เวลานี้ทั้งสองพลางสูดจมูกพลางกล่าว “พี่สาม เจ้าก็ช่วยดูแลอี๋เหนียง[1]แทนพวกเราด้วย”เยียนเซียวหรานพลางสะอื้นพลางกล่าว “ได้”เยียนซื่อลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ข้ากับจิ่นเหนียงเพิ่งแต่งงานกันหนึ่งปี หาก…”“หากนางอยากแต่งงานใหม่ เจ้าช่วยข้าเกลี้ยกล่อมท่านแม่กับท่านย่าด้วย ไม่ต้องไปขวาง”เยียนอู่ก็กล่าวเช่นกัน “ข้ากับซิ่วเอ๋อร์เพิ่งแต่งงานกันครึ่งปี ยิ่งไม่สามารถให้นางเป็นหม้ายเพราะข้า”“วัยสาวของเด็กผู้หญิงนั้นแสนสั้น หลังจากนางไปจากจวนเยียนอ๋อง หากได้พบกับคนที่เหมาะสม เจ้าช่วยข้าเตรียมของขวัญแสดงความยินดีให้นางด้วย”เยียนเซียวหรานพยักหน้า “ได้”เยียนอู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาม ที่จริงเมื่อก่อนข้าไม่ได้อยากเป็นคู่แข่งกับเจ้าเลย แต่เพราะเจ้าอวดเก่งเกินไป ไม่เหลือทางรอดให้คนอื่นเลย”เยียนซื่อก็กล่าวเช่นกัน “ใช่! เจ้าฉลาดจนน่ากลัวตั้งแต่เด็ก แค่อ่านบทความก็ท่องจำได้แล้ว กระบวนท่าวรยุทธ์แค่ชี้แนะก็เข้าใจ”“เจ้าเป็นแล้วก็ช่างเถอะ ยังมากพวกเราก็แค่อิจฉาเจ้า”เยียนอู่กล่าวต่อ “แต่หลังจากที่เจ้าเรียนรู้แล้ว ก็มักจะมาโอ้อวดต่อหน้าพวกเรา อันนี้ยากมากเลย เจ้าต้องอ่านถึงหนึ่งเค่อจึงจะอ่านจบ
เยียนลิ่วมองซือเจ๋อเยว่แล้วกล่าว “องค์หญิงพี่สะใภ้ พวกเรารู้ทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อจวนเยียนอ๋อง พวกเราทุกคนรู้สึกซาบซึ้งมาก”ดวงตาซือเจ๋อเยว่โก่งทันที “เจ้าเรียกข้าพี่สะใภ้ พวกเราก็คือคนครอบครัวเดียวกัน คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกัน”เยียนลิ่วเห็นท่าทางที่นางยิ้ม เหม่อไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เวลาท่านยิ้มสวยจัง”คราวนี้ซือเจ๋อเยว่ยิ้มจนคิ้วโก่งแล้วเยียนลิ่วหันไปมองซื่อจื่อที่เอาแต่ยืนพึมพำอยู่ข้างๆ กล่าวเสียงเบา “ตอนพี่ใหญ่ข้ายังมีชีวิต เขาเป็นคนที่ดีมากๆ”“แม้เขาดีมาก แต่ตอนที่องค์หญิงพี่สะใภ้แต่งเข้าจวนอ๋อง เขาก็ได้ตายแล้ว”“เรื่องนี้น่าเสียดายจริงๆ หากพี่ใหญ่ยังมีชีวิต พวกท่านต้องเข้ากันได้ดีแน่นอน”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะ มองซื่อจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง แล้วหันไปมองเยียนเซียวหรานแวบหนึ่ง นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มันก็พูดยากจริงนั่นล่ะร่างของพวกเขาในเวลานี้ค่อยๆ จางลง ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าถึงเวลาของพวกเขาแล้วเยียนลิ่วรีบกล่าวกับเยียนเซียวหราน “พี่สาม จ้าวซือหว่านไม่คู่ควรกับท่าน”“ท่านรีบถอนหมั้นกับนางเสีย หาคนดีๆ สักคนที่เหมือน… เอ่อ…เหมือนองค์หญิงพี่สะใภ้”เยียนอ๋องเขม่นใส่เ
เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นสีหน้าเช่นนี้ของเขา แน่นหน้าอกฉับพลัน บนใบหน้ากลับกล่าวอย่างสงบ “ของข้าเอง”เยียนเซียวหรานมองนางแวบหนึ่ง แล้วมองดอกกล้วยไม้ที่อยู่ข้างบนอย่างละเอียดเหมือนดอกกล้วยไม้บนผ้าเช็ดหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นลืมไว้เมื่อสองปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยนลายปักดอกกล้วยไม้บนผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แตกต่างไปจากที่นิยมในปัจจุบัน และมีความประณีตสูงมากถุงเงินหนึ่งใบคือเรื่องบังเอิญ แต่ผ้าเช็ดหน้าก็เหมือนกันอีก ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว เขาถามซือเจ๋อเยว่ “ท่านเป็นคนปักเองหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ส่ายศีรษะ “ข้าทำงานเย็บปักถักร้อยไม่เป็น ข้าซื้อผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มาจากตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่นอกสำนัก”“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ”เยียนเซียวหรานไม่ได้ตอบ เอาแต่ใช้ดวงตาสีเข้มคู่นั่นจ้องนางซือเจ๋อเยว่ถูกเขามองจนรู้สึกกลัว “เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไม?”“เป็นเพราะผ้าเช็ดหน้ามีปัญหา? เช่นนั้นเจ้าก็สืบยากแล้ว เพราะผ้าเช็ดหน้าเช่นนี้ ที่ร้านเย็บปักนั่นไม่มีหมื่นผืนก็มีหลายพันผืน”คำพูดนี้ของนางเป็นความจริง นางเป็นคนวาดลายดอกกล้วยไม้นี้ให้ร้านเย็บปักดูเถ้าแก่ร้านเย็บปักเห็นว่าลายดอกไม้เช่นนี้พ
ซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่า ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าเยียนเซียวหราน นางต้องระวังให้มากๆเพียงแต่คืนนั้นมันบ้ามาก หลังเกิดเรื่องนางแทบวิ่งหนีกระเจิงตอนนี้นางจำไม่ได้ว่า ลืมของอะไรไว้ที่เขา และเขาเห็นอะไรนางรู้สึกว่า ต้องทิ้งของทุกอย่างที่เคยใช้ ไม่เช่นนั้นหากเขาพบอะไรอีก นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วเยียนซุ่ยซุ่ยเห็นพวกเขาเดินมา รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาค่อนข้างผิดปกติแต่ชั่วขณะนางก็บอกไม่ถูกว่ามีอะไรผิดปกติหลังจากฝังเยียนอ๋อง ช่างฝีมือทุกคนมารวมตัวกันตามกฎแล้ว ช่วงนี้เยียนเซียวหรานต้องเฝ้าอยู่ที่สุสาน หลังจากเฝ้าครบสี่สิบเก้าวันจึงจะกลับบ้านได้เวลานี้เขาเดินไปกล่าวกับเยียนซุ่ยซุ่ยและคนอื่น “ช่วงนี้พวกเจ้าดูแลท่านย่ากับท่านแม่ให้ดี”เยียนซุ่ยซุ่ยกล่าว “พี่สามวางใจเถอะ ข้าจะดูแลท่านย่ากับท่านแม่อย่างดี”ซือเจ๋อเยว่ล้วงของห่อหนึ่งจากหน้าอกส่งให้เขา “เจ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว ต้องระวังตัวด้วย”“นี่คือผงยาที่อาจารย์สามมอบให้ข้า เขาบอกว่าใช้ดีมาก แต่ข้าไม่เคยลองใช้ ไม่รู้ว่ามีผลอย่างไร”เยียนเซียวหราน “...”นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ามีคนกล้ามอบยาผงให้ผู้อื่นใช้ โดยที่ไม่รู้สรรพคุณ
