“ผมภูมิพยัต เรียกพยัตก็พอ อ้อชื่อผมเขียนด้วยพานยักษ์ไม้หันอากาศตอเต่า พยัตที่แปลว่าฉลาดเฉียบแหลม อย่าสะกดผิดล่ะ” เขาบอกแล้วหยิบกางเกงยีนมาสวม
“คุณ!ไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำซิ!” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า
“อะไรกันคุณนี่ก็...” เขาพลอยเขินไปด้วย จำใจต้องหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ นึกแปลกใจทำไมต้องทำตามเธอสั่งด้วยนะ เขาเป็นเจ้านายนี่
ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ว่าที่เจ้านายอย่างรวดเร็วแต่เรียบร้อย กระนั้นก็อดกังวลคนที่จะตามมาจับตัวเธอไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงเธอก็ไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้พนันให้อาธงชัยเด็ดขาด ถึงจะเคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร แต่จะให้ตอบแทนบุญคุณแบบนี้เธอยอมไม่ได้ เธอได้แต่ขอโทษคุณอาในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า หากหาลู่ทางใช้หนี้ได้เมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป
ไม่กี่นาทีต่อมา ภูมิพยัตก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนเพิ่มเติมด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต เขาสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเสร็จก็หยิบกุญแจรถจะเดินออกมา หญิงสาวถือกระเป๋าตัวเองและถือเป้เสื้อผ้าให้เขา แต่เพราะเธอตัวเล็กมันดูขัดหูขัดตาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้ากระเป๋าของเธอมาถือให้เสียเอง
“คุณพยัตค่ะ นั่นกระเป๋าฉันนะคะ” เธอพูดขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ ตามร่างสูงที่ก้าวช้าแต่ก้าวได้ยาวกว่าเธอนัก
“ก็รู้แล้ว คุณมีสัมภาระอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”
“ไม่ค่ะ ไม่มี แต่ฉันเป็นลูกจ้างนะคะ” เธอจะตกงานตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มหรือเปล่านะ ไปรยาเอ๊ย!
“รู้แล้ว แล้วรู้ไว้ด้วยว่าที่ทำให้นี่ไม่ได้เห็นใจ แต่ไม่อยากให้คนอื่นมองผมไม่ดี”
ภูมิพยัตพูดเสียงเรียบแล้วลงลิฟต์ อดเหลือบตามองคนตัวเล็กไม่ได้ แค่เดินตามยังหอบแล้วจะมีแรงทำงานบ้านอะไรไหวเนี้ย! นาทีต่อมาทั้งสองก็มาหยุดที่เคาน์เตอร์ ไปรยาก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครและกลัวใครจะเห็นหน้า เขาคืนกุญแจห้องแล้วเดินนำออกมาที่รถกระบะที่จอดอยู่ ยัดกระเป๋าใส่เบาะหลังรถแล้ว แต่เพราะเป็นรถกระบะโฟว์วิลสูง เขาเห็นท่าทางปีนขึ้นรถของเธอแล้วก็ส่ายหน้าไปมา จำใจจับเอวเธอไว้แล้วช่วยประคองให้เธอเข้าไปในรถได้ง่ายขึ้น
“ขอบคุณค่ะ” เธอทำหน้าไม่ถูก “รถคุณสูงไปนะ”
“รถผมผิดซินะ”
“ก็ฉันตัวเล็กนี่”
“ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย”
“ปาก...”
“อะไรนะ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นเราไปเถอะ”
“ค่ะ”
ไปรยาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ๆ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ต่อไปนี้ขอลิขิตชีวิตตัวเองเถอะนะ ไปรยา!
