“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย
“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”
“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์
“พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว
“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต”
ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย
“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย
แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้
ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนป้าประนอมจะทำใส่ตลับพลาสติกสี่เหลี่ยมแช่ตู้เย็นไว้ ป้าประนอมเป็นแม่บ้านที่ไปกลับ ลูกชายสองคนของนางก็ทำงานที่โรงงานของเขานั้นแหละ บ้านจึงอยู่ไม่ไกลนัก ไปกลับจากบ้านใช้เวลาไม่มาก
“หิวผมจะกินที่นี่”
“ค่ะ”
ภูมิพยัตพูดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ชุดบริเวณสวนย่อม ซึ่งบ้างครั้งพ่อกับแม่ก็ออกมานั่งทานอาหารกันที่ตรงนี้ แต่นั่งก้นไม่ทันติดเก้าอี้ ก็ถูกแม่ตีแขนเข้าให้จนสะดุ้ง
“แม่ตีผมทำไม!”
“จะกินข้าวก็ไปช่วยน้องเขายกสำรับอาหารออกมาซิ จะมานั่งรอเป็นคุณชายได้ยังไงกัน”
“แต่นั่นผมจ้างมาเป็นแม่บ้าน ก็ต้องดูแลบริการนี่” เขาเถียงแม่เหมือนเด็ก
“ตอนป้าประนอมอยู่ก็ไม่เห็นแกจะงอมืองอเท้าให้ใครมาตักข้าวให้กินนี่” คราวนี้แม่ดุกลับไม่ยอมกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ หน้าที่ปรายเอง ทุกคนนั่งรอดีกว่าค่ะ”
“ไม่ได้ๆ วันนี้มีกับข้าวหลายอย่าง ตาภูมิไปช่วยน้องเดี๋ยวนี้”
เจอคำสั่งเฉียบขาดเข้าใจ ภูมิพยัตจำใจลุกขึ้นเดินหน้าตึงเข้ามาในครัว ดูเหมือนว่ากับข้าวจะตักใส่ชามไว้รอแล้ว เขาถอนหายใจหนักๆ นี่เขาจ้างแม่บ้านมาช่วยงานบ้านหรือจ้างมาให้เพิ่มงานให้ตัวเองกันแน่
“คุณพยัตค่ะ ปรายทำเองค่ะ”
“แม่ผมจะได้บ่นอีกไง” เขาทำปากขมุบขมิบ “วันนี้กับข้าวเยอะจัง”
“คุณท่านให้ทำของโปรดคุณค่ะ”
ไปรยายิ้มกว้าง หญิงสาวไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มของเธอสะกดสายตาชายหนุ่มได้มากแค่ไหน เขาหันไปทางอื่นไม่อยากต้องมนตร์ยัยแม่มดหน้าหวานเข้าให้
“ผมยกถาดอาหารไปแล้วกัน” เขาพูดเมื่อเห็นเธอยกชามอาหารสามสี่อย่างใส่ถาดแล้ว “เกิดคุณหกล้มขึ้นมาจะอดกินเสียเปล่าๆ”
“ยังมีอีกในหม้อนะคะ ถ้าคุณไม่อิ่มก็เติมได้” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ แล้วเตรียมจานสำหรับทานอาหารเดินตามร่างสูงออกมา
ภาพหญิงสาวร่างเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนกับชายหนุ่มตัวโตผิวเข้มช่วยกันจัดโต๊ะอาหารมื้อเย็นนั้น ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่อดยิ้มไม่ได้ เคยกังวลว่าลูกชายจะไม่สนใจผู้หญิงเสียแล้ว เห็นแบบนี้ก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง แต่ที่ยังกังวลคือยังไม่รู้ที่มาที่ไปของไปรยา ตลอดทั้งวันที่เคยเงียบเหงา ไปรยาช่วยหยิบโน้นทำนี้ไม่บ่นเลยสักนิด การงานเรื่องในครัวก็ดูถนัดราวกับแม่ครัวตัวจริง คุณบุญมาช่วยคุยเรื่องข่าวสารบ้านเมืองทั่วไป ไปรยาก็โต้ตอบได้อย่างคนมีความคิด มีการศึกษา ไม่รู้ว่าผู้หญิงดีๆแบบนี้ทำไมถึงไปอยู่กับแม่เล้าเจนนี่ได้ คงต้องคอยๆดูกันไป ถ้าเป็นคนดีจริงแล้วขัดสนเงินทอง ก็จะช่วยไถ่ตัวจะได้เป็นอิสระไม่ต้องพลีกายให้ผู้ชายมากหน้าหลายตา
“อ้าว แล้วจานข้าวของหนูปรายละลูก” คุณรำเพยถามเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะมีเพียงสามชุดเท่านั้น
“คุณท่านรับประทานกันเถอะค่ะ หนูกินในครัวได้”
“กับข้าวเยอะแยะเต็มโต๊ะแบบนี้ มานั่งกินด้วยกันนี่แหละ มาๆ มานั่งข้างตาภูมินี่”
สายตาคมกริบของภูมิพยัตไม่ได้ทำให้ไปรยารู้สึกกลัวได้หรอก เพียงแต่เกรงใจที่ผู้ใหญ่เอ่ยปากชวนแล้วปฏิเสธไปจะดูไม่เหมาะ ทั้งคุณบุญมาและคุณรำเพยคะยันคะยอให้นั่งกินมื้อเย็นร่วมโต๊ะเดียวกัน เธอจึงทำตามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ภูมิพยัตจับช้อนแล้วแกล้งกางข้อศอกมาโดนคนที่นั่งข้าง เป็นจังหวะที่ไปรยากับตักข้าวเข้าปาก ทำให้เธอเสียจังหวะ ข้าวร่วงก่อนเข้าปาก เธอหันขวับมามองคนตัวโตที่ยักคิ้วให้
สงบใจไว้ไปรยา มันก็เหมือนอยู่กับเด็กป.1นั้นแหละ ชอบแกล้งกันในโต๊ะอาหาร แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ตัวโตที่มีนิสัยแบบเด็กๆก็เท่านั้น
“แกงข่าไก่ใส่เห็ดเป็นยังไงลูก อร่อยไหม?”