เยียนซุ่ยซุ่ยกล่าวอย่างเป็นห่วง “หากท่านไม่สบายตรงไหน บอกข้านะ”นางกล่าวถึงตรงนี้ก็เขินอายเล็กน้อย “แม้ฝีมือการแพทย์ของข้าไม่ดีนัก แต่โรคเล็กๆ น้อยๆ ข้ายังพอรักษาได้”ซือเจ๋อเยว่ยิ้มเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”นางพักอยู่ที่จวนเยียนอ๋องมาหลายวันแล้ว รู้จักคนเหล่านี้ของจวนเยียนอ๋องเป็นอย่างดีเยียนซุ่ยซุ่ยเป็นคนพูดน้อย ปกติมักจะหมกตัวอ่านตำราแพทย์และศึกษายาในห้อง ตอนที่นางเจอซือเจ๋อเยว่ครั้งแรก ก็คำนับอย่างสุภาพ เวลายิ้มมีลักยิ้มสองข้าง น่านักมากส่วนเยียนเหนียนเหนียนที่อยู่ข้างๆ กล่าว “ตอนออกจากบ้าน ท่านย่าเคยกำชับข้า ให้ข้าดูแลองค์หญิงให้ดี”“หากองค์ไม่สบาย ข้าแบกองค์หญิงกลับบ้านได้”เยียนเหนียนเหนียนเป็นบุตรสาวภรรยาอีก อายุมากกว่าเยียนซุ่ยซุ่ยเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความเงียบของเยียนซุ่ยซุ่ย นิสัยของนางก็ค่อนข้างฉุนเฉียวแล้วหลายวันนี้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการฝึกยุทธ์ในสนามแสดงยุทธ์ของจวนเยียนอ๋อง วรยุทธ์ของนางค่อนข้างดี ก่อนหน้านี้ตอนเยียนเซียวหรานจับคนชุดดำ นางก็เคยออกแรง และยังเคยตีศีรษะของคนที่คิดจะลอบเข้าจวนเยียนอ๋องแตก ซือเจ๋อเยว่รีบโบกมือแล้วก
เวลานี้ลู่จิ่นเหนียงถึงกับไม่รู้ว่า ควรถามซือเจ๋อเยว่ว่าทำนายเห็นอะไรดีหรือไม่ นางกลัวได้ยินสิ่งที่ไม่ดีแต่ถ้าหากไม่รู้ ก็รู้สึกจั๊กจี้ในใจซือเจ๋อเยว่รู้ความคิดของนาง ยิ้มแล้วยิ้มอีก กลับไม่พูดสักคำเยียนซุ่ยซุ่ยถามซือเจ๋อเยว่ “องค์หญิงดูดวงชะตาเป็นจริงๆ หรือ?”ซือเจ๋อเยว่พยักหน้า “ข้าเติบโตในสำนักเต๋า อาจารย์ทั้งเก้าท่านของข้า มีหลายท่านที่เก่งทางด้านนี้มาก ข้าได้เรียนรู้กับพวกเขาไม่น้อย”นางเห็นเยียนซุ่ยซุ่ยอยากรู้อยากเห็น จึงกล่าว “แม้ทั้งชีวิตของเจ้ามีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ขอแค่เจ้ายืนหยัดเป็นตัวของตัวเอง ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน”เยียนซุ่ยซุ่ยถามนาง “จริงหรือ? ข้าสามารถเป็นหมอที่เก่งมากๆ ได้จริงหรือ?”ซือเจ๋อเยว่มอบคำตอบที่แน่ชัดให้นาง “จริงสิ เจ้ามีพรสวรรค์ด้านฝีมือการแพทย์มาก”“เพียงแต่ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยได้ไหว้อาจารย์ เรียนฝีมือการแพทย์ดีๆ ประกอบกับผู้คนไม่เชื่อถือหมอหญิง ก็เลยบั่นทอนความมั่นใจของเจ้า”“ดังนั้นเวลาที่เรียนแพทย์ เจ้ามักจะสงสัยในตัวเอง ที่จริงวันที่ตรวจโรคให้ข้า ก็ตรวจได้แม่นมาก เจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”เยียนซุ่ยซุ่ยพยักหน้าแรงๆ “ได้ ต่อไปข้าจะพยายา
