Share

บทที่ 10

Author: เจียงหนานเยียน
ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอก

เขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้น

เป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรก

เขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้

ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาส

พวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมด

ส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำ

เยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้

หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”

เจ้าหน้าที่ “...”

เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบ

เจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”

หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย

เหวยอิ้งหวนได้ยินรายงานจากเจ้าหน้าที่ ดวงตาจึงเข้มขึ้น จากนั้นจึงหันไปทำท่าคารวะพระชายาผู้เฒ่า “คืนนี้รบกวนแล้ว”

พระชายาผู้เฒ่าพยักหน้าเบาๆ ต่อมาเหวยอิ้งหวนไปจุดธูปให้เยียนอ๋องที่ห้องทำพิธี ก่อนจะจากไป

ตอนที่เขาเดินไปถึงประตูทางเข้า ซือเจ๋อเยว่หาวแล้วเอ่ยขึ้น “ใต้เท้าเหวย หากมีเรื่องที่สะสางไม่ได้ก็ถามภูตผี สำนักเต๋ายินดีต้อนรับ”

เหวยอิ้งหวนหันมองนางครั้งหนึ่ง จากนั้นเดินออกไปจากจวนเยียนอ๋องทันที

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มอ่อน จากนั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เยียนเซียวหรานเดินมาข้างกายนาง “พวกเขาไม่พบสิ่งต้องการค้นหาในจวนอ๋อง น่าจะไม่มาในเร็วๆ นี้ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เมื่อคืนทั้งคืน ซือเจ๋อเยว่แค่งีบไปสักครู่ตอนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ

นางหาวพร้อมเอ่ยขึ้น “ได้ หากเหวยอิ้งหวนย้อนกลับมาที่จวน เจ้าให้คนไปตามข้าด้วย”

เมื่อคืนตอนซือเจ๋อเยว่ดูโหงวเฮ้งให้เหวยอิ้งหวน เยียนเซียวหรานไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเขาต้องจับตาดูเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน

เขาเอ่ยถามนาง “เจ้าคิดว่าเหวยอิ้งหวนจะกลับมาหาเจ้าหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่มั่นใจมาก “แน่นอน เขาจะต้องกลับมา”

เขาไม่เพียงจะกลับมา ซ้ำยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้จวนเยียนอ๋องพ้นวิกฤต

เยียนเซียวหรานหันมองนาง เห็นเพียงแสงแดดยามเช้าสาดส่องไปที่ใบหน้าหญิงสาว ผิวของนางขาวมาก ภายใต้แสงแดดขาวเจิดจ้าจนแสบตา

ขณะนี้นางดูอิดโรยเล็กน้อย กำลังจะหาวอีกครั้ง จึงยื่นมือไปปิดปาก

มือของนางสวยมาก นิ้วเรียวยาว เพราะผิวขาวเกินไป ทำให้มองเห็นเส้นเลือดประปราย แลดูเปราะบางไม่น้อย

ตอนเยียนเซียวหรานเห็นมือนาง นึกถึงเมื่อคืนที่ส่งนางจากไป นึกว่าจะไม่ได้พบเจอกันอีก จึงจับมือนาง

กระทั่งตอนนี้ เขายังจำอุณหภูมิของนางได้ มือนางเย็นเฉียบ หนำซ้ำทั้งบอบบางนุ่มลื่น อ่อนนุ่มราวไร้กระดูก

เมื่อความรู้สึกเช่นนี้ผุดขึ้นในหัวของเขา เขารู้ว่าตัวเองล้ำเส้นแล้ว ใบหน้าจึงร้อนวูบวาบอย่างลืมตัว

ตอนที่เขาคิดจะอยู่ห่างนางอีกสักนิด พลันมองเห็นนางสะลึมสะลือกำลังจะเดินไปชนต้นไม้

เขาจึงกระชากนาง แต่คาดคะเนน้ำหนักของนางผิดพลาด พอดึงมาอย่างนี้ จึงทำให้นางโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

ทั้งสองคนต่างชะงักงัน

ตั้งแต่เยียนเซียวหรานได้พบนางครั้งแรก เขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ครั้งนี้เมื่อดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด ความรู้สึกนั้นยิ่งชัดเจน

