เหล่าไท่จวินตกใจ เยียนเซียวหรานรีบประคองนางแล้วพูดว่า “ท่านย่า องค์หญิงอัญเชิญวิญญาณได้ขอรับ” “คราวก่อนที่หน้าประตูวัง ข้าได้พบพี่ใหญ่ด้วย” เนื่องจากวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เขาเห็นนั้นไม่สมบูรณ์ ความคิดยุ่งเหยิง จึงชี้ชัดได้ว่าก่อนสิ้นลมต้องได้รับความทรมานสุดแสน สภาพที่น่าสังเวชของเยียนอ๋องซื่อจื่อนั้น เขาไม่อยากเอ่ยต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ด้วยกลัวนางตรอมใจ เหล่าไท่จวินดวงตาแดงระเรื่อ นางรีบถามซือเจ๋อเยว่ “หากองค์หญิงอัญเชิญวิญญาณท่านอ๋องได้จริง ข้าจะมองเห็นเขาหรือไม่?” ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ได้เห็นแน่ เพียงแต่...” นางเบนสายตาส่งสัญญาณไปทางเยียนเซียวหราน เขาถอนหายใจพลางเอ่ย “ครั้งนั้นองค์หญิงอัญเชิญวิญญาณของพี่ใหญ่มา สภาพของเขาไม่ดีนัก” “พวกเราจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเสด็จพ่อจะเป็นอย่างไร อีกทั้งสุขภาพของท่านย่ามิสู้ดี...” “ข้ารับไหว” เหล่าไท่จวินพูดแทรกแล้วยืนยันว่า “ข้าไม่ได้อ่อนแอปานนั้น” “ในสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงข้าได้เห็นเสด็จพ่อของเจ้าอีกครั้งก็ดีใจแล้ว” ซือเจ๋อเยว่มองหน้าเยียนเซียวหรานแล้วเริ่มเตรียมการ “ตกลงตามนี้ ข้าจะรอฟ้าม
วิญญาณของเยียนอ๋องมีความเสถียรและมีสติกว่าวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ประตูวัง เยียนอ๋องโค้งคำนับให้ซือเจ๋อเยว่แบบสุดซึ้งพลางเอ่ย “ขอบพระทัยองค์หญิงที่ช่วยดูแลจวนเยียนอ๋องในช่วงนี้ น้ำพระทัยใหญ่หลวง เกรงว่ากระหม่อมได้ตอบแทนชาติหน้าแล้ว” แม้เขาตายแล้วจะเข้าสู่ยมโลกทันที แต่เขาได้ยินเรื่องที่ซือเจ๋อเยว่ได้รับเลือกให้แต่งงานกับบุตรชายผู้ล่วงลับและเรื่องราวต่างๆ ของนางจากอินชา เหล่าไท่จวินและเยียนเซียวหรานรู้เพียงว่าซือเจ๋อเยว่ทำนายชะตาและดูโหงวเฮ้งเป็น แต่ไม่ล่วงรู้ความสามารถอื่นของนาง แต่เยียนอ๋องได้ยินเรื่องราวของนางจากอินชา ทั้งยังรู้ว่านางเก่งกาจทักษะเวทสำนักเต๋า แม้แต่อินชายังเกรงกลัวนางไม่น้อย ซือเจ๋อเยว่คำนับตอบพลางเอ่ย “เสด็จพ่อโปรดอย่าเกรงใจ เมื่อข้าแต่งเข้าจวนอ๋องแล้วย่อมกลายเป็นคนของจวนอ๋อง” “ระหว่างคนในครอบครัวไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้าอัญเชิญเสด็จพ่อมาเพราะอยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ช่องเขากรงเสือ?” เยียนอ๋องทวนความจำ “หลังจากได้รับพระราชโองการ ข้าได้นำทัพทหารแลม้าออกสู้ศึกกับชาวเผ่าต๋าต๋าหลายต่อหลายครั้ง” “กลับพบว่ารถขนเสบียงอาหาร
