Share

บทที่ 7

Author: เจียงหนานเยียน
ซือเจ๋อเยว่หันไปสอบถามทหารองครักษ์คนหนึ่ง “เมื่อครู่หนิวกงกงหาว่าข้าเป็นสุนัข เจ้าได้ยินหรือไม่?”

ทหารองครักษ์หมอบลงกับพื้น “ได้ยินขอรับ”

ซือเจ๋อเยว่ลองถามอีกหลายคน พวกเขาล้วนตอบว่าได้ยิน

ซือเจ๋อเยว่อมยิ้มแล้วมองหนิวกงกง “หากข้าเป็นสุนัข มารดาข้าก็ต้องเป็นสุนัข”

“หากมารดาข้าเป็นสุนัข บิดาข้าก็ต้องเป็นหมา หากพ่อข้าเป็นสุนัข พี่น้องของเขาก็ต้องเป็นสุนัขด้วยน่ะสิ”

เมื่อหนิวกงกงได้ยินเช่นนั้นพลันเข้าใจทันที ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำเชยคางเขาขึ้น “หนิวกงกง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับด่าทอฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัล!”

หนิวกงกงรีบตอบ “ข้าเปล่านะ...”

ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบหน้าเขาแรงๆ “เหอะ ยังกล้าปฏิเสธอีก! เมื่อครู่ทุกคนได้ยินกันทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะปัดสวะหรือ!”

หนิวกงกง “...”

เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำร้ายเขาคือซือเจ๋อเยว่

เขาจึงยิ้มแห้ง “องค์หญิง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอหมิ่นพระเกียรติเสด็จอาเสร็จก็บอกว่าเข้าใจผิด หนิวกงกง เจ้านี่ใจกล้าไม่น้อย!”

“เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จอาแต่เช้า เพื่อจะได้กราบทูลให้ทราบเรื่องที่มีคนหาว่าพระองค์เป็นสุนัข”

เส้นเลือดบนหน้าผากหนิวกงกงปูดโปน พร้อมกัดฟันตอบ “วันนี้กระหม่อมมาปฏิบัติหน้าที่ ขอองค์หญิงโปรดอย่าขัดขวาง!”

ซือเจ๋อเยว่กอดอกพร้อมกล่าวขึ้น “ข้าขัดขวางเจ้าทำหน้าที่หรือ?”

“เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าสิ เสด็จอาแค่ไม่ให้คนในจวนออกไปข้างนอก แต่เจ้ากลับบุกมาทำลายห้องทำพิธี”

“เจ้าเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ ทำโดยพลการเช่นนี้ ถ้าอย่างไรข้าฟาดหัวกบาลเจ้าเสียเลยดีหรือไม่?”

เมื่อพูดจบนางยกป้ายทองคำขึ้นเตรียมฟาดใส่หัวหนิวกงกง

หนิวกงกงอยากจะสับนางให้เละ แต่ด้วยฐานันดรของนาง หนำซ้ำยังมีป้ายทองคำพระราชทาน ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่ตอบโต้

เขาจึงต้องพาทหารองครักษ์ออกจากจวนอ๋องอย่างไม่เต็มใจ

ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู เขาหันมาถลึงตาใส่ซือเจ๋อเยว่

วันนี้แผนการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อนางปรากฏตัว ทำให้แผนการของเขาล้มไม่เป็นท่า

ซือเจ๋อเยว่คิดแค่ว่าหมาถลึงตาใส่

นางยืนอยู่บนบันได้ในจวนอ๋อง แล้วตะโกนเสียงดัง “จวนเยียนอ๋องจงรักภักดี เสด็จอาถึงได้ให้ข้าแต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง”

“หลายปีมานี้ หากไม่มีจวนเยียนอ๋องคอยเฝ้าชายแดน ปกป้องแคว้นต้าฉู่ ชาวเผ่าต๋าต๋าคงทลายด่านลงใต้มานานแล้ว”

“ชีวิตที่สุขสบายของทุกคนในยามนี้ ล้วนแลกมาด้วยเลือดเนื้อของเหล่าทหารชายแดน”

“จวนเยียนอ๋องแค่พ่ายศึกเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้พวกเจ้าลืมความดีของพวกเขาจนหมดแล้วหรือ?”