เขารู้สึกถึงเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง รวมถึงกลิ่นหอมสดชื่นของกล้วยไม้บนตัวนาง

แสงแดดสาดส่องทำให้นางราวกับภาพวาด เพราะนางดูมึนงง ดังนั้นดูแล้วช่างผุดผ่องและน่ารัก

นางที่เป็นเช่นนี้ทำให้เขานึกถึงค่ำคืนที่บ้าคลั่ง หญิงสาวบังอาจคนนั้นเกี้ยวพาราสีเขาอย่างใจกล้า ซ้ำยังทับเขาไว้ใต้ร่าง...

ใบหน้าของเยียนเซียวหรานแดงอย่างลืมตัว เตรียมจะยื่นมือไปประคองนางให้ยืนตรง แต่นางกลับได้กลิ่นประหลาดจากตัวเขา

จึงยื่นมือคล้องคอเขาไว้

เยียนเซียวหราน “...”

เขาอยากดันนางออก แต่กลับไม่รู้จะวางมือไว้ที่ใด

ซือเจ๋อเยว่สูดดมตรงลำคอของเขา เขาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”

ซือเจ๋อเยว่ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับย้ายมาสูดดมตรงริมฝีปากของเขา

เยียนเซียวหราน “!!!”

เขาแข็งทื่อไปหมดทั้งตัว หัวใจเต้นเร็วระรัว ยืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้จะทำอย่างไร

มือของซือเจ๋อเยว่ที่คล้องคอเขาเอาไว้วางลง แล้วถามเขา “ทำไมบนตัวเจ้าถึงได้มีกลิ่นประหลาด?”

เยียนเซียวหรานรู้สึกตัวในที่สุด จึงรีบถอยไปหนึ่งก้าว แล้วทำหน้าเข้ม “องค์หญิง โปรดสำรวมด้วย!”

เขาหันหลังจากไปทันทีที่พูดจบ

ซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ต่อมาดึงแขนเสื้อมองดูเส้นสีแดงตรงข้อมือ พบว่าด้ายแดงถอยกลับไปเล็กน้อย

ทว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากไม่ดูให้ละเอียดจะไม่รู้

แต่ด้ายแดงเส้นนี้เชื่อมโยงกับชีวิตของซือเจ๋อเยว่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนางก็ดูออก

เดิมทีนางง่วงนอนจะแย่ ทว่าเมื่อเห็นเส้นสีแดงที่สั้นลงเล็กน้อย กลับทำให้ตื่นตัวทันที

นางพึมพำกับตัวเอง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ตั้งแต่เส้นสีแดงเส้นนี้ได้เกิดขึ้น มันไม่เคยถอยกลับไปเลย นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก

เมื่อวานก่อนออกเรือนนางเคยเปิดดูเส้นสีแดงเส้นนี้ มันไม่ได้หดสั้น แสดงว่าการหดสั้นครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวนเยียนอ๋อง

เพราะนางช่วยเหลือจวนเยียนอ๋อง ดังนั้นเส้นสีแดงนี่ถึงได้หดสั้นหรือ?

หรือเพราะเมื่อครู่นางอยู่ในอ้อมกอดเยียนเซียวหราน แล้วได้กลิ่นบนตัวเขาเส้นสีแดงถึงได้หดสั้น?

ขณะนี้นางยังไม่มีคำตอบ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ การอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไปทำให้เส้นสีแดงของนางหดสั้นลง

หรือพูดอีกอย่างก็คือ จวนเยียนอ๋องเป็นตัวแปรสำคัญในการทำลายชะตาชีวิตที่ต้องตายตั้งแต่เด็กของนาง

นางหัวเราะเสียงค่อย

เหวยอิ้งหวนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเหนื่อยล้าเล็กน้อย เพียงแต่ในวังยังรอข่าวจากเขา เขาต้องเข้าวังไปกราบทูลก่อน

ระหว่างทางเขาเห็นคนมุงกันเป็นวง จนขวางทางเข้าวังไปเกือบครึ่ง

บ่าวที่ติดตามเขาเข้าไปสอบถามเรื่องราว ไม่ช้าบ่าวกลับมารายงาน “ใต้เท้า หนิวกงกงตายแล้วขอรับ สำนักจิงจ้าวกำลังตรวจสอบสาเหตุการตายของเขา”

เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินตื่นตัวทันที “เจ้าว่าอะไรนะ? หนิวกงกงตายแล้ว?”