“อร่อยมากครับ ไม่ได้กินรสมือแม่แบบนี้นานแล้วนะครับ”
“ชามนั้นหนูปรายทำนะลูกไม่ใช่แม่หรอก แม่แก่แล้วลิ้นไม่ค่อยรู้รสแล้วล่ะ” คุณรำเพยยิ้มได้ใจ ลูกชายจะเปลี่ยนคำพูดก็ไม่ได้เพราะเห็นกินเอากินขนาดนั้น
อาหารเย็นผ่านไปด้วยรอยยิ้มและเรื่องเล่าที่ผู้ใหญ่ทั้งสองสรรหามาพูดคุยทำให้ไปรยาอดหัวเราะไม่ได้ มีแต่ภูมิพยัตที่หน้าตึงเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของบ้าน หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หญิงสาวก็ยกจานสัปปะรดที่หั่นไปชิ้นพอดีคำมาเสิร์ฟ เธอขอตัวไปจัดการเก็บล้างจานชามในครัว เธอยิ้มอย่างสุขใจ ผิดกับครั้งที่อยู่กับครอบครัวอาธงชัย เธอมักทำอะไรก็ไม่ถูกใจคนในบ้านเสมอ ถูกแกล้งสารพัดจนหลายครั้งคิดน้อยใจที่พ่อกับแม่ทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
“คุณนี่หว่านเสน่ห์ใส่พ่อกับแม่ผมได้ยังไงนะ ปกติท่านไม่ค่อยสนิทสนมกับใครแบบนี้หรอก”
เสียงภูมิพยัตดังมาจากด้านหลัง ทำให้ไปรยาตื่นจากภวังค์ หญิงสาวหันมายิ้มให้ แล้วเช็ดจานชามวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมถูกใช้งานในวันต่อไป
“ปกติแม่บ้านคนเก่าคุณเลิกงานกี่โมงคะ” ไปรยาถามน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ห้าโมงเย็น ทำอาหารเย็นเสร็จก็กลับ” เขาขมวดคิ้วแล้วนึกขึ้นได้ เขามองนาฬิกาที่ข้อมือที่เกือบทุ่มเข้าไปแล้ว
“ไม่ต้องอยู่รอคุณท่านเข้านอนก่อนหรือคะ”
“ไม่หรอก พ่อกับแม่ผมบางทีก็ดูหนังดูละครกว่าจะนอนก็สี่ห้าทุ่ม เอาเถอะ คุณก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ปรายไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ปรายแค่จะได้รู้หน้าที่ตัวเองที่ต้องทำ”
“คุณทำได้ดีแล้ว แต่หวังว่ามันจะดีมาจากใจจริงนะ”
“คุณนี่ไม่ไว้ใจปรายแต่กลับยอมให้ทำงานด้วย ประหลาดจริงๆเชียว” ไปรยามองหน้าเขาแล้วหัวเราะ
“เขาเรียกกลยุทธ์ไม่รู้เหรอ จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวมันจะอยู่ในสายตาคุณทำให้คุณไหวตัวทัน”
“ถ้าเป็นปราย...ก็คงเลือกที่หนีให้ห่างมากที่สุด อย่าได้จองเวรกันและกันเลย” เธอพูดแล้วเหลือบตามองเขา
ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนได้กลิ่นหอมของน้ำหอมปนกลิ่นเหนื่อยจางๆ จากเรือนกายกำยำของเขา
“ไปรยา ผมให้โอกาสคุณนะ ถ้ามีอะไรให้พูดความจริงกับผม หากผมรู้จากปากคนอื่นว่าคุณโกหกอะไรผม ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะได้รับการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อจากผม!”
