จ้าวอวี่ชุนนึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้ว ท่าทีของเยียนเซียวหรานยังแข็งกร้าวเช่นนี้!ขณะนี้เขาเชื่อสนิทใจว่าจวนเยียนอ๋องไม่อยากถอนหมั้นลูกสาวเขาแสนดีขนาดนั้น มีเพียงบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้าถึงจะคู่ควรกับนาง นางจะมาจบอนาคตเพราะจวนอ๋องเยียนที่กำลังจะล่มจมไม่ได้ทันใดนั้นเขาคุกเข่าลงพร้อมทำท่าเสียอกเสียใจและตะโกนเสียงดัง “เยียนอ๋อง ตอนนั้นข้าช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ท่านเห็นลูกสาวข้าฉลาดหลักแหลม ยืนกรานจะหมั้นนางให้เยียนเซียวหราน”“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่าเยียนเซียวหรานคุณสมบัติไม่ดี ไม่อยากให้ลูกสาวแต่งกับเขา ข้าคุกเข่าขอให้ท่านอ๋องโปรดเมตตา แต่ท่านกลับไม่ยินยอม”“ตอนนั้นการหมั้นหมายนี้เกิดขึ้นเพราะท่านบีบบังคับ ทว่าสวรรค์มีตา ทำให้ท่านตายไปเสียแต่เนิ่นๆ!”“ขณะนี้ข้าไม่เกรงกลัวอำนาจของจวนอ๋องเยียนอีกแล้ว วันนี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะถอนหมั้นให้ได้!”ก่อนหน้านี้เยียนเซียวหรานรู้ว่าจ้าวอวี่ชุนเป็นคนหน้าด้าน แต่เขากลับประเมินความหน้าด้านของอีกฝ่ายต่ำเกินไปการหมั้นหมายระหว่างเขากับจ้าวซือหว่าน เกิดขึ้นเพราะจ้าวอวี่ชุนใฝ่สูงอยากเกี่ยวดองกับจวนอ๋อง จึงข่มขู่ด้วยบุญคุณที่เคยช่วยชีวิต
สิ่งที่จ้าวชุนอวี่คิดถูกนางเปิดโปง สีหน้าของเขาจึงดูไม่จืดเขาเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าคือใคร? อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน!”“ข้าคือผู้ใดหรือ?” แววตาซือเจ๋อเยว่เย็นชา “ข้าคือทายาทเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ก่อน นามแต่งตั้งเจ๋อเยว่”“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เห็นข้าแล้วนอกจากไม่ทำความเคารพ ยังกล้ามาถามข้าหรือ? ใครก็ได้ ตบปากสั่งสอนเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นมีองครักษ์วิ่งเข้ามา แล้วตบหน้าจ้าวอวี่ชุนไปหลายทีจ้าวอวี่ชุนถูกตบจนมึนงง เขานึกไม่ถึงว่าเมื่อซือเจ๋อเยว่มาถึงก็ลงมือทันทีเขาโกรธเคือง “ต่อให้เจ้าเป็นองค์หญิง ก็ทำร้ายขุนนางในราชสำนักโดยไร้เหตุผลไม่ได้!”“ข้าจะถวายฎีกาต่อฮ่องเต้ ให้ฮ่องเต้ลงโทษเจ้า!”ซือเจ๋อเยว่ไม่สนใจเขา นางหันไปเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “การทะเลาะเบาะแว้ง หากเจอคนที่มีเหตุผล ย่อมต้องพูดด้วยเหตุและผล”“หากเจอคนไม่มีเหตุผล ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยด้วยเหตุผล เจ้าดูไว้ละ ต่อไปจะได้เอาไปใช้”เยียนเซียวหราน “...”หลังจากซือเจ๋อเยว่พูดจบแล้ว จึงหันไปเอ่ยกับจ้าวอวี่ชุน “เจ้ากำเริบเสิบสานเพียงนี้ เพราะเห็นว่าเสด็จพ่อของข้าตายแล้ว จึงคิดรังแกจวนเยียนอ๋องที่มีคนน้อยกว่า”“แต่ดวงวิญญาณท
