Share

บทที่ 2

สีหน้าของเยียนเซียวหรานเปลี่ยนไปทันที มองนางด้วยความประหลาดใจ

นางยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าจะช่วยท่านเชิญซื่อจื่อออกมาเอง”

นางเป็นอัจฉริยะในสำนักเต๋า มีดวงตาแห่งจิตวิญญาณโดยกำเนิด เกิดมาก็สามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

แต่ความเป็นอัจฉริยะของนางนั้น มาพร้อมการแบกรับห้าเคราะห์สามบกพร่อง และนางมีถึงสามประการ นั่นคือ โดดเดี่ยว ไร้คู่ครอง และอายุสั้น

ตั้งแต่ปีที่แล้ว นางมักจะรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอกอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีเส้นสีแดงปรากฏบนข้อมือของนาง

อาจารย์ใหญ่เคยกล่าวว่าวันใดที่เส้นสีแดงบนข้อมือนั้นยาวถึงข้อศอก วันนั้นจะเป็นวันที่ชะตาชีวิตของนางสิ้นสุด

นางยกข้อมือขึ้นมอง เส้นสีแดงนั้นยาวถึงครึ่งทางระหว่างข้อศอกกับข้อมือแล้ว

การเดินทางกลับมายังเมืองหลวงครั้งนี้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับจดหมายจากอวิ๋นไท่เฟยแล้ว ยังเป็นเพราะอาจารย์สามได้คำนวณชะตาของนาง พบว่าโอกาสในการแก้ไขชะตาอายุสั้นของนางปรากฏอยู่ที่เมืองหลวง

กวนมามาเห็นซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานยืนกางร่มด้วยกัน นางโกรธจัดพลางตวาดว่า “ต่อหน้าฝูงชน ท่านกับบุรุษกางร่มร่วมกันเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทสิ้นดี!”

เยียนเซียวหรานตวาดกลับอย่างเย็นชา “หุบปาก! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”

น้ำเสียงของเขาแม้จะไม่ได้ดังมากนัก แต่กลับแฝงด้วยความเยือกเย็นราวกับเสียงจากเทพแห่งความตายในขุมนรกเก้าชั้น ทำให้ผู้คนรอบข้างขนลุกด้วยความกลัว

แม้กวนมามาจะรู้สึกหวาดกลัวในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ข้าน้อยทำหน้าที่ในนามของ...”

คำพูดของนางยังไม่ทันจบ เยียนเซียวหรานก็ยกเท้าเตะนางจนกระเด็นลอยไปกระแทกกำแพงวังอย่างแรง

เพียงชั่วพริบตา เลือดสดก็ไหลซึมออกมาจากร่างของกวนมามา ย้อมกำแพงวังให้เป็นสีแดงฉาน ร่างของนางกลิ้งลงมาจากกำแพงราวกับเศษผ้าขาด ๆ สิ้นลมหายใจไปโดยสิ้นเชิง

ข้าราชบริพารรอบข้าง “!!!”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!

แต่นางกลับรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก!

นางทำนายว่ากวนมามาจะตายในวันนี้ แต่ไม่ได้คาดคิดว่านางจะต้องตายเช่นนี้

เยียนเซียวหรานมองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พลางกล่าวเสียงเย็นชา “ลบหลู่เบื้องสูง สมควรตาย!”

สายลมพัดพาเส้นผมสีดำขลับของเขาให้พลิ้วไหว ปัดผ่านดวงตาและคิ้วที่เย็นชาเฉียบคม รัศมีของเขาแผ่ขยายออกอย่างเต็มที่ ราวกับเทพสังหารที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้

ข้าราชบริพารต่างถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงกันหนึ่งก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางคนที่ใจไม่แข็งพอถึงกับเริ่มขาสั่น

ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจไม่น้อยที่เยียนเซียวหรานปกป้องนาง นางหันไปมองเขาโดยไม่รู้ตัว

ในจังหวะนั้นเอง ลมเย็นก็พัดผ้าคลุมหน้าของนางขึ้นเล็กน้อย ซือเจ๋อเยว่ได้เห็นใบหน้าของเยียนเซียวหราน ทันใดนั้นเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาทั่วแผ่นหลัง

ตกใจจนขวัญหนี!

เขาไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์แต่อย่างใด ตรงกันข้าม ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายไม่เป็นสองรองใคร

คิ้วคมราวกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดารา จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบาง ใบหน้ามีสันคมจัดเจน ถือเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดที่นางเคยพบเจอ

ทว่าความทรงจำอันน่าอึดอัดระหว่างพวกเขาในอดีต เมื่อหนึ่งปีก่อน นางถูกอาจารย์รองเล่นตลกให้กินยาเปลี่ยนเสียง ขณะสวมหน้ากาก นางดันไปหลับนอนกับเขา!