“รังแกคนชรากับสตรีมันแน่จริงที่ไหนกัน หากแน่จริงก็ไปตัดหัวชาวเผ่าต๋าต๋าที่สนามรบสิ!”

ทหารองครักษ์ตรงประตูทางเข้าถูกต่อว่าจนก้มหน้าลง

ตอนซือเจ๋อเยว่กลับเข้ามาในจวนอ๋อง เหลือบมองหนิวกงกงแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม เข่นฆ่าคนดี มีคนตายด้วยน้ำมือเจ้าหลายชีวิต”

“คืนนี้วิญญาณเหล่านั้นจะมาทวงชีวิต เจ้ากลับไปจัดเตรียมงานศพให้ตัวเองเถอะ”

หนิวกงกงแค่นหัวเราะกับคำพูดของนาง ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

ในสายตาของเขา ต่อให้คืนนี้ไม่อาจยั่วยุจนคนในจวนเยียนอ๋องลงมือ แต่อย่างไรครั้งนี้คนในจวนก็ต้องตายจนหมด

ส่วนเรื่องคนที่เคยตายด้วยน้ำมือของเขาเหล่านั้น ก็แค่คนตาย จะทำอะไรเขาได้?

ระหว่างที่เขาเดินไปข้างหน้า รู้สึกปวดข้อพับ จากนั้นยืนไม่มั่น จึงหกล้มลงพื้นดังตุบ

ซือเจ๋อเยว่พูดอย่างจริงจัง “หนิวกงกงกำลังขอขมาเยียนอ๋องหรือ? ท่านบอกว่ารับรู้แล้ว แต่ไม่คิดจะให้อภัยเจ้า”

หนิวกงกง “...”

เยียนอ๋องตายไปแล้ว ขอขมาบ้าบออะไรกัน!

ซือเจ๋อเยว่มองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นสองมือทำท่ามุทรา แล้วดันไปทิศทางของเขา จากนั้นหันหลังกลับจวน

มีทหารองครักษ์คนหนึ่งอดไม่ไหวจึงเข้าไปประคองหนิวกงกง พร้อมเอ่ยขึ้น “กงกง องค์หญิงเจ๋อเยว่ดูผิดแผกไม่น้อย”

“วันนี้นางบอกว่ากวนมามาจะตาย แล้วกวนมามาก็ตายจริงๆ...”

เขายังพูดไม่ทันจบ พลันถูกหนิวกงกงตบหน้า “เจ้าแช่งให้ข้าตายหรือ?”

ทหารองครักษ์คนนั้นรีบปฏิเสธ หนิวกงกงจ้องเขาอย่างเหี้ยมเกรียม “วันนี้เจ้าเป็นคนแรกที่ยืนยันว่าข้าด่าทอองค์หญิงเจ๋อเยว่สินะ?”

ทหารองครักษ์คนนั้นตกใจจนหน้าซีด ไม่กล้าพูดอีกต่อไป

แต่หนิวกงกงยังไม่หายแค้น จึงทำร้ายทุบตีทหารองครักษ์คนนั้น

เขาถีบไปด้วยพลางด่าทอไปด้วย “ใครใช้ให้เจ้าปากมาก ข้าจะตีสุนัขอย่างเจ้าให้ตาย”

เขามองไม่เห็นเงาดำที่ล้อมเขาไว้จากรอบด้าน เขาแค่รู้สึกหนาว จนสั่นไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้

เขารวบเสื้อบนตัวให้กระชับขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี จึงด่าทอไม่หยุด “อากาศบ้าอะไรกัน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้หนาวขนาดนี้?”