บ่าวรีบตอบ “ขอรับ สภาพการตายสยดสยองมาก ไม่มีดวงตา บนลำคอของเขามีแต่รอยมือเขียวช้ำ”

“ซ้ำยังถูกผ่าหน้าอกลงมาถึงท้อง หัวใจของเขาถูกควัก ไส้กระจัดกระจายเต็มพื้น”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาอาเจียนไปหลายที ภาพที่เห็นน่าสะอิดสะเอียนเกินไป

เหวยอิ้งหวนครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นรีบลงจากรถม้าไปตรวจดูทันที

คนของสำนักจิงจ้าวส่วนใหญ่จะรู้จักเขา จึงได้เล่าสถานการณ์ให้ฟังพอสังเขป “คนเคาะยามเป็นคนแรกที่พบศพเขา”

“เขาถูกเอ็นปลาแขวนไว้บนต้นไม้ จากนั้นถูกควักดวงตาและลิ้น ตอนที่พบเขาไส้ของเขาห้อยลากยาวลงมาจนถึงพื้น”

“หัวใจของเขาถูกหมาป่ากัดกินไปครึ่งหนึ่ง ลูกตาเต็มไปด้วยฝุ่นจึงถูกคนเคาะยามเหยียบเละโดยไม่ตั้งใจ”

“จนถึงตอนนี้พวกข้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาถูกคนใช้เส้นเอ็นปลาไปแขวนไว้บนต้นไม้ได้อย่างไร มันสูงมาก หนำซ้ำยังไม่พบบันได...”
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Nam Rin
สนุกมากไม่เคยอ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
goodnovel comment avatar
Add Sunee Luamsai
สนุกมากไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 11

    เหวยอิ้งหวนเป็นคนใจเย็นสุขุมมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็พลันนึกถึงคำพูดที่ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับเขาเมื่อคืน ก่อนที่เขาจะรู้สึกชาที่หนังศีรษะเขาไม่ได้ฟังคนของสำนักจิงจ้าวพูดต่อ แต่ให้เด็กรับใช้ขับรถม้ากลับบ้านทันทีเขากลับถึงบ้านก็ถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?” เด็กรับใช้ตอบว่า “วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากกินใบบัว พอฟ้าสางก็พาคนไปเก็บที่ริมน้ำแล้วขอรับ”เหวยอิ้งหวนหน้าซีดเผือดในพริบตา เขาเรียกข้ารับใช้ที่ว่ายน้ำเก่งหลายคนรีบไปยังสถานที่ที่มารดาเหวยเก็บใบบัว เมื่อเขาไปถึงแล้วเห็นกับตาว่ามารดาพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจกลัวแทบตายข้ารับใช้ลงน้ำไปช่วยคนทันที ไม่นานก็ช่วยมารดาขึ้นมาเนื่องจากมารดาได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ถึงแม้นางจะได้รับความตกใจกลัว โดนอากาศเย็นและสำลักน้ำไปหลายอึก แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต หลังจากที่เหวยอิ้งหวนจัดการเรื่องมารดาเหวยเรียบร้อยแล้ว เขายังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองเรื่องนี้ ซือเจ๋อเยว่ล้วนกล่าวถูกต้องเขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดแฝงไปด้วยกลิ่นอายความพิศวง ทำให้เขารู้สึกหนาวหลังเมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 12

    เยียนเซียวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์หญิงดูดวงให้คนอื่น ดูหนึ่งคนแลกหนึ่งชีวิต ค่อนข้างน่าตกใจกลัวเลยทีเดียว” ซือเจ๋อเยว่ “...”นางครุ่นคิดแล้วพบว่ามันดูเป็นแบบนี้จริง ๆ เลยกระแอมไอเบา ๆ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญทั้งนั้น!” นางกล่าวจบก็มองมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนจะพบว่าไออัปมงคลบนใบหน้าของเขารุนแรงมากขึ้น นี่เป็นโหงวเฮ้งที่จะต้องเสียชีวิตอย่างอนาถ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เยียนเซียวหรานเห็นนางมองมาก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยในตอนแรก เมื่อพบว่าสายตาของนางผิดปกติจึงเอ่ยถามว่า “ข้าก็จะตายแล้วเหมือนกันใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่เดินวนรอบตัวเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าดูโหงวเฮ้งของเจ้าไม่ออก แต่ว่าตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ตาย” ไออัปมงคลบนตัวเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้แปลกพิกลเล็กน้อยเดิมทีเขาเป็นคนที่มีบุญบารมีมาก ไม่ควรมีไออัปมงคลเช่นนี้ ยิ่งไม่ควรมีไออัปมงคลเพิ่มขึ้นมากถึงเพียงนี้ในชั่วข้ามคืนหากปล่อยให้สั่งสมไออัปมงคล มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเสียชีวิตอย่างอนาถ ยามนี้นางต้องคิดหาวิธีช่วยเขาสลายไออัปมงคลบ้างนางยื่นมือทำท่ามุทรา แล้วตบหน้าอกของเขาเบา ๆเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 13

    ซือเจ๋อเยว่ยังต้องแลกด้วยชีวิตของนางอย่างน้อยหนึ่งเดือนอีกด้วย! เพียงแต่นางคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเยียนเซียวหราน เพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิด สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดวงของข้าแย่ลงเพราะได้รับไออัปมงคลบนตัวข้าหรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ไออัปมงคลจะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาของคน ผ่านไปนานเข้ายังเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย” “หากไม่สามารถหาต้นตอของไออัปมงคลบนตัวเจ้าได้ ข้าก็ต้องถอนคำพูดที่ข้าบอกเจ้าไว้เมื่อเช้า ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน” เยียนเซียวหรานขบคิดอย่างละเอียด จำได้เพียงว่าตนเองเริ่มโชคร้ายตั้งแต่สองปีก่อน เขาเดินอยู่ริมถนน อิฐกระเบื้องข้างทางจะต้องหล่นใส่เขาแน่นอน กระทะน้ำมันเดือดริมถนนก็จะสาดโดนตัวเขาด้วย... อุบัติเหตุเช่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใช่เพราะเขามีวิทยายุทธ์สูงส่ง ร่างกายปราดเปรียว เกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย หากต้องบอกว่ามี เช่นนั้นก็คือเขาเคยหลับนอนกับสตรีนางหนึ่ง หลังจากนั้นมาเขาก็มีโชคร้ายติดตัว เพียงแต่ว่าเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ เขาไม่มีทางบอกซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอนเขาเอ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 14

    ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับนางกำนัลทางด้านข้างว่า “ขนมที่ข้ากินตอนที่เข้ามาครั้งก่อนรสชาติไม่เลวเลย ข้าหิวแล้ว เจ้าไปเอามาให้ข้าสักจานที”นางกำนัลมองไปทางอวิ๋นไท่เฟย นางพยักหน้าเบา ๆ นางกำนัลก็ถอยออกไปหยิบขนม อวิ๋นไท่เฟยเห็นซือเจ๋อเยว่ไม่ยอมรับนางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “เจ๋อเยว่ เจ้าเป็นธิดาของข้า ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้า ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น” “เจ้าอย่าโทษที่ข้าเข้มงวดกับเจ้ามากเกินไป เจ้าเติบโตอยู่ในอารามเต๋ามาตั้งแต่เล็ก ไม่รู้ว่าน้ำในวังแห่งนี้ลึกมากเพียงใด ข้าลำบากมากเพียงใด” “ข้ากลัวว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลยจนพลาดพลั้งเสียชีวิต”ซือเจ๋อเยว่มองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดนางกำนัลยกขนมมาพอดี ซือเจ๋อเยว่หยิบขนมชิ้นหนึ่งไปให้อาหารมดที่ริมกำแพงเพียงพริบตาเดียว มดเหล่านั้นก็หงายท้องกันหมดนางกำนัล “...”นางรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ทำตามอุบายเกินไปแล้ว นางบอกเองว่าอยากกินขนม แต่เอามาป้อนมดเช่นนี้ นี่ล้อนางเล่นหรือ? ซือเจ๋อเยว่ถามอวิ๋นไท่เฟยว่า “นี่ก็คือสิ่งที่ท่านทำดีต่อข้า?”อวิ๋นไท่เฟย “...”ซือเจ๋อเยว่โยนขนมในมือลงไปในจาน ปัดเศษขนมบนมือแล้วเอ่ยว่า “อวิ๋นไท่เฟย เลิกเสแสร

