Share

บทที่ 3

Author: เจียงหนานเยียน
ซือเจ๋อเยว่นึกถึงภาพที่เยียนเซียวหรานเตะกวนมามาจนตาย แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่นางเผลอหลับนอนกับเขา จากนั้นเขาก็ถือดาบเดินไล่ล่านางไปทั่วทั้งตำบล นางก็อดตัวสั่นไม่ได้

หากเขารู้ว่าคนที่หลับนอนกับเขาในคืนนั้นคือนาง นางคงตายอย่างอนาถยิ่งกว่ากวนมามาเสียอีก!

นางทุบอกตัวเองด้วยความหงุดหงิด ถ้ารู้อย่างนี้ แต่แรกก็คงไม่หลงใหลในความหล่อของเขาจนไปหลับนอนกับเขาหรอก

ตอนนี้นางจะหนีทันไหมนะ?

ทันทีที่นางยกม่านเกี้ยวขึ้น ทหารองครักษ์จากจวนเยียนอ๋องที่ขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ ต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียง

นางรีบปล่อยม่านลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ หากนางไม่มีปีกบินออกไป ก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดได้

นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง คิดว่าคงต้องค่อย ๆ คิดไปทีละขั้น

เกี้ยวมงคลเป็นสีแดงสด และสินเดิมทั้งหมดก็ถูกพันด้วยผ้าไหมสีแดง ทว่าขบวนรับเจ้าสาวกลับไม่มีความรื่นเริงแม้แต่น้อย เงียบเหงาวังเวงราวกับขบวนแห่ศพ

เมื่อถึงจวนเยียนอ๋อง บรรยากาศเช่นนี้ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก

หน้าประตูจวนเยียนอ๋อง ผ้าขาวที่ผูกไว้กับรูปปั้นสิงโตหินยังไม่ได้ถูกถอดออกทั้งหมด กลับมีการผูกผ้าไหมสีแดงทับลงไปอีก

เมื่อเกี้ยวมงคลลงถึงพื้น เสียงประทัดดังสนั่นและเสียงกลองฆ้องดังกึกก้องไปทั่ว แต่กลับไม่สามารถปกปิดบรรยากาศที่เคร่งขรึมของจวนเยียนอ๋องได้

ที่หน้าประตูจวนอ๋อง นอกจากขบวนรับเจ้าสาวและขุนนางจากกรมพิธีการที่ถูกส่งมาจัดพิธีแล้ว ไม่มีผู้คนมาร่วมงานเลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศเงียบเหงาอย่างยิ่ง

เยียนเซียวหรานเตะประตูเกี้ยวอย่างเป็นพิธี จากนั้นก็ยกม่านเกี้ยวขึ้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “องค์หญิง เชิญลงจากเกี้ยว”

ซือเจ๋อเยว่ตอบรับเบา ๆ และจับผ้าไหมสีแดงที่เขายื่นมา เดินตามเขาเข้าไปในจวน

เมื่อนางก้าวข้ามประตูจวนเยียนอ๋อง เสียงประทัดก็หยุดลง เสียงกลองฆ้องเงียบหาย ทั่วบริเวณเหลือเพียงบรรยากาศที่กดดัน

ขุนนางจากกรมพิธีการที่ถูกส่งมาจัดงานแต่งต่างตะโกนคำอวยพรอย่างขะมักเขม้น แต่ไม่สามารถขจัดความเศร้าหมองและสิ้นหวังที่มาจากโลงศพหกโลงที่ตั้งอยู่ในลานหน้าจวนได้

ซือเจ๋อเยว่ที่เติบโตในสำนักเต๋า แม้จะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ นางก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเลือดและความอาฆาตที่แผ่กระจายออกมาจากโลงศพเหล่านั้น

โถงจัดพิธีแต่งงานอยู่ติดกับลานที่ตั้งโลงศพ ในห้องโถงพิธีนั้น เหล่าไท่จวิน[1]ของจวนเยียนอ๋องนั่งอยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยพระชายาเยียนอ๋องและคุณหนูในจวน

เหล่าไท่จวินมีผมขาวโพลน มือจับไม้เท้า ใบหน้าดูใจดี แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

พระชายาเยียนอ๋องดวงตาบวมแดง รอยฟกช้ำปรากฏรอบดวงตา ยามนี้ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้จึงร้องสะอื้นเบา ๆ

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการกล่าวเสียงเย็นชา “พระชายาเยียนอ๋อง วันมงคลเช่นนี้ ท่านแสดงท่าทีเช่นนี้ แสดงความไม่พอใจต่อสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท หรือท่านต้องการขัดขืนราชโองการ?”

