แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
หากไม่ได้รับการตักเตือนจากซือเจ๋อเยว่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะซ่อนจดหมายไว้ในอ่างปลา?

แววตาตื้นตันที่พระชายาผู้เฒ่ามองซือเจ๋อเยว่มากขึ้นกว่าเดิม หากจดหมายเหล่านี้ถูกคนของศาลต้าหลี่หาพบ จวนอ๋องต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร

นางเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “รีบทำลายจดหมายพวกนี้ซะ”

เยียนเซียวหรานนำอ่างมาแล้วเผาจดหมายทิ้ง

เขาเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ องครักษ์ก็เข้ามารายงาน “เรียนเหล่าไท่จวิน คุณชายสาม คนของศาลต้าหลี่มาขอรับ”

ทุกคนหันไปสบตากัน คนของศาลต้าหลี่ช่างรวดเร็วนัก!

หากพวกเขาช้าไปอีกนิด คงได้เกิดเรื่องใหญ่

เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านย่า ข้าจะออกไปพบคนของศาลต้าหลี่”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า

เพียงแต่เยียนเซียวหรานเพิ่งเดินออกจากเรือน เหวยอิ้งหวนก็พาคนเข้ามาพอดี

เขาทำความเคารพเหล่าไท่จวิน “เหล่าไท่จวินโปรดอภัย ที่ข้ามารบกวนกลางดึก เพราะต้องทำตามพระบัญชา”

“ข้าเชื่อว่าเยียนอ๋องจงรักภักดีและกล้าหาญ เขาตายไปในสนามรบ ถือเป็นความสูญเสียของแคว้นต้าฉู่”

เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “จวนเยียนอ๋องเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวถูกสอบสวน”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า “ไม่ว่าใต้เท้าเหวยอยากตรวจสอบอย่างไร จวนเยียนอ๋องล้วนให้ความร่วมมือ”

เหวยอิ้งหวนทำความเคารพนางอีกครั้ง จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นจวนอ๋อง

หลังจากสั่งการเสร็จ เขาเห็นซือเจ๋อเยว่นั่งไขว่ห้างแทะเมล็ดแตงโม

เขามองดูอย่างค้นหา เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นเขาหันมอง นางจึงหยิบเมล็ดแตงโมหนึ่งกำพร้อมยื่นให้เขา “จะแทะด้วยกันหรือไม่?”

เมื่อครู่ตอนเขาเพิ่งเข้ามา ซือเจ๋อเยว่มองสำรวจเขาอย่างละเอียด

ตอนที่เยียนเซียวหรานเอ่ยถึงเหวยอิ้งหวน นางยังนึกว่าผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เป็นตาแก่เสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ คนหนึ่ง

ดวงตาของเขากลมโตค่อนข้างคล้ายดวงตาสตรี ขนคิ้วดกดำเรียงตัวยาว หน้าผากกว้าง ปลายจมูกกลมมน ดวงตาสุกใส

ผู้ที่มีใบหน้าลักษณะนี้ โดยมากนิสัยเด็ดเดี่ยวเที่ยงตรง

นางนึกว่าเขาจะไม่รับเมล็ดแตงโม แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารับเอาไว้ “ขอบพระทัยองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

นางหันมองเขาอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ดูโหงวเฮ้งผิด

เหวยอิ้งหวนชี้ไปที่อ่างเผาจดหมายเมื่อครู่ ซึ่งไม่ทันได้ย้ายออกไป “องค์หญิงรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ที่นี่เผาสิ่งใดอยู่?”

ซือเจ๋อเยว่ตอบ “ก่อนหน้านี้ตอนข้าเตรียมตัวออกเรือนอยู่ในวัง ได้คัดคัมภีร์คุณธรรมให้เยียนอ๋องหลายฉบับ”

“เดิมทีข้าคิดว่าจะเผาให้เยียนอ๋องพรุ่งนี้ แต่คืนนี้จวนอ๋องกลับถูกล้อม ข้าเลยเผาให้เยียนอ๋องทันที เพื่อให้ท่านปกปักรักษาจวนเยียนอ๋อง”

เหวยอิ้งหวนแทะเมล็ดแตงโมไปด้วย พลางเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องคัมภีร์คุณธรรม จึงไม่รู้ว่าให้ผลทางด้านนี้ด้วย”

ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ “โดยทั่วไปคัมภีร์คุณธรรมไม่ได้ให้ผลใดหรอก แต่คืนนี้หนิวกงกงบุกเข้าจวนอ๋องอย่างดุร้าย ในใจข้าเลยนึกกลัว”

“เมื่อใดที่คนเรากลัว ก็มักอยากขอให้ผีสางเทวาดปกป้อง เวลาอย่างนี้ใครจะไปสนใจล่ะว่าคัมภีร์คุณธรรมได้ผลหรือเปล่า?”

“ใต้เท้าเหวยดูแลศาลต้าหลี่ คิดว่าน่าจะเข้าใจสตรีบอบบางที่มีจิตใจอ่อนแออย่างพวกเราได้ดีที่สุด”

เหวยอิ้งหวน “...”