ไปรยาแทบลืมหายใจไปกับคำพูดดุดันและสายตาดุจเสือของเขา ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงเธอกับการถอนหายใจอย่างเจ็บปวด แม้เพียงจะมาอยู่แค่วันเดียวแต่เธอก็ประทับใจท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง เธอไม่อยากโกหก อยากพูดความจริงใจจะขาด แต่ไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”“ครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็นหนังสือสะสม “เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็นอะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน“ก็ใช่ มันก็ค
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกทีไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็นไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”“น่าจะบอกปรายตั้งแต่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว “เอาเป็นผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาป
มีเพียงสายตาคมกริบที่จ้องมองไปรยาก่อนที่ก้าวออกมา ภูมิพยัตมองไปยังทางเดิน คิดถึงร่างเนียนนุ่มในวงแขนและกลิ่นหอมละมุนที่ชวนให้เขากระสับกระส่าย เขาไล่ให้เธอไปนอนแต่หัวค่ำ แต่ตัวเขาเองที่นอนไม่หลับ จนต้องเดินลงมานั่งจิบเบียร์อยู่ตามลำพัง และเฝ้ามองว่าเธอจะเปิดประตูห้องออกตอนไหน และ..เขาพบว่าตัวเองนั้นคอยเก้อมือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน กดเบอร์คนสนิทแล้วกรอกเสียงลงไป“ไอ้ตุ้มเหรอ”“ครับเจ้านาย”“มาซ่อมโคมไฟทางเดินที่บ้านให้หน่อยซิ”“มันก็เสียตั้งนานแล้วนี่ครับ แล้วผมก็บอกเจ้านายให้ซ่อมนานแล้วด้วย”“เออ! แต่ตอนนี้อยากให้มาซ่อม เอ็งจะมาซ่อมไหม? หรือว่าจะให้คนอื่นมาทำแทนแล้วเอ็งก็ไปหางานที่อื่นทำ!”“ครับๆเจ้านาย ผมเอาอุปกรณ์แล้วจะเข้าไปเลยครับ”“เออให้มันเร็วเหมือนเวลาเรียกไปกินเหล้าหน่อย”“ครับเจ้านาย”ภูมิพยัตไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จะไปห่วงทำไมยัยเด็กตัวเล็กขาสั้นแบบนั้น แต่ถ้าเมื่อวานเขาไม่เดินมาส่องดูว่าเธอจะกลับมายังไง ป่านนี้คงหน้าตาบวมปูนเพราะล้มกลิ้งไปแล้ว แต่นอกจากโคมไฟที่หัวเสาแล้ว พื้นที่ปูอิฐตัวหนอนก็ไม่เป็นระเบียบ เขาปล่อยทิ้งไม่ให้ใครมาดูแลนานแล้ว ชายหนุ่
ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็นบุญปากพวกเราจริงๆ”“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเจ้านายเขาล่ะ“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวัน
“ฉลองกันหนักไปนิดหนึ่งครับคุณปราย” วินพูดขึ้นแล้วสะอึก กลิ่นเหล้าก็โชยคลุ้งไม่แพ้กัน “ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวปรายดูแลต่อเองค่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ”“ครับคุณปราย” วินยกมือไหว้ลา เดินตัวเซไปถึงประตูแล้วนึกได้ หมุนตัวกลับเอากุญแจรถยื่นให้พร้อมยิ้มแห้งๆ ไปรยาได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกน้องทั้งสองกลับไปพร้อมมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาเมื่อครู่ เธอเดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อยแล้วไปดูสภาพคนเมา อะไรจะเมาได้ขนาดนี้ เธอถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าและอ่างใส่น้ำ เดินกลับมาก็เห็นเขาเอนหลังพิงโซฟา ศีรษะพาดไปกับพนักพิงหลัง มือเรียวหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วเช็ดใบหน้าของเขา