Share

บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง
บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง
Author: เจียงหนานเยียน

บทที่ 1

Author: เจียงหนานเยียน
“แม้ซือเจ๋อเยว่จะมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แต่ก็ต้องแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ตายในสมรภูมิรบ ช่างน่าเวทนาเสียจริง!”

“อย่างนางนับเป็นองค์หญิงที่ใดกัน? นางก็แค่เด็กบ้านนอกที่เติบโตในสำนักเต๋า แถมยังเป็นดาวอัปมงคลอีกด้วย”

“ข้ายังได้ยินมาว่า นางเป็นเหตุให้ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ด้วย”

“ดาวอัปมงคลแต่งกับคนตาย ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมนัก!”

ซือเจ๋อเยว่นั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงานหน้าประตูวังหลวงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ฟังเหล่าข้าราชบริพารรอบข้างวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ

อดีตฮ่องเต้กับฮ่องเต้เจาหมิงเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกัน เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้สวรรคตอย่างกะทันหัน มีพระธิดาเพียงองค์เดียวคือซือเจ๋อเยว่ บรรดาขุนนางจึงยกย่องให้ฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองบัลลังก์

เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองราชย์ พระองค์ประกาศว่าจะทรงเลี้ยงดูพระธิดาน้อยวัยสองขวบอย่างดี แต่ไม่นานนัก นางกลับล้มป่วยหนัก และใช้ข้ออ้างที่ว่าต้องพักฟื้นร่างกายเพื่อส่งนางไปยังสำนักเต๋า

พวกเขาไม่รู้เลยว่าอาการเจ็บป่วยครานั้นได้คร่าชีวิตเด็กน้อยวัยสองขวบไปแล้ว ที่อยู่ในร่างนี้คือวิญญาณของผู้ใหญ่จากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด

นางใช้ชีวิตในสำนักเต๋ามานานถึงสิบห้าปี โดยที่ไร้ผู้ใดสนใจจะไถ่ถาม

เมื่อเดือนก่อน ซือเจ๋อเยว่ได้รับจดหมายจากพระมารดาแท้ ๆ ของนาง ซึ่งก็คืออวิ๋นไท่เฟย ใจความในจดหมายบอกว่านางป่วยหนักและต้องการให้ซือเจ๋อเยว่กลับวังหลวงเพื่อมาพบกันเป็นครั้งสุดท้าย

ทว่าพอนางมากลับมา ก็พบความจริงว่าอวิ๋นไท่เฟยหาได้ล้มป่วยไม่ ที่แท้เพียงแค่หลอกลวงให้นางกลับมาเพื่อแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อผู้สิ้นชีพในสมรภูมิรบแทนองค์หญิงสาม

นางไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าคนที่มายืนรายล้อมพูดจาเสียดสีนางอยู่หน้าประตู ล้วนเป็นคนที่อวิ๋นไท่เฟยส่งมาทำให้นางรู้สึกแย่

นี่คือการบอกนางว่า นางต่ำศักดิ์ เกิดมาก็มีแต่ความอัปมงคล คู่ควรจะแต่งงานกับคนตายเท่านั้น

นางรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย จึงเอื้อมมือไปหมายจะดึงผ้าคลุมหน้าออกเพื่อให้หายใจสะดวก

แต่นางเพียงขยับมือเล็กน้อย กวนมามาที่อวิ๋นไท่เฟยส่งมาให้ติดตามนางก็กล่าวด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “องค์หญิง โปรดระวังกิริยาด้วย”

“ตอนนี้พระองค์กลับมาสู่วังหลวงเป็นถึงองค์หญิง มิใช่เด็กสาวบ้านป่าจากสำนักเต๋าอีกต่อไป”

“การกระทำทุกอย่างของพระองค์เป็นสิ่งแทนตัวราชวงศ์ มิอาจมีข้อผิดพลาดใดๆ ได้!”

“การที่คนจากจวนเยียนอ๋องยังไม่มารับตัวเจ้าสาวเสียที คงเพราะรังเกียจองค์หญิงที่หยาบกระด้างเกินไป”

ซือเจ๋อเยว่ดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างแรง ดวงตาคู่งามดุจแก้วหลิวหลีจ้องตรงไปยังกวนมามา ก่อนจะเอ่ยว่า “กวนมามา ท่านเคยดูดวงหรือไม่?”