สงครามครั้งนี้ เยียนอ๋องเป็นจอมทัพทหารบก ทหารและม้าทั้งหมดอยู่ภายใต้บัญชาของเขา กองทัพทรงพลังที่สุดยังคงเป็นกองทัพหย่งอันของเยียนอ๋อง ครานี้ฮ่องเต้เจาหมิงกลับส่งขุนนางพลเรือนมาเป็นผู้ควบคุมทัพ อำนาจของผู้ควบคุมทัพเหลือล้น สามารถจำกัดเยียนอ๋องได้ เยียนอ๋องพูดได้ไม่เต็มปาก แต่เยียนเซียวหรานรู้ดีว่าในสมรภูมิครั้งนี้ เยียนอ๋องจะต้องถูกควบคุมไว้ทุกครั้ง แม้ว่าทางใต้มีชาวเผ่าต๋าต๋าหลายแสนคน เยียนเซียวหรานย่อมรู้ถึงประสิทธิภาพของกองทัพหย่งอันและในสงครามปกติไม่มีทางถูกกวาดล้างทั้งกองทัพ ยังมิได้เอ่ยถึงว่าครั้งนี้ต้าฉู่ยังรวบรวมกองทัพชายแดนกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นนายมาเป็นทัพเสริม ในยามที่เยียนอ๋องนำทัพหย่งอันเข้ากวาดล้างก็ได้สังหารชาวเผ่าต๋าต๋าในจำนวนที่เท่ากำลังพล หลังจากที่พวกเขาพลีชีพ กองทัพของผู้ควบคุมทัพจึงบุกเข้ามาไล่ล่าสังหารชาวเผ่าต๋าต๋าที่บาดเจ็บหนักจนปราชัยและถอนทัพออกจากช่องเขากรงเสือ ชายแดนบังเกิดสันติภาพชั่วคราว ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงวิเคราะห์ “เสด็จพ่อนำกองทัพหย่งอันสู้จนตัวตายในช่องเขากรงเสือซึ่งทำให้ศัตรูบาดเจ็บหนัก”
ซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วขึ้นเอ่ย “ข้าเป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อ ย่อมต้องเหมือนเขาเป็นธรรมดา”ทั้งสามรวมตัวกันปรึกหาหารือแผนรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าสุดท้ายจึงตัดสินใจดำเนินการตามแผนที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้าแล้ว โดยชิงโจมตีก่อนเพื่อล่อให้ศัตรูมาติดกับทว่าการเคลื่อนไหวจำต้องเป็นไปโดยระมัดระวังมากขึ้น บัดนี้จวนเยียนอ๋องไม่อาจเลินเล่อได้อีกต่อไปเหล่าไท่จวินอายุอานามก็มากแล้ว หลังจากนางได้พบเยียนอ๋อง ร่างกายก็เริ่มทรุดจนฝืนไม่อยู่ ซือเจ๋อเยว่จึงพานางกลับไปพักผ่อนยังห้องหับเมื่อซือเจ๋อเยว่เดินออกมา ก็พบเยียนเซียวหรานยืนอยู่ภายนอก เห็นได้ชัดว่ากำลังรอนางอยู่เหตุเพราะเรื่องถุงเงินทำให้นางยังไม่อยากจะอยู่ลำพังสองต่อสองกับเขานัก จึงคิดจะหลีกลี้ออกมาราวกับมองไม่เห็นเขาเขาค่อยๆ เอ่ยขึ้นมา “องค์หญิงยังมิได้พบพี่ชายใหญ่เลยใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ร้อง “อ้อ” ออกมาคำ ก่อนจะตอบ “ยังไม่ได้พบเลย”เยียนเซียวหรานมองนางพลางเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะพาองค์หญิงไปพบเขาเอง”ซือเจ๋อเยว่ชะงักไปครู่ ส่วนเขาเดินนำทางไปแล้ว เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเกาหัวเดินตามเขาไปเยียนอ๋องซื่อจื่อสิ้นชีพไปก็นานแล้ว จะ
