Share

บทที่ 9

Author: เจียงหนานเยียน
หากไม่ได้รับการตักเตือนจากซือเจ๋อเยว่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะซ่อนจดหมายไว้ในอ่างปลา?

แววตาตื้นตันที่พระชายาผู้เฒ่ามองซือเจ๋อเยว่มากขึ้นกว่าเดิม หากจดหมายเหล่านี้ถูกคนของศาลต้าหลี่หาพบ จวนอ๋องต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร

นางเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “รีบทำลายจดหมายพวกนี้ซะ”

เยียนเซียวหรานนำอ่างมาแล้วเผาจดหมายทิ้ง

เขาเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ องครักษ์ก็เข้ามารายงาน “เรียนเหล่าไท่จวิน คุณชายสาม คนของศาลต้าหลี่มาขอรับ”

ทุกคนหันไปสบตากัน คนของศาลต้าหลี่ช่างรวดเร็วนัก!

หากพวกเขาช้าไปอีกนิด คงได้เกิดเรื่องใหญ่

เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านย่า ข้าจะออกไปพบคนของศาลต้าหลี่”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า

เพียงแต่เยียนเซียวหรานเพิ่งเดินออกจากเรือน เหวยอิ้งหวนก็พาคนเข้ามาพอดี

เขาทำความเคารพเหล่าไท่จวิน “เหล่าไท่จวินโปรดอภัย ที่ข้ามารบกวนกลางดึก เพราะต้องทำตามพระบัญชา”

“ข้าเชื่อว่าเยียนอ๋องจงรักภักดีและกล้าหาญ เขาตายไปในสนามรบ ถือเป็นความสูญเสียของแคว้นต้าฉู่”

เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “จวนเยียนอ๋องเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวถูกสอบสวน”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า “ไม่ว่าใต้เท้าเหวยอยากตรวจสอบอย่างไร จวนเยียนอ๋องล้วนให้ความร่วมมือ”

เหวยอิ้งหวนทำความเคารพนางอีกครั้ง จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นจวนอ๋อง

หลังจากสั่งการเสร็จ เขาเห็นซือเจ๋อเยว่นั่งไขว่ห้างแทะเมล็ดแตงโม

เขามองดูอย่างค้นหา เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นเขาหันมอง นางจึงหยิบเมล็ดแตงโมหนึ่งกำพร้อมยื่นให้เขา “จะแทะด้วยกันหรือไม่?”

เมื่อครู่ตอนเขาเพิ่งเข้ามา ซือเจ๋อเยว่มองสำรวจเขาอย่างละเอียด

ตอนที่เยียนเซียวหรานเอ่ยถึงเหวยอิ้งหวน นางยังนึกว่าผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เป็นตาแก่เสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ คนหนึ่ง

ดวงตาของเขากลมโตค่อนข้างคล้ายดวงตาสตรี ขนคิ้วดกดำเรียงตัวยาว หน้าผากกว้าง ปลายจมูกกลมมน ดวงตาสุกใส

ผู้ที่มีใบหน้าลักษณะนี้ โดยมากนิสัยเด็ดเดี่ยวเที่ยงตรง

นางนึกว่าเขาจะไม่รับเมล็ดแตงโม แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารับเอาไว้ “ขอบพระทัยองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

นางหันมองเขาอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ดูโหงวเฮ้งผิด

เหวยอิ้งหวนชี้ไปที่อ่างเผาจดหมายเมื่อครู่ ซึ่งไม่ทันได้ย้ายออกไป “องค์หญิงรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ที่นี่เผาสิ่งใดอยู่?”

ซือเจ๋อเยว่ตอบ “ก่อนหน้านี้ตอนข้าเตรียมตัวออกเรือนอยู่ในวัง ได้คัดคัมภีร์คุณธรรมให้เยียนอ๋องหลายฉบับ”

“เดิมทีข้าคิดว่าจะเผาให้เยียนอ๋องพรุ่งนี้ แต่คืนนี้จวนอ๋องกลับถูกล้อม ข้าเลยเผาให้เยียนอ๋องทันที เพื่อให้ท่านปกปักรักษาจวนเยียนอ๋อง”

เหวยอิ้งหวนแทะเมล็ดแตงโมไปด้วย พลางเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องคัมภีร์คุณธรรม จึงไม่รู้ว่าให้ผลทางด้านนี้ด้วย”

ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ “โดยทั่วไปคัมภีร์คุณธรรมไม่ได้ให้ผลใดหรอก แต่คืนนี้หนิวกงกงบุกเข้าจวนอ๋องอย่างดุร้าย ในใจข้าเลยนึกกลัว”

“เมื่อใดที่คนเรากลัว ก็มักอยากขอให้ผีสางเทวาดปกป้อง เวลาอย่างนี้ใครจะไปสนใจล่ะว่าคัมภีร์คุณธรรมได้ผลหรือเปล่า?”