กวนมามาเห็นท่าทางของนางแล้วพลันขมวดคิ้วเตรียมจะดุด่า

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เมื่อครู่นี้ข้าช่วยดูดวงให้ท่านแบบไม่คิดเงิน ท่านจะต้องตายในวันนี้แน่นอน”

“อีกประเดี๋ยวท่านก็ไม่ต้องไปส่งข้าที่จวนเยียนอ๋องหรอก รีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานศพของตัวเองเถิด หากท่านไม่ฟังข้า ท่านจะต้องตายอย่างอนาถกลางถนนแน่”

กวนมามาตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “องค์หญิงอย่ามาขู่หม่อมฉันเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าถึงแม้พระองค์จะเติบโตที่สำนักเต๋า แต่ก็เป็นเพียงพวกไร้ค่า...”

กวนมามายังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกถึงความเย็นวาบที่หลัง ราวกับมีดเล่มหนึ่งกำลังจ่ออยู่ที่คอของนาง พร้อมที่จะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ!

นางถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว พลันรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ใช่คนที่จะกลั่นแกล้งได้โดยง่าย

พอเหมาะพอดีกับที่ปลายถนนอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงกลองและฆ้องดังขึ้น ขบวนรับเจ้าสาวจากจวนเยียนอ๋องมาถึงแล้ว

กวนมามาที่กำลังจะหันมาดุด่าซือเจ๋อเยว่ เมื่อเห็นขบวนก็เปลี่ยนท่าที น้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่เต็มใจ “องค์หญิง รีบคลุมผ้าคลุมหน้ากลับไปเถิดเพคะ!”

เสียงนั้นเพิ่งจบลง ‘เจ้าบ่าว’ ที่อยู่บนหลังอาชาพันธุ์ดีตัวหนึ่ง ก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาทางซือเจ๋อเยว่ ร่างของเขาสูงสง่าดั่งต้นสน สง่าราศีเปล่งประกายโดยธรรมชาติ

อาภรณ์เจ้าบ่าวที่เขาสวมไม่ได้นำพาความสดใสยินดี กลับทำให้ทั้งตัวของเขาเปรียบเสมือนกระบี่ที่เพิ่งชักออกจากฝัก แผ่รังสีแห่งความเยือกเย็นและความอำมหิตออกมา

ซือเจ๋อเยว่ที่มีผ้าคลุมหน้ากั้นอยู่มองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่สามารถรับรู้ได้ถึงรัศมีอันน่าเกรงที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา

เขากระโดดลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วมาก จากมุมของซือเจ๋อเยว่ นางเห็นเพียงแค่ขาที่เรียวยาวของเขาเท่านั้น

แม้จะมีผ้าคลุมหน้าและอาภรณ์มงคลสีแดง แต่ซือเจ๋อเยว่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและกำยำของขาทั้งสองข้างของเขา

อยากลองลูบดูสักครั้งเหลือเกิน...

ท่ามกลางเสียงดนตรีที่บรรเลงดังขึ้นรอบตัว ขุนนางผู้ทำพิธีข้างกายขานร้องตามพิธีของการรับตัวเจ้าสาว

เพียงไม่นาน ซือเจ๋อเยว่ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้านาง กลิ่นอายเย็นชาพุ่งเข้ามาพร้อมกับความกดดันมหาศาล

เขาหยุดยืนตรงหน้าของนาง “เยียนเซียวหรานมารับเจ้าสาวแทนพี่ชายผู้ล่วงลับช้าไป ขอองค์หญิงโปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ”

เสียงของเขาทุ้มต่ำ เย็นชา และเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล เป็นเสียงที่ไพเราะจับใจ ซึ่งเป็นเสียงแบบที่นางชื่นชอบที่สุด

ซือเจ๋อเยว่กระแอมไอเบา ๆ ก่อนโบกมือพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร มาช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่มาถึงก็พอแล้ว”

ทันทีที่สิ้นคำ เสียงเย็นชาของเยียนเซียวหรานก็ดังขึ้น “นางมิใช่องค์หญิงสาม นางคือผู้ใด?”

ซือเจ๋อเยว่แปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะไม่ธรรมดา เพียงแค่ได้ยินเสียงนางพูดประโยคเดียว ก็จำได้ว่านางไม่ใช่องค์หญิงสาม

กวนมามารีบกล่าว “องค์หญิงสามล้มป่วยกะทันหันเมื่อคืนนี้ มีไข้สูงไม่ยอมลด”

“องค์หญิงเจ๋อเยว่ทราบเรื่องนี้ จึงอาสาที่จะแต่งงานแทน ซึ่งเรื่องนี้ได้แจ้งให้ฮูหยินใหญ่ทราบตั้งแต่เช้าแล้ว”

“คาดว่าตอนที่คุณชายสามออกมารับตัวเจ้าสาวคงจะพลาดข่าวนี้ไปพอดี”