“ไม่อย่างนั้นที่เจ้าเหยียดหยามเสด็จพ่อของข้า กลางดึกท่านอาจจะไปหาเจ้า ดีไม่ดีอาจพาเจ้าไปอยู่ด้วยก็ได้นะ”จ้าวอวี่ชุนตกใจจนคุกเข่าคำนับหน้าโลงศพเยียนอ๋องอย่างบ้าคลั่ง “ท่านอ๋อง ข้าผิดไปแล้ว!”“คำพูดเมื่อครู่ข้าพูดเหลวไหล การหมั้นหมายของซือหว่านกับคุณชายสามข้าเป็นคนเรียกร้องเอง!”“หลายปีมานี้ข้าอ้างชื่อของท่านในการหาผลประโยชน์ใส่ตัว!”“ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ท่านเป็นคนใจกว้างมีเมตตา ปล่อยข้าไปเถอะนะ!”ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เยียนอ๋องยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าขาวซีดวังเวงน่ากลัว ดูเหมือนจะน่ากลัวกว่าเมื่อครู่ทำให้จ้าวอวี่ชุนตกใจจนกรีดร้อง และถอยหลังไปอย่างทุลักทุเล เสื้อผ้าบนตัวเปื้อนฝุ่นมอมแมม ไม่เหลือภาพลักษณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อยแต่ไม่ว่าเขาจะถอยอย่างไร เยียนอ๋องจะลอยอยู่ข้างกายเขาเสมอเขาใกล้บ้าแล้ว!ซือเจ๋อเยว่ถามเขา “เจ้ายังจะถอนหมั้นอยู่หรือไม่?”จ้าวอวี่ชุนส่ายหน้า “ไม่ถอนแล้ว ไม่ถอนแล้ว!”ซือเจ๋อเยว่มองเขา “ไม่ เจ้าต้องถอนหมั้น ให้ถอนหมั้นตามเงื่อนไขที่ข้าได้กล่าวไปเมื่อครู่”“ขอเพียงเจ้าทำได้ จวนเยียนอ๋องจะคืนเทียบชะตาของจ้าวซือหว่านให้เจ้า เพื่อถอนการหมั้นหมาย
ซูเซียงเอ่ยเสียงเรียบ “นางเรียกวิญญาณได้หรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ได้ยินว่านางดูดวงเก่ง ดูคนหนึ่งตายคนหนึ่ง ถ้าอย่างไรเจ้าลองดูหรือไม่?”ว่านหู้โหว “ไม่ต้อง”หลายวันมานี้จวนเยียนอ๋องกลายเป็นจุดสนใจในเมืองหลวง องค์หญิงแห่งอดีตฮ่องเต้อย่างซือเจ๋อเยว่แต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง ยิ่งทำให้กลายเป็นที่สนใจสิ่งสำคัญคือเรื่องที่นางทำในหลายวันนี้ ช่างน่าตะลึงยิ่งนักซูเซียงและว่านหู้โหวจึงสงสัยในตัวนางไม่น้อยหนำซ้ำวันนี้นางไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เวลาที่ควรลงมือ ไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อยซูเซียงหันมองซือเจ๋อเยว่ที่รูปร่างบอบบาง ดวงตาล้ำลึกกว่าเดิม จากนั้นถอนหายใจไม่ว่าใครก็ดูออกว่าต่อไปจวนเยียนอ๋องคงจะยากลำบากมากซือเจ๋อเยว่แต่งเข้าจวนก็ต้องเป็นหม้ายทันที หนทางข้างหน้าถูกำหนดไว้แล้วว่าจะยากเย็นมากซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่ามีคนกำลังมองนาง จึงหันมองทางซูเซียง ซูเซียงจึงพยักหน้าให้นางเบา ๆนางเห็นเขาจริงใจเปิดเผย แม้โหงวเฮ้งมองดูเป็นคนมีความคิดลึกซึ้ง แต่กลับไม่ใช่คนนิสัยใจคอโหดเหี้ยมมองปราดเดียวนางก็รู้ว่าซูเซียงไม่ธรรมดานางจึงย่อตัวให้เขา ถือเป็นการทำความเคารพซูเซียงเห็นนางมีสัมมาคารวะ แววตาของเขาจึงมีค