พระชายาเยียนอ๋องโกรธจนดวงตาแดงก่ำ ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการผู้นี้ เมื่อวานเพิ่งได้รับราชโองการมาจัดงานสมรสในจวนเยียนอ๋อง แต่กลับกลั่นแกล้งพวกเขาหลายครั้งทั้งต่อหน้าและลับหลัง

บัดนี้ยังจะใส่ร้ายว่าพวกเขาต้องการขัดขืนราชโองการอีก ช่างอำมหิตนัก!

เหล่าไท่จวินดึงแขนเสื้อของพระชายาเยียนอ๋องเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “สมรสพระราชทานจากฝ่าบาท คือเรื่องมงคลน่ายินดีของจวนเยียนอ๋อง”

“จวนเยียนอ๋องได้แต่งองค์หญิงเข้ามา ย่อมทำให้คนทั้งจวนดีใจจนต้องหลั่งน้ำตาแห่งความปีติ”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแสร้งยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงเมตตา ความยินดีเป็นสิ่งสมควร แต่การหลั่งน้ำตาแห่งความปีติคงไม่จำเป็นเท่าไร”

“เชิญเหล่าไท่จวินและพระชายาเยียนอ๋องยิ้มให้มากกว่านี้ มิฉะนั้นอาจมีคนเข้าใจผิดว่าจวนเยียนอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับองค์หญิง”

พระชายาเยียนอ๋องอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหล่าไท่จวินก็ยับยั้งไว้ พลางยิ้มและกล่าวว่า “ใต้เท้าพูดถูกต้อง”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการยิ้มอย่างลำพองใจพลางกล่าวว่า “เหล่าไท่จวินนับว่าเข้าใจสถานการณ์ดี จวนเยียนอ๋องก็แค่มีผู้ชายไปไม่กี่คนเท่านั้นเอง”

“พวกท่านทำหน้าแบบนี้ คนไม่รู้เรื่องคงคิดว่าคนในจวนเยียนอ๋องตายกันหมดแล้ว”

เขาพูดจบก็ชี้ไปที่เยียนเซียวหราน “นั่นไง คุณชายสามก็ยังมีชีวิตอยู่ดี! เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก!”

ก่อนหน้านี้ บุตรชายของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการผู้นี้เคยขี่ม้าอย่างคึกคะนองในเมืองจนทำร้ายประชาชนหลายคน เยียนอ๋องจึงลงโทษเขาด้วยการหักขา ตั้งแต่นั้นมา คนผู้นี้ก็เก็บความโกรธแค้นต่อจวนเยียนอ๋องไว้ในใจ

บัดนี้ ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการได้โอกาส เขาจึงไม่พลาดที่จะหยามเหยียดทั้งจวนเยียนอ๋องให้มากที่สุด

ทางที่ดีก็หวังว่าจวนเยียนอ๋องจะเผยท่าทีไม่พอใจออกมา เพื่อที่เขาจะได้หาเรื่องและยัดเยียดความผิดให้จวนเยียนอ๋องถึงขั้นถูกประหารทั้งตระกูล

ทว่าเป็นที่น่าเสียดาย เหล่าไท่จวินกลับสุขุมและมีปัญญา เขาจึงไม่อาจหาช่องผิดใด ๆ ได้เลย

เมื่อซือเจ๋อเยว่เดินตามเยียนเซียวหรานเข้ามาในโถงจัดพิธี นางได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งหมด

ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาของแฝงไว้ด้วยความลึกล้ำ บางเรื่องนั้นไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยไป

ในขณะนั้น คนประกอบพิธีตะโกนร้องเสียงดังว่า “ถึงฤกษ์มงคลแล้ว ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวทำพิธีไหว้ฟ้าดิน!”