“ใต้เท้าเหวยดูแลศาลต้าหลี่ คิดว่าน่าจะเข้าใจสตรีบอบบางที่มีจิตใจอ่อนแออย่างพวกเราได้ดีที่สุด”

เหวยอิ้งหวน “...”

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซือเจ๋อเยว่มาบ้าง

นางคือทายาทเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ ซึ่งชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่ค่อยดีนัก

แต่วันนี้เมื่อได้พบ เขารู้สึกว่านางไม่ค่อยเหมือนกับในข่าวลือ

สัญชาตญาณของเขาบอกว่า สิ่งที่ถูกเผาในอ่างไม่ใช่ของธรรมดา

ทุกคนในจวนเยียนอ๋องล้วนเป็นคนฉลาด เขาจึงคิดจะหาช่องโหว่จากซือเจ๋อเยว่ที่เติบโตมาจากสำนักเต๋าตั้งแต่เด็ก ทว่าดูจากตอนนี้ นางเองก็ฉลาดใช่ย่อย

เขาหันมองซือเจ๋อเยว่ “ได้ยินว่าองค์หญิงอยู่ในสำนักเต๋ามาหลายปี เรียนรู้ศาสตร์ลี้ลับมาหลายแขนง ไม่ทราบว่าองค์หญิงดูโหงวเฮ้งเป็นหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “เป็นแน่นอน ดูจากโหงวเฮ้งของใต้เท้าเหวย ครอบครัวปรองดอง แต่เรื่องแต่งงานกลับพบเจออุปสรรคหลายครั้ง”

“หากข้าดูไม่ผิด ใต้เท้าเหวยเคยไปทาบทามเรื่องแต่งงานอย่างน้อยเจ็ดครั้งแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ”

เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินดังนั้นไม่ใคร่ใส่ใจนัก เพราะเรื่องราวเหล่านี้ของเขา สืบหาจากในเมืองหลวงได้ไม่ยาก

เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ “เช่นนั้นตามความเห็นขององค์หญิง ข้าจะได้แต่งงานเมื่อใดหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่นับข้อนิ้วทำนาย จากนั้นเอ่ยขึ้น “หากข้าทำนายไม่ผิด คู่ที่ท่านเพิ่งหมั้นหมายไปน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก”

“ในอนาคตข้างหน้าสามปี ท่านจะไม่ได้แต่งงาน”

เหวยอิ้งหวน “...”

เขาเอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าครั้งนี้องค์หญิงคงทำนายผิด คู่แต่งงานในครั้งนี้ของข้ามั่นคงมาก”

ซือเจ๋อเยว่หัวเราะ “ข้าทำนายแม่นหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง”

“แต่ข้าว่าตอนนี้ใต้เท้าเหวยอย่างเพิ่งห่วงเรื่องแต่งงานเลย เป็นห่วงมารดาของท่านก่อนจะดีกว่า”

“ตำแหน่งบิดามารดาบนใบหน้าของท่านอับแสง พรุ่งนี้เช้ามารดาของท่านจะมีเคราะใหญ่...ทางที่ดีตอนนี้ท่านรีบส่งข่าวกลับไป ให้นางอยู่ห่างน้ำไว้จะดีกว่า”

เหวยอิ้งหวนรู้สึกว่านางยิ่งพูดก็ยิ่งลึกลับ แต่กลับไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

เขาเอ่ยเสียงเข้ม “องค์หญิงทำนายเก่งเช่นนี้ เคยทำนายดวงของตัวเองหรือไม่?”

ซือเจ๋อเยว่ผายมือ “ผู้ทำนายไม่ดูดวงตัวเอง ดังนั้นข้าจึงดูดวงให้ตัวเองไม่ได้”

“ไม่ว่าใต้เท้าเหวยจะเชื่อคำพูดข้าหรือไม่ แต่ข้าขอแนะนำให้ท่านสั่งคนที่ว่ายน้ำเก่งติดตามมารดาท่านเอาไว้จะดีกว่า”

“เพราะอย่างไรหากข้าทำนายพลาดก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากข้าทำนายแม่น ยังพอช่วยชีวิตของมารดาท่านได้”

มุมปากเหวยอิ้งหวนกระตุก “ข้าได้ยินว่าองค์หญิงทำนายชะตาให้หนิวกงกง บอกว่าคืนนี้เขาต้องตายหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “เขาต้องตายคืนนี้ เพราะเขาทำเรื่องชั่วไว้มากเกินไป”

“คืนนี้เขาบุกเข้ามาในจวนเยียนอ๋อง ล่วงเกินดวงวิญญาณของเยียนอ๋องและเหล่าคุณชาย แม้แต่ยมบาลยังทนดูไม่ได้ ต้องการเอาชีวิตเขา”

เหวยอิ้งหวนไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดแม้แต่น้อย

หลายปีมานี้เขาดูแลเรือนจำมาหลายปี ไม่เคยเห็นภูตผีมาก่อน

คืนนี้เขาแค่คิดจะหลอกถามนางเท่านั้น แต่กลับต้องมาฟังนางพูดเรื่องภูตผีอยู่นานสองนาน ทำให้เขาอึดอัดมาก จนขี้เกียจสนใจนาง

ซือเจ๋อเยว่เองก็ไม่โกรธ หันมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ใต้เท้า เมล็ดแตงโมของข้าแทะหมดแล้ว ที่อยู่ในมือท่าน หากไม่อยากกินให้ข้าได้หรือไม่?”