มือใหญ่ปัดมือเธอออกคล้ายรำคาญ พลอยทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย“อยู่นิ่งๆ สิคะ ปรายจะเช็ดตัวให้ จะได้สบายเนื้อสบายตัว”เธออดดุเขาไม่ได้ เสียงดุของเธอไม่ดังนักแต่ก็ทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของเขาฉ่ำหวาน โครงหน้าคมและเหนือริมฝีปากที่ยิ้มน้อยๆนั้นมีเรียวหนวดบางๆ เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ ไปรยาพยายามไม่สนใจสายตาของเขา บรรจงเช็ดใบหน้าและลำคอให้ มือเรียวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเขาครางในลำคออย่างพอใจ หญิงสาว
ลมหายใจสม่ำเสมอบอกได้ชัดเจนว่าหญิงสาวหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอหลับเพียงลำพัง เธอยังนอนหนุนท่อนแขนของเขาอยู่ และเขาก็รู้สึกอุ่นในอกทีได้ใช้วงแขนปกป้องใครสักคน มันเนิ่นนานเหินห่างความรู้สึกแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ เขาเคยคิดว่าแผลในใจของเขาไม่มีวันดีขึ้น เขาไม่อาจเปิดใจมีความรักใหม่ได้อีก แต่เขารู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นมันผิดไปถนัด ตั้งแต่น้ำตาของเธอรินไหล เขาก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขายังรู้เป็นไม่ด้านชาอย่างที่คิด เวลาที่ได้พบกัน รู้จักกันมันน้อยเกินกว่าจะตัดสินอะไรได้ เขาไม่อยากบังคับเธอ อยากได้ยินความจริงจากปากเธอ ไม่ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายเพียงใด ขอให้เธอเป็นคนบอกเขาเอง อย่าให้เขาต้องไปรับรู้จากคนอื่น อย่างที่เขาเคยเจอมาจากคนรักเก่าเลย ภูมิพยัตดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มทั้งสองคน เธอหลับไปแล้ว และหลับจริงๆจังๆเสียด้วย แต่เขาละ ผู้ชายทั้งแท่งมีผู้หญิงตัวนุ่มหอมกรุ่นในวงแขนนี่ ไอ้ที่ตื่นอยู่นี่จะข่มให้มันหลับลงไปได้ยังไง เขาเผลอหัวเราะในลำคอแล้วก้มลงจูบขมับเธอเบาๆ“นี่เธอกำลังลงโทษฉันอยู่ใช่ไหมไปรยา”แสงแดดจากภายนอกแทรกผ่านผ้าม่านลายลูกไม้มาแตะเปลือกตา ปลุกคนที่หลับใหลให้รู้สึกสึกตัว ไป
“ทานอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ” ไปรยาพูดแทรกขึ้น เธอตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วระหว่างฟังพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างน่าอิจฉา เธอมักจะเป็นส่วนเกินของคำว่า“ครอบครัว”เสมอ“วันนี้ผมขอยืมตัวแม่บ้านคนโปรดของพ่อกับแม่ไปใช้งานหน่อยนะครับ” ภูมิพยัตไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดพูดประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“เสร็จงานแล้วก็พาน้องไปเที่ยวดูนั้นดูนี่บ้างก็ได้นะ” คุณบุญมาแนะนำลูกชาย“แถวนี้จะมีอะไรให้เที่ยว” ลูกชายคนเดียวส่ายหน้าไปมา“ไม่เป็นไรค่ะ เสร็จงานแล้วปรายจะรีบกลับมารับใช้คุณท่านค่ะ”ไปรยายิ้มหวาน ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็รีบจัดเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยจะได้ไปทำงานพร้อมภูมิพยัตที่นั่งจิบกาแฟหน้านิ่ง ราวกับเมื่อวานไม่ได้เมาปลิ้นกลับบ้านมา ภูมิพยัตสังเกตเห็นใบหน้าหวานวันนี้แต้มแต่งเครื่องสำอางไม่จัดนัก แต่ก็ทำให้ใบหน้าเธอดูสดใสน่ามอง ซึ่งมันก็ลบรอยช้ำรอบดวงตาได้บ้าง ร่างสูงก้าวเดินนำออกมาเมื่อเห็นว่าเธอเสร็จงานในครัวแล้ว เขาหยุดยืนที่ประตูรถฝั่งคนนั่งรอจนร่างเล็กพาตัวเองเดินเร็วๆมาถึงรถจึงเปิดประตูให้“จะเอาบันไดไหม?” “ปรายปีนขึ้นเองได้ค่ะ”เธอเบ้ปากใส่เขาแล้วก้าวขึ้นรถโฟร์วิล โดยไม่รู้ว่าภูมิพย