เยียนเซียวหรานหัวเราะเยาะ “ทั้งเมืองหลวงล้วนรู้กันดีว่าองค์หญิงเจ๋อเยว่เติบโตในสำนักเต๋า หลังจากฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองบัลลังก์ สถานะของนางก็กระอักกระอ่วนยิ่งนัก”

นางเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อสามวันก่อน เรื่องที่นางอาสาแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องนั้น แม้แต่คนโง่ยังไม่เชื่อเลย

คงพูดได้แค่ว่าฮ่องเต้เจาหมิงเพียงแค่ใช้นามขององค์หญิงสามเป็นข้ออ้างมาตั้งแต่แรก ผู้ที่ถูกหมายตัวให้แต่งเข้าจวนเยียนอ๋องมาโดยตลอดก็คือซือเจ๋อเยว่

เขากล่าวเสียงเย็นชา “ในพระราชโองการประทานสมรส ระบุว่าเป็นองค์หญิงสาม ข้าก็เพียงมารับเจ้าสาวแทนพี่ชาย เรื่องนี้ข้าต้องถามพี่ชายก่อน”

พูดจบ เขาหันไปสั่งว่า “ใครก็ได้ ไปซื้อธูปเทียนและกระดาษเงินกระดาษทองจากทางทิศตะวันออกของเมือง แล้วไปเชิญท่านอาจารย์จากวัดกุยหยวนมาทำพิธีเปิดแท่นเรียกวิญญาณของพี่ชายข้าขึ้นมา”

“ก่อนที่พี่ชายข้าจะตอบรับ ข้ามิอาจรับตัวองค์หญิงเจ๋อเยว่กลับจวนแทนพี่ชายได้”

ซือเจ๋อเยว่เก็บกดความไม่พอใจไว้เต็มอกตั้งแต่กลับมาที่วังหลวง บัดนี้ทุกคำพูดของเยียนเซียวหรานล้วนแฝงความรังเกียจอย่างชัดเจน

นางไม่ได้รังเกียจพี่ชายของเขาที่เป็นเพียงคนตายด้วยซ้ำ แต่เขากลับกล้ามารังเกียจนางหรือ?

เอาสิ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็รังเกียจกันแล้ว เช่นนั้นก็เล่นให้ใหญ่ไปเลย

นางพูดขึ้นจากด้านข้างว่า “คุณชายสามอยากพบเยียนอ๋องซื่อจื่อหรือ? ไม่จำเป็นต้องไปถึงวัดกุยหยวนให้ยุ่งยากหรอก”

พูดจบ นางก็หยิบร่มสีดำขนาดใหญ่ที่พกติดตัวมากางออก แล้วครอบร่างของเยียนเซียวหรานเอาไว้

เขามองนางด้วยสายตาเย็นชา คิดจะก้าวถอยออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา

ทว่าทันทีที่เขายกเท้าขึ้น ชั่วขณะนั้น ลมเย็นวูบก็พัดขึ้นรอบตัว ภายใต้ร่มคันนั้นกลับกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นตอนเที่ยงที่แสงแดดสว่างจ้า แต่ในพริบตากลับเปลี่ยนเป็นมืดสนิทดุจยามราตรี!
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Orawan Orawan
สนุกมากกกด
goodnovel comment avatar
Nattapong Sawilo
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 2

    สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปทันที มองนางด้วยความประหลาดใจนางยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าจะช่วยท่านเชิญซื่อจื่อออกมาเอง”นางเป็นอัจฉริยะในสำนักเต๋า มีดวงตาแห่งจิตวิญญาณโดยกำเนิด เกิดมาก็สามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นแต่ความเป็นอัจฉริยะของนางนั้น มาพร้อมการแบกรับห้าเคราะห์สามบกพร่อง และนางมีถึงสามประการ นั่นคือ โดดเดี่ยว ไร้คู่ครอง และอายุสั้นตั้งแต่ปีที่แล้ว นางมักจะรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอกอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีเส้นสีแดงปรากฏบนข้อมือของนางอาจารย์ใหญ่เคยกล่าวว่าวันใดที่เส้นสีแดงบนข้อมือนั้นยาวถึงข้อศอก วันนั้นจะเป็นวันที่ชะตาชีวิตของนางสิ้นสุดนางยกข้อมือขึ้นมอง เส้นสีแดงนั้นยาวถึงครึ่งทางระหว่างข้อศอกกับข้อมือแล้วการเดินทางกลับมายังเมืองหลวงครั้งนี้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับจดหมายจากอวิ๋นไท่เฟยแล้ว ยังเป็นเพราะอาจารย์สามได้คำนวณชะตาของนาง พบว่าโอกาสในการแก้ไขชะตาอายุสั้นของนางปรากฏอยู่ที่เมืองหลวงกวนมามาเห็นซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานยืนกางร่มด้วยกัน นางโกรธจัดพลางตวาดว่า “ต่อหน้าฝูงชน ท่านกับบุรุษกางร่มร่วมกันเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทสิ้นดี!”เยียนเซียวหรานตวาดกลับอย