อาจเป็นเพราะความเครียดและเสียงเพลงเบาๆในรถ ทำให้ไปรยาเผลอหลับในรถอย่างไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกที ก็เหมือนรถโคลงไปเคลงมา อาจเพราะถนนขรุขระ เธอสะลึมสะลือตื่นไม่เต็มตา แต่รู้สึกว่ามีมือใหญ่ประคองศีรษะไม่ให้ไปกระแทกกับกระจกรถ ฃ
มือหยาบกระด้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เธอไม่ฝืนและปล่อยให้ตัวเองหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรถผ่านทางขรุขระ มือนั้นจึงถอยห่างและไม่นานนักรถก็จอดสนิท เธอลืมตาก่อนที่เขาจะเรียก เขาเพียงพยักหน้าให้เหมือนจะบอกว่าถึงแล้ว ไปรยาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากรถ ไม่อยากให้เขาต้องมาคอยดูและหาเรื่องแซวเธออีก เขานั้นแหละผิดที่ดันตัวสูงยังกะเสาไฟฟ้า
“หลับยาวเลยนะคุณ ไม่กลัวผมพาเข้าป่าเข้าดงที่ไหนรึ”
“ถ้าคุณจะทำแบบนั้นจริง คงไม่ห่วงว่าฉันจะกระแทกกระจกรถหรอกค่ะ” เธอพูดไม่ทันคิด พอเห็นเขาเงียบไปก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือตัวเองพูดอะไรผิดไป
“เข้าบ้านเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว”
“ค่ะ”
หญิงสาวเก็บปากเก็บคำ ยอมเดินตามร่างสูงอย่างว่าง่าย บ้านหลังน้อยน่ารักอยู่เบื้องหน้า ทางขวามือมีบ้านอีกหลังใหญ่กว่าเท่าตัว แต่มันก็มืดเกินกว่าเธอจะเห็นรายละเอียดอื่นๆ รู้เพียงแค่ว่าที่ไหนห่างไกลตัวอำเภอเหลือเกิน ภูมิพยัตไขกุญแจบ้านเปิดประตู แล้วเอื้อมมือเปิดไฟให้บ้านสว่างก่อนจะเบี่ยงตัวให้หญิงสาวก้าวเข้ามา
“บ้านมีสองชั้น ห้องนอนผมอยู่ชั้นบน ห้องคุณอยู่ชั้นล่าง” เขาชี้นิ้วบอกทาง “คืนนี้พักผ่อนก่อนพรุ่งนี้คอยว่ากัน”
“เอ่อ...” เธอเรียกเขาไว้ก่อน ร่างสูงชะงักแล้วหันมามองด้วยสายตาคมกริบ
“ว่า?”
“คือ...ฉันหิวค่ะ ขอทำอะไรกินหน่อยได้ไหมคะ”
“อ่อ ลืมไป เห็นหลับก็เลยไม่ได้ถามว่าจะแวะกินอะไรไหม?”
เขาเองก็ขับรถเพลินไป ปกติขับรถคนเดียวไม่ค่อยมีตุ๊กตาหน้ารถเสียด้วยสิ
“คุณหิวไหมคะ ฉันจะทำเผื่อ แต่ฉันไม่รู้ว่าในครัวคุณมีอะไรบ้าง”
“คงมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่นะ ลองดูแล้วกัน”
ไปรยาได้แต่พยักหน้ารับ ดูท่าทางว่าที่เจ้านายจะไม่ชอบคนพูดมาก เธอเลยไม่เซ้าซี้ที่จะถามว่าเขาจะกินด้วยกันไหม? แต่เมื่อเห็นเขาเดินขึ้นบันไดไปแล้ว เธอก็เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ในห้องตัวเอง เพียงเปิดไฟให้แสงสว่างสาดส่อง เธอผ่อนคลายลงมาก ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว เธอวางกระเป๋าไว้ข้างเตียง รู้สึกว่าในห้องจะมีฝุ่นอยู่บ้าง คล้ายไม่มีคนพักมานาน มือเรียวหยิบผ้าคลุมที่นอนออกสะบัด ฝุ่นฟุ้งขึ้นจนเผลอจาม เธอจึงเดินออกมาข้างนอก มองหาห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ส่วนห้องครัว จัดการตัวเองง่ายๆ แล้วออกมาสำรวจดูครัว ในตู้เย็นมีน้ำเปล่าและเบียร์กระป๋องครึ่งโหล ผักผลไม้อะไรไม่มีเลย แต่ยังดีที่เครื่องปรุงทุกอย่างมีพร้อม และแน่นอนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ด้วย
ไปรยาต้มน้ำร้อนและได้ไข่ไก่มาเตรียมใส่ถ้วย นี่คงเป็นอาหารมื้อแรกของวันเลยก็ว่าได้ แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหล นึกขอโทษแม่บ้านตัวจริงที่เธอสวมรอยเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอต้องหนีเอาตัวรอดนี่นะ
โชคชะตาเล่นตลกกับเราได้เพียงนี่เชียวหรือ