“ผมเป็นเจ้าของโรงงาน เลิกงานครึ่งวันจะเป็นไรไป” ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ เรื่องงานมาก่อนหญิงเสมอ แต่คราวนี้ให้ตัวเองสักวันก็แล้วกัน“ไปหยิบกระเป๋าเถอะ”“ค่ะ”ไปรยาเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ ภูมิพยัตเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินมาเปิดประตูห้องให้เธอก้าวออกมาก่อน เขาหันไปบอกเลขาฯหน้าห้องว่าจะไม่กลับเข้ามาอีก ไปรยารู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครถามอะไรเกี่ยวกับเธอ ทุกคนเคารพเจ้านายอย่างภูมิพยัตมาก หญิงสาวหยุดที่ประตูรถแล้วหันมาบอกเขาก่อนที่เขาจะทำอะไร“ฉันขึ้นรถเองได้ คุณไม่ต้องอุ้มขึ้นหรอก”“ก็ได้ ผมจะยืนดูเผื่อคุณตกผมจะได้หัวเราะได้ทันเวลา”ไปรยาถลึงตาใส่ เขากลับมาเป็นผู้ชายปากร้ายแต่เพิ่มเติมคือจูบของเขาแสนหวานและเร่าร้อนจนเธอแทบจะละลายไปทันที เขารอเธอจึงขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ ใบหน้าคมอมยิ้มนิดๆก่อนที่รถจะเลื่อนตัวออกไป เขาขับรถวนไปรอบๆบริเวณโรงงาน“นี่โรงงานผม จริงๆมันเป็นของพ่อผม พ่อมาตั้งโรงงานที่นี่เพราะมันใกล้สวนยางพาราของชาวบ้าน ไม้พวกนี้มันหมดอายุแล้ว น้ำยางไม่มี ชาวสวนก็โค่นทิ้งปลูกใหม่ แต่ผมมาขยับขยายโรงงานแปรรูปไม้เต็มรูปแบบตามความต้องการของตลา
เสียงหัวเราะหวานใสดังขึ้น เธอหัวเราะเขาแต่ทำไมเขากลับรู้สึกดี และไม่ได้โกรธเลยสักนิดที่ทำให้เขาดูเป็นตัวตลกแบบนี้“พี่พยัตสายเปย์แบบนี้ ปรายจะตอบแทนยังไงดีนะ”“รักพี่เยอะๆ รักพี่มากๆ รักพี่คนเดียวก็พอแล้วครับ”“ค่ะ ปรายจะรักพี่พยัตเยอะๆ รักมากๆ รักคนเดียว และรักตลอดไป”ไปรยาพูดไปปลดกระดุมเสื้อเจ้าบ่าวออก กล้ามอกแน่นหนั่นที่เคยสัมผัส ปลายนิ้วลากไปที่ขอบกางเกง เธอเลียริมฝีปากตัวอย่างไม่รู้ตัวขณะปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงลง“พี่ทำไม่ไหวแล้ว ขอเลยแล้วกัน” เขาสารภาพแล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นไปวางบนเตียง ถอยตัวเองออกมาจัดการกับกางเกงไปให้พ้นตัว เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าแล้วจึงปีนขึ้นเตียงแล้วโน้มหน้าลงจูบกลีบปากหวาน เขาชอบความอ่อนหวานยามอยู่ใกล้ และความร้อนแรงของเธอทำให้เขาคลั่งไคล้“ที่รักของพี่” เขากระซิบเสียงพร่า พรมจูบไปทั่วใบหน้า ลากเรียวลิ้นไปตามลำคอแล้วขบเม้มฝากรอยคิสมาร์ก มือหนาเคล้นคลึงอกคู่สวย เสียงหวานครางกระเส่าพร้อมร่างที่บิดส่ายไปมา“อื้อออ พี่พยัต” ไปรยาครางด้วยความเสียวซ่าน เขาปลดตะขอชุดชั้นในออกแล้วอ้าปากดูดดึงยอดอกสีหวาน ปลายลิ้นตวัดรัวพร้อมกับกอบกุมเต้างาม เธอเสียวกระสัน
“ความจริง หลังจากการทลายบ่อนกับซ่องของกำนันนิยม เรามีหลักฐานพาดพิงมาถึงคุณธงชัยด้วยนะครับ” ภูมิพยัตหยิบซองสีน้ำตาลที่สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อนอกออกมาส่งให้ธงชัย เขารับมาแล้วเปิดออกดู ใบหน้าของธงชัยถึงกับซีดเผือกในขณะที่ภรรยาคว้ารูปไปดูแล้วทุบตีสามีพัลวัน“เรามีหลักฐาน นอกจากคุณธงชัยจะเล่นพนันแล้วยังซื้อบริการหญิงที่อายุไม่ถึงสิบห้าปี แค่นี้มันก็ทำให้คุณย้ายไปนอนกินข้าวแดงในคุกได้สบายๆเลยนะครับ”“ไอ้ผัวบ้า! ไอ้จัญไร! ไหนว่าไปเล่นไพ่อย่างเดียวไง”“ก็นั่นมันของแถมนี่ โอ๊ย!” ธงชัยโดนเมียบิดหูเข้าให้“เอาล่ะครับ” ภูมิพยัตหยิบรูปเหล่านั้นกลับคืน “ในฐานะที่เราก็จะเป็นญาติกันแล้ว