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซือเจ๋อเยว่มาบ้าง

นางคือทายาทเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ ซึ่งชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่ค่อยดีนัก

แต่วันนี้เมื่อได้พบ เขารู้สึกว่านางไม่ค่อยเหมือนกับในข่าวลือ

สัญชาตญาณของเขาบอกว่า สิ่งที่ถูกเผาในอ่างไม่ใช่ของธรรมดา

ทุกคนในจวนเยียนอ๋องล้วนเป็นคนฉลาด เขาจึงคิดจะหาช่องโหว่จากซือเจ๋อเยว่ที่เติบโตมาจากสำนักเต๋าตั้งแต่เด็ก ทว่าดูจากตอนนี้ นางเองก็ฉลาดใช่ย่อย

เขาหันมองซือเจ๋อเยว่ “ได้ยินว่าองค์หญิงอยู่ในสำนักเต๋ามาหลายปี เรียนรู้ศาสตร์ลี้ลับมาหลายแขนง ไม่ทราบว่าองค์หญิงดูโหงวเฮ้งเป็นหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “เป็นแน่นอน ดูจากโหงวเฮ้งของใต้เท้าเหวย ครอบครัวปรองดอง แต่เรื่องแต่งงานกลับพบเจออุปสรรคหลายครั้ง”

“หากข้าดูไม่ผิด ใต้เท้าเหวยเคยไปทาบทามเรื่องแต่งงานอย่างน้อยเจ็ดครั้งแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ”

เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินดังนั้นไม่ใคร่ใส่ใจนัก เพราะเรื่องราวเหล่านี้ของเขา สืบหาจากในเมืองหลวงได้ไม่ยาก

เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ “เช่นนั้นตามความเห็นขององค์หญิง ข้าจะได้แต่งงานเมื่อใดหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่นับข้อนิ้วทำนาย จากนั้นเอ่ยขึ้น “หากข้าทำนายไม่ผิด คู่ที่ท่านเพิ่งหมั้นหมายไปน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก”

“ในอนาคตข้างหน้าสามปี ท่านจะไม่ได้แต่งงาน”

เหวยอิ้งหวน “...”

เขาเอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าครั้งนี้องค์หญิงคงทำนายผิด คู่แต่งงานในครั้งนี้ของข้ามั่นคงมาก”

ซือเจ๋อเยว่หัวเราะ “ข้าทำนายแม่นหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง”

“แต่ข้าว่าตอนนี้ใต้เท้าเหวยอย่างเพิ่งห่วงเรื่องแต่งงานเลย เป็นห่วงมารดาของท่านก่อนจะดีกว่า”

“ตำแหน่งบิดามารดาบนใบหน้าของท่านอับแสง พรุ่งนี้เช้ามารดาของท่านจะมีเคราะใหญ่...ทางที่ดีตอนนี้ท่านรีบส่งข่าวกลับไป ให้นางอยู่ห่างน้ำไว้จะดีกว่า”

เหวยอิ้งหวนรู้สึกว่านางยิ่งพูดก็ยิ่งลึกลับ แต่กลับไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

เขาเอ่ยเสียงเข้ม “องค์หญิงทำนายเก่งเช่นนี้ เคยทำนายดวงของตัวเองหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่ผายมือ “ผู้ทำนายไม่ดูดวงตัวเอง ดังนั้นข้าจึงดูดวงให้ตัวเองไม่ได้”

“ไม่ว่าใต้เท้าเหวยจะเชื่อคำพูดข้าหรือไม่ แต่ข้าขอแนะนำให้ท่านสั่งคนที่ว่ายน้ำเก่งติดตามมารดาท่านเอาไว้จะดีกว่า”

“เพราะอย่างไรหากข้าทำนายพลาดก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากข้าทำนายแม่น ยังพอช่วยชีวิตของมารดาท่านได้”

มุมปากเหวยอิ้งหวนกระตุก “ข้าได้ยินว่าองค์หญิงทำนายชะตาให้หนิวกงกง บอกว่าคืนนี้เขาต้องตายหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “เขาต้องตายคืนนี้ เพราะเขาทำเรื่องชั่วไว้มากเกินไป”

“คืนนี้เขาบุกเข้ามาในจวนเยียนอ๋อง ล่วงเกินดวงวิญญาณของเยียนอ๋องและเหล่าคุณชาย แม้แต่ยมบาลยังทนดูไม่ได้ ต้องการเอาชีวิตเขา”

เหวยอิ้งหวนไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดแม้แต่น้อย

หลายปีมานี้เขาดูแลเรือนจำมาหลายปี ไม่เคยเห็นภูตผีมาก่อน

คืนนี้เขาแค่คิดจะหลอกถามนางเท่านั้น แต่กลับต้องมาฟังนางพูดเรื่องภูตผีอยู่นานสองนาน ทำให้เขาอึดอัดมาก จนขี้เกียจสนใจนาง

ซือเจ๋อเยว่เองก็ไม่โกรธ หันมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ใต้เท้า เมล็ดแตงโมของข้าแทะหมดแล้ว ที่อยู่ในมือท่าน หากไม่อยากกินให้ข้าได้หรือไม่?”