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 3

    ซือเจ๋อเยว่นึกถึงภาพที่เยียนเซียวหรานเตะกวนมามาจนตาย แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่นางเผลอหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็ถือดาบเดินไล่ล่านางไปทั่วทั้งตำบล นางก็อดตัวสั่นไม่ได้หากเขารู้ว่าคนที่หลับนอนกับเขาในคืนนั้นคือนาง นางคงตายอย่างอนาถยิ่งกว่ากวนมามาเสียอีก!นางทุบอกตัวเองด้วยความหงุดหงิด ถ้ารู้อย่างนี้ แต่แรกก็คงไม่หลงใหลในความหล่อของเขาจนไปหลับนอนกับเขาหรอกตอนนี้นางจะหนีทันไหมนะ?ทันทีที่นางยกม่านเกี้ยวขึ้น ทหารองครักษ์จากจวนเยียนอ๋องที่ขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ ต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียงนางรีบปล่อยม่านลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ หากนางไม่มีปีกบินออกไป ก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดได้นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คิดว่าคงต้องค่อย ๆ คิดไปทีละขั้นเกี้ยวมงคลเป็นสีแดงสด และสินเดิมทั้งหมดก็ถูกพันด้วยผ้าไหมสีแดง ทว่าขบวนรับเจ้าสาวกลับไม่มีความรื่นเริงแม้แต่น้อย เงียบเหงาวังเวงราวกับขบวนแห่ศพเมื่อถึงจวนเยียนอ๋อง บรรยากาศเช่นนี้ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกหน้าประตูจวนเยียนอ๋อง ผ้าขาวที่ผูกไว้กับรูปปั้นสิงโตหินยังไม่ได้ถูกถอดออกทั้งหมด กลับมีการผูกผ้าไหมสีแดงทับลงไปอีกเมื่อเกี้ยวมงคลลงถึงพื้น เสียงประทัดดัง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 4

    ซือเจ๋อเยว่ถลึงตามองเขาแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของข้า แต่เจ้ากล้าตวาดข้า แถมยังร้องไห้ราวกับงานศพ!”“เจ้าไม่พอใจเรื่องที่ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างข้ากับเยียนอ๋องซื่อจื่อ เจ้าต้องการจะขัดขืนราชโองการใช่หรือไม่?”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “!!!”เยียนเซียวหรานมองซือเจ๋อเยว่ด้วยความประหลาดใจนางมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “หึ เจ้ากล้าแสดงสีหน้าเช่นนี้ใส่ข้าด้วยหรือ นั่นแสดงว่าเจ้าคิดขัดขืนราชโองการจริง ๆ สินะ!”“ข้าจะไปหาเสด็จลุงเดี๋ยวนี้ ขอให้เขาลงโทษเจ้า!”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่เขาไม่กล้าขัดขวางพิธีแต่งงาน จึงจำใจต้องฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า “องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว กระหม่อมมีความยินดีอย่างยิ่ง!”ซือเจ๋อเยว่ทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า “เจ้ายิ้มไม่น่ามองเหมือนเมื่อครู่ ดูอย่างไรก็ไม่จริงใจ”“เจ้าคงแค่ทำเป็นยิ้มบนหน้า แต่ด่าข้าอยู่ในใจสินะ?”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”เขาทำเช่นนั้นจริง ๆ ถูกนางจับได้เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่พยายามยิ้มให้ดูจริงใจขึ้นอีกหน่อย “หามีเรื่องเช่นนั้นไม่! กระหม่อมยินดีเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 5