เขาชี้ไปที่องครักษ์คนหนึ่ง “เอาเสื้อคลุมของเจ้ามาให้ข้าสิ”

วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดี แต่กลับถูกซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบจนแผนเสียหมด เขาต้องรีบกลับไปกราบทูล

หลังจากสวมเสื้อคลุม เขารีบขี่ม้ามุ่งหน้าไปทางวังหลวงทันที

ส่วนซือเจ๋อเยว่กลับเข้าไปในจวนเยียนอ๋อง แล้วรีบปิดประตูใหญ่พร้อมลงกลอนทันที

เมื่อหันมองนางเห็นเยียนเซียวหรานยืนอยู่ด้านหลัง

นางยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา “หินที่คุณชายสามดีดออกไปเมื่อครู่ ทำให้หนิวกงกงคุกเข่าลงอย่างสวยงาม”

เมื่อได้ยินนางเอ่ยชม เยียนเซียวหรานรู้สึกเขินเล็กน้อย ใบหน้าจึงแดงระเรื่อ

เขาเอ่ยเสียงค่อย “ข้าไร้ความสามารถ จึงไม่อาจสังหารเขาได้ทันที”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าดูดวงเป็น คืนนี้เขาต้องตายแน่นอน”

“คนอย่างเขา ให้คุณชายสามต้องลงมือ มีแต่จะทำให้มือคุณชายแปดเปื้อน”

มีหลายชีวิตต้องตายด้วยมือหนิวกงกง วันนี้หลังจากนางดับเปลวไฟวิญญาณบนหัวไหล่เขา ดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องมาคิดบัญชีกับเขาแน่

เยียนเซียวหรานเห็นนางยิ้มอย่างมั่นใจ แววตาดูดีใจไม่น้อย

ในใจเขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้ว จึงเอ่ยถาม “องค์หญิง ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพบกันหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่ปฏิเสธทันควัน “ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักเต๋ามาตลอด คุณชายสามไม่เคยเห็นข้าหรอก”

เยียนเซียวหรานหันมองนางอีกครั้ง แล้วเก็บกดความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเอาไว้

ตอนนี้จวนเยียนอ๋องตกอยู่ในยามคับขัน เขาเองไม่มีแก่ใจไปคิดมากเรื่องพวกนี้ จึงเอ่ยถามอีกเรื่อง “องค์หญิงไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังย้อนกลับมาอีก?”

ซือเจ๋อเยว่คงบอกเขาไม่ได้ว่า นางเคยหลับนอนกับเขาแล้ว จึงไม่อาจเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตา

นางพูดอย่างขึงขัง “ข้าเคารพนับถือเยียนอ๋องและคุณชายทั้งหลาย ไม่อยากให้พวกเขาถูกเหยียนหยาม และไม่อยากให้ดวงวิญญาณของพวกเขาไม่สงบสุข”

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน เหล่ไท่จวินได้พาพระชายาเยียนอ๋องและคุณหนูทั้งหลายมาหา

พวกนางทำความเคารพซือเจ๋อเยว่พร้อมกัน “ขอบพระทัยองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่นึกไม่ถึงว่าพวกนางจะกล่าวขอบคุณอย่างเป็นพิธีการเช่นนี้ จึงรีบเข้าไปประคองเหล่าไท่จวิน “ท่านย่า ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว”

นางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแล้ว ย่อมถือว่าเป็นคนในจวนอ๋องด้วย”

“วันนี้เมื่อที่บ้านเจอวิกฤต ข้าจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร?”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Petcharat Sumranchit
นางเอกใจง่ายหรือไร หรือไม่ก้อโรคจิต คิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง…
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 8

    นางหยุดสักครู่แล้วพูดต่อ “ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อคือผู้บริสุทธิ์ ต่อให้ข้าจะไปจากจวนอ๋อง ก็ควรรอให้คดีของจวนเยียนอ๋องกระจ่างเสียก่อน”“ข้าคือบุตรีเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ เป็นถึงองค์หญิง หากข้าถูกประกาศจับ จะเสื่อมพระเกียรติไปถึงเสด็จพ่อของข้า”นางเลือกกลับจวนเยียนอ๋อง และยังคงเป็นสะใภ้ใหม่ของเยียนอ๋องซื่อจื่อ สมควรเรียกเหล่าไท่จวินว่าท่านย่าพระชายาผู้เฒ่ามองนางอย่างเปี่ยมเมตตา พร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์หญิงละม้ายอดีตฮ่องเต้มากนัก มีเมตตาปรานีและมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่”“เสียดายที่ซื่อจื่อ...เฮ้อ! เขาไม่มีวาสนาเอง”พระชายาเยียนอ๋องดึงมือซือเจ๋อเยว่ “วันนี้องค์หญิงช่วยจวนเยียนอ๋องเอาไว้ ทั่วทั้งจวนซาบซึ้งในพระคุณยิ่งนัก”นางมองดูซือเจ๋อเยว่ แล้วนึกถึงเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เสียไปแล้ว น้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสายในยามปกติที่สำนักเต๋า ซือเจ๋อเยว่มักพบเจออาจารย์ทั้งหลายที่หน้าด้านและนิสัยประหลาดผู้ที่อ่อนโยนราวสายน้ำอย่างพระชายาเยียนอ๋อง นางไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงวางตัวไม่ถูก ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าไท่จวินเหล่าไท่จวินสูดหายใจเข้าลึก “วันนี้จวนเยียนอ๋องถูกล้อม หนิวก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 9