วันนี้เมื่อเหวยอิ้งหวนกลับจากวังหลวงมายังศาลต้าหลี่ หนีจ้าน[1]เส้าชิงก็ตรงเข้ามาหาพลางเอ่ย “เรื่องที่ใต้เท้าให้ข้าสืบมีความคืบหน้าแล้วขอรับ”พูดจบเขาก็ส่งม้วนกระดาษให้กับเหวยอิ้งหวนหนีจ้านอายุอานามมากกว่าเหวยอิ้งหวนถึงสิบปี ทั้งยังทำงานที่ศาลต้าหลี่แห่งนี้มานานกว่าเหวยอิ้งหวนอีกด้วยเหวยอิ้งหวนถูกส่งตรงลงมารับตำแหน่งซื่อชิง[2]แห่งศาลต้าหลี่ คราแรกหนีจ้านไม่ได้ยอมรับนับถือเขานักทว่าหลังคลี่คลายคดีความไปไม่น้อยหนีจ้านก็ยอมรับความสามารถของเหวยอิ้งหวนจากใจจริง บัดนี้ทั้งสองจึงเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้วเหวยอิ้งหวนเปิดม้วนกระดาษออกดู พินิจดูอย่างละเอียดแล้วเรือนคิ้วก็พลันขมวดมุ่นหนีจ้านเอ่ยถาม “ใต้เท้าเองก็รู้สึกมีสิ่งใดมิชอบมาพากลใช่หรือไม่?”เหวยอิ้งหวนกล่าวเสียงเคร่ง “การรบทัพจับศึกนี้ มีเยียนอ๋องเป็นผู้นำทัพ เขานำทัพทหารม้าบุกตะลุยจนตัวตายบริเวณรอบนอกช่องเขากรงเสือ”“ทว่าเยียนอ๋องซื่อจื่อถูกพบตายในหุบผาห่างจากช่องเขากรงเสือราวหนึ่งร้อยลี้ เมื่อครั้นพบตัว ร่างก็ได้ถูกสัตว์ป่ากัดกินไปเสียแล้ว”“กองทัพเหล่าอื่นๆ มีเสียหายบ้าง ทว่ามิมาก ภายใต้การคุมทัพของผู้ควบคุมทัพพวกเขาตีโ
เมื่อพวกเขาแยกย้ายกันไปแล้ว เหวยอิ้งหวนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าซือเจ๋อเยว่ได้ตั้งโต๊ะเอาไว้หน้าประตูใหญ่จวนเยียนอ๋องเหนือโต๊ะมีผ้าขาวแขวนเอาไว้ เนื้อความบนผ้าขาวเขียนเอาไว้ว่า “แม่นยำดั่งเทพทายทัก มีเสนอล้วนสนอง”เหวยอิ้งหวน “…”เขาหลงเชื่อลูกไม้ของนางเข้าแล้ว!เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นเขาก็ยิ้มทักทาย “ใต้เท้าเหวย อยากลองให้ข้าทำนายโชคชะตาให้หรือไม่?”โคมไฟที่แขวนเอาไว้บนประตูร่อนลมส่องสะท้อนไปบนใบหน้าของนาง ทำให้สีหน้าของนางมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าปกติไม่น้อย โดยเฉพาะดวงตาคู่โตที่สุกใสเปล่งประกายยามค่ำคืนเช่นนี้ นางดูราวกับภูตพรายพราวสเน่ห์ ชวนใหลหลงกระชากจิตใจเหวยอิ้งหวนสงบจิตสงบใจแล้วจึงเดินไปหานางพลางกล่าว “องค์หญิงกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”ซือเจ๋อเยว่ตอบตามตรง “เช่นที่ใต้เท้าเหวยเห็น ข้าทำนายโชคชะตาให้ผู้คนอยู่”ประกายนัยตาของของเหวยอิ้งหวนหรี่ลง “ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้ปิดล้อมจวนเยียนอ๋อง องค์หญิงทำเช่นนี้ มิใช่ว่าไม่ค่อยเหมาะสมหรอกหรือ?”ซือเจ๋อเยว่เอ่ยถามด้วยงวยงง “พระราชโองการของเสด็จอาบอกห้ามไม่ให้ผู้ใดในจวนเยียนอ๋องออกไปด้านนอก ทว่าข้าก็มิได้ออกไปจากจวน”“ขอถามใต้เท้าเหวยหน่อ