    เหล่าไท่จวินเห็นซือเจ๋อเยว่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร จึงเข้าใจนางผิด เพราะในสายตาของเหล่าไท่จวิน นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อยที่อายุยังไม่ครบยี่สิบ ยังไม่เข้าใจโลกดี นางจึงอธิบายต่อว่า “ข้ามิได้มีเจตนารังเกียจองค์หญิงแต่อย่างใด”“องค์หญิงมาจากในวัง ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงรับทราบเรื่องของจวนเยียนอ๋องมากน้อยเพียงใด”“ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วกัน ท่านอ๋องพ่ายศึก ฝ่าบาทกริ้วหนัก จวนเยียนอ๋องไม่มีทางรอดจากภัยนี้”“องค์หญิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่แรก หากอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไป เกรงว่าจะมีภัยติดตามมา ทางที่ดีควรรีบจากไปเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงเอง”ซือเจ๋อเยว่สบสายตากับเหล่าไท่จวินที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน ทำให้ขอบตาร้อนผ่าวการกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้นางได้เห็นทั้งความมืดมิดและความอบอุ่นของผู้คนอย่างชัดเจนเสด็จลุงของให้นางแต่งงานกับคนตาย ขณะที่ผู้เป็นมารดาอย่างอวิ๋นไท่เฟยก็เพิกเฉยต่อชะตากรรมนี้บรรดาข้าราชบริพารในวังหลวงต่างก็รังเกียจนาง ไม่มีความเคารพต่อนางแม้แต่น้อยเดิมทีนางคิดมาตลอดว่าจวนเยียนอ๋องที่กำลังมีเรื่องร้ายมากมาย นางแต่งเข้ามาเช่นนี้คงต้องถูกตำหนิแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 6

    ในดวงตาเยียนเซียวหรานมีความเย้ยหยัน “ต่อให้ไม่มีท่าน ครั้งนี้จวนเยียนอ๋องก็ยากจะผ่านเคราะห์กรรมไปได้”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาหันมองนาง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้มีคนตายเพิ่มไปไย”“องค์หญิงโปรดฟังข้าสักคำ หากครั้งนี้จากไปแล้ว อย่ากลับมาที่เมืองหลวงอีก”เมื่อพูดจบเขายัดตัวรอกไว้ในมือนาง “องค์หญิงไปเถอะ หากไม่รีบไป คงไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ”ซือเจ๋อเยว่รู้สึกสับสน นำตัวรอกไปเกี่ยวไว้กับเชือก แล้วหันมองเขาอีกครั้ง ต่อมาเลื่อนตัวรอกไปตามเชือกจนถึงฝั่งตรงข้ามเมื่อนางยืนจนมั่นคงแล้ว เยียนเซียวหรานถึงได้ดึงตัวรอกกลับไปนางช้อนตามองเขา แม้ชายหนุ่มจะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่ยังคงเปล่งประกายดั่งดวงจันทราเมื่อเขาเห็นนางหันมอง เพียงลอบมองหนึ่งครั้ง พลันหันหลังกระโดดลงจากหอซือเจ๋อเยว่กระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองแรกเริ่มนางเดินค่อนข้างเร็ว หลังจากเดินไปประมาณห้าสิบก้าว จึงค่อยๆ เดินช้าลงเพราะเขาได้ยินเสียงโวยวายของทหาร ซ้ำยังคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเสียงตำหนิของเหล่าไท่จวินนางนำหนังสือหย่าที่เหล่าไท่จวินมอบให้ออกมา พบว่าด้านในสอดตั๋วเงินไว้หนึ่งใบ จำนวนเงินไม่มาก แต่เ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 7

    ซือเจ๋อเยว่หันไปสอบถามทหารองครักษ์คนหนึ่ง “เมื่อครู่หนิวกงกงหาว่าข้าเป็นสุนัข เจ้าได้ยินหรือไม่?”ทหารองครักษ์หมอบลงกับพื้น “ได้ยินขอรับ”ซือเจ๋อเยว่ลองถามอีกหลายคน พวกเขาล้วนตอบว่าได้ยินซือเจ๋อเยว่อมยิ้มแล้วมองหนิวกงกง “หากข้าเป็นสุนัข มารดาข้าก็ต้องเป็นสุนัข”“หากมารดาข้าเป็นสุนัข บิดาข้าก็ต้องเป็นหมา หากพ่อข้าเป็นสุนัข พี่น้องของเขาก็ต้องเป็นสุนัขด้วยน่ะสิ”เมื่อหนิวกงกงได้ยินเช่นนั้นพลันเข้าใจทันที ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำเชยคางเขาขึ้น “หนิวกงกง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับด่าทอฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัล!”หนิวกงกงรีบตอบ “ข้าเปล่านะ...”ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบหน้าเขาแรงๆ “เหอะ ยังกล้าปฏิเสธอีก! เมื่อครู่ทุกคนได้ยินกันทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะปัดสวะหรือ!”หนิวกงกง “...”เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำร้ายเขาคือซือเจ๋อเยว่เขาจึงยิ้มแห้ง “องค์หญิง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอหมิ่นพระเกียรติเสด็จอาเสร็จก็บอกว่าเข้าใจผิด หนิวกงกง เจ้านี่ใจกล้าไม่น้อย!” “เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จอาแต่เช้า เพื่อจะได้กราบทูลให้ทราบเรื่องที่มีคนหา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 8