เมื่อวานตอนคนของตระกูลจ้าวมาถอนหมั้นที่จวน นางรู้สึกโกรธเคืองอยู่บ้างแต่เมื่อมาถึงวันนี้ นางแทบอยากจะถอนหมั้นกับตระกูลจ้าวทันทีว่ากันตามระเบียบ เหล่าไท่จวินกับพระชายาเยียนอ๋องไปส่งศพไม่ได้เหล่าไท่จวินเดินไปตรงหน้าซือเจ๋อเยว่ “วันนี้โชคดีที่มีองค์หญิง”“พวกคนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังคงไม่เลิกราง่าย ๆ องค์หญิงต้องระวังตัวให้มาก”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ท่านย่าวางใจได้ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”เมื่อได้ฤกษ์แล้ว แม้เหล่าไท่จวินจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้อีกแล้วเยียนเซียวหรานและซือเจ๋อเยว่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ก็ต้องมารับภาระและแรงกดดันเช่นนี้ ช่างยากเย็นเหลือเกินนางหันมองแผ่นหลังบอบบางของซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิงคือผู้มีพระคุณของจวนเยียนอ๋อง จวนเยียนอ๋องทำให้นางต้องลำบาก”เหล่าไท่จวินรู้สึกสงสารซือเจ๋อเยว่ นางเสียบิดาไปตั้งแต่เด็ก หนำซ้ำมารดายังใจร้ายกับนางมากตอนนี้จวนเยียนอ๋องก็ตกอยู่ในสภาพนี้ สิ่งที่เหล่าไท่จวินทำได้ คือดีกับนางให้มากซูเซียงเดินไปตรงหน้านาง “เหล่าไท่จวินโปรดทำใจ”เหล่าไท่จวินไอสองสามที แล้วเอ่ยเสียงเศร้า “แก่แล้ว ไร้ประโยชน์”เดือนที่แล้วซูเซี
เรื่องเยียนอ๋องตายในสนามรบ เหล่าขุนนางในราชสำนักพูดกันไปต่าง ๆ นานามีคนฉวยโอกาสปลุกปั่นชาวบ้าน บอกว่าเยียนอ๋องเคยเป็นเทพสงครามของต้าฉู่ เยียนอ๋องที่ตายไปอย่างนี้ ไม่สมควรเป็นเทพสงครามแห่งต้าฉู่เรื่องเช่นนี้ หลายวันมานี้กำลังเป็นเรื่องร้อนแรงของเมืองหลวงพวกคนที่ยืนถือใบผักเน่ากับไข่เน่าอยู่ในตรอก ต้องการทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อใดที่เรื่องนี้สำเร็จ จะกลายเป็นเจตจำนงของประชาชนผู้เป็นราชาไม่อาจละเลยเจตจำนงของประชาชนหากเจตจำนงเช่นนี้ของประชาชนกลายเป็นเรื่องใหญ่ คงสร้างความวุ่นวายภายในราชสำนัก ถึงขนาดมีการตั้งคำถามว่าจะมีบทลงโทษต่อเยียนอ๋องหรือไม่ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงไม่ยอมรามือ เบื้องหลังคงมีวิธีที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้วันนี้ขบวนศพของเยียนอ๋องไม่ได้เคลื่อนไปตามถนนชุนอิ๋ง คงทำให้แผนการพวกเขาล้มเหลวทว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้คลี่คลายอย่างสิ้นเชิง คนพวกนี้อาจเปลี่ยนใจไปที่ถนนไฉเสินซูเซียงกำลังชั่งใจว่าจะลงมือช่วยคนของจวนเยียนอ๋องดีหรือไม่ขณะนั้นเอง เขาเห็นกองลาดตระเวนในเมืองหลวงเดินผ่านมากองลาดตระเวนเอ่ยกับผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอก “พวกเจ้าเป็นใคร มา
เรื่องในครั้งนี้ ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความสามารถในการทำนายชะตาของซือเจ๋อเยว่อย่างชัดเจนเพียงแต่เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่นางจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินอายุสิบแปดปี ก็ขมวดคิ้วอีกครั้งเยียนเซียวหรานเห็นแล้ว ซือเจ๋อเยว่ก็เห็นแล้วเช่นกัน นางมองเห็นนิ้วโป้งที่เขาชูขึ้นมา เลิกคิ้วเบาๆ ทีหนึ่งขบวนเคลื่อนศพไปยังสุสานไปตามเส้นทางที่ซือเจ๋อเยว่วางไว้ สามารถหลีกเลี่ยงกับดักที่วางไว้สำหรับจวนเยียนอ๋องได้อย่างสวยงามครั้งนี้หลังจากซือเจ๋อเยว่บอกเส้นทาง เยียนเซียวหรานได้เตรียมการบางอย่างตามสถานที่ที่หลีกเลี่ยงเหล่านั้นและก่อนหน้านี้เขาจงใจเปิดเผยเส้นทางการเคลื่อนศพไปยังสุสานครั้งนี้ของเยียนอ๋อง ครั้งนี้เขาจะกำจัดหูตาทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่ในจวนเยียนอ๋องแม้ก่อนหน้านี้ เยียนเซียวหรานไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่ที่ซือเจ๋อเยว่หลีกเลี่ยง แต่ที่เขาเตรียมการไว้ ล้วนเป็นไปอย่างเหมาะเจาะพอดีประกอบกับความร่วมมือของซูเซียง พวกคนที่ดักรออยู่ตามเส้นทางที่คิดว่าขบวนเคลื่อนศพไปยังสุสานของจวนเยียนอ๋องต้องผ่านแน่นอน ล้วนถูกคนถ่วงเอาไว้พวกเขาไปไม่ทันขบวนเคลื่อนศพไปยังสุสาน เพื่อทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้
ผู้ดูแลก้มหน้ากล่าว “ขอรับ ข้าน้อยไปจัดการเดี๋ยวนี้”หลังจากผู้ดูแลไปแล้ว คนสวมชุดคลุมสีดำยืนข้างหน้าต่าง มองออกไปทางสุสานของจวนเยียนอ๋อง มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยเขาไม่เชื่อว่าครั้งนี้จวนเยียนอ๋องยังสามารถหลบพ้น!เวลานี้ ขบวนเคลื่อนศพไปยังสุสานของจวนเยียนอ๋องได้ออกจากเมืองอย่างราบรื่น สุสานของจวนเยียนอ๋องอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งนอกเมือง ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงแล้วในฐานะที่เป็นเซี่ยวจื่อ[1] เยียนเซียวหรานคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลุมศพของเยียนอ๋อง ดวงตาแดงก่ำเรื่องที่เยียนอ๋องตายในสงครามครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้กลอุบายเยียนเซียวหรานสาบานในใจ เขาจะต้องหาความจริงและหลักฐานการตายในสงครามของเยียนอ๋องให้เจอ หลังจากนั้นบอกความจริงให้โลกรู้!เหล่าคุณหนูกับลูกสะใภ้ทั้งหลายของจวนอ๋องยืนข้างหลังเขา คุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพของเยียนอ๋อง และโขกศีรษะคำนับแรงๆ ตามเขา เวลานี้มีมีลมกระโชกพัดเข้ามา ม้วนกระดาษเงินกระดาษทองขึ้นไปบนท้องฟ้าซือเจ๋อเยว่เงยหน้า มองเห็นเงารางๆ หลายสายปรากฏตรงหน้าหลุมศพซือเจ๋อเยว่เคยพบแค่เยียนอ๋องกับซื่อจื่อในบรรดาคนกลุ่มนี้ และเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับคุณชายอีกสี่ท่านตามกฎแ
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊
ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ
ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ
ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ
“ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา
ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว
เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส
เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ
สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