ทำไมกัน แค่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันช่างดูงดงามเรียบง่าย เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่มีปากมีเสียกับใคร ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป เธอก็มาอยู่กับครอบครัวของคุณอาธงชัยในฐานะลูกบุญธรรม คุณอาธงชัยมีลูกสาวคนโตชื่อแหวนและลูกชายชื่อโอม อายุมากกว่าเธอ3-4ปี แต่เธอก็ไม่ค่อยสนิทกับทั้งสองนัก ยังไงก็รู้สึกเป็นส่วนเกิน เธอเรียนจบในระดับปริญญาตรีอยากจะเรียนต่อปริญญาโทแต่คุณอาธงชัยไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นก็ยังโชคดีที่เธอได้ทำงานที่เธอ เธอทำงานเป็นครูที่โรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง รายได้พอเลี้ยงตัวเองได้
ความจริงไปรยาอยากออกจากบ้านนั้นมาเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นต์อยู่เอง แต่ก็อีกนั้นแหละ คุณอาธงชัยไม่เห็นด้วยแถมอาสะใภ้ยังตำหนิว่าเธออกตัญญู เธอจึงได้แต่ทนทำใจ จนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วคุณอาธงชัยบอกเธอว่า
“เพื่อนอาเขาหาครูไปสอนลูกเขาน่ะ ลูกเขาเป็นเด็กพิเศษเข้าเรียนแบบเด็กปกติไม่ได้ อยากจะจ้างไปสอนที่บ้านเป็นลักษณะโฮมสกูล”
“แล้วงานประจำปรายละคะ”
“เพื่อนอาให้เงินเดือนเยอะนะ สองหมื่นห้าเชียว กินอยู่บ้านเขา สอนเด็กคนเดียวไม่เหนื่อยเหมือนสอนเด็กยี่สิบสามสิบคนหรอก”
ไปรยาไม่ได้อยากลาออกจากงานเลยสักนิด ก็อาสะใภ้อีกนั้นแหละที่พูดเรื่องบุญคุณจนเธอจำใจ โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่เธอจึงหยุดงานได้ในทันที จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบย่อม คิดว่าหากต้องใช้อะไรเพิ่มเติมคุณอาจะส่งมาให้ได้ ออกจากกรุงเทพฯ มาไกลถึงระยอง เธอออกจะแปลกใจที่คุณอาพาเธอมาที่โรงแรม แล้วให้เธอใครบางคนในห้อง เธอเอะใจ ว่าทำไมถึงพาเธอมาที่นี่ เค้นถามจนได้ความจริงที่ทำให้เธอถึงกับช็อค!
“ห้าล้าน! คุณอาเล่นพนันเสียเงินไปห้าล้าน! ทำไมคุณอาไม่เอาบ้านเอารถไปเข้าธนาคารละคะ? ทำไมต้องให้ปรายมาที่นี่”“อาหมุนเงินไม่ทันหรอก ทั้งบ้านทั้งรถก็ติดไฟแนนซ์ไปหมดแล้ว ปรายต้องช่วยอานะ”“จะช่วยอายังไงคะ ปรายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ”“ก็หนูไง”“อะไรนะคะ ปรายไม่เข้าใจ”“ก็เอาตัวปรายไปใช้หนี้แทนก่อนไง”“คุณหมายขายปรายใช้หนี้เหรอคะ” “อย่าพูดแบบนั้นซิ อาเองก็เสียใจนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เสี่ยเขาเป็นคนดี ทำตัวดีๆ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยตัวปรายเองนั้นแหละ”“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ค่ะ” คราวนี้เธอขึ้นเสียง และรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามาไม่มีเวลาให้คิดต่อรองใดๆ ทั้งนั้น ไปรยาคว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็อาศัยจังหวะที่ประตูเปิดออก เธอแทรกตัวออกไปทันที วิ่งไปตามทาง ได้ยินเสียงตะโกนเรียกไล่หลัง คิดว่าวิ่งแบบนี้อีกฝ่ายต้องตามทันแน่ๆ บังเอิญเธอเห็นประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอจึงแทรกเข้าไปและแอบมองเห็นคนที่วิ่งไล่ตาม3-4คนวิ่งเลยไป ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รู้สึกว่าในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” ไปรยาจำน้ำเสียงดุดันของเขาได้ เธอนี่ช่างหนีเสือปะจระเข้เสียจริง ยิ่งเห็นว่าเขามีเพียงผ้าข
