“ดังนั้นข้าอยากมาถามเจ้า พรุ่งนี้เจ้าวางแผนไว้อย่างไร มีแผนการอย่างไรบ้าง”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นางยิ้ม “ข้าสามารถทำนายได้ว่าแผนการไหนยอดเยี่ยมที่สุด”เยียนเซียวหราน “...”เขารู้ว่านางทำนายแม่น แต่การทำนายเช่นนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเขาถามนาง “เรื่องพวกนี้ก็ทำนายได้หรือ?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “ทำนายได้แค่ผลร้ายหรือดี”เยียนเซียวหรานมองนางแวบหนึ่ง แล้วบอกแผนการทั้งสามให้ฟังซือเจ๋อเยว่นับข้อนิ้วแล้วทำนาย จากนั้นบอกเขา “แผนการทั้งสามของเจ้าล้วนเป็นผลร้ายมหันต์ พรุ่งนี้ต้องเกิดเรื่องแน่นอน”เยียนเซียวหรานขมวดคิ้ว “ล้วนเป็นผลร้ายมหันต์หรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ถูกต้อง แผนการพวกนี้ใช้ไม่ได้”พูดจบนางเดินออกไปเด็ดใบไม้มาหนึ่งกำมือ โยนใบไม้ไปด้วย พลางนับข้อนิ้วทำนายไปด้วยนางมีนิสัยอย่างหนึ่ง เมื่อใดที่ตรึกตรองเรื่องใดอย่างตั้งใจ มักจะงอนิ้วชี้ซ้าย แล้วขบกัดเบา ๆเยียนเซียวหรานเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางพลันตาลุกวาว รู้สึกคุ้ยเคยอย่างบอกไม่ถูกหลังจากซือเจ๋อเยว่ทำนายอีกครั้ง “โมงยามที่ดีที่สุดในการเคลื่อนศพคือยามอู่[1] หลังออกจากจวนให้มุ่งหน้าไปทางใต้ ค่อยย้อนกลับมาทางตะวันตก ใช้ประ
เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเย็น “ท่านพ่อและท่านพี่เพิ่งเสียได้ไม่นาน ข้าอยากสืบหาความจริงที่พวกท่านเสียชีวิต ไม่มีแก่ใจสนใจเรื่องความรัก”ซือเจ๋อเยว่รีบสำทับอย่างขึงขัง “เจ้าพูดถูก ต้องสืบหาความจริง พักเรื่องความรักเอาไว้ก่อน!”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่โน้มไปใกล้เขาแล้วเอ่ยขึ้น “แต่ข้าคิดว่าหากเสด็จพ่อยังอยู่ คงหวังให้เจ้าแต่งงานมีครอบครัว ได้ใช้ชีวิตที่มีความสุข”เยียนเซียวหรานถลึงตา นางกลับทำตาปริบ ๆ “หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าสามารถเรียกเสด็จพ่อขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้ท่านบอกเจ้า”เยียนเซียวหราน “...ไม่ต้องหรอก”ใช่ว่าเขาไม่อยากพบเยียนอ๋อง แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยถามซือเจ๋อเยว่ การเรียกวิญญาณทำร้ายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณครั้งเดียวไม่เป็นไร แต่หลาย ๆ ครั้งเข้า เขากลัวนางจะอยู่ไม่ถึงอายุสิบแปดปีแต่แผนการไม่เร็วเท่าการเปลี่ยนแปลง เช้าวันรุ่งขึ้น จวนเยียนอ๋องมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนจ้าวอวี่ชุนประมุขตระกูลจ้าวนำบ่าวชายกลุ่มใหญ่ของตระกูล ขวางหน้าโลงศพที่กำลังจะเตรียมเคลื่อนขบวนเยียนเซียวหรานเดินมาทำความเคารพจ้าวอวี่ชุน “วันนี้ใต้เท้าจ้าวมาส่งท่านพ่อและท่านพี่เป็นครั้งสุดท้าย ข้าซาบซ
