เยียนเซียวหรานกอดนางไว้ตามสัญชาตญาณยามนี้นัยน์ตาดอกท้อเย้ายวนของนางลืมไม่ค่อยขึ้น จึงได้แต่พึมพำ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องสนใจข้า”เมื่อพูดจบนางหลับตา แล้วหมดสติไปทันทีเยียนเซียวหราน “...”หญิงสาวในอ้อมกอดอรชรบอบบาง เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดเขา ราวกับไม่ค่อยมีน้ำหนักตอนนางมีสติ ฉลาดมีไหวพริบ เมื่อยามหมดสติ กลับน่ารักน่าเอ็นดูน้อยมากที่เยียนเซียวหรานจะใกล้ชิดหญิงสาวเช่นนี้ ความใกล้ชิดเดียวที่มีคือเมื่อสองปีก่อนยามนี้เมื่อนางตกอยู่ในอ้อมกอด นางได้กลิ่นหอมจางๆ ของกล้วยไม้จากตัวนางขณะเดียวกัน ยังรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของร่างนาง นั่นเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากร่างของบุรุษอย่างสิ้นเชิงเขารีบผละออกจากนางราวถูกไฟดูด ทว่าวินาทีที่ผละออกก็รีบดึงตัวนางกลับมาอีกครั้งองครักษ์หลายคนที่อยู่ข้างกันเบิกตาโต แต่ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดเยียนเซียวหรานหันมององครักษ์เหล่านั้น พวกเขารีบพากันถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นโบกมือพัลวัน “พวกเรายิ่งไม่ได้ขอรับ!”“คุณชายสามรีบอุ้มองค์หญิงกลับไปที่ห้องเถอะขอรับ ดูเหมือนนางอาการไม่ค่อยดี”เยียนเซียวหรานรู้ว่าตอนนี้ควรพานางกลับไปที่ห้อง แต่ว่า...พวกองครักษ
แต่ซือเจ๋อเยว่ยังมีลมหายใจอยู่ ซ้ำยังพูดได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์สายตาที่นางมองซือเจ๋อเยว่เต็มไปด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยเสียงค่อย “ท่านย่า ข้าจะอยู่ดูแลองค์หญิง”เหล่าไท่จวินรู้ว่านางเป็นคนละเอียดอ่อน แม้จะไม่ช่ำชองในวิชาแพทย์แต่อย่างไรก็พอรู้ ให้นางดูแลซือเจ๋อเยว่จึงเหมาะสมที่สุดทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เหล่าไท่จวินก็ยังกำชับนาง “เจ้าต้องตื่นตัวเสียบ้าง อย่านอนหลับลึก หากองค์หญิงไม่สบายตรงไหน เจ้าต้องรีบมาแจ้งข้า”เยียนซุ่ยซุ่ยพยักหน้าเหล่าไท่จวินไม่ค่อยวางใจจึงหันมองซือเจ๋อเยว่อีกครั้ง ต่อมาจึงพาทุกคนออกจากห้องนางซือเจ๋อเยว่ไม่ได้ทรมานอย่างนี้นานแล้ว แขนขาล่องลอยไร้เรี่ยงแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียก เหมือนแช่อยู่ในน้ำทั้งตัว กระทั่งหายใจติดขัดนางรู้สึกราวกับตัวเองกำลังตกลงไปในเหวลึก หินพิทักษ์ใจตรงหน้าอกร้อนวูบวาบ ร้อนจนนางรู้สึกทรมาน ทว่ากลับทำให้นางหายใจได้อีกครั้งมือเท้าของนางเย็นเฉียบ หนาวจนปวดร้าวไปถึงกระดูกร่างกายของนางกลายเป็นวงจรประหลาด แขนขาหนาวเย็น หน้าอกร้อนวูบวาบ ทั้งสองสิ่งปะทะกัน บางครั้งนางรู้สึกร้อนจนใกล้ตาย แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าใกล้จะหนาวตายเช่นกันใน
