Share

บทที่ 10

ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอก

เขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้น

เป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรก

เขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้

ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาส

พวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมด

ส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำ

เยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้

หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”

เจ้าหน้าที่ “...”

เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบ

เจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”

หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย

เหวยอิ้งหวนได้ยินรายงานจากเจ้าหน้าที่ ดวงตาจึงเข้มขึ้น จากนั้นจึงหันไปทำท่าคารวะพระชายาผู้เฒ่า “คืนนี้รบกวนแล้ว”

พระชายาผู้เฒ่าพยักหน้าเบาๆ ต่อมาเหวยอิ้งหวนไปจุดธูปให้เยียนอ๋องที่ห้องทำพิธี ก่อนจะจากไป

ตอนที่เขาเดินไปถึงประตูทางเข้า ซือเจ๋อเยว่หาวแล้วเอ่ยขึ้น “ใต้เท้าเหวย หากมีเรื่องที่สะสางไม่ได้ก็ถามภูตผี สำนักเต๋ายินดีต้อนรับ”

เหวยอิ้งหวนหันมองนางครั้งหนึ่ง จากนั้นเดินออกไปจากจวนเยียนอ๋องทันที

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มอ่อน จากนั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เยียนเซียวหรานเดินมาข้างกายนาง “พวกเขาไม่พบสิ่งต้องการค้นหาในจวนอ๋อง น่าจะไม่มาในเร็วๆ นี้ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เมื่อคืนทั้งคืน ซือเจ๋อเยว่แค่งีบไปสักครู่ตอนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ

นางหาวพร้อมเอ่ยขึ้น “ได้ หากเหวยอิ้งหวนย้อนกลับมาที่จวน เจ้าให้คนไปตามข้าด้วย”

เมื่อคืนตอนซือเจ๋อเยว่ดูโหงวเฮ้งให้เหวยอิ้งหวน เยียนเซียวหรานไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเขาต้องจับตาดูเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน

เขาเอ่ยถามนาง “เจ้าคิดว่าเหวยอิ้งหวนจะกลับมาหาเจ้าหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่มั่นใจมาก “แน่นอน เขาจะต้องกลับมา”

เขาไม่เพียงจะกลับมา ซ้ำยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้จวนเยียนอ๋องพ้นวิกฤต

เยียนเซียวหรานหันมองนาง เห็นเพียงแสงแดดยามเช้าสาดส่องไปที่ใบหน้าหญิงสาว ผิวของนางขาวมาก ภายใต้แสงแดดขาวเจิดจ้าจนแสบตา

ขณะนี้นางดูอิดโรยเล็กน้อย กำลังจะหาวอีกครั้ง จึงยื่นมือไปปิดปาก

มือของนางสวยมาก นิ้วเรียวยาว เพราะผิวขาวเกินไป ทำให้มองเห็นเส้นเลือดประปราย แลดูเปราะบางไม่น้อย

ตอนเยียนเซียวหรานเห็นมือนาง นึกถึงเมื่อคืนที่ส่งนางจากไป นึกว่าจะไม่ได้พบเจอกันอีก จึงจับมือนาง

กระทั่งตอนนี้ เขายังจำอุณหภูมิของนางได้ มือนางเย็นเฉียบ หนำซ้ำทั้งบอบบางนุ่มลื่น อ่อนนุ่มราวไร้กระดูก

เมื่อความรู้สึกเช่นนี้ผุดขึ้นในหัวของเขา เขารู้ว่าตัวเองล้ำเส้นแล้ว ใบหน้าจึงร้อนวูบวาบอย่างลืมตัว

ตอนที่เขาคิดจะอยู่ห่างนางอีกสักนิด พลันมองเห็นนางสะลึมสะลือกำลังจะเดินไปชนต้นไม้

เขาจึงกระชากนาง แต่คาดคะเนน้ำหนักของนางผิดพลาด พอดึงมาอย่างนี้ จึงทำให้นางโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

ทั้งสองคนต่างชะงักงัน

ตั้งแต่เยียนเซียวหรานได้พบนางครั้งแรก เขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ครั้งนี้เมื่อดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด ความรู้สึกนั้นยิ่งชัดเจน

เขารู้สึกถึงเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง รวมถึงกลิ่นหอมสดชื่นของกล้วยไม้บนตัวนาง

แสงแดดสาดส่องทำให้นางราวกับภาพวาด เพราะนางดูมึนงง ดังนั้นดูแล้วช่างผุดผ่องและน่ารัก

นางที่เป็นเช่นนี้ทำให้เขานึกถึงค่ำคืนที่บ้าคลั่ง หญิงสาวบังอาจคนนั้นเกี้ยวพาราสีเขาอย่างใจกล้า ซ้ำยังทับเขาไว้ใต้ร่าง...

ใบหน้าของเยียนเซียวหรานแดงอย่างลืมตัว เตรียมจะยื่นมือไปประคองนางให้ยืนตรง แต่นางกลับได้กลิ่นประหลาดจากตัวเขา

จึงยื่นมือคล้องคอเขาไว้

เยียนเซียวหราน “...”