ผมจะช่วยปิดเรื่องนี้ให้ แต่ผมก็หวังว่าคุณทั้งสองจะตอบแทนบุญคุณผมโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับไปรยาอีก”“ได้ๆ จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเลย” ธงชัยรีบบอก“คำพูดอย่างเดียวไม่มีความหมาย ผมทำหนังสือสัญญามาแล้ว รบกวนทั้งสองช่วยเซ็นรับรู้ด้วยนะครับ” เขาหยิบซองจดหมายออกมาแล้วส่งให้ ธงชัยรีบเซ็นชื่อโดยไม่อ่านรายละเอียดทั้งมือไม้สั่น ภรรยาของเขาก็เช่นกัน เพราะเกรงสายตาคมกริบคู่นั้น ถ้าขนาดยิงกำนันนิยมคนดังได้ พวกเขาทั้งสองคนรอดได้ยาก
คุณบุญมาและคุณรำเพยดีใจที่จะได้ไปรยามาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งสองฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเม่นแล้ว ทั้งสองดูจะเห่อว่าที่ลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายเสียอีก เรียกว่าเตรียมวางแผนจัดงานแต่งงานให้สมน้ำสมเนื้อไม่ให้ไปรยาน้อยหน้าใคร“ปรายไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหน เราจัดกันเล็กๆก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้หรอก งานแต่งานลูกชายคนเดียวของบ้านเรา” คุณบุญมาหัวเราะชอบใจ “หนูปรายต้องมีลูกเยอะๆนะ พ่อกับแม่มีลูกคนเดียวเหงาจะแย่ ปรายไม่ต้องห่วง แม่กับพ่อจะช่วยเลี้ยงเอง”“อ้าวพ่อ นี่ลูกผมผมจะเลี้ยงเอง พ่อกับแม่เอาไปเลี้ยงเดี๋ยวก็ตามใจจนเสียคนหรอก”“บ่ะ! ไอ้ลูกคนนี้นี่ ดูเอ็งซิ นี่ก็เสียคนจะแย่อยู่แล้ว พูดจากับพ่อกับแม่ไม่มีหางเสียเอาซะเลย”“ก็พ่อเป็นคนสอนผม ลูกผู้ชายอย่าทำตัวหยุมหยิม ผมก็เป็นแบบนี้”“เอาน่าพ่อลูกคู่นี่ก็นะ” คุณรำเพยห้ามทัพ แล้วหันไปมายิ้มให้ไปรยา “แต่ยังไงหนูปรายก็ยังมีอาอยู่ ถึงเขาจะทำไม่ดีกับเรา เราก็คงจะบอกเขานะ เผื่อวันหน้าได้เจอหน้ากันจะได้มองหน้ากันได้”“ปรายก็คิดแบบนั้นค่ะ”“รอแผลหายก่อนผมจะพาปรายไปบ้านที่กรุงเทพฯ“ดีแล้ว ถ้างั้นก่อนแต่งงานให้หนูปรายมาอยู่เรือนใหญ่กับพ่อแม่ก่อนนะ”“ไม่ได้ อีกตั้งเป็นเดือน
Chapter 23.ไม่ได้กะเอาถึงตายนี่“นายต้องไปโรงพยาบาล”“แผลไม่เท่าไหร่” ภูมิพยัตกัดฟันพูดและมองตามร่างของกำนันนิยมที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลออกไปแล้ว“ไม่ค่อยได้ซ้อมหรือไง” เม่นพูดประชด“ก็ไม่ได้กะเอาตายนี่ แค่นี่ก็คงสาหัสเหมือนกัน” เขาถอนหายใจ“เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าทลายซ่องและบ่อนกำนันนิยม” เม่นอธิบาย“นายเป็นคนทำรึ” “เราแค่เป็นสายให้เท่านั้นเอง” เม่นหัวเราะแฮะๆ “เราจะให้การเป็นพยานให้นายเอง ตอนนี้ไปให้หมอทำแผลก่อนดีกว่า คุณปรายครับ ช่วยพูดให้เพื่อนดื้อๆ ของผมไปโรงพยาบาลที่เถอะครับ”“คุณพยัตไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” ไปรยาอ้อนวอนด้วยแววตาที่ใครเห็นก็ใจอ่อน ภูมิพยัตพยักหน้ารับ เขาอยากกอดเธอแต่แขนเจ็บจนยกไม่ขึ้น เขาหันไปกระซิบกับเม่น เพื่อนกลั้นหัวเราะแล้ววิ่งหายไปครู่หนึ่งกลับมาพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตให้ไปรยาใส่คลุมทับชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เธอสวมอยู่“คุณปรายต้องอยู่ให้ปากคำกับตำรวจก่อน เราจะดูแลคุณปรายให้เอง นายไปกับโรงพยาบาลก่อนเถอะ เสร็จแล้วพวกเราจะตามไป”มีเพียงสายตาที่จ้องมองด้วยความเข้าใจ จำใจต้องห่างกันเพียงชั่วคราว เธออยากอยู่ดูแลเขาแต่ก็ต้องเคลียร์เรื่องทางนี้ก่อน ไ