จ้าวอวี่ชุนนึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้ว ท่าทีของเยียนเซียวหรานยังแข็งกร้าวเช่นนี้!ขณะนี้เขาเชื่อสนิทใจว่าจวนเยียนอ๋องไม่อยากถอนหมั้นลูกสาวเขาแสนดีขนาดนั้น มีเพียงบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้าถึงจะคู่ควรกับนาง นางจะมาจบอนาคตเพราะจวนอ๋องเยียนที่กำลังจะล่มจมไม่ได้ทันใดนั้นเขาคุกเข่าลงพร้อมทำท่าเสียอกเสียใจและตะโกนเสียงดัง “เยียนอ๋อง ตอนนั้นข้าช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ท่านเห็นลูกสาวข้าฉลาดหลักแหลม ยืนกรานจะหมั้นนางให้เยียนเซียวหราน”“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่าเยียนเซียวหรานคุณสมบัติไม่ดี ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งกับเขา ข้าคุกเข่าขอให้ท่านอ๋องโปรดเมตตา แต่ท่านกลับไม่ยินยอม”“ตอนนั้นการหมั้นหมายนี้เกิดขึ้นเพราะท่านบีบบังคับ ทว่าสวรรค์มีตา ทำให้ท่านตายไปเสียแต่เนิ่นๆ!”“ขณะนี้ข้าไม่เกรงกลัวอำนาจของจวนอ๋องเยียนอีกแล้ว วันนี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะถอนหมั้นให้ได้!”ก่อนหน้านี้เยียนเซียวหรานรู้ว่าจ้าวอวี่ชุนเป็นคนหน้าด้าน แต่เขากลับประเมินความหน้าด้านของอีกฝ่ายต่ำเกินไปการหมั้นหมายระหว่างเขากับจ้าวซือหว่าน เกิดขึ้นเพราะจ้าวอวี่ชุนใฝ่สูงอยากเกี่ยวดองกับจวนอ๋อง จึงข่มขู่ด้วยบุญคุณที่เคยช่วยชีวิต
สิ่งที่จ้าวชุนอวี่คิดถูกนางเปิดโปง สีหน้าของเขาจึงดูไม่จืดเขาเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าคือใคร? อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน!”“ข้าคือผู้ใดหรือ?” แววตาซือเจ๋อเยว่เย็นชา “ข้าคือทายาทเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ก่อน นามแต่งตั้งเจ๋อเยว่”“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เห็นข้าแล้วนอกจากไม่ทำความเคารพ ยังกล้ามาถามข้าหรือ? ใครก็ได้ ตบปากสั่งสอนเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นมีองครักษ์วิ่งเข้ามา แล้วตบหน้าจ้าวอวี่ชุนไปหลายทีจ้าวอวี่ชุนถูกตบจนมึนงง เขานึกไม่ถึงว่าเมื่อซือเจ๋อเยว่มาถึงก็ลงมือทันทีเขาโกรธเคือง “ต่อให้เจ้าเป็นองค์หญิง ก็ทำร้ายขุนนางในราชสำนักโดยไร้เหตุผลไม่ได้!”“ข้าจะถวายฎีกาต่อฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้ลงโทษเจ้า!”ซือเจ๋อเยว่ไม่สนใจเขา นางหันไปเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “การทะเลาะเบาะแว้ง หากเจอคนที่มีเหตุผล ย่อมต้องพูดด้วยเหตุและผล”“หากเจอคนไม่มีเหตุผล ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยด้วยเหตุผล เจ้าดูไว้ละ ต่อไปจะได้เอาไปใช้”เยียนเซียวหราน “...”หลังจากซือเจ๋อเยว่พูดจบแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับจ้าวอวี่ชุน “เจ้ากำเริบเสิบสานเพียงนี้ เพราะเห็นว่าเสด็จพ่อของข้าตายแล้ว จึงคิดรังแกจวนเยียนอ๋องที่มีคนน้อยกว่า”“แต่ดวงวิญญาณท