นางกระแอมไอเบา ๆ แสร้งทำเป็นสงบพลางกล่าวว่า “คุณชายสามโปรดดู”

พูดจบ นางยกฝ่ามือขึ้นปัดผ่านหน้าเยียนเซียวหราน ทันใดนั้น ร่างของเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เต็มไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้น ห่างจากเขาไม่ถึงสามฉื่อ[1]!

เยียนเซียวหรานมีสีหน้าตกตะลึง “พี่ใหญ่ นี่ท่านจริง ๆ หรือ?”

เขาพูดว่าจะเชิญวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อขึ้นมา ก็เพียงเพื่อจะเลี่ยงการรับตัวซือเจ๋อเยว่กลับไปเท่านั้น ไม่คิดว่านางจะสามารถเรียกวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อขึ้นมาได้จริงๆ!

ซือเจ๋อเยว่ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “หากท่านมีสิ่งใดจะถามพี่ชายของท่าน จงรีบถามเสีย เขาจะอยู่ที่นี่ได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งถ้วยชา[2]เท่านั้น”

เยียนเซียวหรานรีบก้าวไปยืนข้างเยียนอ๋องซื่อจื่อ พลางเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ที่นอกช่องเขากรงเสือเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เยียนอ๋องซื่อจื่อพึมพำอย่างแผ่วเบา “กุญแจหยก... บทกวีหวนคืน... อ่าวจันทร์กระจ่าง...”

เยียนเซียวหรานฟังแล้วสับสนอย่างมาก จนอดไม่ได้ที่จะถาม “หมายความว่าอย่างไร?”

ซือเจ๋อเยว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวด้วยความเสียดาย “ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาได้รับบาดแผลสาหัส บาดเจ็บถึงวิญญาณ ดวงวิญญาณเสียหาย ความทรงจำจึงไม่สมบูรณ์”

เยียนเซียวหรานไม่อาจคงความสงบนิ่งเช่นเดิมได้อีก ดวงตาแดงก่ำ ขบฟันแน่นพลางเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ บอกข้าที ใครเป็นคนทำร้ายท่าน?”

ทว่าเยียนอ๋องซื่อจื่อกลับไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจเบา ๆ “ดูเหมือนว่าเขาจะจำอะไรไม่ได้แล้ว”

นางมีความเคารพนับถือจวนเยียนอ๋องอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังรู้สึกเสียดายแทนพวกเขาด้วย

บรรพบุรุษของเยียนอ๋องเคยติดตามอดีตฮ่องเต้ทำศึกยึดครองแผ่นดิน เป็นเพียงตระกูลเดียวที่ได้ขึ้นเป็นอ๋องต่างสกุล[3]ของต้าฉู่

เยียนอ๋องได้พิทักษ์ชายแดนเป็นเวลาหลายปี เขาเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นฉู่ เคยทำลายทัพของชนเผ่าต๋าต๋าจนย่อยยับ ทำให้พวกนั้นไม่กล้ารุกรานลงใต้

แต่ในศึกครั้งนี้ เหล่าบุตรชายในตระกูลของเยียนอ๋องต่างสิ้นชีพในสนามรบ ยกเว้นเพียงเยียนเซียวหรานที่ป่วยหนักจนไม่อาจร่วมรบได้

เมื่อเห็นสภาพของเยียนอ๋องซื่อจื่อในตอนนี้ ศึกครั้งนั้นคงจะเลวร้ายอย่างถึงที่สุด

นางยื่นมือไปโบกต่อหน้าเยียนอ๋องซื่อจื่อพลางถามว่า “ซื่อจื่อ ท่านคิดว่าข้าเป็นอย่างไรหรือ?”

เยียนอ๋องซื่อจื่อยังคงพึมพำเลื่อนลอย “กุญแจหยก... บทกวีหวนคืน... อ่าวจันทร์กระจ่าง...”

ซือเจ๋อเยว่หันไปบอกเยียนเซียวหรานว่า “ดูท่าแล้วคงถามอะไรเพิ่มเติมไม่ได้แล้ว”

ในความทรงจำของเยียนเซียวหราน พี่ชายเคยเป็นบุรุษที่กล้าหาญและองอาจ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้?

เขาพลันรู้สึกเศร้าโศก ยื่นมือออกไปโอบกอดเยียนอ๋องซื่อจื่อ “พี่ใหญ่...”

แต่สิ่งที่เขากอดกลับเป็นความว่างเปล่า มือของเขาทะลุผ่านร่างของเยียนอ๋องซื่อจื่อไป

เยียนอ๋องซื่อจื่อกลับเหมือนรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง แววตาฉายชัดถึงความโกรธแค้นอย่างฉับพลัน "จวนเยียนอ๋องภักดีต่อแผ่นดินมาหลายชั่วอายุคน ไม่มีทางทรยศแผ่นดิน ฮ่องเต้ชั่วร้ายที่ทำร้ายขุนนางดี ไม่มีทางตายดี!"

