Share

บทที่ 5

เหล่าไท่จวินเห็นซือเจ๋อเยว่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร จึงเข้าใจนางผิด เพราะในสายตาของเหล่าไท่จวิน นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อยที่อายุยังไม่ครบยี่สิบ ยังไม่เข้าใจโลกดี

นางจึงอธิบายต่อว่า “ข้ามิได้มีเจตนารังเกียจองค์หญิงแต่อย่างใด”

“องค์หญิงมาจากในวัง ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงรับทราบเรื่องของจวนเยียนอ๋องมากน้อยเพียงใด”

“ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วกัน ท่านอ๋องพ่ายศึก ฝ่าบาทกริ้วหนัก จวนเยียนอ๋องไม่มีทางรอดจากภัยนี้”

“องค์หญิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่แรก หากอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไป เกรงว่าจะมีภัยติดตามมา ทางที่ดีควรรีบจากไปเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงเอง”

ซือเจ๋อเยว่สบสายตากับเหล่าไท่จวินที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน ทำให้ขอบตาร้อนผ่าว

การกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้นางได้เห็นทั้งความมืดมิดและความอบอุ่นของผู้คนอย่างชัดเจน

เสด็จลุงของให้นางแต่งงานกับคนตาย ขณะที่ผู้เป็นมารดาอย่างอวิ๋นไท่เฟยก็เพิกเฉยต่อชะตากรรมนี้

บรรดาข้าราชบริพารในวังหลวงต่างก็รังเกียจนาง ไม่มีความเคารพต่อนางแม้แต่น้อย

เดิมทีนางคิดมาตลอดว่าจวนเยียนอ๋องที่กำลังมีเรื่องร้ายมากมาย นางแต่งเข้ามาเช่นนี้คงต้องถูกตำหนิและเกลียดชังไม่มากก็น้อย ไม่คาดคิดว่าจะได้รับความเมตตาและความกรุณาอย่างมาก

ซือเจ๋อเยว่ไม่ได้รับหนังสือหย่าจากเหล่าไท่จวินในทันที แต่กลับขยับตัวโขกศีรษะคำนับเหล่าไท่จวิน

พระชายาผู้เฒ่าพยายามจะประคองนางขึ้น แต่นางกล่าวเบา ๆ ว่า “ขอบพระคุณเหล่าไท่จวิน”

เหล่าไท่จวินเข้าใจเจตนาของนาง จึงยอมรับคำนับ หลังจากนางลุกขึ้นแล้ว เหล่าไท่จวินจึงยื่นหนังสือหย่าให้นาง นางรับไว้ด้วยสองมือก่อนจะคำนับอีกครั้ง

ซือเจ๋อเยว่เก็บหนังสือหย่าไว้ในอกเสื้อแล้วพูดด้วยความตั้งใจว่า “ข้าได้เรียนรู้ศาสตร์ลึกลับบางอย่างจากสำนักเต๋า”

“ข้าอาจจะดูได้ไม่แม่นยำนัก แต่ขอเหล่าไท่จวินลองฟังไว้สักหน่อย”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า “องค์หญิงโปรดพูด”

ซือเจ๋อเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “วันนี้เมื่อข้าเดินผ่านลานหน้าเข้ามาในจวน ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายโลหิตและความอาฆาตที่รุนแรงมาก”

“แม้คนที่ตายอย่างกะทันหันและผิดธรรมชาติจะทิ้งกลิ่นอายเช่นนี้ไว้บ้าง แต่ไม่ควรจะหนักหนาถึงเพียงนี้”

“หากรุนแรงถึงระดับนี้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการตายที่มีเงื่อนงำ ข้ากลัวว่าการตายของเยียนอ๋องและบรรดาคุณชายในจวนอาจไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ปรากฏอย่างผิวเผินเช่นนั้น”

ใบหน้าของเหล่าไท่จวินเปลี่ยนสีทันที “องค์หญิงยังเห็นอะไรอีกบ้างหรือ?”

เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นเหล่าไท่จวินในโถงพิธีแต่งงาน นางก็สังเกตได้ทันทีว่าเหล่าไท่จวินกำลังจะประสบเคราะห์ใหญ่

ไม่เพียงแต่เหล่าไท่จวินเท่านั้น แต่คนทั้งจวนเยียนอ๋องก็มีเป็นเช่นนี้

เพียงแต่เรื่องนี้นางก็ลำบากที่จะเอ่ยปาก นางคงไม่สามารถพูดว่า ‘เหล่าไท่จวิน ข้ามองเห็นว่าทั้งตระกูลของท่านอาจถึงแก่ชีวิต’

นางจึงเลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังและกล่าวว่า “เรื่องของวิญญาณเทพเจ้าและโชคชะตา อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะยังมีคำกล่าวว่า ‘มนุษย์ชนะฟ้าลิขิต’ อยู่เช่นกัน”

“ทุกคนในจวนเยียนอ๋องเปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และกล้าหาญ สวรรค์จะต้องไม่ปล่อยให้ความซื่อสัตย์ของท่านต้องประสมเคราะห์เป็นแน่”

เหล่าไท่จวินเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของซือเจ๋อเยว่ จึงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เมื่อเห็นเหล่าไท่จวินแสดงท่าทางเช่นนี้ ซือเจ๋อเยว่ก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงเสนอว่า “ให้ข้าทำนายชะตาให้จวนเยียนอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”

เหล่าไท่จวินพยักหน้าขอบคุณ

ซือเจ๋อเยว่เด็ดใบไม้หกใบจากต้นไม้ดอกที่อยู่หน้าโถงพิธี แล้วโยนใบไม้ลงบนพื้น นางมองดูลักษณะของใบไม้อย่างละเอียด ดวงตาของนางนิ่งสงบ

มันคือปี้กว้า[1]

นางปิดตาลงชั่วครู่ ความหมายของปี้กว้านี้คือ ‘เปลวไฟเผาผลาญภูเขา หยกและหินล้วนถูกเผาไหม้’

เหล่าไท่จวินเอ่ยถาม “กว้าทำนายดูไม่ค่อยดีงั้นหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ตอบเบา ๆ ว่า “นี่เป็นกว้าใหญ่ ถ้าต้องการรู้รายละเอียดมากขึ้น ต้องเขย่าทำนายอีกครั้ง”

นางเก็บใบไม้ขึ้นมาและโยนลงไปอีกครั้ง คราวนี้ผลออกมาเป็นจิ้นกว้า[2]

เมื่อเห็นกว้านี้ นางหัวเราะเบา ๆ หลังจากได้ปี้กว้าแล้วยังเขย่าได้จิ้นกว้า แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จวนเยียนอ๋องจะอยู่ในกองเพลิง แต่ก็ยังคงมีความหวังและโอกาสรอดอยู่

ซือเจ๋อเยว่หันไปบอกกับเหล่าไท่จวิน “ดั่งดวงตะวันโผล่พ้นแผ่นฟ้า สุภาพบุรุษย่อมแสดงคุณธรรมอันสว่างไสว”

“แม้ว่ากว้าของจวนเยียนอ๋องจะดูน่าหวาดหวั่น แต่ตราบใดที่คนในจวนร่วมใจกันเป็นหนึ่ง และหันหน้าเผชิญกับศัตรูโดยพร้อมเพรียง ก็ยังพอมีหนทางรอดอยู่บ้าง”

เมื่อได้ยิน เหล่าไท่จวินก็หัวเราะเบา ๆ พลางคิดว่าเป็นเพียงคำปลอบโยนจากซือเจ๋อเยว่ นางจึงกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แล้วสั่งให้คนมาส่งนางออกไป

เมื่อซือเจ๋อเยว่ออกจากห้อง นางก็เห็นว่าทั่วทั้งจวนเยียนอ๋องถูกปกคลุมด้วยไอสีแดงบาง ๆ ที่สายตาคนทั่วไปมองไม่เห็น

ไอสีแดงนี้ถูกเรียกว่ากลิ่นอายอาฆาต ซึ่งมักพบได้ในสนามรบเท่านั้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ปรากฏอยู่เหนือจวนเยียนอ๋องในเวลานี้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจวนแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับการนองเลือดครั้งใหญ่

นางคิดถึงเหล่าไท่จวินที่ใจดีและเยียนเซียวหราน พลางรู้สึกไม่สบายใจนัก

แต่ทว่าตัวนางเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง ยังไม่มีรากฐานใด ๆ ตนเองยังยากจะรักษาตัว การจะช่วยเหลือจวนเยียนอ๋องไม่ต่างจากฝันลม ๆ แล้ง ๆ

นางกัดฟันและตัดสินใจแข็งใจเดินไปยังประตูด้านข้างเพื่อออกจากจวนเยียนอ๋อง

ขณะเดินไปถึงมุมประตู ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับจ้องมองนางอยู่

เมื่อนางหันไป ก็เห็นเยียนเซียวหรานยืนอยู่ใต้ชายคาไม่ไกลมากนัก

ชายหนุ่มได้เปลี่ยนจากชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดมาเป็นเสื้อคลุมสีดำสนิท ร่างกายสง่างามตั้งตรงราวกับต้นสน

แม้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ การสวมเสื้อผ้าสีดำมักจะกลืนไปกับความมืด แต่ด้วยรัศมีที่ทรงพลังของเขา ทำให้ที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นจุดที่โดดเด่นที่สุด

ซือเจ๋อเยว่ถึงกับมองเห็นดวงตารูปทรงดอกท้อทอันงดงามใต้คิ้วคมเข้มของเขา นางพลันนึกถึงคืนนั้นขึ้นมา... วันที่นางกดเขาไว้ใต้ร่าง...