“ไม่อย่างนั้นที่เจ้าเหยียดหยามเสด็จพ่อของข้า กลางดึกท่านอาจจะไปหาเจ้า ดีไม่ดีอาจพาเจ้าไปอยู่ด้วยก็ได้นะ”จ้าวอวี่ชุนตกใจจนคุกเข่าคำนับหน้าโลงศพเยียนอ๋องอย่างบ้าคลั่ง “ท่านอ๋อง ข้าผิดไปแล้ว!”“คำพูดเมื่อครู่ข้าพูดเหลวไหล การหมั้นหมายของซือหว่านกับคุณชายสามข้าเป็นคนเรียกร้องเอง!”“หลายปีมานี้ข้าอ้างชื่อของท่านในการหาผลประโยชน์ใส่ตัว!”“ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ท่านเป็นคนใจกว้างมีเมตตา ปล่อยข้าไปเถอะนะ!”ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เยียนอ๋องยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าขาวซีดวังเวงน่ากลัว ดูเหมือนจะน่ากลัวกว่าเมื่อครู่ทำให้จ้าวอวี่ชุนตกใจจนกรีดร้อง และถอยหลังไปอย่างทุลักทุเล เสื้อผ้าบนตัวเปื้อนฝุ่นมอมแมม ไม่เหลือภาพลักษณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อยแต่ไม่ว่าเขาจะถอยอย่างไร เยียนอ๋องจะลอยอยู่ข้างกายเขาเสมอเขาใกล้บ้าแล้ว!ซือเจ๋อเยว่ถามเขา “เจ้ายังจะถอนหมั้นอยู่หรือไม่?”จ้าวอวี่ชุนส่ายหน้า “ไม่ถอนแล้ว ไม่ถอนแล้ว!”ซือเจ๋อเยว่มองเขา “ไม่ เจ้าต้องถอนหมั้น ให้ถอนหมั้นตามเงื่อนไขที่ข้าได้กล่าวไปเมื่อครู่”“ขอเพียงเจ้าทำได้ จวนเยียนอ๋องจะคืนเทียบชะตาของจ้าวซือหว่านให้เจ้า เพื่อถอนการหมั้นหมาย
ซูเซียงเอ่ยเสียงเรียบ “นางเรียกวิญญาณได้หรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ได้ยินว่านางดูดวงเก่ง ดูคนหนึ่งตายคนหนึ่ง ถ้าอย่างไรเจ้าลองดูหรือไม่?”ว่านหู้โหว “ไม่ต้อง”หลายวันมานี้จวนเยียนอ๋องกลายเป็นจุดสนใจในเมืองหลวง องค์หญิงแห่งอดีตฮ่องเต้อย่างซือเจ๋อเยว่แต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง ยิ่งทำให้กลายเป็นที่สนใจสิ่งสำคัญคือเรื่องที่นางทำในหลายวันนี้ ช่างน่าตะลึงยิ่งนักซูเซียงและว่านหู้โหวจึงสงสัยในตัวนางไม่น้อยหนำซ้ำวันนี้นางไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เวลาที่ควรลงมือ ไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อยซูเซียงหันมองซือเจ๋อเยว่ที่รูปร่างบอบบาง ดวงตาล้ำลึกกว่าเดิม จากนั้นถอนหายใจไม่ว่าใครก็ดูออกว่าต่อไปจวนเยียนอ๋องคงจะยากลำบากมากซือเจ๋อเยว่แต่งเข้าจวนก็ต้องเป็นหม้ายทันที หนทางข้างหน้าถูกำหนดไว้แล้วว่าจะยากเย็นมากซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่ามีคนกำลังมองนาง จึงหันมองทางซูเซียง ซูเซียงจึงพยักหน้าให้นางเบา ๆนางเห็นเขาจริงใจเปิดเผย แม้โหงวเฮ้งมองดูเป็นคนมีความคิดลึกซึ้ง แต่กลับไม่ใช่คนนิสัยใจคอโหดเหี้ยมมองปราดเดียวนางก็รู้ว่าซูเซียงไม่ธรรมดานางจึงย่อตัวให้เขา ถือเป็นการทำความเคารพซูเซียงเห็นนางมีสัมมาคารวะ แววตาของเขาจึงมีค
