนแล้ว แม้จะออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวแล้วก็ตาม ใบหน้าหวานถอนหายใจเบาๆ อยู่หน้าตู้ ATM มือเรียวหยิบบัตรATMและสลิปจากตู้ใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วก็นเดินออกมา “หวังว่าแม่จะได้ใช้เงินที่ลูกโอนไปให้นะคะ” พิชญ์นรีบ่นกับตัวเอง เธอโอนเงินให้แม่ทุกเ