    นางหยุดสักครู่แล้วพูดต่อ “ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อคือผู้บริสุทธิ์ ต่อให้ข้าจะไปจากจวนอ๋อง ก็ควรรอให้คดีของจวนเยียนอ๋องกระจ่างเสียก่อน”“ข้าคือบุตรีเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ เป็นถึงองค์หญิง หากข้าถูกประกาศจับ จะเสื่อมพระเกียรติไปถึงเสด็จพ่อของข้า”นางเลือกกลับจวนเยียนอ๋อง และยังคงเป็นสะใภ้ใหม่ของเยียนอ๋องซื่อจื่อ สมควรเรียกเหล่าไท่จวินว่าท่านย่าพระชายาผู้เฒ่ามองนางอย่างเปี่ยมเมตตา พร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์หญิงละม้ายอดีตฮ่องเต้มากนัก มีเมตตาปรานีและมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่”“เสียดายที่ซื่อจื่อ...เฮ้อ! เขาไม่มีวาสนาเอง”พระชายาเยียนอ๋องดึงมือซือเจ๋อเยว่ “วันนี้องค์หญิงช่วยจวนเยียนอ๋องเอาไว้ ทั่วทั้งจวนซาบซึ้งในพระคุณยิ่งนัก”นางมองดูซือเจ๋อเยว่ แล้วนึกถึงเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เสียไปแล้ว น้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสายในยามปกติที่สำนักเต๋า ซือเจ๋อเยว่มักพบเจออาจารย์ทั้งหลายที่หน้าด้านและนิสัยประหลาดผู้ที่อ่อนโยนราวสายน้ำอย่างพระชายาเยียนอ๋อง นางไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงวางตัวไม่ถูก ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าไท่จวินเหล่าไท่จวินสูดหายใจเข้าลึก “วันนี้จวนเยียนอ๋องถูกล้อม หนิวก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 9

    หากไม่ได้รับการตักเตือนจากซือเจ๋อเยว่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะซ่อนจดหมายไว้ในอ่างปลา?แววตาตื้นตันที่พระชายาผู้เฒ่ามองซือเจ๋อเยว่มากขึ้นกว่าเดิม หากจดหมายเหล่านี้ถูกคนของศาลต้าหลี่หาพบ จวนอ๋องต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรนางเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “รีบทำลายจดหมายพวกนี้ซะ”เยียนเซียวหรานนำอ่างมาแล้วเผาจดหมายทิ้งเขาเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ องครักษ์ก็เข้ามารายงาน “เรียนเหล่าไท่จวิน คุณชายสาม คนของศาลต้าหลี่มาขอรับ”ทุกคนหันไปสบตากัน คนของศาลต้าหลี่ช่างรวดเร็วนัก!หากพวกเขาช้าไปอีกนิด คงได้เกิดเรื่องใหญ่เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านย่า ข้าจะออกไปพบคนของศาลต้าหลี่”เหล่าไท่จวินพยักหน้าเพียงแต่เยียนเซียวหรานเพิ่งเดินออกจากเรือน เหวยอิ้งหวนก็พาคนเข้ามาพอดีเขาทำความเคารพเหล่าไท่จวิน “เหล่าไท่จวินโปรดอภัย ที่ข้ามารบกวนกลางดึก เพราะต้องทำตามพระบัญชา”“ข้าเชื่อว่าเยียนอ๋องจงรักภักดีและกล้าหาญ เขาตายไปในสนามรบ ถือเป็นความสูญเสียของแคว้นต้าฉู่”เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “จวนเยียนอ๋องเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวถูกสอบสวน”เหล่าไท่จวินพยักหน้า “ไม่ว่าใต้เท้าเหวยอยากตรวจสอบอย่างไร จวนเยียนอ๋องล้ว