เยียนเซียวหรานคำนึงถึงสถานะของทั้งสอง จึงดันซือเจ๋อเยว่ออก แต่นางกลับกอดเขาไม่ยอมปล่อยเขากลัวนางบาดเจ็บ จึงไม่กล้าออกแรงดึงนาง ดังนั้นนางจึงได้คืบเอาศอกนอนอยู่บนตักเขาเสียเลยเรื่องเช่นนี้เขากระดากปากที่จะพูดซือเจ๋อเยว่จับใจความสำคัญในคำพูดของเขา “เมื่อคืนข้าไข้ขึ้นสูงหรือ?”เยียนเซียวหรานหันมองนาง “องค์หญิงอาจจะไม่รู้ แต่ท่านนอนไปสองวันสองคืนแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ “!!!”ไม่เคยเกิดเรื่องอย่างนี้มาก่อน!เยียนเซียวหรานถามนาง “องค์หญิงมีอาจารย์ทั้งหมดกี่คน?”ซือเจ๋อเยว่ตอบทันควัน “เก้าคน”เยียนเซียวหรานตอบเสียงเรียบ “ยังดีที่มีแค่เก้าคน”ซือเจ๋อเยว่ไม่เข้าใจ “อะไรคือยังดีที่มีแค่เก้าคน?”เยียนเซียวหรานมองนางแล้วอมยิ้ม “ตอนองค์หญิงฝัน อาจารย์คนหนึ่งด่าไปสองชั่วยาม อาจารย์เก้าคนก็คือสิบแปดชั่วยาม”“หากมากกว่านี้อีกหน่อย แล้วด่ากันต่อไปเช่นนี้ ตอนตื่นมาลำคอขององค์หญิงอาจจะเสียหายไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!”จู่ๆ นางพบว่าผิวเผินเยียนเซียวหรานดูเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่ภายในกลับร้ายไม่เบาตอนนี้ลำคอของนางแห้งผาก นางอยากดื่มน้ำเยียนเซียวหรานยกน้ำมาหนึ่งถ้วย นางหันมองเข
ซือเจ๋อเยว่ยังคงไม่มีชีพจร นางหันมองอีกฝ่ายอย่างตะลึง “ทำไมองค์หญิงถึงไม่มีชีพจร?”ซือเจ๋อเยว่ดึงแขนเสื้อลง “ตำแหน่งชีพจรของข้าไม่เหมือนกับคนทั่วไป หากตรวจอย่างคนทั่วไป ไม่เจอชีพจรหรอก”ก่อนหน้านี้ตอนเยียนซุ่ยซุ่ยอ่านตำราแพทย์เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอของจริงนางถามซือเจ๋อเยว่ “แล้วชีพจรขององค์หญิงอยู่ที่ใด?”ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ ทว่าดูเหมือนอาจารย์ใหญ่ของข้าจะรู้ แต่เขาไม่บอกข้า”เยียนซุ่ยซุ่ยทำหน้าสงสัย ยังคิดจะช่วยนางหาตำแหน่งของชีพจร แต่กลับถูกปฏิเสธซือเจ๋อเยว่ถามเยียนเซียวหราน “ช่วงที่ข้านอนหลับ มีข่าวคราวจากศาลต้าหลี่บ้างหรือไม่?”เยียนเซียวหรานตอบ “มี เหวยอิ้งหวนเคยมาที่จวนอ๋องหนึ่งครั้ง คนชุดดำที่พวกเราจับได้ ถูกคนฆ่าตายระหว่างถูกส่งกลับไปที่ศาลต้าหลี่”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินเรื่องนี้ ไม่แปลกใจสักนิด “ฆ่าได้ดี หากเขาถูกฆ่า จะยิ่งยืนยันได้ว่ามีคนต้องการใส่ร้ายจวนเยียนอ๋อง”“เดิมทีเสด็จอายังสงสัยจวนเยียนอ๋อง ยามนี้เมื่อมีคนลงมือเล่นงานจวนอ๋อง ยิ่งเห็นได้ชัดว่าจวนเยียนอ๋องคือผู้บริสุทธิ์”ความจริง ตั้งแต่ตอนที่นางกับเยียนเซี