เหวยอิ้งหวน “...”

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่านางถึงกับขอเมล็ดแตงโมที่ให้เขาแล้วกลับไปอย่างนี้

เขาวางเมล็ดแตงโมไว้บนโต๊ะตรงหน้านาง แล้วหันหลังจากไป

ซือเจ๋อเยว่มองดูเมล็ดแตงโมตรงหน้าแล้วหัวเราะ นางไม่ได้แทะ แต่กลับใช้กระดาษห่อมันเอาไว้

เมื่อเหล่าไท่จวินได้ยินการสนทนาของซือเจ๋อเยว่และเหวยอิ้งหวน แววตาล้ำลึกกว่าเดิม

นางรอให้เหวยอิ้งหวนออกไปแล้วจึงเอ่ยถาม “พรุ่งนี้เช้ามารดาของใต้เท้าเหวยจะมีอันตรายหรือ”

ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ข้าทำนายได้ แต่หากเขาไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญา”

เหล่าไท่จวินหันมองซือเจ๋อเยว่ นางดูบอบบางอ่อนโยน อย่างไรก็ดูไม่เกี่ยวข้องกับนักพรตที่มีบารมีแก่กล้าสักนิด

ทว่าคืนนี้ซือเจ๋อเยว่สามารถทำนายตำแหน่งของจดหมายได้ ทำให้นางรู้ว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ธรรมดา

เหล่าไท่จวินกับมารดาของเหวยอิ้งหวนพอรู้จักกันบ้าง หากเป็นเมื่อก่อน นางคงให้คนไปแจ้งเรื่องนี้แก่มารดาของเหวยอิ้งหวน

แต่ยามนี้จวนเยียนอ๋องถูกล้อม พวกนางเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ต่อให้นางอยากช่วยก็จนปัญญา

นางจึงถอนหายใจเสียงค่อย

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 10

    ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอกเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นเป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรกเขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาสพวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมดส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำเยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”เจ้าหน้าที่ “...”เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบเจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยเหวยอิ้งหวนได้ยิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 11

    เหวยอิ้งหวนเป็นคนใจเย็นสุขุมมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็พลันนึกถึงคำพูดที่ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับเขาเมื่อคืน ก่อนที่เขาจะรู้สึกชาที่หนังศีรษะเขาไม่ได้ฟังคนของสำนักจิงจ้าวพูดต่อ แต่ให้เด็กรับใช้ขับรถม้ากลับบ้านทันทีเขากลับถึงบ้านก็ถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?” เด็กรับใช้ตอบว่า “วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากกินใบบัว พอฟ้าสางก็พาคนไปเก็บที่ริมน้ำแล้วขอรับ”เหวยอิ้งหวนหน้าซีดเผือดในพริบตา เขาเรียกข้ารับใช้ที่ว่ายน้ำเก่งหลายคนรีบไปยังสถานที่ที่มารดาเหวยเก็บใบบัว เมื่อเขาไปถึงแล้วเห็นกับตาว่ามารดาพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจกลัวแทบตายข้ารับใช้ลงน้ำไปช่วยคนทันที ไม่นานก็ช่วยมารดาขึ้นมาเนื่องจากมารดาได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ถึงแม้นางจะได้รับความตกใจกลัว โดนอากาศเย็นและสำลักน้ำไปหลายอึก แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต หลังจากที่เหวยอิ้งหวนจัดการเรื่องมารดาเหวยเรียบร้อยแล้ว เขายังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองเรื่องนี้ ซือเจ๋อเยว่ล้วนกล่าวถูกต้องเขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดแฝงไปด้วยกลิ่นอายความพิศวง ทำให้เขารู้สึกหนาวหลังเมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 12

    เยียนเซียวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์หญิงดูดวงให้คนอื่น ดูหนึ่งคนแลกหนึ่งชีวิต ค่อนข้างน่าตกใจกลัวเลยทีเดียว” ซือเจ๋อเยว่ “...”นางครุ่นคิดแล้วพบว่ามันดูเป็นแบบนี้จริง ๆ เลยกระแอมไอเบา ๆ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น!” นางกล่าวจบก็มองมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนจะพบว่าไออัปมงคลบนใบหน้าของเขารุนแรงมากขึ้น นี่เป็นโหงวเฮ้งที่จะต้องเสียชีวิตอย่างอนาถ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เยียนเซียวหรานเห็นนางมองมาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยในตอนแรก เมื่อพบว่าสายตาของนางผิดปกติจึงเอ่ยถามว่า “ข้าก็จะตายแล้วเหมือนกันใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่เดินวนรอบตัวเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าดูโหงวเฮ้งของเจ้าไม่ออก แต่ว่าตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ตาย” ไออัปมงคลบนตัวเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้แปลกพิกลเล็กน้อยเดิมทีเขาเป็นคนที่มีบุญบารมีมาก ไม่ควรมีไออัปมงคลเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรมีไออัปมงคลเพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้ในชั่วข้ามคืนหากปล่อยให้สั่งสมไออัปมงคล มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเสียชีวิตอย่างอนาถ ยามนี้นางต้องคิดหาวิธีช่วยเขาสลายไออัปมงคลบ้างนางยื่นมือทำท่ามุทรา แล้วตบหน้าอกของเขาเบา ๆเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 13