เจ้หงส์เดินนวดนาดด้วยท่วงท่านางพญา เธอไม่เหมือนกับเจนนี่ที่มักจะชอบร้องวีดว๊ายๆน่าปวดหัว แต่เจ้หงส์ดูแลแค่เด็กในอาบอบนวด ไม่ได้บริการจัดหาส่งถึงสถานที่อย่างเจนนี่ เจ้หงส์เดินกลับมาที่ห้องเก็บตัวที่ขังไปรยาไว้ ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่มีใครยืนคุมหน้าห้อง มือเรียวที่ทาเล็บสีม่วงสวยเปิดประตูเข้าไป ร่างเล็กผวาเฮือกยกมือที่ถูกมัดปาดน้ำตา“เช็ดน้ำตาซะ แต่งตัวสวยๆแล้วออกไปกับเจ้”“ทำไมคะ”“เจ้พูดไม่ได้แต่ต้องรีบ” เจ้หงส์เดินไปที่ตู้เสื้อเลือกหยิบชุดที่แดงเพลิงออกมาแล้วแก้เชือกที่มัดอยู่ ไปรยามองอย่างหวาดๆ“จำไว้ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าพูดชื่อเจ้เด็ดขาด เจ้ช่วยได้แค่นี้”“ขอบคุณค่ะ” ไปรยาหยิบเสื้อผ้ามาพอคลี่ชุดสีแดงออกดูก็ต้องอ้าปากค้าง เธอไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้เลย แต่เมื่อหันไปทางเจ้หงส์ที่พยักหน้าให้ ทำให้เธอต้องรีบเปลี่ยน มันเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวเส้นเล็กอวดเนื้อหนัง กระโปรงก็สั้นจนเธอไม่กล้าก้าวขา มือเล็กพยายามดึงชายกระโปรงลงมาอีกแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เจ้หงส์มองแล้วก็ถอนหายใจ หยิบแปรงมาหวีผมให้หญิงสาว ตามด้วยแต่งหน้าลบรอยน้ำตา ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่คิดว่าหญิงสาวคนนี้คงไม่ได้เต็มใจมาจริงๆ แต
“ไปแล้ว” ภูมิพยัตยกเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ เม่นขมวดคิ้วยุ่งกับสิ่งที่เพื่อนพูด“ไปไหน?”“ไม่รู้ รู้แต่ไปแล้ว” “เฮ้ย! พูดจาไม่รู้เรื่องเลยว่ะ”เม่นแย่งแก้วเหล้าจากมือเพื่อน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มในร้านทำให้เขาตัดสินใจลากเพื่อนออกมานั่งที่หน้าร้านแทน แม้เสียงเพลงจะดังออกมาข้างนอก แต่ก็พอจะคุยกับเพื่อนได้ จะได้รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นหายไปไหนกัน“เรื่องเป็นมายังไงวะ ไหนเล่ามาดิ”“ไม่รู้จะเล่ายังไง”“เวลาแบบนี้เหล้าไม่ช่วยอะไร แต่เพื่อนน่ะช่วยรับฟังได้นะเว้ย”ภูมิพยัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างที่เม่นพูดก็ถูก เวลานี้เขาต้องเพื่อนที่ช่วยรับฟังปัญหาจริง เพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ไปรยาตัดสินใจเลยสักนิด เขาเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เม่นฟัง เว้นเพียงแต่ความสัมผัสลึกซึ้งที่เขากับไปรยามีร่วมกัน จนมาถึงฉากสุดท้ายที่เห็นไปรยาเดินจากไปพร้อมกำนันนิยม“แล้วนายว่าไงล่ะ เราทำอะไรไม่ถูกเลย”“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เม่นตะคอกใส่เสียงดัง เขาโมโหจนอยากถีบโต๊ะ หรือปาขวดระบายอารมณ์เสียจริง“อะไรวะ”“ทำไมนายโง่ขนาดนี้วะ” เม่นกระชากคอเสื้อของภูมิพยัตเขย่าแรงๆ“เฮ้ย! นายเป็นอะไรไปวะ” ภูมิพยัตปัดมือของเพื่อนออก “ไม่
“คุณพยัตจะเข้าใจยังไงมันก็เรื่องของคุณ คนเห็นแก่ตัวอย่างปรายก็ต้องไปตามทางของปราย” เธอพูดแล้วก็รีบเดินไปที่ประตูห้อง เปิดออกอย่างรวดเร็ว“ปราย”ภูมิพยัตทำเสียงเหนื่อยๆ เขาเองก็สับสนกับความรู้สึกของตัวเอง โกรธที่เธอไม่พูดความจริง หรือโกรธที่ความจริงมันเปิดเผยตอนที่เหตุการณ์มันมาบรรจบกันอย่างนี้ เขาเคยถูกทิ้งเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาเกลียด เขาเสียใจที่ถูกทิ้งยามยากลำบาก ไปรยาทิ้งครอบครัวตัวเองทั้งที่รู้ว่ามีหนี้สินและหนีมาอยู่กับเขาแบบนี้ เขา...เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเธอรู้เพียงแค่ ปล่อยเธอไปจากชีวิตเขาไม่ได้เท่านั้นไปรยาเปิดประตูออกมา เธอต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นอารวมทั้งคนที่วิ่งตามจับเธอคราวก่อนอยู่ตรงนั้น“นังปราย! แกมันแย่จริงๆ ทิ้งอาแล้วหนีไปแบบนั้น เอาตัวมันไปเลยครับกำนันนิยม” ธงชัยชี้หน้าด่าทันที เขาโกรธจนควันแทบออกหู เห็นเงียบๆไม่คิดว่าจะมีพิษสงเล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ ธงชัยหันไปพูดน้อมน้อมกับกำนันนิยม กำนันมองหญิงสาวด้วยสายตาพึ่งพอใจแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องไปเอาตัวหญิงสาวมา ร่างบางถึงกับผงะถอยหลัง อยากหมุนตัวกลับไปหาภูมิพยัต แต่สายตาดูถูกดูแคลนของเข
“ไม่เป็นไรค่ะ ปรายเข้าใจ” ไม่หรอก จริงๆแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย จู่เขาก็ทำท่าโกรธเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี่เขาแสนดีกับเธอจะตายไป“ใช่ เราต้องคุยกัน”ภูมิพยัตปล่อยมือจากเจนนี่ เล่นเอาแม่เล้าถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ไปรยาเดินตามแผ่นหลังของเขาออกมานอกร้านกาแฟ“คุณพยัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือคะ”“ผมถามจริงๆ คุณรู้จักคนที่ผมพาเข้าไปเมื่อกี้ไหม?”“เอ่อ...ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดตามจริง”“คุณจำได้ไหมว่า คุณบอกผมว่าใครส่งคุณมาเป็นแม่บ้านที่บ้านของผม”“ค่ะ” ไปรยาพยักหน้ารับ “คุณเจนนี่ค่ะ”ภูมิพยัตสูดลมหายใจลึก แล้วจ้องมองราวกับจะฉีกเธออกเป็นชิ้นๆ เพราะเขาเกลียดคนโกหกที่สุด“ไปรยา เราต้องหาที่เงียบๆคุยกันแล้ว ผมต้องการรู้ความจริงจากปากคุณเท่านั้น”คำพูดของเขาเฉียบขาดดุจกับคมมีดที่กรีดคนให้ตายได้ เขาดึงข้อมือเธอให้เดินมาที่รถราวกับกลัวเธอจะวิ่งหนีไป เขาขับรถเข้ามาในโรงแรมที่ทั้งคู่เจอกัน ไปรยารู้สึกหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะเคยหนีเจ้าหนี้ของอาธงชัย ขณะที่ภูมิพยัตโอบไหล่คนตัวเล็กเข้าห้องพัก หญิงสาวไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว เพราะเธอกังวลแต่เรื่องของชายหนุ่มจนลืมไ
อาจจะมีแต่ภูมิพยัตเท่านั้นที่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เมื่ออยู่บ้านเขามักจะช่วยไปรยาหยิบนั้นหยิบนี่ กลายเป็นเงาตามตัวไปรยาไปเสีย วันนี้เขามีธุระต้องเข้าไปในตัวอำเภอ เขาสั่งลูกน้องให้แวะเวียนมาเดินยามที่หน้าบ้านพ่อแม่ ต้องบอกพ่อให้คอยระวังด้วย“ไม่พาหนูปรายไปเที่ยวบ้างละลูก” “ไม่เป็นไรคะคุณท่าน คุณพยัตไปทำงาน ปรายไปก็เกะกะเปล่าๆ”“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างซิ อยู่ในบ้านทุกวันเป็นเดือนๆแล้ว”ภูมิพยัตมองอย่างชั่งใจแล้วพยักหน้ารับ เขาก็อยากอยู่ตามลำพังกับเธอบ้างเหมือนกัน “ไปแบบนี้นั้นแหละ ถ้าคืนนี้กลับไม่ทันก็จะมาตอนเช้า”“ดูแลน้องด้วยล่ะ” พ่อกำชับ“พ่อก็ดูแลแม่ด้วย” เขายังแอบห่วงเรื่องคนที่มาเผาโรงงานอยู่ แต่ก็สั่งคนให้คอยมาดูที่บ้านแล้ว“ไปเถอะ กว่าจะไปถึง” เขาพยักหน้าเรียกและเดินนำมาที่รถ ไปรยารีบเดินเร็วๆตามหลังเขามา แต่เขาไม่ได้เดินไปที่รถกระบะที่ใช้ประจำ แต่เป็นรถเก๋งคันหรูสีน้ำเงินเข้ม และก็เป็นเช่นทุกครั้งที่เขาจะเปิดประตูรถให้ รอจนเธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาฝั่งคนขับและออกรถ “รถมันจอดให้ฝุ่นจับอยู่อย่างนาน เลยเอาออกมาใช้บ้าง”“ค่ะ” เธอไม่รู้จะพ