ซือเจ๋อเยว่สะบัดหัวเบา ๆ พยายามสลัดภาพเหตุการณ์อันเย้ายวนใจที่นางเกือบจะลืมไปแล้วออกจากความคิด

นางกลัวว่าเขาจะจำได้ นางไม่อยากพัวพันกับเขาอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นเขาตาย

นางจึงลังเลอยู่ระหว่างการเลือกที่จะจากไปหรืออยู่ต่อ

ในขณะที่นางยังตัดสินใจไม่ได้นั้น เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและวุ่นวายก็ดังขึ้นจากนอกประตูด้านข้าง

มีคนตะโกนเสียงดังว่า “เยียนอ๋องทำให้กองทัพพ่ายศึกอย่างใหญ่หลวง ฝ่าบาทมีพระบัญชา ห้ามมิให้ผู้ใดออกจากจวนเยียนอ๋อง!”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

ฮ่องเต้เจาหมิงเร่งรีบขนาดนี้เลยหรือ!

นางเพียงแค่ลังเลไปเล็กน้อย ก็ถูกขังให้ออกไปจากจวนเยียนอ๋องไม่ได้แล้ว?

ขณะที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีคนมาจับมือนาง “ตามข้ามา”

ซือเจ๋อเยว่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเยียนเซียวหราน

นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นทันที อยู่ดี ๆ เขามาจับมือข้าทำไม? หรือว่าเขาจำข้าได้แล้ว?

นางพยายามดึงมือกลับอย่างไม่รู้ตัว

เยียนเซียวหรานก็รู้สึกว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ปล่อยมือและอธิบายว่า “ข้ารู้ว่ามีทางหนึ่งที่สามารถออกจากจวนเยียนอ๋องได้”

“เวลาเร่งด่วน ขออภัยที่บังอาจล่วงเกินองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แล้วหัวเราะแห้ง ๆ พลางตอบว่า “ไม่เป็นไร เรื่องเร่งด่วนเข้าใจได้”

เยียนเซียวหรานจับมือซือเจ๋อเยว่แล้วพานางวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหอเล็ก ๆ ด้านข้างจวน

เยียนเซียวหรานดึงเชือกโรยตัวจากมุมหนึ่งของตัวเรือน แล้วใช้แรงเหวี่ยงเชือกไปยังต้นไม้ฝั่งตรงข้าม

จากนั้นเขาหยิบรอกอันหนึ่งออกมายื่นให้ซือเจ๋อเยว่ “ตอนนี้พวกเขาเฝ้าอยู่ที่ประตูหลักทั้งหมด ที่นี่ไม่มีใคร องค์หญิงรีบไปเถิด”

ซือเจ๋อเยว่หันกลับมามองเขา ยามนี้แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ทำให้ดูงดงามราวกับหยก

นางเอ่ยเสียงเบาว่า “เหตุใดท่านถึงต้องการให้ข้าไป?”

เยียนเซียวหรานตอบว่า “เรื่องของจวนเยียนอ๋องไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิง”

“ในวันนี้องค์หญิงถูกบีบให้แต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋อง มีบุญคุณต่อจวนเยียนอ๋อง”

“จวนเยียนอ๋องชัดเจนในเรื่องบุญคุณและความแค้น จะไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน”

ก่อนที่ซือเจ๋อเยว่จะแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋อง ได้ยินเพียงชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์และความกล้าหาญของพวกเขาเท่านั้น

หลังจากที่นางเข้ามาในจวน เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น นางก็พบว่าพวกเขาล้วนเป็นคนดี

ทว่าโชคร้ายที่คนดีเช่นนี้กำลังจะพบจุดจบในไม่ช้า

นางจึงถามเขา “ท่านปล่อยข้าไปเช่นนี้ ไม่กลัวฮ่องเต้เจาหมิงจะเล่นงานจวนเยียนอ๋องหรือ?”

-----------------------------------------------

[1] ปี้กว้า คือ ตราสัญลักษณ์ที่ใช้ในการทำนายชะตากรรม กว้ามีทั้งหมด 64 รูปแบบ ความหมายแตกต่างกันไป ปี้กว้าอยู่ในลำดับที่ 22

[2] จิ้นกว้า อยู่ในลำดับที่ 35

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status