    ซือเจ๋อเยว่ยังต้องแลกด้วยชีวิตของนางอย่างน้อยหนึ่งเดือนอีกด้วย! เพียงแต่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเยียนเซียวหราน เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดวงของข้าแย่ลงเพราะได้รับไออัปมงคลบนตัวข้าหรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ไออัปมงคลจะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาของคน ผ่านไปนานเข้ายังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย” “หากไม่สามารถหาต้นตอของไออัปมงคลบนตัวเจ้าได้ ข้าก็ต้องถอนคำพูดที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อเช้า ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน” เยียนเซียวหรานขบคิดอย่างละเอียด จำได้เพียงว่าตนเองเริ่มโชคร้ายตั้งแต่สองปีก่อน เขาเดินอยู่ริมถนน อิฐกระเบื้องข้างทางจะต้องหล่นใส่เขาแน่นอน กระทะน้ำมันเดือดริมถนนก็จะสาดโดนตัวเขาด้วย... อุบัติเหตุเช่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะเขามีวิทยายุทธ์สูงส่ง ร่างกายปราดเปรียว เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย หากต้องบอกว่ามี เช่นนั้นก็คือเขาเคยหลับนอนกับสตรีนางหนึ่ง หลังจากนั้นมาเขาก็มีโชคร้ายติดตัว เพียงแต่ว่าเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ เขาไม่มีทางบอกซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอนเขาเอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 14

    ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับนางกำนัลทางด้านข้างว่า “ขนมที่ข้ากินตอนที่เข้ามาครั้งก่อนรสชาติไม่เลวเลย ข้าหิวแล้ว เจ้าไปเอามาให้ข้าสักจานที”นางกำนัลมองไปทางอวิ๋นไท่เฟย นางพยักหน้าเบา ๆ นางกำนัลก็ถอยออกไปหยิบขนม อวิ๋นไท่เฟยเห็นซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับนางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “เจ๋อเยว่ เจ้าเป็นธิดาของข้า ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้า ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น” “เจ้าอย่าโทษที่ข้าเข้มงวดกับเจ้ามากเกินไป เจ้าเติบโตอยู่ในอารามเต๋ามาตั้งแต่เล็ก ไม่รู้ว่าน้ำในวังแห่งนี้ลึกมากเพียงใด ข้าลำบากมากเพียงใด” “ข้ากลัวว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลยจนพลาดพลั้งเสียชีวิต”ซือเจ๋อเยว่มองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดนางกำนัลยกขนมมาพอดี ซือเจ๋อเยว่หยิบขนมชิ้นหนึ่งไปให้อาหารมดที่ริมกำแพงเพียงพริบตาเดียว มดเหล่านั้นก็หงายท้องกันหมดนางกำนัล “...”นางรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ทำตามอุบายเกินไปแล้ว นางบอกเองว่าอยากกินขนม แต่เอามาป้อนมดเช่นนี้ นี่ล้อนางเล่นหรือ? ซือเจ๋อเยว่ถามอวิ๋นไท่เฟยว่า “นี่ก็คือสิ่งที่ท่านทำดีต่อข้า?”อวิ๋นไท่เฟย “...”ซือเจ๋อเยว่โยนขนมในมือลงไปในจาน ปัดเศษขนมบนมือแล้วเอ่ยว่า “อวิ๋นไท่เฟย เลิกเสแสร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 15

    ซือเจ๋อเยว่เงยหน้าขึ้นแต่โดยดี เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงเห็นท่าทางของนางก็ใจลอยเล็กน้อยรูปร่างหน้าตาของซือเจ๋อเยว่คล้ายคลึงกับอวิ๋นไท่เฟยห้าส่วน อีกหลายส่วนก็เหมือนกับอดีตฮ่องเต้ รูปโฉมของนางรวมข้อดีของทั้งสองไว้ ดูงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเหมือนกับอดีตฮ่องเต้มาก เป็นนัยน์ตาดอกท้อน่าหลงใหล แววตากระจ่างใส มีความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวฮ่องเต้เจาหมิงมองนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกถึงเรื่องอะไร ถึงได้ดูเหม่อลอยอยู่บ้าง ขันทีที่อยู่ด้านข้างเก็บฎีกาที่เขาตรวจเสร็จแล้วทำให้เขาได้สติกลับมา เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหน้าตาเหมือนกับเสด็จพี่มาก” ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม ฮ่องเต้เจาหมิงมองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าช่างเหลวไหลเหลือเกิน” “อยู่ดี ๆ เจ้าก็ยืนกรานว่าจะแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเจิ้นบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้” “หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่ของเจ้าบอกว่า เสด็จพี่ได้หมั้นหมายให้เจ้าแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อในตอนที่เจ้ายังเด็ก เมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วต้องการแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสามให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเจิ้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 16