เหวยอิ้งหวน “...”

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่านางถึงกับขอเมล็ดแตงโมที่ให้เขาแล้วกลับไปอย่างนี้

เขาวางเมล็ดแตงโมไว้บนโต๊ะตรงหน้านาง แล้วหันหลังจากไป

ซือเจ๋อเยว่มองดูเมล็ดแตงโมตรงหน้าแล้วหัวเราะ นางไม่ได้แทะ แต่กลับใช้กระดาษห่อมันเอาไว้

เมื่อเหล่าไท่จวินได้ยินการสนทนาของซือเจ๋อเยว่และเหวยอิ้งหวน แววตาล้ำลึกกว่าเดิม

นางรอให้เหวยอิ้งหวนออกไปแล้วจึงเอ่ยถาม “พรุ่งนี้เช้ามารดาของใต้เท้าเหวยจะมีอันตรายหรือ”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ข้าทำนายได้ แต่หากเขาไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญา”

เหล่าไท่จวินหันมองซือเจ๋อเยว่ นางดูบอบบางอ่อนโยน อย่างไรก็ดูไม่เกี่ยวข้องกับนักพรตที่มีบารมีแก่กล้าสักนิด

ทว่าคืนนี้ซือเจ๋อเยว่สามารถทำนายตำแหน่งของจดหมายได้ ทำให้นางรู้ว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ธรรมดา

เหล่าไท่จวินกับมารดาของเหวยอิ้งหวนพอรู้จักกันบ้าง หากเป็นเมื่อก่อน นางคงให้คนไปแจ้งเรื่องนี้แก่มารดาของเหวยอิ้งหวน

แต่ยามนี้จวนเยียนอ๋องถูกล้อม พวกนางเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ต่อให้นางอยากช่วยก็จนปัญญา

นางจึงถอนหายใจเสียงค่อย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 10

    ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอกเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นเป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรกเขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาสพวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมดส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำเยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”เจ้าหน้าที่ “...”เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบเจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยเหวยอิ้งหวนได้ยิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 11

    เหวยอิ้งหวนเป็นคนใจเย็นสุขุมมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็พลันนึกถึงคำพูดที่ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับเขาเมื่อคืน ก่อนที่เขาจะรู้สึกชาที่หนังศีรษะเขาไม่ได้ฟังคนของสำนักจิงจ้าวพูดต่อ แต่ให้เด็กรับใช้ขับรถม้ากลับบ้านทันทีเขากลับถึงบ้านก็ถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?” เด็กรับใช้ตอบว่า “วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากกินใบบัว พอฟ้าสางก็พาคนไปเก็บที่ริมน้ำแล้วขอรับ”เหวยอิ้งหวนหน้าซีดเผือดในพริบตา เขาเรียกข้ารับใช้ที่ว่ายน้ำเก่งหลายคนรีบไปยังสถานที่ที่มารดาเหวยเก็บใบบัว เมื่อเขาไปถึงแล้วเห็นกับตาว่ามารดาพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจกลัวแทบตายข้ารับใช้ลงน้ำไปช่วยคนทันที ไม่นานก็ช่วยมารดาขึ้นมาเนื่องจากมารดาได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ถึงแม้นางจะได้รับความตกใจกลัว โดนอากาศเย็นและสำลักน้ำไปหลายอึก แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต หลังจากที่เหวยอิ้งหวนจัดการเรื่องมารดาเหวยเรียบร้อยแล้ว เขายังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองเรื่องนี้ ซือเจ๋อเยว่ล้วนกล่าวถูกต้องเขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดแฝงไปด้วยกลิ่นอายความพิศวง ทำให้เขารู้สึกหนาวหลังเมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 12

    เยียนเซียวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์หญิงดูดวงให้คนอื่น ดูหนึ่งคนแลกหนึ่งชีวิต ค่อนข้างน่าตกใจกลัวเลยทีเดียว” ซือเจ๋อเยว่ “...”นางครุ่นคิดแล้วพบว่ามันดูเป็นแบบนี้จริง ๆ เลยกระแอมไอเบา ๆ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น!” นางกล่าวจบก็มองมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนจะพบว่าไออัปมงคลบนใบหน้าของเขารุนแรงมากขึ้น นี่เป็นโหงวเฮ้งที่จะต้องเสียชีวิตอย่างอนาถ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เยียนเซียวหรานเห็นนางมองมาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยในตอนแรก เมื่อพบว่าสายตาของนางผิดปกติจึงเอ่ยถามว่า “ข้าก็จะตายแล้วเหมือนกันใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่เดินวนรอบตัวเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าดูโหงวเฮ้งของเจ้าไม่ออก แต่ว่าตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ตาย” ไออัปมงคลบนตัวเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้แปลกพิกลเล็กน้อยเดิมทีเขาเป็นคนที่มีบุญบารมีมาก ไม่ควรมีไออัปมงคลเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรมีไออัปมงคลเพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้ในชั่วข้ามคืนหากปล่อยให้สั่งสมไออัปมงคล มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเสียชีวิตอย่างอนาถ ยามนี้นางต้องคิดหาวิธีช่วยเขาสลายไออัปมงคลบ้างนางยื่นมือทำท่ามุทรา แล้วตบหน้าอกของเขาเบา ๆเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 13