เยียนเซียวหรานรู้ว่าอาการป่วยของนางเมื่อวานประหลาดไม่น้อย ร่างกายนางดูอ่อนแออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะแย่ถึงเพียงนี้เขาหันมองซือเจ๋อเยว่อย่างอดไม่ได้ หญิงสาวสีหน้าขาวซีด ร่างกายบอบบาง คล้ายเพียงลมพัดนางก็ปลิวไปตามลมซือเจ๋อเยว่ยิ้มแล้วพูดต่อไป “เดิมทีข้ารู้สึกว่าชีวิตไม่มีสิ่งใดน่าสนุก แต่อาจารย์ใหญ่บอกว่าคนเราเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ควรเห็นคุณค่าของเวลาในทุกวัน”“เดิมทีครั้งนี้ข้าไม่อยากกลับเมืองหลวง แต่อาจารย์ใหญ่บอกว่าครอบครัวของข้าอยู่เมืองหลวง อย่างไรก่อนตายข้าก็ควรพบพวกเขาสักครั้ง ดังนั้นข้าจึงกลับมา”จางย่วนเจิ้งรู้ว่าคำพูดเหล่านี้นางฝากไปถึงฮ่องเต้เจาหมิง ทันใดนั้นจึงลุกขึ้นโค้งคำนับ “ข้าไร้ความสามารถ องค์หญิงโปรดรักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”สถานการณ์อย่างนาง ตรวจไม่พบชีพจร แม้แต่เทียบยาก็ไม่ต้องเขียนซือเจ๋อเยว่คำนับตอบ เหล่าไท่จวินให้เยียนเซียวหรานไปส่งจางย่วนเจิ้งหลังจากพวกเขาออกไป เหล่าไท่จวินถามซือเจ๋อเยว่ “คำพูดเมื่อครู่ขององค์หญิงเป็นความจริงหรือ?”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะ “ข้าหลอกเขานะ ร่างกายของข้าอ่อนแอ เสด็จอาถึงจะยิ่งวางใจ”“เขาตรวจไม่พบชีพจรข้า ความจริงเป็นเพราะตำแหน่งชีพ
ช่วงเวลานี้จวนเยียนอ๋องถูกเขาดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันความปลอดภัยของทุกคนในใจเขายังเป็นห่วงอีกหนึ่งเรื่อง “ร่างกายขององค์หญิง...”ซือเจ๋อเยว่พูดทวนสิ่งที่นางพูดกับเหล่าไท่จวินให้เขาฟังซ้ำอีกรอบเยียนเซียวหรานเงียบไปสักครู่ แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะแห่งลัทธิเต๋า ส่วนมากมักมีห้าโทษสามวิบัติ”“วิชาดูโหงวเฮ้งขององค์หญิงน่าอัศจรรย์มากนัก อีกทั้งยังเรียกวิญญาณได้ ต่อให้ข้าไม่มีความรู้เรื่องมาตรฐานในการวัดระดับของลัทธิเต๋า แต่อย่างองค์หญิงน่าจะเรียกว่าอัจฉริยะ”“ข้าอยากถามองค์หญิงว่าห้าโทษสามวิบัติ องค์หญิงติดข้อใดหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางพบว่าเขาคือคนที่หลอกยากมากที่สุดเยียนเซียวหรานมองนาง “ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นให้ข้าลองเดาดู”“ห้าโทษสามวิบัติขององค์หญิงน่าจะเป็นอายุสั้นสินะ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”เขาเดาเก่งมาก!เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเรียบ “ดูเหมือนข้าจะเดาถูก”“ดังนั้นที่องค์หญิงบอกว่าไม่เป็นไรคงโกหกพวกข้า แต่ที่พูดกับจางย่วนเจิ้งคงเป็นความจริง ใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่เอียงคอมองเขา “เจ้าเดาเก่งขนาดนี้ ลองเดาต่อไปสิ!”แววตาเยียนเซียวหรานชะงักไปเล็