กระบี่ในมือของเยียนเซียวหรานสะท้อนแสงเงินเย็นเยือก สายตาเย็นชาหรี่ลง “หากเจ้ากล้าทำร้ายองค์หญิงแม้เพียงนิด ข้าจะต้องให้เจ้าถูกกุดหัวทั้งเป็นให้จงได้”ทั้งร่างของเขาอาบเอิบด้วยจิตสังหาร เปี่ยมรัศมีหาญกล้าสามารถ เส้นผมสีดำพลิ้วไหวตามสายลม ในค่ำคืนเช่นนี้ราวกับเทพสังหารมาเยือนโลกมนุษย์ก็มิปานซือเจ๋อเยว่เห็นท่าทีของเขาแล้วก็เกิดประหลาดใจ คล้ายว่าเขากำลังโกรธเคือง?เหวยอิ้งหวนเอ่ยถาม “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงบุกเข้ามาในจวนเยียนอ๋องกลางดึกเช่นนี้?”ชายชุดดำหาได้สนใจเขาแม้แต่นิด คมกระบี่ค่อยๆ กรีดลงบนคอของซือเจ๋อเยว่พลางขู่ “ข้าจะนับถึงสาม หากพวกเจ้ายังมิหลีกไป ก็เตรียมเก็บศพนางได้เลย!”พูดจบก็เริ่มนับ “หนึ่ง!”ซือเจ๋อเยว่เริ่มโอดร้อง “ฮือๆ” ขึ้นมา “พวกเจ้าถอยไปเร็ว ถอยไป ข้ามิอยากตาย!”เยียนเซียวหรานเห็นนางร้องไห้เสียงแผ่วเช่นนั้น เรือนคิ้วก็ขมวดขึ้นน้อยๆ แม้ยามปกตินางจะดูแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุสิบกว่าปีเท่านั้นจะเกิดกลัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเขาโบกมือเป็นนัยให้องครักษ์ของจวนอ๋อง เหล่าองครักษ์จึงได้ถอยห่างเปิดทางออกชายชุดดำเห็นว่าเหวยอิ้งหวนยังคงยืนขว
วันนี้หลังจากเขามาถึงจวนเยียนอ๋องแล้ว ยังไม่ทันได้ลงมือทำสิ่งใด ก็ถูกเยียนเซียวหรานพบเข้าเสียก่อนจากนั้นก็เป็นการเอาชีวิตรอด ตลอดต้นจนจบล้วนไม่มีผู้ใดเข้าใกล้เขาเลย นอกเสียจากซือเจ๋อเยว่หรือว่า...จดหมายฉบับนั้นจะเป็นซือเจ๋อเยว่ใส่เข้ามา?เขามองนางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ซือเจ๋อเยว่เพียงแค่เลิกคิ้วให้เขาน้อยๆ แล้วกระพริบตาปริบๆ อีกครั้งทีแม้ว่านางจะไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด ทว่าชายชุดดำก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องสงสัยว่านางกำลังด่าเขาว่า “โง่เง่า!”ชายชุดดำ “...”เขาเองก็อยากจะด่ากลับไปเช่นกัน หากแต่ร่างกายของเขาเย็นเฉียบเสียจนพูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคคำเดียวแล้วเหวยอิ้งหวนเปิดจดหมายออกพึ่งพาแสงจากโคมไฟอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขานิ่งค้างไปซือเจ๋อเยว่เอ่ยถาม “ใต้เท้าเหวย ในจดหมายเขียนไว้ว่าอย่างไรหรือ?”เหวยอิ้งหวนหาได้ตอบคำถามของนาง เพียงกล่าว “ค่ำคืนนี้ทำองค์หญิงตกพระทัยเสียแล้ว”ว่าจบก็หันกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างเคียง “พาเหล่าผู้ต้องสงสัยกลับไปยังศาลต้าหลี่”เมื่อเจ้าหน้าที่จับชายชุดดำมัดเอาไว้แล้ว ก็ลากเขาขึ้นมาจากพื้น ยามที่ชายชุดดำถูกลากตัวออกไปเขาก็ยังคงถลึงตาจ
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