    ซือเจ๋อเยว่ยังต้องแลกด้วยชีวิตของนางอย่างน้อยหนึ่งเดือนอีกด้วย! เพียงแต่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเยียนเซียวหราน เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดวงของข้าแย่ลงเพราะได้รับไออัปมงคลบนตัวข้าหรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ไออัปมงคลจะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาของคน ผ่านไปนานเข้ายังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย” “หากไม่สามารถหาต้นตอของไออัปมงคลบนตัวเจ้าได้ ข้าก็ต้องถอนคำพูดที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อเช้า ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน” เยียนเซียวหรานขบคิดอย่างละเอียด จำได้เพียงว่าตนเองเริ่มโชคร้ายตั้งแต่สองปีก่อน เขาเดินอยู่ริมถนน อิฐกระเบื้องข้างทางจะต้องหล่นใส่เขาแน่นอน กระทะน้ำมันเดือดริมถนนก็จะสาดโดนตัวเขาด้วย... อุบัติเหตุเช่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะเขามีวิทยายุทธ์สูงส่ง ร่างกายปราดเปรียว เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย หากต้องบอกว่ามี เช่นนั้นก็คือเขาเคยหลับนอนกับสตรีนางหนึ่ง หลังจากนั้นมาเขาก็มีโชคร้ายติดตัว เพียงแต่ว่าเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ เขาไม่มีทางบอกซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอนเขาเอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 14

    ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับนางกำนัลทางด้านข้างว่า “ขนมที่ข้ากินตอนที่เข้ามาครั้งก่อนรสชาติไม่เลวเลย ข้าหิวแล้ว เจ้าไปเอามาให้ข้าสักจานที”นางกำนัลมองไปทางอวิ๋นไท่เฟย นางพยักหน้าเบา ๆ นางกำนัลก็ถอยออกไปหยิบขนม อวิ๋นไท่เฟยเห็นซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับนางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “เจ๋อเยว่ เจ้าเป็นธิดาของข้า ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้า ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น” “เจ้าอย่าโทษที่ข้าเข้มงวดกับเจ้ามากเกินไป เจ้าเติบโตอยู่ในอารามเต๋ามาตั้งแต่เล็ก ไม่รู้ว่าน้ำในวังแห่งนี้ลึกมากเพียงใด ข้าลำบากมากเพียงใด” “ข้ากลัวว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลยจนพลาดพลั้งเสียชีวิต”ซือเจ๋อเยว่มองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดนางกำนัลยกขนมมาพอดี ซือเจ๋อเยว่หยิบขนมชิ้นหนึ่งไปให้อาหารมดที่ริมกำแพงเพียงพริบตาเดียว มดเหล่านั้นก็หงายท้องกันหมดนางกำนัล “...”นางรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ทำตามอุบายเกินไปแล้ว นางบอกเองว่าอยากกินขนม แต่เอามาป้อนมดเช่นนี้ นี่ล้อนางเล่นหรือ? ซือเจ๋อเยว่ถามอวิ๋นไท่เฟยว่า “นี่ก็คือสิ่งที่ท่านทำดีต่อข้า?”อวิ๋นไท่เฟย “...”ซือเจ๋อเยว่โยนขนมในมือลงไปในจาน ปัดเศษขนมบนมือแล้วเอ่ยว่า “อวิ๋นไท่เฟย เลิกเสแสร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 15

    ซือเจ๋อเยว่เงยหน้าขึ้นแต่โดยดี เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงเห็นท่าทางของนางก็ใจลอยเล็กน้อยรูปร่างหน้าตาของซือเจ๋อเยว่คล้ายคลึงกับอวิ๋นไท่เฟยห้าส่วน อีกหลายส่วนก็เหมือนกับอดีตฮ่องเต้ รูปโฉมของนางรวมข้อดีของทั้งสองไว้ ดูงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเหมือนกับอดีตฮ่องเต้มาก เป็นนัยน์ตาดอกท้อน่าหลงใหล แววตากระจ่างใส มีความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวฮ่องเต้เจาหมิงมองนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกถึงเรื่องอะไร ถึงได้ดูเหม่อลอยอยู่บ้าง ขันทีที่อยู่ด้านข้างเก็บฎีกาที่เขาตรวจเสร็จแล้วทำให้เขาได้สติกลับมา เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหน้าตาเหมือนกับเสด็จพี่มาก” ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม ฮ่องเต้เจาหมิงมองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าช่างเหลวไหลเหลือเกิน” “อยู่ดี ๆ เจ้าก็ยืนกรานว่าจะแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเจิ้นบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้” “หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่ของเจ้าบอกว่า เสด็จพี่ได้หมั้นหมายให้เจ้าแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อในตอนที่เจ้ายังเด็ก เมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วต้องการแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสามให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเจิ้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 16