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 15

    ซือเจ๋อเยว่เงยหน้าขึ้นแต่โดยดี เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงเห็นท่าทางของนางก็ใจลอยเล็กน้อยรูปร่างหน้าตาของซือเจ๋อเยว่คล้ายคลึงกับอวิ๋นไท่เฟยห้าส่วน อีกหลายส่วนก็เหมือนกับอดีตฮ่องเต้ รูปโฉมของนางรวมข้อดีของทั้งสองไว้ ดูงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของนางเหมือนกับอดีตฮ่องเต้มาก เป็นนัยน์ตาดอกท้อน่าหลงใหล แววตากระจ่างใส มีความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวฮ่องเต้เจาหมิงมองนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกถึงเรื่องอะไร ถึงได้ดูเหม่อลอยอยู่บ้าง ขันทีที่อยู่ด้านข้างเก็บฎีกาที่เขาตรวจเสร็จแล้วทำให้เขาได้สติกลับมา เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหน้าตาเหมือนกับเสด็จพี่มาก” ซือเจ๋อเยว่แย้มยิ้ม ฮ่องเต้เจาหมิงมองนางแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เด็กน้อยอย่างเจ้าช่างเหลวไหลเหลือเกิน” “อยู่ดี ๆ เจ้าก็ยืนกรานว่าจะแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องคงนึกว่าเจิ้นบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้” “หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่ของเจ้าบอกว่า เสด็จพี่ได้หมั้นหมายให้เจ้าแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อในตอนที่เจ้ายังเด็ก เมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วต้องการแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสามให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเจิ้

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 16

    ซือเจ๋อเยว่พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาเดินถือดาบเพื่อตามหานางทั่วหมู่บ้านขึ้นมา นางรู้ว่าหากวันนี้ไม่ให้คำตอบ เขาอาจจะสับนางเป็นชิ้นๆ ได้เลย นางครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “สำนักเต๋าให้มา” เยียนเซียวหรานจดจ้องนัยน์ตาของนางพลางย้อนถาม “สำนักเต๋าให้มา?” “ใช่แล้ว” ซือเจ๋อเยว่ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “สำนักเต๋าของเรามีธรรมเนียมการแจกสิ่งของแก่ศิษย์ทุกปี” “ของสิ่งนี้ได้รับจากสำนักเต๋าเมื่อสามปีก่อน ข้าเห็นว่าถุงเงินนี้มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์จึงเอ่ยปากขอจากท่านอาจารย์ใหญ่มาหนึ่งใบ” นางพูดจบแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย “ถุงเงินใบนี้มีอะไรผิดปกติหรือ?” เยียนเซียวหรานไม่ตอบ เพียงมองนางด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าไต่สวน แม้นางตื่นเต้นแทบตาย แต่กลับไม่เผยพิรุธบนใบหน้า นางทำเป็นมองเขาด้วยสายตาฉงนพลางถาม “เหตุใดน้องสามถึงมองข้าเช่นนี้?” เยียนเซียวหรานไม่พบพิรุธจากสีหน้าของนาง ชั่วครู่จึงเกิดความไม่แน่ใจว่านางโกหกหรือไม่ เขาถอนสายตาแล้วพูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีอะไร แค่คิดว่าลวดลายของถุงเงินนี้ดูแปลกตาดี” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มกล่าว “มันเป็นล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 17