“ท่านเป็นองค์หญิงแล้วเก่งมากหรือ นอกจากรังแกข้า ท่านยังทำอะไรเป็นอีก?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นองค์หญิงก็ต้องเก่งอยู่แล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าข้าเลือดเกิดเป็น เจ้ามีปัญญาก็เลือกเกิดให้ได้อย่างข้าสิ!”ลู่จิ่นเหนียง “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวต่อ “นอกจากนี้ เจ้าบอกว่าข้ารังแกเจ้า หมายถึงเรื่องนี้หรือ เจ้าเป็นคนพูดไม่ดีใส่ข้าก่อน”“ข้าอุตส่าห์เตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้ากลับไม่ฟัง หลังจากนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ”“อีกอย่างนะ ข้าทำอะไรเป็นเยอะแยะ และส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เจ้าทำไม่ได้ทั้งนั้น”คำพูดนี้ทำเอาลู่จิ่นเหนียงอัดอั้นมาก ไม่ว่าจะด้วยฐานะหรือฝีปาก นางก็สู้ไม่ได้สักอย่างลู่จิ่นเหนียงโมโหจนชี้หน้านาง “เจ้า” อยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำซือเจ๋อเยว่กล่าวกับเหนียนเหนียนและซุ่ยซุ่ย “ไปกันเถอะ กลับบ้าน!”นางกล่าวจบก็ไพร่มือไว้ข้างหลัง เดินไปข้างหน้าอย่างสบายใจแล้วลู่จิ่นเหนียงอ้าปากก็ด่าคน ซือเจ๋อเยว่ย่อมไม่ปล่อยให้นางทำตามใจเยียนซุ่ยซุ่ยกล่าวกับเยียนเหนียนเหนียน “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนอ๋อง เห็นองค์หญิงนิสัยอ่อนโยนมาก เวลานางดุก็ดุเช่นนี้เลยหรือ?”เยียนเหนียนเหนียนม
เดิมทีฉินซิ่วเอ้อร์ห้ามปรามนางด้วยความหวังดี คิดไม่ถึงว่านางจะพูดได้ไม่น่าฟังเช่นนี้ ขมวดคิ้วไม่สนใจนางอีกทันทีลู่จิ่นเหนียงเห็นฉินซิ่วเอ้อร์ก็ไม่สนใจนางแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าตนคิดถูก ฉินซิ่วเอ้อร์ก็อยากเอาใจซือเจ๋อเยว่เช่นกันในใจนางก็ยิ่งน้อยใจแล้ว รู้สึกว่าคนของจวนเยียนอ๋องล้วนเป็นคนประเภทเอาใจคนฐานะสูง เหยียบย่ำคนต่ำต้อย มีเพียงนางที่บริสุทธิ์สูงส่งและยังรู้สึกว่าหลังจากเยียนซื่อตาย คนเหล่านี้ก็ดูถูกนาง เพราะนางเป็นแค่ลูกสาวของขุนนางขั้นหกตอนนี้คนเหล่านี้ไปยกยอซือเจ๋อเยว่กันหมดแล้ว ชีวิตในวันข้างหน้าของนางต้องลำบากมากแน่นอน เมื่อนางนึกถึงความเป็นไปได้นี้ น้ำตาก็ทะลักออกมาอีกครั้งนางหันไป เห็นเฟิ่งจือเซี่ยยังยืนอยู่ข้างนาง จึงกล่าว “ทั้งจวนอ๋องมีเพียงพี่สะใภ้รองที่จิตใจบริสุทธิ์สูงส่ง เป็นคนเช่นเดียวกับข้า”เฟิ่งจือเซี่ยเป็นภรรยาของเยียนเอ้อร์ นางแต่งเข้าจวนออกเกือบสามปีแล้ว เมื่อเทียบกับซือเจ๋อเยว่พี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ นางเหมือนพี่สะใภ้ใหญ่มากกว่าหลังจากได้ยินคำพูดของลู่จิ่นเหนียง นางกล่าวอย่างเรียบเฉย “เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปเถอะ!”ในใจนางรู้สึกรำคาญลู่จิ่นเหนียงมาก เพียงแต
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