    หากไม่ได้รับการตักเตือนจากซือเจ๋อเยว่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะซ่อนจดหมายไว้ในอ่างปลา?แววตาตื้นตันที่พระชายาผู้เฒ่ามองซือเจ๋อเยว่มากขึ้นกว่าเดิม หากจดหมายเหล่านี้ถูกคนของศาลต้าหลี่หาพบ จวนอ๋องต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรนางเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “รีบทำลายจดหมายพวกนี้ซะ”เยียนเซียวหรานนำอ่างมาแล้วเผาจดหมายทิ้งเขาเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ องครักษ์ก็เข้ามารายงาน “เรียนเหล่าไท่จวิน คุณชายสาม คนของศาลต้าหลี่มาขอรับ”ทุกคนหันไปสบตากัน คนของศาลต้าหลี่ช่างรวดเร็วนัก!หากพวกเขาช้าไปอีกนิด คงได้เกิดเรื่องใหญ่เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านย่า ข้าจะออกไปพบคนของศาลต้าหลี่”เหล่าไท่จวินพยักหน้าเพียงแต่เยียนเซียวหรานเพิ่งเดินออกจากเรือน เหวยอิ้งหวนก็พาคนเข้ามาพอดีเขาทำความเคารพเหล่าไท่จวิน “เหล่าไท่จวินโปรดอภัย ที่ข้ามารบกวนกลางดึก เพราะต้องทำตามพระบัญชา”“ข้าเชื่อว่าเยียนอ๋องจงรักภักดีและกล้าหาญ เขาตายไปในสนามรบ ถือเป็นความสูญเสียของแคว้นต้าฉู่”เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “จวนเยียนอ๋องเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวถูกสอบสวน”เหล่าไท่จวินพยักหน้า “ไม่ว่าใต้เท้าเหวยอยากตรวจสอบอย่างไร จวนเยียนอ๋องล้ว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 10

    ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอกเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นเป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรกเขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาสพวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมดส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำเยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”เจ้าหน้าที่ “...”เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบเจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยเหวยอิ้งหวนได้ยิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 11

    เหวยอิ้งหวนเป็นคนใจเย็นสุขุมมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็พลันนึกถึงคำพูดที่ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับเขาเมื่อคืน ก่อนที่เขาจะรู้สึกชาที่หนังศีรษะเขาไม่ได้ฟังคนของสำนักจิงจ้าวพูดต่อ แต่ให้เด็กรับใช้ขับรถม้ากลับบ้านทันทีเขากลับถึงบ้านก็ถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?” เด็กรับใช้ตอบว่า “วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากกินใบบัว พอฟ้าสางก็พาคนไปเก็บที่ริมน้ำแล้วขอรับ”เหวยอิ้งหวนหน้าซีดเผือดในพริบตา เขาเรียกข้ารับใช้ที่ว่ายน้ำเก่งหลายคนรีบไปยังสถานที่ที่มารดาเหวยเก็บใบบัว เมื่อเขาไปถึงแล้วเห็นกับตาว่ามารดาพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจกลัวแทบตายข้ารับใช้ลงน้ำไปช่วยคนทันที ไม่นานก็ช่วยมารดาขึ้นมาเนื่องจากมารดาได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ถึงแม้นางจะได้รับความตกใจกลัว โดนอากาศเย็นและสำลักน้ำไปหลายอึก แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต หลังจากที่เหวยอิ้งหวนจัดการเรื่องมารดาเหวยเรียบร้อยแล้ว เขายังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองเรื่องนี้ ซือเจ๋อเยว่ล้วนกล่าวถูกต้องเขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดแฝงไปด้วยกลิ่นอายความพิศวง ทำให้เขารู้สึกหนาวหลังเมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 12

    เยียนเซียวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์หญิงดูดวงให้คนอื่น ดูหนึ่งคนแลกหนึ่งชีวิต ค่อนข้างน่าตกใจกลัวเลยทีเดียว” ซือเจ๋อเยว่ “...”นางครุ่นคิดแล้วพบว่ามันดูเป็นแบบนี้จริง ๆ เลยกระแอมไอเบา ๆ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น!” นางกล่าวจบก็มองมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนจะพบว่าไออัปมงคลบนใบหน้าของเขารุนแรงมากขึ้น นี่เป็นโหงวเฮ้งที่จะต้องเสียชีวิตอย่างอนาถ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เยียนเซียวหรานเห็นนางมองมาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยในตอนแรก เมื่อพบว่าสายตาของนางผิดปกติจึงเอ่ยถามว่า “ข้าก็จะตายแล้วเหมือนกันใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่เดินวนรอบตัวเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าดูโหงวเฮ้งของเจ้าไม่ออก แต่ว่าตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ตาย” ไออัปมงคลบนตัวเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้แปลกพิกลเล็กน้อยเดิมทีเขาเป็นคนที่มีบุญบารมีมาก ไม่ควรมีไออัปมงคลเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรมีไออัปมงคลเพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้ในชั่วข้ามคืนหากปล่อยให้สั่งสมไออัปมงคล มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเสียชีวิตอย่างอนาถ ยามนี้นางต้องคิดหาวิธีช่วยเขาสลายไออัปมงคลบ้างนางยื่นมือทำท่ามุทรา แล้วตบหน้าอกของเขาเบา ๆเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 13

    ซือเจ๋อเยว่ยังต้องแลกด้วยชีวิตของนางอย่างน้อยหนึ่งเดือนอีกด้วย! เพียงแต่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเยียนเซียวหราน เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดวงของข้าแย่ลงเพราะได้รับไออัปมงคลบนตัวข้าหรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ไออัปมงคลจะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาของคน ผ่านไปนานเข้ายังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย” “หากไม่สามารถหาต้นตอของไออัปมงคลบนตัวเจ้าได้ ข้าก็ต้องถอนคำพูดที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อเช้า ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน” เยียนเซียวหรานขบคิดอย่างละเอียด จำได้เพียงว่าตนเองเริ่มโชคร้ายตั้งแต่สองปีก่อน เขาเดินอยู่ริมถนน อิฐกระเบื้องข้างทางจะต้องหล่นใส่เขาแน่นอน กระทะน้ำมันเดือดริมถนนก็จะสาดโดนตัวเขาด้วย... อุบัติเหตุเช่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะเขามีวิทยายุทธ์สูงส่ง ร่างกายปราดเปรียว เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย หากต้องบอกว่ามี เช่นนั้นก็คือเขาเคยหลับนอนกับสตรีนางหนึ่ง หลังจากนั้นมาเขาก็มีโชคร้ายติดตัว เพียงแต่ว่าเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ เขาไม่มีทางบอกซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอนเขาเอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 14

    ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับนางกำนัลทางด้านข้างว่า “ขนมที่ข้ากินตอนที่เข้ามาครั้งก่อนรสชาติไม่เลวเลย ข้าหิวแล้ว เจ้าไปเอามาให้ข้าสักจานที”นางกำนัลมองไปทางอวิ๋นไท่เฟย นางพยักหน้าเบา ๆ นางกำนัลก็ถอยออกไปหยิบขนม อวิ๋นไท่เฟยเห็นซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับนางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “เจ๋อเยว่ เจ้าเป็นธิดาของข้า ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้า ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น” “เจ้าอย่าโทษที่ข้าเข้มงวดกับเจ้ามากเกินไป เจ้าเติบโตอยู่ในอารามเต๋ามาตั้งแต่เล็ก ไม่รู้ว่าน้ำในวังแห่งนี้ลึกมากเพียงใด ข้าลำบากมากเพียงใด” “ข้ากลัวว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลยจนพลาดพลั้งเสียชีวิต”ซือเจ๋อเยว่มองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดนางกำนัลยกขนมมาพอดี ซือเจ๋อเยว่หยิบขนมชิ้นหนึ่งไปให้อาหารมดที่ริมกำแพงเพียงพริบตาเดียว มดเหล่านั้นก็หงายท้องกันหมดนางกำนัล “...”นางรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ทำตามอุบายเกินไปแล้ว นางบอกเองว่าอยากกินขนม แต่เอามาป้อนมดเช่นนี้ นี่ล้อนางเล่นหรือ? ซือเจ๋อเยว่ถามอวิ๋นไท่เฟยว่า “นี่ก็คือสิ่งที่ท่านทำดีต่อข้า?”อวิ๋นไท่เฟย “...”ซือเจ๋อเยว่โยนขนมในมือลงไปในจาน ปัดเศษขนมบนมือแล้วเอ่ยว่า “อวิ๋นไท่เฟย เลิกเสแสร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 15