ซือเจ๋อเยว่พลันยกผ้าคลุมหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “ช้าก่อน”

ทุกคนต่างหันมามองนางพร้อมกัน คนของจวนเยียนอ๋องคิดว่านางไม่เต็มใจที่จะแต่งงานเข้าจวน จึงแสดงสีหน้าซับซ้อน

เยียนเซียวหรานเองก็แสดงท่าทีไม่พอใจพลางถามว่า “องค์หญิงจะทำสิ่งใดหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ข้ามีบางเรื่องต้องจัดการก่อน ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้พลาดฤกษ์มงคลในการทำพิธีแน่นอน”

เยียนเซียวหรานมองไปที่นาง ในวันนี้นางแต่งหน้าในฐานะเจ้าสาว งดงามราวกับดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่สะท้อนกับผิวน้ำ เปล่งประกายเจิดจรัส

พวกเขามีสถานะที่แตกต่างกัน การจ้องมองนางเป็นเวลานานนั้นไม่เหมาะสม เขาจึงรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

ทว่าในขณะที่เขามองมา ซือเจ๋อเยว่กลับพบเรื่องน่าตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากครั้งที่พบกันก่อนหน้านี้

ตอนนี้หน้าผากของเขามีสีดำคล้ำ และรอบคิ้วของเขาแผ่กลิ่นอายแห่งความอาฆาต นี่คือเค้าลางของผู้ที่จะตายอย่างกะทันหัน

ทว่าโหงวเฮ้งของเยียนเซียวหรานเดิมทีกลับบ่งบอกถึงความสูงศักดิ์ เป็นบุคคลที่มีวาสนาและอายุยืนยาว

การที่มีสองลักษณะตรงข้ามกันเช่นนี้ ช่างน่าแปลกใจอย่างยิ่ง จนนางเองก็ยังไม่เข้าใจ

ดวงชะตาของเขาช่างน่าสนใจยิ่งนัก!

เยียนเซียวหรานเห็นนางจ้องมองเขานานเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางจึงได้สติกลับมาและหันไปถามผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการว่า “งานสมรสของข้า ใต้เท้าก็คงดีใจมากเช่นกันใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการไม่รู้ว่านางต้องการทำอะไร แต่ยังคงยิ้มตอบอย่างมีมารยาท “งานสมรสขององค์หญิง ช่างเป็นเรื่องน่ายินดี กระหม่อมย่อมรู้สึกยินดีด้วยอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ในเวลานี้องค์หญิงกลับยกผ้าคลุมหน้าเอง ซึ่งไม่สมควรตามธรรมเนียม ขอองค์หญิงโปรดคลุมผ้ากลับด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามต่อนาง ฐานะอย่างนางน่ะหรือ ไหนเลยจะคู่ควรถูกเรียกขวนว่าองค์หญิง?

ฮ่องเต้เจาหมิงให้นางแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องครั้งนี้มีอะไรแอบแฝงอยู่ คนที่มองออกย่อมรู้ดี

อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าเช่นนี้ เขาก็ต้องแสดงความเคารพต่อนางตามสมควร เพราะหากนางก่อเรื่องขึ้นมา เขาย่อมอธิบายได้ลำบาก

ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่าเห็นด้วยว่า “ข้าจะคลุมผ้ากลับหลังจากทำธุระเสร็จ รอยยิ้มของท่านดีมาก ขอให้รักษาไว้”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการยิ้มอย่างไม่จริงใจ นางถามต่อว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ยังไม่ถือว่าเป็นคนของจวนเยียนอ๋องใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการพยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ หลังจากองค์หญิงทำพิธีไหว้ฟ้าดินจึงจะถือเป็นคนของจวนเยียนอ๋อง”

ซือเจ๋อเยว่ถามต่ออีกว่า “เช่นนั้น สิ่งที่ข้าทำก่อนจะทำพิธีไหว้ฟ้าดินย่อมไม่เกี่ยวข้องกับจวนเยียนอ๋องใช่หรือไม่?”