    ซือเจ๋อเยว่พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาเดินถือดาบเพื่อตามหานางทั่วหมู่บ้านขึ้นมา นางรู้ว่าหากวันนี้ไม่ให้คำตอบ เขาอาจจะสับนางเป็นชิ้นๆ ได้เลย นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “สำนักเต๋าให้มา” เยียนเซียวหรานจดจ้องนัยน์ตาของนางพลางย้อนถาม “สำนักเต๋าให้มา?” “ใช่แล้ว” ซือเจ๋อเยว่ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “สำนักเต๋าของเรามีธรรมเนียมการแจกสิ่งของแก่ศิษย์ทุกปี” “ของสิ่งนี้ได้รับจากสำนักเต๋าเมื่อสามปีก่อน ข้าเห็นว่าถุงเงินนี้มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์จึงเอ่ยปากขอจากท่านอาจารย์ใหญ่มาหนึ่งใบ” นางพูดจบแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย “ถุงเงินใบนี้มีอะไรผิดปกติหรือ?” เยียนเซียวหรานไม่ตอบ เพียงมองนางด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าไต่สวน แม้นางตื่นเต้นแทบตาย แต่กลับไม่เผยพิรุธบนใบหน้า นางทำเป็นมองเขาด้วยสายตาฉงนพลางถาม “เหตุใดน้องสามถึงมองข้าเช่นนี้?” เยียนเซียวหรานไม่พบพิรุธจากสีหน้าของนาง ชั่วครู่จึงเกิดความไม่แน่ใจว่านางโกหกหรือไม่ เขาถอนสายตาแล้วพูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีอะไร แค่คิดว่าลวดลายของถุงเงินนี้ดูแปลกตาดี” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มกล่าว “มันเป็นล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 17

    เห็นกิริยาเช่นนี้ของนาง ทำเขาหรี่ตาเพ่งมองแล้วตัดสินใจเดินตามนางไปทางเรือนจี้หลิ่ว เหล่าไท่จวินกังวลเมื่อนางออกไป โล่งใจเมื่อเห็นนางกลับมา นางรีบถามซือเจ๋อเยว่ “ฝ่าบาททำให้องค์หญิงลำบากใจหรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า เอ่ย “นอกจากเขาไม่ทำให้ข้าลำบากใจ ยังมอบของขวัญให้ข้าด้วยซ้ำ” เหล่าไท่จวินเห็นหยกแขวนในมือนางพลันประหลาดใจ ในอดีตเมื่อเหล่าไท่จวินเข้าวังก็เคยได้เห็นหยกแขวนชิ้นนี้อยู่บนพระวรกายมังกรของฮ่องเต้เจาหมิง ซือเจ๋อเยว่จึงอธิบายที่มาของหยกแขวนชิ้นนี้สั้นๆ เหล่าไท่จวินได้ฟังแล้วตกอยู่ในห้วงคำนึง แต่ซือเจ๋อเยว่สรุปว่า “เสด็จอาอาจใจแคบต่อข้า แต่จะไม่ทำการใดให้คนอื่นมองออก” “ครานี้ข้าได้แต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าจะเป็นแผนการของคนอื่น” “ขอเพียงเขาไม่คิดเล่นงานจวนเยียนอ๋องถึงตาย จวนเยียนอ๋องก็ยังเอาตัวรอดต่อไปได้” เหล่าไท่จวินพยักหน้าเข้าใจพลางเอ่ย “องค์หญิงกล่าวมีเหตุผล” น้ำเสียงทุ้มลึกของเยียนเซียวหรานดังขึ้น “ต้องบอกว่าการปราชัยของเสด็จพ่อทำให้มองสถานการณ์จริงได้ชัดขึ้น” “พูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาไม่ค

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 294

    "ไม่มีคำว่าแต่อันใดทั้งนั้น" นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน "หากท่านไม่รีบออกไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!" ซือเจ๋อเยว่ "…" เมื่อคืนที่ผ่านมานางได้ยินเยียนเซียวหรานบอกว่าราชครูไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น และไม่ชอบพบเจอคนแปลกหน้า นางคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น อย่างน้อยก็การที่เขาเร่งเดินทางไกลกลับมาเพื่อใช้กระบี่ฟันไป๋จื้อเซียนครั้งนั้น ก็หมายความว่าเขาหาใช่คนที่เพิกเฉยต่อปัญหาของผู้คนโดยสิ้นเชิง นางยังคิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ เมื่อเขาเดาเจตนาของนางได้ เขากลับส่งนักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวที่ดุดันมาไล่นางออกไป หากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่อื่น นางคงจะบุกขึ้นเขาไปถามเขาให้รู้เรื่อง แต่ที่นี่คือเมืองหลวง อีกทั้งกระบี่ของเขาคราวก่อนทรงพลังจนเกินคาด ราชครูผู้นี้คงเป็นยอดฝีมือที่นางไม่อยากขัดแย้งด้วย ดังนั้น นางจึงทำได้แค่พาเยียนเซียวหรานเดินออกจากค่ายกลไปอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากค่ายกล นักพรตเต๋าน้อยชุดสีเขียวก็รีบปิดซุ้มประตูที่เชิงเขาทันที ซึ่งปกติแทบไม่เคยปิด เขาปิดประตูอย่างรุนแรงจนซือเจ๋อเยว่ที่เดินช้ากว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 293