    เห็นกิริยาเช่นนี้ของนาง ทำเขาหรี่ตาเพ่งมองแล้วตัดสินใจเดินตามนางไปทางเรือนจี้หลิ่ว เหล่าไท่จวินกังวลเมื่อนางออกไป โล่งใจเมื่อเห็นนางกลับมา นางรีบถามซือเจ๋อเยว่ “ฝ่าบาททำให้องค์หญิงลำบากใจหรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า เอ่ย “นอกจากเขาไม่ทำให้ข้าลำบากใจ ยังมอบของขวัญให้ข้าด้วยซ้ำ” เหล่าไท่จวินเห็นหยกแขวนในมือนางพลันประหลาดใจ ในอดีตเมื่อเหล่าไท่จวินเข้าวังก็เคยได้เห็นหยกแขวนชิ้นนี้อยู่บนพระวรกายมังกรของฮ่องเต้เจาหมิง ซือเจ๋อเยว่จึงอธิบายที่มาของหยกแขวนชิ้นนี้สั้นๆ เหล่าไท่จวินได้ฟังแล้วตกอยู่ในห้วงคำนึง แต่ซือเจ๋อเยว่สรุปว่า “เสด็จอาอาจใจแคบต่อข้า แต่จะไม่ทำการใดให้คนอื่นมองออก” “ครานี้ข้าได้แต่งเข้าจวนเยียนอ๋องแทนองค์หญิงสาม เกรงว่าจะเป็นแผนการของคนอื่น” “ขอเพียงเขาไม่คิดเล่นงานจวนเยียนอ๋องถึงตาย จวนเยียนอ๋องก็ยังเอาตัวรอดต่อไปได้” เหล่าไท่จวินพยักหน้าเข้าใจพลางเอ่ย “องค์หญิงกล่าวมีเหตุผล” น้ำเสียงทุ้มลึกของเยียนเซียวหรานดังขึ้น “ต้องบอกว่าการปราชัยของเสด็จพ่อทำให้มองสถานการณ์จริงได้ชัดขึ้น” “พูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาไม่ค

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 18

    เหล่าไท่จวินตกใจ เยียนเซียวหรานรีบประคองนางแล้วพูดว่า “ท่านย่า องค์หญิงอัญเชิญวิญญาณได้ขอรับ” “คราวก่อนที่หน้าประตูวัง ข้าได้พบพี่ใหญ่ด้วย” เนื่องจากวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เขาเห็นนั้นไม่สมบูรณ์ ความคิดยุ่งเหยิง จึงชี้ชัดได้ว่าก่อนสิ้นลมต้องได้รับความทรมานสุดแสน สภาพที่น่าสังเวชของเยียนอ๋องซื่อจื่อนั้น เขาไม่อยากเอ่ยต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ด้วยกลัวนางตรอมใจ เหล่าไท่จวินดวงตาแดงระเรื่อ นางรีบถามซือเจ๋อเยว่ “หากองค์หญิงอัญเชิญวิญญาณท่านอ๋องได้จริง ข้าจะมองเห็นเขาหรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ได้เห็นแน่ เพียงแต่...” นางเบนสายตาส่งสัญญาณไปทางเยียนเซียวหราน เขาถอนหายใจพลางเอ่ย “ครั้งนั้นองค์หญิงอัญเชิญวิญญาณของพี่ใหญ่มา สภาพของเขาไม่ดีนัก” “พวกเราจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเสด็จพ่อจะเป็นอย่างไร อีกทั้งสุขภาพของท่านย่ามิสู้ดี...” “ข้ารับไหว” เหล่าไท่จวินพูดแทรกแล้วยืนยันว่า “ข้าไม่ได้อ่อนแอปานนั้น” “ในสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงข้าได้เห็นเสด็จพ่อของเจ้าอีกครั้งก็ดีใจแล้ว” ซือเจ๋อเยว่มองหน้าเยียนเซียวหรานแล้วเริ่มเตรียมการ “ตกลงตามนี้ ข้าจะรอฟ้าม

