Share

บทที่ 7

ซือเจ๋อเยว่หันไปสอบถามทหารองครักษ์คนหนึ่ง “เมื่อครู่หนิวกงกงหาว่าข้าเป็นสุนัข เจ้าได้ยินหรือไม่?”

ทหารองครักษ์หมอบลงกับพื้น “ได้ยินขอรับ”

ซือเจ๋อเยว่ลองถามอีกหลายคน พวกเขาล้วนตอบว่าได้ยิน

ซือเจ๋อเยว่อมยิ้มแล้วมองหนิวกงกง “หากข้าเป็นสุนัข มารดาข้าก็ต้องเป็นสุนัข”

“หากมารดาข้าเป็นสุนัข บิดาข้าก็ต้องเป็นหมา หากพ่อข้าเป็นสุนัข พี่น้องของเขาก็ต้องเป็นสุนัขด้วยน่ะสิ”

เมื่อหนิวกงกงได้ยินเช่นนั้นพลันเข้าใจทันที ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำเชยคางเขาขึ้น “หนิวกงกง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับด่าทอฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัล!”

หนิวกงกงรีบตอบ “ข้าเปล่านะ...”

ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบหน้าเขาแรงๆ “เหอะ ยังกล้าปฏิเสธอีก! เมื่อครู่ทุกคนได้ยินกันทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะปัดสวะหรือ!”

หนิวกงกง “...”

เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำร้ายเขาคือซือเจ๋อเยว่

เขาจึงยิ้มแห้ง “องค์หญิง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอหมิ่นพระเกียรติเสด็จอาเสร็จก็บอกว่าเข้าใจผิด หนิวกงกง เจ้านี่ใจกล้าไม่น้อย!”

“เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จอาแต่เช้า เพื่อจะได้กราบทูลให้ทราบเรื่องที่มีคนหาว่าพระองค์เป็นสุนัข”

เส้นเลือดบนหน้าผากหนิวกงกงปูดโปน พร้อมกัดฟันตอบ “วันนี้กระหม่อมมาปฏิบัติหน้าที่ ขอองค์หญิงโปรดอย่าขัดขวาง!”

ซือเจ๋อเยว่กอดอกพร้อมกล่าวขึ้น “ข้าขัดขวางเจ้าทำหน้าที่หรือ?”

“เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าสิ เสด็จอาแค่ไม่ให้คนในจวนออกไปข้างนอก แต่เจ้ากลับบุกมาทำลายห้องทำพิธี”

“เจ้าเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ ทำโดยพลการเช่นนี้ ถ้าอย่างไรข้าฟาดหัวกบาลเจ้าเสียเลยดีหรือไม่?”

เมื่อพูดจบนางยกป้ายทองคำขึ้นเตรียมฟาดใส่หัวหนิวกงกง

หนิวกงกงอยากจะสับนางให้เละ แต่ด้วยฐานันดรของนาง หนำซ้ำยังมีป้ายทองคำพระราชทาน ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่ตอบโต้

เขาจึงต้องพาทหารองครักษ์ออกจากจวนอ๋องอย่างไม่เต็มใจ

ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู เขาหันมาถลึงตาใส่ซือเจ๋อเยว่

วันนี้แผนการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อนางปรากฏตัว ทำให้แผนการของเขาล้มไม่เป็นท่า

ซือเจ๋อเยว่คิดแค่ว่าหมาถลึงตาใส่

นางยืนอยู่บนบันได้ในจวนอ๋อง แล้วตะโกนเสียงดัง “จวนเยียนอ๋องจงรักภักดี เสด็จอาถึงได้ให้ข้าแต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง”

“หลายปีมานี้ หากไม่มีจวนเยียนอ๋องคอยเฝ้าชายแดน ปกป้องแคว้นต้าฉู่ ชาวเผ่าต๋าต๋าคงทลายด่านลงใต้มานานแล้ว”

“ชีวิตที่สุขสบายของทุกคนในยามนี้ ล้วนแลกมาด้วยเลือดเนื้อของเหล่าทหารชายแดน”

“จวนเยียนอ๋องแค่พ่ายศึกเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้พวกเจ้าลืมความดีของพวกเขาจนหมดแล้วหรือ?”

“รังแกคนชรากับสตรีมันแน่จริงที่ไหนกัน หากแน่จริงก็ไปตัดหัวชาวเผ่าต๋าต๋าที่สนามรบสิ!”

ทหารองครักษ์ตรงประตูทางเข้าถูกต่อว่าจนก้มหน้าลง

ตอนซือเจ๋อเยว่กลับเข้ามาในจวนอ๋อง เหลือบมองหนิวกงกงแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม เข่นฆ่าคนดี มีคนตายด้วยน้ำมือเจ้าหลายชีวิต”

“คืนนี้วิญญาณเหล่านั้นจะมาทวงชีวิต เจ้ากลับไปจัดเตรียมงานศพให้ตัวเองเถอะ”

หนิวกงกงแค่นหัวเราะกับคำพูดของนาง ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

ในสายตาของเขา ต่อให้คืนนี้ไม่อาจยั่วยุจนคนในจวนเยียนอ๋องลงมือ แต่อย่างไรครั้งนี้คนในจวนก็ต้องตายจนหมด

ส่วนเรื่องคนที่เคยตายด้วยน้ำมือของเขาเหล่านั้น ก็แค่คนตาย จะทำอะไรเขาได้?