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่มีความจำเป็นต้องถามอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า” ครั้งนี้เยียนเซียวหรานไม่ได้หันกลับมามองนางอีก และนางก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ นางหมุนตัวแล้วเดินจากไป เยียนเซียวหรานมองเปลวเทียนที่ลุกไหวอยู่ในศาลบรรพชน ก่อนจะถอนหายใจเสียงยาว เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมาที่ห้อง นางครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเยียนเซียวหรานในปีนี้ นางคิดหลายตลบก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ในสถานการณ์เช่นนี้ คำอธิบายเดียวที่ดูคล้ายจะสมเหตุสมผล คืออาจเป็นเพราะลุงเขยของเยียนเซียวหรานมาเยือน จึงทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ นางยักไหล่เล็กน้อย ไม่ใส่ใจจะคิดต่อ และหันไปวางแผนว่าหากได้พบกับราชครูในวันรุ่งขึ้น นางจะเกลี้ยกล่อมให้เขาช่วยจัดการไป๋จื้อเซียนได้อย่างไร เช้าวันรุ่งขึ้น เยียนเซียวหรานมาตามที่นัดไว้ เขาพานางไปยังหอพยากรณ์ดวงดาวเพื่อพบกับราชครู แม้จะเรียกว่าหอ แต่ที่แท้แล้วคือกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่อดีตฮ่องเต้สร้างขึ้นเพื่อราชครู ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งที่แห่งนั้น ก็สามารถเฝ้าดูดวงดาวและทำนา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 292

    แท้จริงแล้วราชครูมีการไปมาหาสู่กับเยียนอ๋อง ในเมืองหลวงเขาแทบไม่มีสหายที่ใด เยียนอ๋องกลับเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว ครั้งล่าสุดก่อนที่เยียนอ๋องจะออกศึก ราชครูเคยมาพบเยียนอ๋องครั้งหนึ่ง ส่วนพวกเขาหารือเรื่องใดกันนั้น เยียนเซียวหรานไม่อาจรู้ได้ เพียงแค่ได้ยินเสียงทั้งสองทะเลาะกันในห้องหนังสือ หลังจากจวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง ราชครูก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ในค่ำคืนนั้นเมื่อเยียนเซียวหรานพบราชครูที่เรือนพักในจวนหนิงกั๋วกง เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเยียนเซียวหราน ที่ราชครูยอมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ ปกติเมื่อเขาอยู่ในเมืองหลวง ก็มักจะพำนักอยู่ในหอพยากรณ์ดวงดาว ไม่ว่าจะมีเรื่องใดที่ไม่สำคัญจริง เขาจะไม่มีทางออกมา ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยความกังวล “แต่ไป๋จื้อเซียนนั้นเป็นภัยใหญ่ ทั้งยังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย” “เกรงว่าไม่นานเกินรอเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะยิ่งจัดการยากขึ้น” “ไม่ว่าราชครูจะยินยอมพบข้าหรือไม่ ข้าคงต้องหาวิธีพบเขาให้ได้” เยียนเซียวหรานพยักหน้า “ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่าน” ซือเจ๋อเยว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 291

    เขานึกถึงภาพในช่วงหลายวันที่ผ่านมายามนางนอนอยู่บนเตียงโดยไม่มีวี่แววของลมหายใจใด ๆ หัวใจเขาเจ็บปวดราวกับถูกบีบคั้นจนแทบทนไม่ได้ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่เสมอว่าสภาพร่างกายของนางไม่แข็งแรง แต่ทุกครั้งที่เขาได้พบนาง นางกลับมีรอยยิ้มเปี่ยมล้นบนใบหน้า ร่างกายของนางดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขาไม่เคยคิดว่านางเป็นคนที่กำลังจะสิ้นลม และไม่เคยคิดว่าสภาพร่างกายของนางจะแย่ถึงเพียงนี้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับเตือนเขา ว่านางบอบบางยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดไว้มากนัก เขาเอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้ องค์หญิงพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนให้ดีเถอะ”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะเสียงเบา “สภาพร่างกายของข้า ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?” “เมื่อมีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้าอาจอยู่ได้นานขึ้นอีกสักหน่อย แต่หากเจ้าไม่อยู่ ข้าก็จะตายเร็วขึ้นกว่าเดิม” เยียนเซียวหรานขมวดคิ้วแน่น บัดนี้เขาไม่อยากได้ยินคำว่า ‘ตาย’ อีกแล้ว ซือเจ๋อเยว่นั่งลงข้างเขา ใช้มือทั้งสองประคองคางของตนเองไว้พลางเอ่ยขึ้น “อีกอย่าง ไป๋จื้อเซียนนั่นเป็นข้าที่ปล่อยออกมาเอง” “เรื่องครั้งนี้จะไปโทษเจ้าไม่ได้หรอก หากจะโทษก็ต้องโทษข้า” “