ด้วยเหตุผลนานัปประการ ทำให้ผู้ที่มาไว้อาลัยที่จวนเยียนอ๋องมีเพียงน้อยนิดผู้ที่มาร่วมงาน ล้วนเป็นสหายรักตอนเยียนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังเป็นคนดีมีคุณธรรมทั้งสิ้นเยียนเซียวหรานจดจำชื่อของพวกเขาแต่ละคนเอาไว้ทั้งหมดซือเจ๋อเยว่รู้ว่าฮ่องเต้เจาหมิงยกเลิกคำสั่งกักบริเวณจวนเยียนอ๋อง เป็นความสำเร็จก้าวแรกของพวกนางเท่านั้นจากนี้หากเพลี้ยงพล้ำแม้แต่ก้าวเดียว จวนเยียนอ๋องยังคงต้องเผชิญกับอันตรายนางเงยหน้ามองท้องฟ้า หมอกแดงที่ก่อนหน้านี้ปกคลุมจวนเยียนอ๋องสลายไปแล้ว แต่กลับมีหมอกสีเทาเพิ่มขึ้น พลังอาฆาตยังคงรุนแรงหายนะของจวนเยียนอ๋องยังไม่คลี่คลายอย่างสิ้นเชิงซือเจ๋อเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย คิดจะเข้าไปหาเยียนเซียวหรานที่ห้องจัดพิธีเดินไปถึงครึ่งทางกลับได้ยินเสียงโกรธเคืองของพระชายาเยียนอ๋องดังขึ้น “จวนตระกูลจ้าวรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”“หากพวกเขาอยากถอนหมั้นรอให้พิธีของท่านอ๋องเสร็จสิ้นแล้วค่อยมาจัดการ ข้าจะไม่ว่าแม้แต่คำเดียว”“แต่ตอนนี้พวกเขากลับให้บ่าวคนหนึ่งมาดำเนินการแทน คิดจะถอนหมั้นทันที ทำเช่นนี้มันเกินไป!”เหล่าไท่จวินเอ่ยเสียงเรียบ “จะถอนหมั้นเร็วหรือถอนหมั้นช้า ก็ต้องถอ
“ดังนั้นข้าอยากมาถามเจ้า พรุ่งนี้เจ้าวางแผนไว้อย่างไร มีแผนการอย่างไรบ้าง”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นางยิ้ม “ข้าสามารถทำนายได้ว่าแผนการไหนยอดเยี่ยมที่สุด”เยียนเซียวหราน “...”เขารู้ว่านางทำนายแม่น แต่การทำนายเช่นนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเขาถามนาง “เรื่องพวกนี้ก็ทำนายได้หรือ?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “ทำนายได้แค่ผลร้ายหรือดี”เยียนเซียวหรานมองนางแวบหนึ่ง แล้วบอกแผนการทั้งสามให้ฟังซือเจ๋อเยว่นับข้อนิ้วแล้วทำนาย จากนั้นบอกเขา “แผนการทั้งสามของเจ้าล้วนเป็นผลร้ายมหันต์ พรุ่งนี้ต้องเกิดเรื่องแน่นอน”เยียนเซียวหรานขมวดคิ้ว “ล้วนเป็นผลร้ายมหันต์หรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ถูกต้อง แผนการพวกนี้ใช้ไม่ได้”พูดจบนางเดินออกไปเด็ดใบไม้มาหนึ่งกำมือ โยนใบไม้ไปด้วย พลางนับข้อนิ้วทำนายไปด้วยนางมีนิสัยอย่างหนึ่ง เมื่อใดที่ตรึกตรองเรื่องใดอย่างตั้งใจ มักจะงอนิ้วชี้ซ้าย แล้วขบกัดเบา ๆเยียนเซียวหรานเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางพลันตาลุกวาว รู้สึกคุ้ยเคยอย่างบอกไม่ถูกหลังจากซือเจ๋อเยว่ทำนายอีกครั้ง “โมงยามที่ดีที่สุดในการเคลื่อนศพคือยามอู่[1] หลังออกจากจวนให้มุ่งหน้าไปทางใต้ ค่อยย้อนกลับมาทางตะวันตก ใช้ประ
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