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 365

    เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นว่าทั้งสามคนทำท่าจะทะเลาะกันอีกครั้ง จึงกล่าวไกล่เกลี่ยอยู่ข้าง ๆ “นี่คือคาถาของสำนักเต๋า พวกเจ้าย่อมไม่รู้”“คุณชายไป๋เอ้อระเหยลอยชายอยู่ในโลกใบนี้มานานนับพันปีแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ เขารู้เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”ชื่อปาเลี่ยที่อยู่ด้านหลังของเยียนเซียวหรานกล่าง “ใช่ ๆ ๆ พวกข้าไม่ใช่คนในสำนักเต๋า แน่นอนว่าไม่รู้”“ประสบการณ์ของพวกเราย่อมไม่สู้คุณ...คุณชายไป๋”ไป๋จื้อเซียนรักษาสภาพตอนที่เขาตายเมื่อตอนอายุยี่สิบเอาไว้ อันที่จริงเขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้ว ชื่อปาเลี่ยจึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกเขาอย่างไรเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับมีเพียงคำว่าคุณชายไป๋ถึงจะเหมาะสมไป๋จื้อเซียนคร้านที่จะโต้เถียงกับชื่อปาเลี่ย กลับยังคงรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่เข้าข้างเยียนเซียวหรานเกินไปซือเจ๋อเยว่ไม่ได้สนใจเขา เริ่มสวมคัมภีร์เต๋าเพื่อรวมวิญญาณของบรรดาเศษวิญญาณเหล่านี้ดวงวิญญาณของไป๋จื้อเซียนเก่งกาจมาก เรื่องการรวมวิญญาณแบบนี้เขาเหมือนกับเยียนเซียวหราน ไม่ต้องการความช่วยเหลือสักนิดดังนั้นเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ข้าง ๆเรื่องรวมวิญญาณสำหรับคาถาเต๋าแล้วไม่นับว่า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 364

    เดิมทีซือเจ๋อเยว่เตรียมที่จะพูดเหตุผลกับไป๋จื้อเซียนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับการอธิบายเสียแบบนี้เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า เหมือนว่าไป๋จื้อเซียนไม่ได้จัดการยากอะไรขนาดนั้น เขาค่อนข้างคุยด้วยได้ง่ายเยียนเซียวหรานมองไป๋จื้อเซียนแวบหนึ่ง หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าของที่ไป๋จื้อเซียนมีต่อซือเจ๋อเยว่ซือเจ๋อเยว่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องความรู้สึกช้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็นถึงจุดประสงค์ของไป๋จื้อเซียน เพียงแค่คิดว่าไป๋จื้อเซียนอยากจะเป็นเพื่อนกับนางไป๋จื้อเซียนเห็นเขามองมา ก็มองเขากลับด้วยสายตายั่วยุ แล้วค่อยทำท่าทางลูบลำคอเยียนเซียวหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชาเขาเข้าใจซือเจ๋อเยว่ เป็นไปไม่ได้ที่ซือเจ๋อเยว่จะชื่นชอบไป๋จื้อเซียนคงจะดีหากไป๋จื้อเซียนไม่ทำเรื่องอะไรที่ตื่นเต้นจนเกินไป หากทำแล้ว เกรงว่าซือเจ๋อเยว่ก็คงจะพยายามสังหารเขาอย่างสุดชีวิตเช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไป๋จื้อเซียนเป็นวิญญาณดุร้ายที่เป็นฆาตกร ถือเป็นศัตรูกับสถานะของซือเจ๋อเยว่เมื่อเทียบกับไป๋จื้อเซียน เขาไม่เป็นกังวลเขา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 363

    ไป๋จื้อเซียนเห็นว่านางมองเขา สุดท้ายแล้วเขาก็อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยากให้ฆ่าสังหารผู้คน ข้าไม่สังหารก็สิ้นเรื่อง”ที่เขาสังหารคนก็เพราะว่าในใจของเขาไม่มีความสุข คนทั่วไปสำหรับเขาเป็นเหมือนมดแมลง สามารถบีบให้ตายได้ตามใจชอบซือเจ๋อเยว่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็ลูบจมูกเบา ๆ ทีหนึ่ง ถามเขา “เพราะฉะนั้น ข้าเป็นสหายเก่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”ไป๋จื้อเซียนพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าให้สัญญากับข้าว่าจะเจอกันหนึ่งพันปีหลังจากนั้น”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก “ต้องขออภัยจริง ๆ เรื่องพวกนั้นข้าจำมันไม่ได้แล้ว”“ข้ารู้” ไป๋จื้อเซียนกล่าวเสียงราบเรียบ “ตอนนี้ข้าได้สาบานกับสวรรค์แล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่?”ครึ่งประโยคหลังเขายังไม่ได้พูด เขายังไม่รู้ว่า เมื่อหนึ่งพันปีก่อนนางใส่ใจเขามาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเหลือความทรงจำเมื่อหนึ่งพันปีช่วงนั้นเอาไว้มีเพียงเพราะหมกมุ่นมากถึงได้เก็บความทรงจำเอาไว้นานขนาดนี้ตอนนี้นางจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะค่อย ๆ ทำให้นางจำเขาให้ได้ก่อนหน้านี้นางมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเขาก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เข