    ซือเจ๋อเยว่เงยหน้าขึ้นแต่โดยดี เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงเห็นท่าทางของนางก็ใจลอยเล็กน้อยรูปร่างหน้าตาของซือเจ๋อเยว่คล้ายคลึงกับอวิ๋นไท่เฟยห้าส่วน อีกหลายส่วนก็เหมือนกับอดีตฮ่องเต้ รูปโฉมของนางรวมข้อดีของทั้งสองไว้ ดูงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเหมือนกับอดีตฮ่องเต้มาก เป็นนัยน์ตาดอกท้อน่าหลงใหล แววตากระจ่างใส มีความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวฮ่องเต้เจาหมิงมองนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกถึงเรื่องอะไร ถึงได้ดูเหม่อลอยอยู่บ้าง ขันทีที่อยู่ด้านข้างเก็บฎีกาที่เขาตรวจเสร็จแล้วทำให้เขาได้สติกลับมา เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหน้าตาเหมือนกับเสด็จพี่มาก” ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม ฮ่องเต้เจาหมิงมองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าช่างเหลวไหลเหลือเกิน” “อยู่ดี ๆ เจ้าก็ยืนกรานว่าจะแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเจิ้นบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้” “หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่ของเจ้าบอกว่า เสด็จพี่ได้หมั้นหมายให้เจ้าแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อในตอนที่เจ้ายังเด็ก เมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วต้องการแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสามให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเจิ้

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 365

    เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นว่าทั้งสามคนทำท่าจะทะเลาะกันอีกครั้ง จึงกล่าวไกล่เกลี่ยอยู่ข้าง ๆ “นี่คือคาถาของสำนักเต๋า พวกเจ้าย่อมไม่รู้”“คุณชายไป๋เอ้อระเหยลอยชายอยู่ในโลกใบนี้มานานนับพันปีแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ เขารู้เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”ชื่อปาเลี่ยที่อยู่ด้านหลังของเยียนเซียวหรานกล่าง “ใช่ ๆ ๆ พวกข้าไม่ใช่คนในสำนักเต๋า แน่นอนว่าไม่รู้”“ประสบการณ์ของพวกเราย่อมไม่สู้คุณ...คุณชายไป๋”ไป๋จื้อเซียนรักษาสภาพตอนที่เขาตายเมื่อตอนอายุยี่สิบเอาไว้ อันที่จริงเขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้ว ชื่อปาเลี่ยจึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกเขาอย่างไรเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับมีเพียงคำว่าคุณชายไป๋ถึงจะเหมาะสมไป๋จื้อเซียนคร้านที่จะโต้เถียงกับชื่อปาเลี่ย กลับยังคงรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่เข้าข้างเยียนเซียวหรานเกินไปซือเจ๋อเยว่ไม่ได้สนใจเขา เริ่มสวมคัมภีร์เต๋าเพื่อรวมวิญญาณของบรรดาเศษวิญญาณเหล่านี้ดวงวิญญาณของไป๋จื้อเซียนเก่งกาจมาก เรื่องการรวมวิญญาณแบบนี้เขาเหมือนกับเยียนเซียวหราน ไม่ต้องการความช่วยเหลือสักนิดดังนั้นเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ข้าง ๆเรื่องรวมวิญญาณสำหรับคาถาเต๋าแล้วไม่นับว่า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 364