    ซือเจ๋อเยว่พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาเดินถือดาบเพื่อตามหานางทั่วหมู่บ้านขึ้นมา นางรู้ว่าหากวันนี้ไม่ให้คำตอบ เขาอาจจะสับนางเป็นชิ้นๆ ได้เลย นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “สำนักเต๋าให้มา” เยียนเซียวหรานจดจ้องนัยน์ตาของนางพลางย้อนถาม “สำนักเต๋าให้มา?” “ใช่แล้ว” ซือเจ๋อเยว่ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “สำนักเต๋าของเรามีธรรมเนียมการแจกสิ่งของแก่ศิษย์ทุกปี” “ของสิ่งนี้ได้รับจากสำนักเต๋าเมื่อสามปีก่อน ข้าเห็นว่าถุงเงินนี้มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์จึงเอ่ยปากขอจากท่านอาจารย์ใหญ่มาหนึ่งใบ” นางพูดจบแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย “ถุงเงินใบนี้มีอะไรผิดปกติหรือ?” เยียนเซียวหรานไม่ตอบ เพียงมองนางด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าไต่สวน แม้นางตื่นเต้นแทบตาย แต่กลับไม่เผยพิรุธบนใบหน้า นางทำเป็นมองเขาด้วยสายตาฉงนพลางถาม “เหตุใดน้องสามถึงมองข้าเช่นนี้?” เยียนเซียวหรานไม่พบพิรุธจากสีหน้าของนาง ชั่วครู่จึงเกิดความไม่แน่ใจว่านางโกหกหรือไม่ เขาถอนสายตาแล้วพูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีอะไร แค่คิดว่าลวดลายของถุงเงินนี้ดูแปลกตาดี” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มกล่าว “มันเป็นล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 17

    เห็นกิริยาเช่นนี้ของนาง ทำเขาหรี่ตาเพ่งมองแล้วตัดสินใจเดินตามนางไปทางเรือนจี้หลิ่ว เหล่าไท่จวินกังวลเมื่อนางออกไป โล่งใจเมื่อเห็นนางกลับมา นางรีบถามซือเจ๋อเยว่ “ฝ่าบาททำให้องค์หญิงลำบากใจหรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า เอ่ย “นอกจากเขาไม่ทำให้ข้าลำบากใจ ยังมอบของขวัญให้ข้าด้วยซ้ำ” เหล่าไท่จวินเห็นหยกแขวนในมือนางพลันประหลาดใจ ในอดีตเมื่อเหล่าไท่จวินเข้าวังก็เคยได้เห็นหยกแขวนชิ้นนี้อยู่บนพระวรกายมังกรของฮ่องเต้เจาหมิง ซือเจ๋อเยว่จึงอธิบายที่มาของหยกแขวนชิ้นนี้สั้นๆ เหล่าไท่จวินได้ฟังแล้วตกอยู่ในห้วงคำนึง แต่ซือเจ๋อเยว่สรุปว่า “เสด็จอาอาจใจแคบต่อข้า แต่จะไม่ทำการใดให้คนอื่นมองออก” “ครานี้ข้าได้แต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าจะเป็นแผนการของคนอื่น” “ขอเพียงเขาไม่คิดเล่นงานจวนเยียนอ๋องถึงตาย จวนเยียนอ๋องก็ยังเอาตัวรอดต่อไปได้” เหล่าไท่จวินพยักหน้าเข้าใจพลางเอ่ย “องค์หญิงกล่าวมีเหตุผล” น้ำเสียงทุ้มลึกของเยียนเซียวหรานดังขึ้น “ต้องบอกว่าการปราชัยของเสด็จพ่อทำให้มองสถานการณ์จริงได้ชัดขึ้น” “พูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาไม่ค