“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ” เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน“ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ”“เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” “แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้ “มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” “พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง”“ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะ
“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์ “พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต” ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่
“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”“ครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็นหนังสือสะสม “เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็นอะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน“ก็ใช่ มันก็ค
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกทีไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็นไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”“น่าจะบอกปรายตั้งแต่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว “เอาเป็นผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาป
มีเพียงสายตาคมกริบที่จ้องมองไปรยาก่อนที่ก้าวออกมา ภูมิพยัตมองไปยังทางเดิน คิดถึงร่างเนียนนุ่มในวงแขนและกลิ่นหอมละมุนที่ชวนให้เขากระสับกระส่าย เขาไล่ให้เธอไปนอนแต่หัวค่ำ แต่ตัวเขาเองที่นอนไม่หลับ จนต้องเดินลงมานั่งจิบเบียร์อยู่ตามลำพัง และเฝ้ามองว่าเธอจะเปิดประตูห้องออกตอนไหน และ..เขาพบว่าตัวเองนั้นคอยเก้อมือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน กดเบอร์คนสนิทแล้วกรอกเสียงลงไป“ไอ้ตุ้มเหรอ”“ครับเจ้านาย”“มาซ่อมโคมไฟทางเดินที่บ้านให้หน่อยซิ”“มันก็เสียตั้งนานแล้วนี่ครับ แล้วผมก็บอกเจ้านายให้ซ่อมนานแล้วด้วย”“เออ! แต่ตอนนี้อยากให้มาซ่อม เอ็งจะมาซ่อมไหม? หรือว่าจะให้คนอื่นมาทำแทนแล้วเอ็งก็ไปหางานที่อื่นทำ!”“ครับๆเจ้านาย ผมเอาอุปกรณ์แล้วจะเข้าไปเลยครับ”“เออให้มันเร็วเหมือนเวลาเรียกไปกินเหล้าหน่อย”“ครับเจ้านาย”ภูมิพยัตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จะไปห่วงทำไมยัยเด็กตัวเล็กขาสั้นแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อวานเขาไม่เดินมาส่องดูว่าเธอจะกลับมายังไง ป่านนี้คงหน้าตาบวมปูนเพราะล้มกลิ้งไปแล้ว แต่นอกจากโคมไฟที่หัวเสาแล้ว พื้นที่ปูอิฐตัวหนอนก็ไม่เป็นระเบียบ เขาปล่อยทิ้งไม่ให้ใครมาดูแลนานแล้ว ชายหนุ่
ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็นบุญปากพวกเราจริงๆ”“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเจ้านายเขาล่ะ“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวัน
“ฉลองกันหนักไปนิดหนึ่งครับคุณปราย” วินพูดขึ้นแล้วสะอึก กลิ่นเหล้าก็โชยคลุ้งไม่แพ้กัน “ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวปรายดูแลต่อเองค่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ”“ครับคุณปราย” วินยกมือไหว้ลา เดินตัวเซไปถึงประตูแล้วนึกได้ หมุนตัวกลับเอากุญแจรถยื่นให้พร้อมยิ้มแห้งๆ ไปรยาได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกน้องทั้งสองกลับไปพร้อมมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาเมื่อครู่ เธอเดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยแล้วไปดูสภาพคนเมา อะไรจะเมาได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าและอ่างใส่น้ำ เดินกลับมาก็เห็นเขาเอนหลังพิงโซฟา ศีรษะพาดไปกับพนักพิงหลัง มือเรียวหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วเช็ดใบหน้าของเขา มือใหญ่ปัดมือเธอออกคล้ายรำคาญ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย“อยู่นิ่งๆ สิคะ ปรายจะเช็ดตัวให้ จะได้สบายเนื้อสบายตัว”เธออดดุเขาไม่ได้ เสียงดุของเธอไม่ดังนักแต่ก็ทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของเขาฉ่ำหวาน โครงหน้าคมและเหนือริมฝีปากที่ยิ้มน้อยๆนั้นมีเรียวหนวดบางๆ เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ ไปรยาพยายามไม่สนใจสายตาของเขา บรรจงเช็ดใบหน้าและลำคอให้ มือเรียวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเขาครางในลำคออย่างพอใจ หญิงสาว
เสียงหัวเราะหวานใสดังขึ้น เธอหัวเราะเขาแต่ทำไมเขากลับรู้สึกดี และไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่ทำให้เขาดูเป็นตัวตลกแบบนี้“พี่พยัตสายเปย์แบบนี้ ปรายจะตอบแทนยังไงดีนะ”“รักพี่เยอะๆ รักพี่มากๆ รักพี่คนเดียวก็พอแล้วครับ”“ค่ะ ปรายจะรักพี่พยัตเยอะๆ รักมากๆ รักคนเดียว และรักตลอดไป”ไปรยาพูดไปปลดกระดุมเสื้อเจ้าบ่าวออก กล้ามอกแน่นหนั่นที่เคยสัมผัส ปลายนิ้วลากไปที่ขอบกางเกง เธอเลียริมฝีปากตัวอย่างไม่รู้ตัวขณะปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงลง“พี่ทำไม่ไหวแล้ว ขอเลยแล้วกัน” เขาสารภาพแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นไปวางบนเตียง ถอยตัวเองออกมาจัดการกับกางเกงไปให้พ้นตัว เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าแล้วจึงปีนขึ้นเตียงแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวาน เขาชอบความอ่อนหวานยามอยู่ใกล้ และความร้อนแรงของเธอทำให้เขาคลั่งไคล้“ที่รักของพี่” เขากระซิบเสียงพร่า พรมจูบไปทั่วใบหน้า ลากเรียวลิ้นไปตามลำคอแล้วขบเม้มฝากรอยคิสมาร์ก มือหนาเคล้นคลึงอกคู่สวย เสียงหวานครางกระเส่าพร้อมร่างที่บิดส่ายไปมา“อื้อออ พี่พยัต” ไปรยาครางด้วยความเสียวซ่าน เขาปลดตะขอชุดชั้นในออกแล้วอ้าปากดูดดึงยอดอกสีหวาน ปลายลิ้นตวัดรัวพร้อมกับกอบกุมเต้างาม เธอเสียวกระสัน
“ความจริง หลังจากการทลายบ่อนกับซ่องของกำนันนิยม เรามีหลักฐานพาดพิงมาถึงคุณธงชัยด้วยนะครับ” ภูมิพยัตหยิบซองสีน้ำตาลที่สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกออกมาส่งให้ธงชัย เขารับมาแล้วเปิดออกดู ใบหน้าของธงชัยถึงกับซีดเผือกในขณะที่ภรรยาคว้ารูปไปดูแล้วทุบตีสามีพัลวัน“เรามีหลักฐาน นอกจากคุณธงชัยจะเล่นพนันแล้วยังซื้อบริการหญิงที่อายุไม่ถึงสิบห้าปี แค่นี้มันก็ทำให้คุณย้ายไปนอนกินข้าวแดงในคุกได้สบายๆเลยนะครับ”“ไอ้ผัวบ้า! ไอ้จัญไร! ไหนว่าไปเล่นไพ่อย่างเดียวไง”“ก็นั่นมันของแถมนี่ โอ๊ย!” ธงชัยโดนเมียบิดหูเข้าให้“เอาล่ะครับ” ภูมิพยัตหยิบรูปเหล่านั้นกลับคืน “ในฐานะที่เราก็จะเป็นญาติกันแล้ว ผมจะช่วยปิดเรื่องนี้ให้ แต่ผมก็หวังว่าคุณทั้งสองจะตอบแทนบุญคุณผมโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับไปรยาอีก”“ได้ๆ จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเลย” ธงชัยรีบบอก“คำพูดอย่างเดียวไม่มีความหมาย ผมทำหนังสือสัญญามาแล้ว รบกวนทั้งสองช่วยเซ็นรับรู้ด้วยนะครับ” เขาหยิบซองจดหมายออกมาแล้วส่งให้ ธงชัยรีบเซ็นชื่อโดยไม่อ่านรายละเอียดทั้งมือไม้สั่น ภรรยาของเขาก็เช่นกัน เพราะเกรงสายตาคมกริบคู่นั้น ถ้าขนาดยิงกำนันนิยมคนดังได้ พวกเขาทั้งสองคนรอดได้ยาก