ร่างของเขาพองโตขึ้นอย่างกะทันหัน ซือเจ๋อเยว่เห็นท่าทีที่เขากำลังจะกลายเป็นวิญญาณร้าย นางจึงรีบใช้มือร่ายอาคมแล้วตบลงบนร่างของเขา ทันใดนั้นร่างของเขาก็สลายหายไป

เยียนเซียวหรานถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าทำอะไรกับพี่ชายข้า?"

ซือเจ๋อเยว่ตอบ "ข้าไม่ได้ทำอะไรกับเขา เขาสติไม่สมประกอบ กำลังจะกลายเป็นวิญญาณร้าย ข้าเพียงส่งเขากลับไปยังนรกเท่านั้น"

เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง นางกระแอมไอเบา ๆ แล้วถามว่า “คุณชายสาม จะยังรับข้ากลับไปแทนพี่ชายของท่านหรือไม่?”

ขณะพูด นางก็เก็บร่มดำขนาดใหญ่

บรรยากาศวังเวงจางหายไป ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง รอบข้างไม่มีร่องรอยของสิ่งผิดปกติหลงเหลือ

ในขณะนั้นเอง ขันทีคนหนึ่งถือพระราชโองการเข้ามาพลางประกาศว่า “ฝ่าบาทมีราชโองการ ประทานสมรสระหว่างองค์หญิงเจ๋อเยว่และเยียนอ๋องซื่อจื่อ!”

ยังมีสินเดิมจำนวนมหาศาลที่ถูกส่งมาพร้อมกับราชโองการนี้

เยียนเซียวหรานสูดลมหายใจลึก หันไปทางห้องทรงพระอักษรและคำนับจากระยะไกล “กระหม่อมขอขอบพระทัยในนามของพี่ชาย ขอฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”

หลังจากที่เขาขอบคุณเสร็จ ก็เดินมาหยุดตรงหน้าซือเจ๋อเยว่ พลางกล่าวว่า “องค์หญิงเจ๋อเยว่ เชิญขึ้นเกี้ยวมงคล”

ซือเจ๋อเยว่ทำเสียงจิปากเบา ๆ อย่างไม่พอใจ

นางค่อย ๆ ยกผ้าคลุมหน้าเล็กน้อย ก่อนจะโน้มเข้าไปอยู่หน้าเขาแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “ข้ารู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นแผนร้าย บางทีท่านควรจะขัดขืนราชโองการดีหรือไม่?”

เยียนเซียวหรานมองนางด้วยหางตา ชั่วครู่หนึ่งเขาเห็นดวงตาที่แสนเฉลียวฉลาดและใบหน้าที่งดงามของนาง

ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างแล่นเข้ามา แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเคยพบกันที่ไหนมาก่อน

เขารีบเบือนสายตากลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าไร้ความรู้สึก พลางกล่าวซ้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา “องค์หญิงเจ๋อเยว่ เชิญขึ้นเกี้ยวมงคล!”

ซือเจ๋อเยว่มองสบกับใบหน้าที่เย็นชาของเขา นางยกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะปล่อยผ้าคลุมหน้าลง

เยียนเซียวหรานจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเขาก็ขึ้นม้าและนำขบวนรับเจ้าสาวมุ่งหน้าไปยังจวนเยียนอ๋อง

หลังจากนั่งลงในเกี้ยวแต่งงาน ซือเจ๋อเยว่เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้ม บุคคลที่นางไม่อยากพบเจอที่สุดในชีวิตก็คือเยียนเซียวหราน

แต่เดิม ซือเจ๋อเยว่ตั้งใจจะหาที่พักพิงในเมืองหลวงเพื่อหาทางแก้ชะตาอายุสั้นของนาง การแต่งงานกับคนตายไม่ใช่สิ่งที่นางรังเกียจนัก

แต่หากต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเยียนเซียวหรานในฐานะพี่สะใภ้ ความอึดอัดคงจะมากเกินไป

สถานการณ์นี้จะแก้ไขอย่างไรดี?

------------------------------------------

[1] ฉื่อ เป็นหน่วยวัดความยาวในจีนโบราณ ซึ่งมีความยาวประมาณ 33-34 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับยุคสมัย

[2] เวลาหนึ่งถ้วยชา คือ ช่วงเวลาที่น้ำชาหนึ่งถ้วยเย็นลง ซึ่งในฤดูร้อนประมาณ 15 นาที ในฤดูหนาวไม่ถึง 10 นาที ดังนั้นจึงหมายถึงเวลาประมาณ 10-15 นาที

[3] อ๋องต่างสกุล คือ ขุนนางที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นอ๋อง แต่ไม่ได้มีสกุลเดียวกันกับราชวงศ์ มักเป็นขุนนางผู้มีผลงานสำคัญ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status