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 365

    เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นว่าทั้งสามคนทำท่าจะทะเลาะกันอีกครั้ง จึงกล่าวไกล่เกลี่ยอยู่ข้าง ๆ “นี่คือคาถาของสำนักเต๋า พวกเจ้าย่อมไม่รู้”“คุณชายไป๋เอ้อระเหยลอยชายอยู่ในโลกใบนี้มานานนับพันปีแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ เขารู้เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”ชื่อปาเลี่ยที่อยู่ด้านหลังของเยียนเซียวหรานกล่าง “ใช่ ๆ ๆ พวกข้าไม่ใช่คนในสำนักเต๋า แน่นอนว่าไม่รู้”“ประสบการณ์ของพวกเราย่อมไม่สู้คุณ...คุณชายไป๋”ไป๋จื้อเซียนรักษาสภาพตอนที่เขาตายเมื่อตอนอายุยี่สิบเอาไว้ อันที่จริงเขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้ว ชื่อปาเลี่ยจึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกเขาอย่างไรเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับมีเพียงคำว่าคุณชายไป๋ถึงจะเหมาะสมไป๋จื้อเซียนคร้านที่จะโต้เถียงกับชื่อปาเลี่ย กลับยังคงรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่เข้าข้างเยียนเซียวหรานเกินไปซือเจ๋อเยว่ไม่ได้สนใจเขา เริ่มสวมคัมภีร์เต๋าเพื่อรวมวิญญาณของบรรดาเศษวิญญาณเหล่านี้ดวงวิญญาณของไป๋จื้อเซียนเก่งกาจมาก เรื่องการรวมวิญญาณแบบนี้เขาเหมือนกับเยียนเซียวหราน ไม่ต้องการความช่วยเหลือสักนิดดังนั้นเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ข้าง ๆเรื่องรวมวิญญาณสำหรับคาถาเต๋าแล้วไม่นับว่า

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 364

    เดิมทีซือเจ๋อเยว่เตรียมที่จะพูดเหตุผลกับไป๋จื้อเซียนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับการอธิบายเสียแบบนี้เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า เหมือนว่าไป๋จื้อเซียนไม่ได้จัดการยากอะไรขนาดนั้น เขาค่อนข้างคุยด้วยได้ง่ายเยียนเซียวหรานมองไป๋จื้อเซียนแวบหนึ่ง หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าของที่ไป๋จื้อเซียนมีต่อซือเจ๋อเยว่ซือเจ๋อเยว่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องความรู้สึกช้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็นถึงจุดประสงค์ของไป๋จื้อเซียน เพียงแค่คิดว่าไป๋จื้อเซียนอยากจะเป็นเพื่อนกับนางไป๋จื้อเซียนเห็นเขามองมา ก็มองเขากลับด้วยสายตายั่วยุ แล้วค่อยทำท่าทางลูบลำคอเยียนเซียวหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชาเขาเข้าใจซือเจ๋อเยว่ เป็นไปไม่ได้ที่ซือเจ๋อเยว่จะชื่นชอบไป๋จื้อเซียนคงจะดีหากไป๋จื้อเซียนไม่ทำเรื่องอะไรที่ตื่นเต้นจนเกินไป หากทำแล้ว เกรงว่าซือเจ๋อเยว่ก็คงจะพยายามสังหารเขาอย่างสุดชีวิตเช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าไป๋จื้อเซียนเป็นวิญญาณดุร้ายที่เป็นฆาตกร ถือเป็นศัตรูกับสถานะของซือเจ๋อเยว่เมื่อเทียบกับไป๋จื้อเซียน เขาไม่เป็นกังวลเขา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 363

    ไป๋จื้อเซียนเห็นว่านางมองเขา สุดท้ายแล้วเขาก็อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่อยากให้ฆ่าสังหารผู้คน ข้าไม่สังหารก็สิ้นเรื่อง”ที่เขาสังหารคนก็เพราะว่าในใจของเขาไม่มีความสุข คนทั่วไปสำหรับเขาเป็นเหมือนมดแมลง สามารถบีบให้ตายได้ตามใจชอบซือเจ๋อเยว่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็ลูบจมูกเบา ๆ ทีหนึ่ง ถามเขา “เพราะฉะนั้น ข้าเป็นสหายเก่าเมื่อหนึ่งพันปีก่อนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”ไป๋จื้อเซียนพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าให้สัญญากับข้าว่าจะเจอกันหนึ่งพันปีหลังจากนั้น”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก “ต้องขออภัยจริง ๆ เรื่องพวกนั้นข้าจำมันไม่ได้แล้ว”“ข้ารู้” ไป๋จื้อเซียนกล่าวเสียงราบเรียบ “ตอนนี้ข้าได้สาบานกับสวรรค์แล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่?”ครึ่งประโยคหลังเขายังไม่ได้พูด เขายังไม่รู้ว่า เมื่อหนึ่งพันปีก่อนนางใส่ใจเขามาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเหลือความทรงจำเมื่อหนึ่งพันปีช่วงนั้นเอาไว้มีเพียงเพราะหมกมุ่นมากถึงได้เก็บความทรงจำเอาไว้นานขนาดนี้ตอนนี้นางจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะค่อย ๆ ทำให้นางจำเขาให้ได้ก่อนหน้านี้นางมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อเขาก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เข