    เดิมทีซือเจ๋อเยว่เตรียมที่จะพูดเหตุผลกับไป๋จื้อเซียนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับการอธิบายเสียแบบนี้เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า เหมือนว่าไป๋จื้อเซียนไม่ได้จัดการยากอะไรขนาดนั้น เขาค่อนข้างคุยด้วยได้ง่ายเยียนเซียวหรานมองไป๋จื้อเซียนแวบหนึ่ง หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าของที่ไป๋จื้อเซียนมีต่อซือเจ๋อเยว่ซือเจ๋อเยว่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องความรู้สึกช้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็นถึงจุดประสงค์ของไป๋จื้อเซียน เพียงแค่คิดว่าไป๋จื้อเซียนอยากจะเป็นเพื่อนกับนางไป๋จื้อเซียนเห็นเขามองมา ก็มองเขากลับด้วยสายตายั่วยุ แล้วค่อยทำท่าทางลูบลำคอเยียนเซียวหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชาเขาเข้าใจซือเจ๋อเยว่ เป็นไปไม่ได้ที่ซือเจ๋อเยว่จะชื่นชอบไป๋จื้อเซียนคงจะดีหากไป๋จื้อเซียนไม่ทำเรื่องอะไรที่ตื่นเต้นจนเกินไป หากทำแล้ว เกรงว่าซือเจ๋อเยว่ก็คงจะพยายามสังหารเขาอย่างสุดชีวิตเช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไป๋จื้อเซียนเป็นวิญญาณดุร้ายที่เป็นฆาตกร ถือเป็นศัตรูกับสถานะของซือเจ๋อเยว่เมื่อเทียบกับไป๋จื้อเซียน เขาไม่เป็นกังวลเขา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 363

    ไป๋จื้อเซียนเห็นว่านางมองเขา สุดท้ายแล้วเขาก็อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยากให้ฆ่าสังหารผู้คน ข้าไม่สังหารก็สิ้นเรื่อง”ที่เขาสังหารคนก็เพราะว่าในใจของเขาไม่มีความสุข คนทั่วไปสำหรับเขาเป็นเหมือนมดแมลง สามารถบีบให้ตายได้ตามใจชอบซือเจ๋อเยว่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็ลูบจมูกเบา ๆ ทีหนึ่ง ถามเขา “เพราะฉะนั้น ข้าเป็นสหายเก่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”ไป๋จื้อเซียนพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าให้สัญญากับข้าว่าจะเจอกันหนึ่งพันปีหลังจากนั้น”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก “ต้องขออภัยจริง ๆ เรื่องพวกนั้นข้าจำมันไม่ได้แล้ว”“ข้ารู้” ไป๋จื้อเซียนกล่าวเสียงราบเรียบ “ตอนนี้ข้าได้สาบานกับสวรรค์แล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่?”ครึ่งประโยคหลังเขายังไม่ได้พูด เขายังไม่รู้ว่า เมื่อหนึ่งพันปีก่อนนางใส่ใจเขามาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเหลือความทรงจำเมื่อหนึ่งพันปีช่วงนั้นเอาไว้มีเพียงเพราะหมกมุ่นมากถึงได้เก็บความทรงจำเอาไว้นานขนาดนี้ตอนนี้นางจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะค่อย ๆ ทำให้นางจำเขาให้ได้ก่อนหน้านี้นางมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเขาก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เข