คุณบุญมาและคุณรำเพยดีใจที่จะได้ไปรยามาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งสองฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเม่นแล้ว ทั้งสองดูจะเห่อว่าที่ลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายเสียอีก เรียกว่าเตรียมวางแผนจัดงานแต่งงานให้สมน้ำสมเนื้อไม่ให้ไปรยาน้อยหน้าใคร“ปรายไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เราจัดกันเล็กๆก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้หรอก งานแต่งานลูกชายคนเดียวของบ้านเรา” คุณบุญมาหัวเราะชอบใจ “หนูปรายต้องมีลูกเยอะๆนะ พ่อกับแม่มีลูกคนเดียวเหงาจะแย่ ปรายไม่ต้องห่วง แม่กับพ่อจะช่วยเลี้ยงเอง”“อ้าวพ่อ นี่ลูกผมผมจะเลี้ยงเอง พ่อกับแม่เอาไปเลี้ยงเดี๋ยวก็ตามใจจนเสียคนหรอก”“บ่ะ! ไอ้ลูกคนนี้นี่ ดูเอ็งซิ นี่ก็เสียคนจะแย่อยู่แล้ว พูดจากับพ่อกับแม่ไม่มีหางเสียเอาซะเลย”“ก็พ่อเป็นคนสอนผม ลูกผู้ชายอย่าทำตัวหยุมหยิม ผมก็เป็นแบบนี้”“เอาน่าพ่อลูกคู่นี่ก็นะ” คุณรำเพยห้ามทัพ แล้วหันไปมายิ้มให้ไปรยา “แต่ยังไงหนูปรายก็ยังมีอาอยู่ ถึงเขาจะทำไม่ดีกับเรา เราก็คงจะบอกเขานะ เผื่อวันหน้าได้เจอหน้ากันจะได้มองหน้ากันได้”“ปรายก็คิดแบบนั้นค่ะ”“รอแผลหายก่อนผมจะพาปรายไปบ้านที่กรุงเทพฯ“ดีแล้ว ถ้างั้นก่อนแต่งงานให้หนูปรายมาอยู่เรือนใหญ่กับพ่อแม่ก่อนนะ”“ไม่ได้ อีกตั้งเป็นเดือน
Chapter 23.ไม่ได้กะเอาถึงตายนี่“นายต้องไปโรงพยาบาล”“แผลไม่เท่าไหร่” ภูมิพยัตกัดฟันพูดและมองตามร่างของกำนันนิยมที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลออกไปแล้ว“ไม่ค่อยได้ซ้อมหรือไง” เม่นพูดประชด“ก็ไม่ได้กะเอาตายนี่ แค่นี่ก็คงสาหัสเหมือนกัน” เขาถอนหายใจ“เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าทลายซ่องและบ่อนกำนันนิยม” เม่นอธิบาย“นายเป็นคนทำรึ” “เราแค่เป็นสายให้เท่านั้นเอง” เม่นหัวเราะแฮะๆ “เราจะให้การเป็นพยานให้นายเอง ตอนนี้ไปให้หมอทำแผลก่อนดีกว่า คุณปรายครับ ช่วยพูดให้เพื่อนดื้อๆ ของผมไปโรงพยาบาลที่เถอะครับ”“คุณพยัตไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” ไปรยาอ้อนวอนด้วยแววตาที่ใครเห็นก็ใจอ่อน ภูมิพยัตพยักหน้ารับ เขาอยากกอดเธอแต่แขนเจ็บจนยกไม่ขึ้น เขาหันไปกระซิบกับเม่น เพื่อนกลั้นหัวเราะแล้ววิ่งหายไปครู่หนึ่งกลับมาพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตให้ไปรยาใส่คลุมทับชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เธอสวมอยู่“คุณปรายต้องอยู่ให้ปากคำกับตำรวจก่อน เราจะดูแลคุณปรายให้เอง นายไปกับโรงพยาบาลก่อนเถอะ เสร็จแล้วพวกเราจะตามไป”มีเพียงสายตาที่จ้องมองด้วยความเข้าใจ จำใจต้องห่างกันเพียงชั่วคราว เธออยากอยู่ดูแลเขาแต่ก็ต้องเคลียร์เรื่องทางนี้ก่อน ไ