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 362

    เขาถึงขนาดคิดว่า ในใจของนาง เขาก็เป็นคนที่พิเศษคนนั้นเช่นกันเมื่อเขาคิดเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเขาหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งออกมา พลังชั่วร้ายพวกนั้นทั้งหมดถูกดูดไปอย่างสะอาดหมดจดแล้ว จากนั้นก็ลอยจากท้องฟ้ามาที่ตรงหน้าของสีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือถือกระบี่ไม้ท้อก้าวไปข้างหน้า มือของซือเจ๋อเยว่กดที่บนมือของเขาจนถึงตอนนี้ ความแตกต่างของความสามารถระหว่างพวกเขามีมากเกินไป ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลยวันนี้หากต้องลงมือกันจริง ๆ เกรงว่าพวกเขาจะต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งหมด แล้วก็สังหารไป๋จื้อเซียนไม่ได้อีกด้วยในเรื่องการกำจัดปีศาจ ซือเจ๋อเยว่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ตลอดครั้งนี้เอาชนะไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าค่อยหาตัวช่วยที่จะทำให้เสมอกัน แล้วค่อยหาโอกาสลงมือกับเขาอีกครั้งการกระทำนี้ของนางทำให้ไป๋จื้อเซียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก ยกมือขึ้น แล้วโบกมือใส่เยียนเซียวหรานทันทีเยียนเซียวหรานถือกระบี่ไม้ท้อขวางเอาไว้ จึงต้านทานการโจมตีครั้งนี้ของไป๋จื้อเซียนได้ เพียงแต่เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกันไป๋จื้อเซียนมีความประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ไอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 361

    นางเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักเต๋า ดังนั้นการร่ายคาถาก็เหมือนกับกินข้าวกินน้ำ แต่สำหรับคนในสำนักเต๋าทั่วไปแล้ว กลับเป็นเรื่องที่ยากมากทว่าตอนนี้เยียนเซียวหรานไม่เพียงเคยเห็นนางร่ายคาถาไม่กี่ครั้ง ก็สามารถร่ายคาถาได้แล้ว นี่ถึงจะเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์!นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าร่ายคาถาเป็น เช่นนั้นพวกเรามาเผชิญหน้าด้วยกัน!”เยียนเซียวหรานพยักหน้าหลังจากที่เขารู้จักนาง ถึงได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจคาถาเต๋า แต่ตอนหลังเขาได้ไปเรียนรู้ดาววิบัติดวงนั้นเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตั้งรับเตรียมพร้อมตอนที่ห่างจากพวกเขาไปประมาณสิบกว่าจั้ง เยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงปราณชั่วร้ายที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ปราณชั่วร้ายกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด คมราวกับมีด ก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพัดโดนหน้าซือเจ๋อเยว่ร่ายคาถาปกป้องร่างกายของพวกเขาเอาไว้ ตอนที่เตรียมที่จะพุ่งตัวเข้าไปต่อสู้ด้วยนั้น ข้าง ๆ ก็มีสีแดงปรากฏขึ้นแวบหนึ่งจากนั้นพลังชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกที่เดิมทีรุนแรงมากก็สลายหายไปภายในชั่วพริบตาเยียนเซียวหรานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 360

    วิธีการพูดแบบนี้ของซือเจ๋อเยว่ อันที่จริงเป็นคำศัพท์เฉพาะของสำนักเต๋าคำศัพท์นี้หมายถึงไม่ใช่ดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าใช้ทักษะชั่วร้ายมารวมตัวกันจนกลายเป็นพลังชั่วร้ายพลังชั่วร้ายประเภทนี้ไม่ใช่วิญญาณทั่วไปที่ตายด้วยความโกรธแค้นจนกลายเป็นพลังชั่วร้าย แต่เป็นพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวมาจากความคิดชั่วร้ายและวิญญาณชั่วร้ายที่สะสมของโลกใบนี้หลังจากที่บรรดาเต๋าสายดำตามหาพลังชั่วร้ายประเภทนี้จนเจอ ค่อยใช้การฝึกพลังเฉพาะสกัดให้บริสุทธิ์ แล้วนำพวกมันมารวมไว้ด้วยกัน ก็เหมือนกับสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้พลังชั่วร้ายประเภทนี้หลังจากที่ถูกเจ้าของฝึกฝนมานาน ก็จะกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในมือของเต๋าสายดำเมื่อเจ้าของของพลังชั่วร้ายตอนที่สั่งให้พวกมันไปจัดการคนคนหนึ่ง พวกมันก็สามารถกลืนกินคนคนนั้นได้จากนั้นพวกเขาค่อยให้มนุษย์เกิดความคิดชั่วร้าย แล้วค่อยใช้ความคิดชั่วร้ายเป็นอาหารบำรุงพวกมัน ทว่าคนที่อยู่ที่นั่น ได้กลายเป็นหุ่นเชิดที่มีชีวิต มีพวกเขาคอยควบคุมซือเจ๋อเยว่จ้องมองดาววิบัติที่เข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยดาววิบัติดวงนี้ใหญ่กว่าที่นางเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ในเวลาเด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 359

    นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตอนนั้นเขาเข้าไปในค่ายกลแล้ว ตกอยู่ในภาพลวงตา เหมือนเช่นเยียนเซียวหรานในตอนนี้ตัวประหลาดนั่นโหดเหี้ยมน่ากลัวเกินไป ภายในร่างกายกักขังเศษวิญญาณเอาไว้มากมายขนาดนั้นนางไม่จำเป็นต้องเดา เศษวิญญาณที่ตัวประหลาดกักขังเอาไว้ภายในร่างกายพวกนั้น เกรงว่าทั้งหมดจะเป็นองครักษ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อเมื่อนางนึกถึงเรื่องศพอันไม่สมบูรณ์ของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ถูกขนกลับมายังจวนเยียนอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้โดนสัตว์ป่ากัดเอา ทว่าถูกตัวประหลาดนี้ฉีกนางไม่สามารถจินตนาการได้ เยียนอ๋องซื่อจื่อและกลุ่มคนถูกขังอยู่ภายในค่ายกลนี้ ตอนที่ถูกตัวประหลาดฉีกกินทั้งเป็น จะน่าเวทนาและหมดหนทางมากขนาดไหน!ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงแค่ต้องการฆ่าปิดปากพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นตาค่ายกล ถูกกักขังระหว่างหยินกับหยางตลอดไป กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ต่อให้วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์จะหนีไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ หากไม่โง่ ปัญญาอ่อน ก็จะอายุสั้น เพราะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ ได้รับความทุกข์ทรมานเพราะกลับชาติมาเกิดคนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ!พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งถึงได้หยุดลงแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 358

    ตัวประหลาดจับลูกธนูดอกนั้นไว้แล้วโยนใส่พวกเขาเยียนเซียวหรานหลบด้วยความรวดเร็ว ธนูดอกนั้นลอยเฉียดหัวของเขาไปซือเจ๋อเยว่ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาเบา ๆ พลังสังหารของตัวประหลาดตัวนี้มากเสียจนน่าหวาดกลัวสีหน้าของเยียนเซียวหรานเองก็ค่อนข้างดูแย่เช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปอยากจะยิงให้ถูกตัวประหลาดอีกก็คงกลายเป็นเรื่องที่ยากมากตอนที่ซือเจ๋อเยว่เห็นตัวประหลาดไล่ตามมา พลังชั่วร้ายสีดำที่แผ่ซ่านออกมาจากมือ นางจึงมีวิธีการแล้วนางหยิบลูกธนูดอกหนึ่งขึ้นมาแล้วติดยันต์ที่ด้านบน ให้เยียนเซียวหรานยิงอีกครั้งตัวประหลาดในเวลานี้อยู่ใกล้กับพวกเขามาก เยียนเซียวหรานทำได้เพียงหลบไปก่อน แล้วค่อยยิงธนูดอกนั้นออกไปตัวประหลาดตัวนั้นมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของเขา ในดวงตาปรากฏความเหยียดหยามขึ้นมาแวบหนึ่ง ใช้วิธีการเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อจับธนูดอกนั้นเพียงแต่ครั้งนี้ตอนที่มันจับลูกธนูดอกนั้นเอาไว้ ทันใดนั้นยันต์ห้าอัสนีบาตรก็ทำงาน ภายในชั่วพริบตา เสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ฟ้าผ่ามันจนไหม้เกรียมเยียนเซียวหรานแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก คิดว่าทำแบบนี้น่าจะผ่าจนตัวประหลาดตายแล้ว ทว่าครู่ต่อมา ตัวประหลาดก็ขยับอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 357

    ตลอดทาง เขากลับทำให้ตัวประหลาดนั่นไม่ต้องครุ่นคิดอีก วิ่งไล่ตามชื่อปาเลี่ยไปทันทีในระหว่างที่ซือเจ๋อเยว่กำลังพูด ตัวประหลาดก็ได้โจมตีชื่อปาเลี่ยหลายรอบแล้วชื่อปาเลี่ยในเวลานี้ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว กลัวว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้ เขาจำต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือตัวเองศักยภาพของร่างกายเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ไม่นึกเลยว่าเขาจะหลบการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของตัวประหลาดได้อย่างหวุดหวิดเขาในเวลานี้พลางร้องอย่างสิ้นหวัง พลางหลบอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นเจ้าอ้วนที่คล่องแคล่วที่สุดในใต้หล้านี้ได้สำเร็จเมื่อซือเจ๋อเยว่มองเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในอันตรายของเขา ทั้งรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร แล้วก็อยากจะขำอีกด้วย เนื่องจากตอนที่เขาหลบ เรียกได้ว่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เลยสักนิดนางกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ถึงแม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกวิธีการที่สามารถสังหารตัวประหลาดประเภทนี้เอาไว้ สิ่งของบนโลกใบนี้อยากจะให้หายไปก็มีเพียงสองวิธี”“หนึ่งคือการโจมตีทางกายภาพ อีกอย่างก็คือการโจมตีแบบลี้ลับ”“ในเมื่อการโจมตีทางกายเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ต้องลองการโจมตีแบบลี้ลับดูเสียหน่อย”ครั้งก่อนนางวาดยันต์สำรองเอาไว

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status