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 290

    เยียนเซียวหรานหลุบตาลง “ท่านย่าสั่งสอนได้ถูกต้อง ครั้งนี้เป็นข้าที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตอนนี้องค์หญิงฟื้นแล้ว ท่านย่าลงโทษข้าเถิดขอรับ”เหล่าไท่จวินพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ท่านย่า เรื่องนี้โทษน้องสามไม่ได้จริง ๆ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ตอนนั้นสถานการณ์พิเศษ”“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเข้ากับไป๋จื้อเซียนที่นั่น หากไม่ใช่เพราะน้องสามปกป้องข้าจนสุดชีวิตละก็ ข้าก็คงตายไปแล้ว”“ดังนั้นท่านย่าอย่าได้ลงโทษน้องสามเลย เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน”เหล่าไท่จวินถอนหายใจ “องค์หญิงไม่ต้องร้องขอความเมตตาแทนเขา เขาเป็นบุรุษ เดิมทีก็ควรปกป้องญาติผู้หญิงในครอบครัวอยู่แล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเยียนเซียวหราน เขายืนหน้านิ่งยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นนางมองมา ก็สบตากับนางแวบหนึ่ง แล้วก็เก็บสายตาคืนกลับมาซือเจ๋อเยว่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วันนั้นข้าเห็นเหนียนเหนียนหมดสติไปเช่นกัน เหนียนเหนียนไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”เยียนเหนียนเหนียนโผล่หน้าออกมาจากทางด้านหลังของเหล่าไท่จวิน “ข้าไม่เป็นไร แค่หมดสติเป็นครู่เดียวเท่านั้น ในไม่ช้าก็หายดีแล้ว”“ร่างกายของข้าแข็งแรง องค์หญิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 289

    ตอนที่ไป๋จื้อเซียนมองเห็นยันต์พวกนั้นก็หรี่ตาลงทันที เมื่อตระหนักได้ว่าทรงพลัง ก็โยกหลบอย่างรวดเร็วซือเจ๋อเยว่ฉวยโอกาสยื่นนิ้วออกไป ยันต์พวกนั้นก็ไล่ตามไป๋จื้อเซียนไป ร่างกายของเขามียันต์ห้าอัสนีบาตแผ่นหนึ่งแปะอยู่เขาด่าทอด้วยคำหยาบคาย มองไปทางด้านนอกห้องแวบหนึ่ง รู้ว่าหากวันนี้ไม่หนีไป เกรงว่าจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ จึงวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วตอนที่เขาวิ่งหนี เมฆฝนก่อตัวขึ้น ไล่ตามเขาภายในชั่วพริบตา ทั่วทั้งเรือนเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้อง ผู้ดูแลพาท่านหมอเดินเข้ามาพอดี ทันทีที่เห็นฉากนี้ ก็ตกใจจนลูกตาเกือบถลนออกมาถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นไป๋จื้อเซียน แต่เขามองเห็นสายฟ้าบนท้องฟ้า เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสายฟ้าหน้าตาแบบนี้ทันทีที่ไป๋จื้อเซียนวิ่งหนี ห้องก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ตะเกียงน้ำมันที่มุมห้องยังคงสว่างอยู่ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้น ทันทีที่หันหน้าไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ฟันกระบี่ใส่ไป๋จื้อเซียนก็คือเยียนเหนียนเหนียนนางรู้สึกผิดปกติ ต่อให้นางแปะยันต์แผ่นหนึ่งบนกระบี่ของเยียนเหนียนเหนียน กระบี่เล่มนั้นของนางร้ายกาจกว่ากระบี่ทั่วไปเล็กน้อย ก็ไม่มีทางทำลายอาณาเขตที่ไป๋จื้อเซียนวางเอาเม