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 362

    เขาถึงขนาดคิดว่า ในใจของนาง เขาก็เป็นคนที่พิเศษคนนั้นเช่นกันเมื่อเขาคิดเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเขาหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งออกมา พลังชั่วร้ายพวกนั้นทั้งหมดถูกดูดไปอย่างสะอาดหมดจดแล้ว จากนั้นก็ลอยจากท้องฟ้ามาที่ตรงหน้าของสีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือถือกระบี่ไม้ท้อก้าวไปข้างหน้า มือของซือเจ๋อเยว่กดที่บนมือของเขาจนถึงตอนนี้ ความแตกต่างของความสามารถระหว่างพวกเขามีมากเกินไป ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลยวันนี้หากต้องลงมือกันจริง ๆ เกรงว่าพวกเขาจะต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งหมด แล้วก็สังหารไป๋จื้อเซียนไม่ได้อีกด้วยในเรื่องการกำจัดปีศาจ ซือเจ๋อเยว่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ตลอดครั้งนี้เอาชนะไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าค่อยหาตัวช่วยที่จะทำให้เสมอกัน แล้วค่อยหาโอกาสลงมือกับเขาอีกครั้งการกระทำนี้ของนางทำให้ไป๋จื้อเซียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก ยกมือขึ้น แล้วโบกมือใส่เยียนเซียวหรานทันทีเยียนเซียวหรานถือกระบี่ไม้ท้อขวางเอาไว้ จึงต้านทานการโจมตีครั้งนี้ของไป๋จื้อเซียนได้ เพียงแต่เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกันไป๋จื้อเซียนมีความประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ไอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 361

    นางเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักเต๋า ดังนั้นการร่ายคาถาก็เหมือนกับกินข้าวกินน้ำ แต่สำหรับคนในสำนักเต๋าทั่วไปแล้ว กลับเป็นเรื่องที่ยากมากทว่าตอนนี้เยียนเซียวหรานไม่เพียงเคยเห็นนางร่ายคาถาไม่กี่ครั้ง ก็สามารถร่ายคาถาได้แล้ว นี่ถึงจะเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์!นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าร่ายคาถาเป็น เช่นนั้นพวกเรามาเผชิญหน้าด้วยกัน!”เยียนเซียวหรานพยักหน้าหลังจากที่เขารู้จักนาง ถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจคาถาเต๋า แต่ตอนหลังเขาได้ไปเรียนรู้ดาววิบัติดวงนั้นเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตั้งรับเตรียมพร้อมตอนที่ห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบกว่าจั้ง เยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงปราณชั่วร้ายที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ปราณชั่วร้ายกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด คมราวกับมีด ก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพัดโดนหน้าซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาปกป้องร่างกายของพวกเขาเอาไว้ ตอนที่เตรียมที่จะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้ด้วยนั้น ข้าง ๆ ก็มีสีแดงปรากฏขึ้นแวบหนึ่งจากนั้นพลังชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกที่เดิมทีรุนแรงมากก็สลายหายไปภายในชั่วพริบตาเยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 360

    วิธีการพูดแบบนี้ของซือเจ๋อเยว่ อันที่จริงเป็นคำศัพท์เฉพาะของสำนักเต๋าคำศัพท์นี้หมายถึงไม่ใช่ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าใช้ทักษะชั่วร้ายมารวมตัวกันจนกลายเป็นพลังชั่วร้ายพลังชั่วร้ายประเภทนี้ไม่ใช่วิญญาณทั่วไปที่ตายด้วยความโกรธแค้นจนกลายเป็นพลังชั่วร้าย แต่เป็นพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวมาจากความคิดชั่วร้ายและวิญญาณชั่วร้ายที่สะสมของโลกใบนี้หลังจากที่บรรดาเต๋าสายดำตามหาพลังชั่วร้ายประเภทนี้จนเจอ ค่อยใช้การฝึกพลังเฉพาะสกัดให้บริสุทธิ์ แล้วนำพวกมันมารวมไว้ด้วยกัน ก็เหมือนกับสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้พลังชั่วร้ายประเภทนี้หลังจากที่ถูกเจ้าของฝึกฝนมานาน ก็จะกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในมือของเต๋าสายดำเมื่อเจ้าของของพลังชั่วร้ายตอนที่สั่งให้พวกมันไปจัดการคนคนหนึ่ง พวกมันก็สามารถกลืนกินคนคนนั้นได้จากนั้นพวกเขาค่อยให้มนุษย์เกิดความคิดชั่วร้าย แล้วค่อยใช้ความคิดชั่วร้ายเป็นอาหารบำรุงพวกมัน ทว่าคนที่อยู่ที่นั่น ได้กลายเป็นหุ่นเชิดที่มีชีวิต มีพวกเขาคอยควบคุมซือเจ๋อเยว่จ้องมองดาววิบัติที่เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดาววิบัติดวงนี้ใหญ่กว่าที่นางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ในเวลาเด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status