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 272

    ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 271

    ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 270

    ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 269

    “อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 268

    นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 267

    นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 266

    ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 265

    อวิ๋นไท่เฟยโกรธจนตัวสั่น ตะคอกด้วยเสียงเย็นชา "เจ้าไปเรียนกฎระเบียบแปลก ๆ อันใดมาจากข้างนอก? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้ข้าจะสอนเจ้าให้รู้จักมารยาทเอง!"  ซือเจ๋อเยว่กวักนิ้วเรียก "เชิญท่านลองเข้ามาได้ตามสบาย"  ท่าทีเยือกเย็นของซือเจ๋อเยว่ ทำให้อวิ๋นไท่เฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เนื่องด้วยความโกรธ นางจึงไม่ได้คิดอันใดมาก จึงสั่งให้ข้ารับใช้สาวของนางไปสั่งสอนซือเจ๋อเยว่  ซือเจ๋อเยหาได้หลบเลี่ยงไม่ ร่ายคาถาใส่ร่างกายของนางกำนัลคนนั้นโดยตรง ทันใดนั้นนางกำนัลรู้สึกถึงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านหลัง  นางอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง จึงพบว่ามีวิญญาณตนหนึ่งเกาะอยู่บนหลังของตน  วิญญาณตนนั้นมีลิ้นที่ยาวเหยียด มันเผยรอยยิ้มอันน่ากลัวแสดงฟันขาวซีดให้นางเห็น ก่อนจะยื่นลิ้นมายังตัวนาง  นางกำนัลตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง กรีดร้องเสียงดัง "อย่าฆ่าข้านะ!"  จากนั้นนางก็รู้สึกคล้ายดั่งว่ามีบางอย่างบีบรัดคอ หายใจไม่ออก ใบหน้าของนางจึงแดงก่ำ  ภาพที่น่าประหลาดเช่นนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก  ซือเจ๋อเยว่ หันไปถามข้ารับใช้คนอื่น ๆ "พวกเจ้าอยากลองบ้างหรือไม่?"  ข้ารับใช้ที่เดิม

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 264

    ซือเจ๋อเยว่ได้ยินเสียงตะโกนของอวิ๋นไท่เฟย คิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย  แม้เป็นเวลานี้ก็ยังไร้สำนึกถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะพบ  ฮองเฮาส่งสายตาถามซือเจ๋อเยว่ ว่านางต้องการให้ช่วยหรือไม่  ซือเจ๋อเยว่าส่ายหัวเบา ๆ เรื่องของอวิ๋นไท่เฟยเช่นนี้ นางสามารถจัดการเองได้  นางยกถ้วยชาขึ้นจิบเบา ๆ แล้วถือถ้วยชาเดินออกไป  ฮองเฮาเห็นท่าทีสงบนิ่งของซือเจ๋อเยว่ ริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย นางชื่นชอบในบุคลิกของซือเจ๋อเยว่  ฮองเฮามองเห็นเงาของตนเองในวัยเยาว์ในตัวซือเจ๋อเยว่ แต่ความกล้าหาญของซือเจ๋อเยว่กลับมากกว่านางในวัยเยาว์มากนักซือเจ๋อเยว่เสมือนกุหลาบที่กำลังเบ่งบานนอกวัง งดงามและชวนหลงใหล แต่เต็มไปด้วยหนามแหลม ผู้ใดแตะต้องก็จะทิ่มแทงผู้นั้น  ฮองเฮาอยากรู้ว่าวันนี้ซือเจ๋อเยว่จะจัดการอวิ๋นไท่เฟยอย่างไร จึงเดินตามออกไป  แม้ฮองเฮามั่นใจว่าซือเจ๋อเยว่าสามารถรับมือกับอวิ๋นไท่เฟยได้ แต่เพราะที่นี่คือพระราชวัง หากอวิ๋นไท่เฟยพาคนมามาก ซือเจ๋อเยว่าอาจเสียเปรียบ  ฮองเฮาจึงออกไปดูสถานการณ์ หากซือเจ๋อเยว่ถูกอวิ๋นไท่เฟยรังแก นางจะช่วยเหลือได้บ้าง  ซือเจ๋อเยว่เพิ่งจะเดินออกมา อวิ๋นไท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status