เขาอยากดันนางออก แต่กลับไม่รู้จะวางมือไว้ที่ใด

ซือเจ๋อเยว่สูดดมตรงลำคอของเขา เขาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”

ซือเจ๋อเยว่ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับย้ายมาสูดดมตรงริมฝีปากของเขา

เยียนเซียวหราน “!!!”

เขาแข็งทื่อไปหมดทั้งตัว หัวใจเต้นเร็วระรัว ยืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้จะทำอย่างไร

มือของซือเจ๋อเยว่ที่คล้องคอเขาเอาไว้วางลง แล้วถามเขา “ทำไมบนตัวเจ้าถึงได้มีกลิ่นประหลาด?”

เยียนเซียวหรานรู้สึกตัวในที่สุด จึงรีบถอยไปหนึ่งก้าว แล้วทำหน้าเข้ม “องค์หญิง โปรดสำรวมด้วย!”

เขาหันหลังจากไปทันทีที่พูดจบ

ซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ต่อมาดึงแขนเสื้อมองดูเส้นสีแดงตรงข้อมือ พบว่าด้ายแดงถอยกลับไปเล็กน้อย

ทว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากไม่ดูให้ละเอียดจะไม่รู้

แต่ด้ายแดงเส้นนี้เชื่อมโยงกับชีวิตของซือเจ๋อเยว่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนางก็ดูออก

เดิมทีนางง่วงนอนจะแย่ ทว่าเมื่อเห็นเส้นสีแดงที่สั้นลงเล็กน้อย กลับทำให้ตื่นตัวทันที

นางพึมพำกับตัวเอง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ตั้งแต่เส้นสีแดงเส้นนี้ได้เกิดขึ้น มันไม่เคยถอยกลับไปเลย นี่ถือว่าเป็นครั้งแรก

เมื่อวานก่อนออกเรือนนางเคยเปิดดูเส้นสีแดงเส้นนี้ มันไม่ได้หดสั้น แสดงว่าการหดสั้นครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวนเยียนอ๋อง

เพราะนางช่วยเหลือจวนเยียนอ๋อง ดังนั้นเส้นสีแดงนี่ถึงได้หดสั้นหรือ?

หรือเพราะเมื่อครู่นางอยู่ในอ้อมกอดเยียนเซียวหราน แล้วได้กลิ่นบนตัวเขาเส้นสีแดงถึงได้หดสั้น?

ขณะนี้นางยังไม่มีคำตอบ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ การอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไปทำให้เส้นสีแดงของนางหดสั้นลง

หรือพูดอีกอย่างก็คือ จวนเยียนอ๋องเป็นตัวแปรสำคัญในการทำลายชะตาชีวิตที่ต้องตายตั้งแต่เด็กของนาง

นางหัวเราะเสียงค่อย

เหวยอิ้งหวนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเหนื่อยล้าเล็กน้อย เพียงแต่ในวังยังรอข่าวจากเขา เขาต้องเข้าวังไปกราบทูลก่อน

ระหว่างทางเขาเห็นคนมุงกันเป็นวง จนขวางทางเข้าวังไปเกือบครึ่ง

บ่าวที่ติดตามเขาเข้าไปสอบถามเรื่องราว ไม่ช้าบ่าวกลับมารายงาน “ใต้เท้า หนิวกงกงตายแล้วขอรับ สำนักจิงจ้าวกำลังตรวจสอบสาเหตุการตายของเขา”

เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินตื่นตัวทันที “เจ้าว่าอะไรนะ? หนิวกงกงตายแล้ว?”

บ่าวรีบตอบ “ขอรับ สภาพการตายสยดสยองมาก ไม่มีดวงตา บนลำคอของเขามีแต่รอยมือเขียวช้ำ”

“ซ้ำยังถูกผ่าหน้าอกลงมาถึงท้อง หัวใจของเขาถูกควัก ไส้กระจัดกระจายเต็มพื้น”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาอาเจียนไปหลายที ภาพที่เห็นน่าสะอิดสะเอียนเกินไป

เหวยอิ้งหวนครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นรีบลงจากรถม้าไปตรวจดูทันที

คนของสำนักจิงจ้าวส่วนใหญ่จะรู้จักเขา จึงได้เล่าสถานการณ์ให้ฟังพอสังเขป “คนเคาะยามเป็นคนแรกที่พบศพเขา”

“เขาถูกเอ็นปลาแขวนไว้บนต้นไม้ จากนั้นถูกควักดวงตาและลิ้น ตอนที่พบเขาไส้ของเขาห้อยลากยาวลงมาจนถึงพื้น”

“หัวใจของเขาถูกหมาป่ากัดกินไปครึ่งหนึ่ง ลูกตาเต็มไปด้วยฝุ่นจึงถูกคนเคาะยามเหยียบเละโดยไม่ตั้งใจ”

“จนถึงตอนนี้พวกข้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาถูกคนใช้เส้นเอ็นปลาไปแขวนไว้บนต้นไม้ได้อย่างไร มันสูงมาก หนำซ้ำยังไม่พบบันได...”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status