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 362

    เขาถึงขนาดคิดว่า ในใจของนาง เขาก็เป็นคนที่พิเศษคนนั้นเช่นกันเมื่อเขาคิดเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเขาหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งออกมา พลังชั่วร้ายพวกนั้นทั้งหมดถูกดูดไปอย่างสะอาดหมดจดแล้ว จากนั้นก็ลอยจากท้องฟ้ามาที่ตรงหน้าของสีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือถือกระบี่ไม้ท้อก้าวไปข้างหน้า มือของซือเจ๋อเยว่กดที่บนมือของเขาจนถึงตอนนี้ ความแตกต่างของความสามารถระหว่างพวกเขามีมากเกินไป ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลยวันนี้หากต้องลงมือกันจริง ๆ เกรงว่าพวกเขาจะต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งหมด แล้วก็สังหารไป๋จื้อเซียนไม่ได้อีกด้วยในเรื่องการกำจัดปีศาจ ซือเจ๋อเยว่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ตลอดครั้งนี้เอาชนะไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าค่อยหาตัวช่วยที่จะทำให้เสมอกัน แล้วค่อยหาโอกาสลงมือกับเขาอีกครั้งการกระทำนี้ของนางทำให้ไป๋จื้อเซียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก ยกมือขึ้น แล้วโบกมือใส่เยียนเซียวหรานทันทีเยียนเซียวหรานถือกระบี่ไม้ท้อขวางเอาไว้ จึงต้านทานการโจมตีครั้งนี้ของไป๋จื้อเซียนได้ เพียงแต่เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกันไป๋จื้อเซียนมีความประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ไอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 361

    นางเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักเต๋า ดังนั้นการร่ายคาถาก็เหมือนกับกินข้าวกินน้ำ แต่สำหรับคนในสำนักเต๋าทั่วไปแล้ว กลับเป็นเรื่องที่ยากมากทว่าตอนนี้เยียนเซียวหรานไม่เพียงเคยเห็นนางร่ายคาถาไม่กี่ครั้ง ก็สามารถร่ายคาถาได้แล้ว นี่ถึงจะเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์!นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าร่ายคาถาเป็น เช่นนั้นพวกเรามาเผชิญหน้าด้วยกัน!”เยียนเซียวหรานพยักหน้าหลังจากที่เขารู้จักนาง ถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจคาถาเต๋า แต่ตอนหลังเขาได้ไปเรียนรู้ดาววิบัติดวงนั้นเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตั้งรับเตรียมพร้อมตอนที่ห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบกว่าจั้ง เยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงปราณชั่วร้ายที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ปราณชั่วร้ายกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด คมราวกับมีด ก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพัดโดนหน้าซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาปกป้องร่างกายของพวกเขาเอาไว้ ตอนที่เตรียมที่จะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้ด้วยนั้น ข้าง ๆ ก็มีสีแดงปรากฏขึ้นแวบหนึ่งจากนั้นพลังชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกที่เดิมทีรุนแรงมากก็สลายหายไปภายในชั่วพริบตาเยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 360

    วิธีการพูดแบบนี้ของซือเจ๋อเยว่ อันที่จริงเป็นคำศัพท์เฉพาะของสำนักเต๋าคำศัพท์นี้หมายถึงไม่ใช่ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าใช้ทักษะชั่วร้ายมารวมตัวกันจนกลายเป็นพลังชั่วร้ายพลังชั่วร้ายประเภทนี้ไม่ใช่วิญญาณทั่วไปที่ตายด้วยความโกรธแค้นจนกลายเป็นพลังชั่วร้าย แต่เป็นพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวมาจากความคิดชั่วร้ายและวิญญาณชั่วร้ายที่สะสมของโลกใบนี้หลังจากที่บรรดาเต๋าสายดำตามหาพลังชั่วร้ายประเภทนี้จนเจอ ค่อยใช้การฝึกพลังเฉพาะสกัดให้บริสุทธิ์ แล้วนำพวกมันมารวมไว้ด้วยกัน ก็เหมือนกับสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้พลังชั่วร้ายประเภทนี้หลังจากที่ถูกเจ้าของฝึกฝนมานาน ก็จะกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในมือของเต๋าสายดำเมื่อเจ้าของของพลังชั่วร้ายตอนที่สั่งให้พวกมันไปจัดการคนคนหนึ่ง พวกมันก็สามารถกลืนกินคนคนนั้นได้จากนั้นพวกเขาค่อยให้มนุษย์เกิดความคิดชั่วร้าย แล้วค่อยใช้ความคิดชั่วร้ายเป็นอาหารบำรุงพวกมัน ทว่าคนที่อยู่ที่นั่น ได้กลายเป็นหุ่นเชิดที่มีชีวิต มีพวกเขาคอยควบคุมซือเจ๋อเยว่จ้องมองดาววิบัติที่เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดาววิบัติดวงนี้ใหญ่กว่าที่นางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ในเวลาเด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status