ระหว่างที่เขาเดินไปข้างหน้า รู้สึกปวดข้อพับ จากนั้นยืนไม่มั่น จึงหกล้มลงพื้นดังตุบ

ซือเจ๋อเยว่พูดอย่างจริงจัง “หนิวกงกงกำลังขอขมาเยียนอ๋องหรือ? ท่านบอกว่ารับรู้แล้ว แต่ไม่คิดจะให้อภัยเจ้า”

หนิวกงกง “...”

เยียนอ๋องตายไปแล้ว ขอขมาบ้าบออะไรกัน!

ซือเจ๋อเยว่มองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นสองมือทำท่ามุทรา แล้วดันไปทิศทางของเขา จากนั้นหันหลังกลับจวน

มีทหารองครักษ์คนหนึ่งอดไม่ไหวจึงเข้าไปประคองหนิวกงกง พร้อมเอ่ยขึ้น “กงกง องค์หญิงเจ๋อเยว่ดูผิดแผกไม่น้อย”

“วันนี้นางบอกว่ากวนมามาจะตาย แล้วกวนมามาก็ตายจริงๆ...”

เขายังพูดไม่ทันจบ พลันถูกหนิวกงกงตบหน้า “เจ้าแช่งให้ข้าตายหรือ?”

ทหารองครักษ์คนนั้นรีบปฏิเสธ หนิวกงกงจ้องเขาอย่างเหี้ยมเกรียม “วันนี้เจ้าเป็นคนแรกที่ยืนยันว่าข้าด่าทอองค์หญิงเจ๋อเยว่สินะ?”

ทหารองครักษ์คนนั้นตกใจจนหน้าซีด ไม่กล้าพูดอีกต่อไป

แต่หนิวกงกงยังไม่หายแค้น จึงทำร้ายทุบตีทหารองครักษ์คนนั้น

เขาถีบไปด้วยพลางด่าทอไปด้วย “ใครใช้ให้เจ้าปากมาก ข้าจะตีสุนัขอย่างเจ้าให้ตาย”

เขามองไม่เห็นเงาดำที่ล้อมเขาไว้จากรอบด้าน เขาแค่รู้สึกหนาว จนสั่นไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้

เขารวบเสื้อบนตัวให้กระชับขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี จึงด่าทอไม่หยุด “อากาศบ้าอะไรกัน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้หนาวขนาดนี้?”

เขาชี้ไปที่องครักษ์คนหนึ่ง “เอาเสื้อคลุมของเจ้ามาให้ข้าสิ”

วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดี แต่กลับถูกซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบจนแผนเสียหมด เขาต้องรีบกลับไปกราบทูล

หลังจากสวมเสื้อคลุม เขารีบขี่ม้ามุ่งหน้าไปทางวังหลวงทันที

ส่วนซือเจ๋อเยว่กลับเข้าไปในจวนเยียนอ๋อง แล้วรีบปิดประตูใหญ่พร้อมลงกลอนทันที

เมื่อหันมองนางเห็นเยียนเซียวหรานยืนอยู่ด้านหลัง

นางยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา “หินที่คุณชายสามดีดออกไปเมื่อครู่ ทำให้หนิวกงกงคุกเข่าลงอย่างสวยงาม”

เมื่อได้ยินนางเอ่ยชม เยียนเซียวหรานรู้สึกเขินเล็กน้อย ใบหน้าจึงแดงระเรื่อ

เขาเอ่ยเสียงค่อย “ข้าไร้ความสามารถ จึงไม่อาจสังหารเขาได้ทันที”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าดูดวงเป็น คืนนี้เขาต้องตายแน่นอน”

“คนอย่างเขา ให้คุณชายสามต้องลงมือ มีแต่จะทำให้มือคุณชายแปดเปื้อน”

มีหลายชีวิตต้องตายด้วยมือหนิวกงกง วันนี้หลังจากนางดับเปลวไฟวิญญาณบนหัวไหล่เขา ดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องมาคิดบัญชีกับเขาแน่

เยียนเซียวหรานเห็นนางยิ้มอย่างมั่นใจ แววตาดูดีใจไม่น้อย

ในใจเขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้ว จึงเอ่ยถาม “องค์หญิง ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพบกันหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่ปฏิเสธทันควัน “ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักเต๋ามาตลอด คุณชายสามไม่เคยเห็นข้าหรอก”

เยียนเซียวหรานหันมองนางอีกครั้ง แล้วเก็บกดความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเอาไว้

ตอนนี้จวนเยียนอ๋องตกอยู่ในยามคับขัน เขาเองไม่มีแก่ใจไปคิดมากเรื่องพวกนี้ จึงเอ่ยถามอีกเรื่อง “องค์หญิงไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังย้อนกลับมาอีก?”

ซือเจ๋อเยว่คงบอกเขาไม่ได้ว่า นางเคยหลับนอนกับเขาแล้ว จึงไม่อาจเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตา

นางพูดอย่างขึงขัง “ข้าเคารพนับถือเยียนอ๋องและคุณชายทั้งหลาย ไม่อยากให้พวกเขาถูกเหยียนหยาม และไม่อยากให้ดวงวิญญาณของพวกเขาไม่สงบสุข”

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน เหล่ไท่จวินได้พาพระชายาเยียนอ๋องและคุณหนูทั้งหลายมาหา

พวกนางทำความเคารพซือเจ๋อเยว่พร้อมกัน “ขอบพระทัยองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่นึกไม่ถึงว่าพวกนางจะกล่าวขอบคุณอย่างเป็นพิธีการเช่นนี้ จึงรีบเข้าไปประคองเหล่าไท่จวิน “ท่านย่า ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว”

นางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแล้ว ย่อมถือว่าเป็นคนในจวนอ๋องด้วย”

“วันนี้เมื่อที่บ้านเจอวิกฤต ข้าจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status