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 288

    ครู่ต่อมา ซือเจ๋อเยว่หยิบอาวุธเวทย์อีกชิ้นหนึ่งออกมา เพียงแต่นางยังไม่ทันเข้าไปหา ก็ถูกเส้นผมสีดำของเขากวาดลอยกระเด็นออกไปเยียนเซียวหรานอยากจะเข้ามาช่วย แต่กลับถูกผ้าต่วนสีแดงรัดลำคอเอาไว้เขากล่าวอย่างยากลำบาก “องค์หญิง!”ซือเจ๋อเยว่ล้มลงบนพื้นกระอักเลือดออกมา ไป๋จื้อเซียนไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้ตรงหน้าของนางพอดีเลือดพ่นใส่มือของไป๋จื้อเซียน มือของเขาเป็นรูทันทีเขาค่อนข้างประหลาดใจ “นักพรตหญิงน้อย ร่างกายของเจ้ามีความพิเศษนี่นา!”ปากเขาพูดไป มือกลับบีบลำคอของนางเอาไว้ “กินตบะของเจ้า จะต้องบำรุงมากแน่!”ร่างกายของซือเจ๋อเยว่ เป็นวิญญาณมาหนึ่งพันปี เป็นครั้งแรกที่ได้เจอร่างกายอย่างนางเขาเคยเห็นในหนังสือเล่มหนึ่ง หากได้กินวิญญาณของนาง เท่ากับเป็นการบำเพ็ญตบะห้าร้อยปีถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยประมือกับนางมาก่อน แต่ครั้งก่อนนางไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก เขาไม่รู้ว่านางจะมีร่างกายที่พิเศษเช่นนี้บัดนี้ค้นพบแล้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันทีเพียงแต่คนที่มีร่างกายเช่นนาง เนื่องจากร่างกายพิเศษมากเกินไป ดังนั้นอยากจะกลืนกินนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซือเจ๋อเยว่ใช้มือปาดเลือดที่มุมปาก ยื่นมื

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 287

    พวกเขาร่วมมือกันอยากจะจับตัวไป๋จื้อเซียนเอาไว้เป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งเรื่องหนึ่งเขารู้ว่าในเวลานี้ไม่มีเวลาห่วงหน้าพะวงหลังอีกแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องเป็นคนจบเรื่องนางพูดกับเยียนเซียวหรานเบา ๆ “เจ้าถ่วงเวลาเขาไว้สักสิบวินาที”เยียนเซียวหรานพยักหน้า มือของซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาอย่างรวดเร็วไป๋จื้อเซียนเห็นสัญลักษณ์มือของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะจับตัวข้าเอาไว้อีกอย่างนั้นหรือ?”เขาพูดจบก็พุ่งตัวเข้ามาหานาง พุ่งตรงเข้ามาควักหัวใจของนางกระบี่ไม้ท้อในมือของเยียนเซียวหรานพันเข้าใส่ไป๋จื้อเซียนทันทีทั้งสองอย่างปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไป๋จื้อเซียนหัวเราะเบา ๆ “ฮ่า น่าสนุก! แต่วันนี้ ที่ตรงนี้เป็นถิ่นของข้า ข้าเป็นใหญ่!”เส้นผมสีดำของเขาแผ่สยาย ผ้าต่วนสีแดงบนร่างกายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่เยียนเซียวหรานที่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารต่อให้วิชากระบี่ของเยียนเซียวหรานจะดีแค่ไหน กระบี่ไม้ท้อไม่ใช่อาวุธแหลมที่สามารถตัดโลหะหรือหยกได้ จึงถูกพันธนาการเอาไว้ทันทีเขารีบชักกระบี่ติดตัวของตนเองที่อยู่บริเวณเอวของตนเองออกมา ฟันเข้าใส่เส้นผมสี

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 286

    ค่ำคืนนี้ ซือเจ๋อเยว่มาตามที่คาดไว้!เขามองเยียนเซียวหรานด้วยสายตาเย็นยะเยือก หันหน้ากลับไปมองค่ายกลที่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างชั่วร้ายเขาเฝ้าอยู่ที่ เป็นเพราะกลิ่นอายจากตัวของซือเจ๋อเยว่กับค่ายกลนั่นค่อนข้างคล้ายคลึงกับกลิ่นอายที่เคลื่อนตัวอยู่บนร่างกายหของอวิ๋นเยว่หยางครั้งก่อนที่เขาเจอกับเยียนเซียวหรานแบบรีบร้อนเกินไปหน่อย ประกอบกับซือเจ๋อเยว่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย ดังนั้นเขาจำไม่ได้ในทันทีว่ากลิ่นอายบนตัวของอวิ๋นเยว่หยางคือกลิ่นอายของเยียนเซียวหรานในเวลานี้ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลาย กลิ่นอายพวกนั้นก็ไหลย้อนกลับ เขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนค่อนข้างเกิดความสนใจเป็นเพราะเขารู้ว่า เป็นการยากที่คนคนหนึ่งจะมีกลิ่นอายของคนอื่นติดอยู่อย่างแท้จริง แม้ว่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันก็เป็นไปไม่ได้หากติดแล้ว นั่นก็แสดงว่าโชคชะตาของทั้งสองคนรวมเข้าด้วยกันแล้วไป๋จื้อเซียนมองเยียนเซียวหราน กล่าว “น่าสนุก”เขาหันหน้าไปมองซือเจ๋อเยว่อีกครั้ง “นักพรตหญิงน้อย เจ้าหมอนี่ดีกับเจ้าเหลือเกินนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีชะตาชีวิตร่วมกันกับเจ้า”เ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status