เมื่อวานตอนคนของตระกูลจ้าวมาถอนหมั้นที่จวน นางรู้สึกโกรธเคืองอยู่บ้างแต่เมื่อมาถึงวันนี้ นางแทบอยากจะถอนหมั้นกับตระกูลจ้าวทันทีว่ากันตามระเบียบ เหล่าไท่จวินกับพระชายาเยียนอ๋องไปส่งศพไม่ได้เหล่าไท่จวินเดินไปตรงหน้าซือเจ๋อเยว่ “วันนี้โชคดีที่มีองค์หญิง”“พวกคนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังคงไม่เลิกราง่าย ๆ องค์หญิงต้องระวังตัวให้มาก”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ท่านย่าวางใจได้ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”เมื่อได้ฤกษ์แล้ว แม้เหล่าไท่จวินจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้อีกแล้วเยียนเซียวหรานและซือเจ๋อเยว่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ก็ต้องมารับภาระและแรงกดดันเช่นนี้ ช่างยากเย็นเหลือเกินนางหันมองแผ่นหลังบอบบางของซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิงคือผู้มีพระคุณของจวนเยียนอ๋อง จวนเยียนอ๋องทำให้นางต้องลำบาก”เหล่าไท่จวินรู้สึกสงสารซือเจ๋อเยว่ นางเสียบิดาไปตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำมารดายังใจร้ายกับนางมากตอนนี้จวนเยียนอ๋องก็ตกอยู่ในสภาพนี้ สิ่งที่เหล่าไท่จวินทำได้ คือดีกับนางให้มากซูเซียงเดินไปตรงหน้านาง “เหล่าไท่จวินโปรดทำใจ”เหล่าไท่จวินไอสองสามที แล้วเอ่ยเสียงเศร้า “แก่แล้ว ไร้ประโยชน์”เดือนที่แล้วซูเซี
เรื่องเยียนอ๋องตายในสนามรบ เหล่าขุนนางในราชสำนักพูดกันไปต่าง ๆ นานามีคนฉวยโอกาสปลุกปั่นชาวบ้าน บอกว่าเยียนอ๋องเคยเป็นเทพสงครามของต้าฉู่ เยียนอ๋องที่ตายไปอย่างนี้ ไม่สมควรเป็นเทพสงครามแห่งต้าฉู่เรื่องเช่นนี้ หลายวันมานี้กำลังเป็นเรื่องร้อนแรงของเมืองหลวงพวกคนที่ยืนถือใบผักเน่ากับไข่เน่าอยู่ในตรอก ต้องการทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อใดที่เรื่องนี้สำเร็จ จะกลายเป็นเจตจำนงของประชาชนผู้เป็นราชาไม่อาจละเลยเจตจำนงของประชาชนหากเจตจำนงเช่นนี้ของประชาชนกลายเป็นเรื่องใหญ่ คงสร้างความวุ่นวายภายในราชสำนัก ถึงขนาดมีการตั้งคำถามว่าจะมีบทลงโทษต่อเยียนอ๋องหรือไม่ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงไม่ยอมรามือ เบื้องหลังคงมีวิธีที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้วันนี้ขบวนศพของเยียนอ๋องไม่ได้เคลื่อนไปตามถนนชุนอิ๋ง คงทำให้แผนการพวกเขาล้มเหลวทว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้คลี่คลายอย่างสิ้นเชิง คนพวกนี้อาจเปลี่ยนใจไปที่ถนนไฉเสินซูเซียงกำลังชั่งใจว่าจะลงมือช่วยคนของจวนเยียนอ๋องดีหรือไม่ขณะนั้นเอง เขาเห็นกองลาดตระเวนในเมืองหลวงเดินผ่านมากองลาดตระเวนเอ่ยกับผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอก “พวกเจ้าเป็นใคร มา
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