เจ้หงส์เดินนวดนาดด้วยท่วงท่านางพญา เธอไม่เหมือนกับเจนนี่ที่มักจะชอบร้องวีดว๊ายๆน่าปวดหัว แต่เจ้หงส์ดูแลแค่เด็กในอาบอบนวด ไม่ได้บริการจัดหาส่งถึงสถานที่อย่างเจนนี่ เจ้หงส์เดินกลับมาที่ห้องเก็บตัวที่ขังไปรยาไว้ ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่มีใครยืนคุมหน้าห้อง มือเรียวที่ทาเล็บสีม่วงสวยเปิดประตูเข้าไป ร่างเล็กผวาเฮือกยกมือที่ถูกมัดปาดน้ำตา“เช็ดน้ำตาซะ แต่งตัวสวยๆแล้วออกไปกับเจ้”“ทำไมคะ”“เจ้พูดไม่ได้แต่ต้องรีบ” เจ้หงส์เดินไปที่ตู้เสื้อเลือกหยิบชุดที่แดงเพลิงออกมาแล้วแก้เชือกที่มัดอยู่ ไปรยามองอย่างหวาดๆ“จำไว้ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าพูดชื่อเจ้เด็ดขาด เจ้ช่วยได้แค่นี้”“ขอบคุณค่ะ” ไปรยาหยิบเสื้อผ้ามาพอคลี่ชุดสีแดงออกดูก็ต้องอ้าปากค้าง เธอไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้เลย แต่เมื่อหันไปทางเจ้หงส์ที่พยักหน้าให้ ทำให้เธอต้องรีบเปลี่ยน มันเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวเส้นเล็กอวดเนื้อหนัง กระโปรงก็สั้นจนเธอไม่กล้าก้าวขา มือเล็กพยายามดึงชายกระโปรงลงมาอีกแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เจ้หงส์มองแล้วก็ถอนหายใจ หยิบแปรงมาหวีผมให้หญิงสาว ตามด้วยแต่งหน้าลบรอยน้ำตา ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่คิดว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่ได้เต็มใจมาจริงๆ แต
“ไปแล้ว” ภูมิพยัตยกเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เม่นขมวดคิ้วยุ่งกับสิ่งที่เพื่อนพูด“ไปไหน?”“ไม่รู้ รู้แต่ไปแล้ว” “เฮ้ย! พูดจาไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”เม่นแย่งแก้วเหล้าจากมือเพื่อน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มในร้านทำให้เขาตัดสินใจลากเพื่อนออกมานั่งที่หน้าร้านแทน แม้เสียงเพลงจะดังออกมาข้างนอก แต่ก็พอจะคุยกับเพื่อนได้ จะได้รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นหายไปไหนกัน“เรื่องเป็นมายังไงวะ ไหนเล่ามาดิ”“ไม่รู้จะเล่ายังไง”“เวลาแบบนี้เหล้าไม่ช่วยอะไร แต่เพื่อนน่ะช่วยรับฟังได้นะเว้ย”ภูมิพยัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างที่เม่นพูดก็ถูก เวลานี้เขาต้องเพื่อนที่ช่วยรับฟังปัญหาจริง เพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ไปรยาตัดสินใจเลยสักนิด เขาเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เม่นฟัง เว้นเพียงแต่ความสัมผัสลึกซึ้งที่เขากับไปรยามีร่วมกัน จนมาถึงฉากสุดท้ายที่เห็นไปรยาเดินจากไปพร้อมกำนันนิยม“แล้วนายว่าไงล่ะ เราทำอะไรไม่ถูกเลย”“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เม่นตะคอกใส่เสียงดัง เขาโมโหจนอยากถีบโต๊ะ หรือปาขวดระบายอารมณ์เสียจริง“อะไรวะ”“ทำไมนายโง่ขนาดนี้วะ” เม่นกระชากคอเสื้อของภูมิพยัตเขย่าแรงๆ“เฮ้ย! นายเป็นอะไรไปวะ” ภูมิพยัตปัดมือของเพื่อนออก “ไม่
“คุณพยัตจะเข้าใจยังไงมันก็เรื่องของคุณ คนเห็นแก่ตัวอย่างปรายก็ต้องไปตามทางของปราย” เธอพูดแล้วก็รีบเดินไปที่ประตูห้อง เปิดออกอย่างรวดเร็ว“ปราย”ภูมิพยัตทำเสียงเหนื่อยๆ เขาเองก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง โกรธที่เธอไม่พูดความจริง หรือโกรธที่ความจริงมันเปิดเผยตอนที่เหตุการณ์มันมาบรรจบกันอย่างนี้ เขาเคยถูกทิ้งเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาเกลียด เขาเสียใจที่ถูกทิ้งยามยากลำบาก ไปรยาทิ้งครอบครัวตัวเองทั้งที่รู้ว่ามีหนี้สินและหนีมาอยู่กับเขาแบบนี้ เขา...เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเธอรู้เพียงแค่ ปล่อยเธอไปจากชีวิตเขาไม่ได้เท่านั้นไปรยาเปิดประตูออกมา เธอต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นอารวมทั้งคนที่วิ่งตามจับเธอคราวก่อนอยู่ตรงนั้น“นังปราย! แกมันแย่จริงๆ ทิ้งอาแล้วหนีไปแบบนั้น เอาตัวมันไปเลยครับกำนันนิยม” ธงชัยชี้หน้าด่าทันที เขาโกรธจนควันแทบออกหู เห็นเงียบๆไม่คิดว่าจะมีพิษสงเล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ ธงชัยหันไปพูดน้อมน้อมกับกำนันนิยม กำนันมองหญิงสาวด้วยสายตาพึ่งพอใจแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องไปเอาตัวหญิงสาวมา ร่างบางถึงกับผงะถอยหลัง อยากหมุนตัวกลับไปหาภูมิพยัต แต่สายตาดูถูกดูแคลนของเข
“ไม่เป็นไรค่ะ ปรายเข้าใจ” ไม่หรอก จริงๆแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย จู่เขาก็ทำท่าโกรธเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี่เขาแสนดีกับเธอจะตายไป“ใช่ เราต้องคุยกัน”ภูมิพยัตปล่อยมือจากเจนนี่ เล่นเอาแม่เล้าถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ไปรยาเดินตามแผ่นหลังของเขาออกมานอกร้านกาแฟ“คุณพยัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือคะ”“ผมถามจริงๆ คุณรู้จักคนที่ผมพาเข้าไปเมื่อกี้ไหม?”“เอ่อ...ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดตามจริง”“คุณจำได้ไหมว่า คุณบอกผมว่าใครส่งคุณมาเป็นแม่บ้านที่บ้านของผม”“ค่ะ” ไปรยาพยักหน้ารับ “คุณเจนนี่ค่ะ”ภูมิพยัตสูดลมหายใจลึก แล้วจ้องมองราวกับจะฉีกเธออกเป็นชิ้นๆ เพราะเขาเกลียดคนโกหกที่สุด“ไปรยา เราต้องหาที่เงียบๆคุยกันแล้ว ผมต้องการรู้ความจริงจากปากคุณเท่านั้น”คำพูดของเขาเฉียบขาดดุจกับคมมีดที่กรีดคนให้ตายได้ เขาดึงข้อมือเธอให้เดินมาที่รถราวกับกลัวเธอจะวิ่งหนีไป เขาขับรถเข้ามาในโรงแรมที่ทั้งคู่เจอกัน ไปรยารู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะเคยหนีเจ้าหนี้ของอาธงชัย ขณะที่ภูมิพยัตโอบไหล่คนตัวเล็กเข้าห้องพัก หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอกังวลแต่เรื่องของชายหนุ่มจนลืมไ
อาจจะมีแต่ภูมิพยัตเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เมื่ออยู่บ้านเขามักจะช่วยไปรยาหยิบนั้นหยิบนี่ กลายเป็นเงาตามตัวไปรยาไปเสีย วันนี้เขามีธุระต้องเข้าไปในตัวอำเภอ เขาสั่งลูกน้องให้แวะเวียนมาเดินยามที่หน้าบ้านพ่อแม่ ต้องบอกพ่อให้คอยระวังด้วย“ไม่พาหนูปรายไปเที่ยวบ้างละลูก” “ไม่เป็นไรคะคุณท่าน คุณพยัตไปทำงาน ปรายไปก็เกะกะเปล่าๆ”“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างซิ อยู่ในบ้านทุกวันเป็นเดือนๆแล้ว”ภูมิพยัตมองอย่างชั่งใจแล้วพยักหน้ารับ เขาก็อยากอยู่ตามลำพังกับเธอบ้างเหมือนกัน “ไปแบบนี้นั้นแหละ ถ้าคืนนี้กลับไม่ทันก็จะมาตอนเช้า”“ดูแลน้องด้วยล่ะ” พ่อกำชับ“พ่อก็ดูแลแม่ด้วย” เขายังแอบห่วงเรื่องคนที่มาเผาโรงงานอยู่ แต่ก็สั่งคนให้คอยมาดูที่บ้านแล้ว“ไปเถอะ กว่าจะไปถึง” เขาพยักหน้าเรียกและเดินนำมาที่รถ ไปรยารีบเดินเร็วๆตามหลังเขามา แต่เขาไม่ได้เดินไปที่รถกระบะที่ใช้ประจำ แต่เป็นรถเก๋งคันหรูสีน้ำเงินเข้ม และก็เป็นเช่นทุกครั้งที่เขาจะเปิดประตูรถให้ รอจนเธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาฝั่งคนขับและออกรถ “รถมันจอดให้ฝุ่นจับอยู่อย่างนาน เลยเอาออกมาใช้บ้าง”“ค่ะ” เธอไม่รู้จะพ