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงคิดจะทำอะไรหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบาง ๆ พลางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว”

เมื่อพูดจบ นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ในโถงจัดพิธีราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง สุดท้ายสายตาของนางไปหยุดอยู่ที่เหล่าไท่จวิน

นางเดินไปตรงหน้าเหล่าไท่จวินแล้วถามว่า “ขอยืมไม้เท้าของท่านสักครู่ได้หรือไม่? ข้าใช้เสร็จแล้วจะคืนให้ท่าน”

เหล่าไท่จวินไม่แน่ใจว่านางจะทำอะไร แต่ก็ยื่นไม้เท้าให้นาง

นางรับไม้เท้ามาชั่งน้ำหนักในมืออย่างพอใจ จากนั้นนางก็หันกลับไปและฟาดไม้เท้าไปที่ศีรษะของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการทันที

ไม้เท้าของเหล่าไท่จวินเป็นอาวุธของนาง หัวไม้เท้าทำจากเหล็กชั้นดี การฟาดลงไปครั้งนี้ทำให้ศีรษะของผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการแตกและมีเลือดไหลทันที

ทุกคนในงานต่างตกตะลึงอีกครั้ง มองนางอย่างพูดไม่ออก

ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการโกรธจัด พลางตะโกนว่า “องค์หญิง นี่ท่านทำอะไรของท่าน?”

------------------------------------------

[1] เหล่าไท่จวิน คือ คำเรียกสตรีสูงศักดิ์ ในที่นี้หมายถึงอดีตพระชายาเยียนอ๋อง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
TOR Mahikote
เจ้าต้องโดน หนึ่งหวด ผช.เจ้ากรมฯ ได้ดั่งใจมาก องค์หญิง นับถือ นับถือ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 4

    ซือเจ๋อเยว่ถลึงตามองเขาแล้วกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของข้า แต่เจ้ากล้าตวาดข้า แถมยังร้องไห้ราวกับงานศพ!”“เจ้าไม่พอใจเรื่องที่ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างข้ากับเยียนอ๋องซื่อจื่อ เจ้าต้องการจะขัดขืนราชโองการใช่หรือไม่?”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “!!!”เยียนเซียวหรานมองซือเจ๋อเยว่ด้วยความประหลาดใจนางมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “หึ เจ้ากล้าแสดงสีหน้าเช่นนี้ใส่ข้าด้วยหรือ นั่นแสดงว่าเจ้าคิดขัดขืนราชโองการจริง ๆ สินะ!”“ข้าจะไปหาเสด็จลุงเดี๋ยวนี้ ขอให้เขาลงโทษเจ้า!”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่เขาไม่กล้าขัดขวางพิธีแต่งงาน จึงจำใจต้องฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า “องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว กระหม่อมมีความยินดีอย่างยิ่ง!”ซือเจ๋อเยว่ทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า “เจ้ายิ้มไม่น่ามองเหมือนเมื่อครู่ ดูอย่างไรก็ไม่จริงใจ”“เจ้าคงแค่ทำเป็นยิ้มบนหน้า แต่ด่าข้าอยู่ในใจสินะ?”ผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการ “...”เขาทำเช่นนั้นจริง ๆ ถูกนางจับได้เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่พยายามยิ้มให้ดูจริงใจขึ้นอีกหน่อย “หามีเรื่องเช่นนั้นไม่! กระหม่อมยินดีเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 5

    เหล่าไท่จวินเห็นซือเจ๋อเยว่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร จึงเข้าใจนางผิด เพราะในสายตาของเหล่าไท่จวิน นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อยที่อายุยังไม่ครบยี่สิบ ยังไม่เข้าใจโลกดี นางจึงอธิบายต่อว่า “ข้ามิได้มีเจตนารังเกียจองค์หญิงแต่อย่างใด”“องค์หญิงมาจากในวัง ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงรับทราบเรื่องของจวนเยียนอ๋องมากน้อยเพียงใด”“ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วกัน ท่านอ๋องพ่ายศึก ฝ่าบาทกริ้วหนัก จวนเยียนอ๋องไม่มีทางรอดจากภัยนี้”“องค์หญิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่แรก หากอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไป เกรงว่าจะมีภัยติดตามมา ทางที่ดีควรรีบจากไปเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงเอง”ซือเจ๋อเยว่สบสายตากับเหล่าไท่จวินที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน ทำให้ขอบตาร้อนผ่าวการกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้นางได้เห็นทั้งความมืดมิดและความอบอุ่นของผู้คนอย่างชัดเจนเสด็จลุงของให้นางแต่งงานกับคนตาย ขณะที่ผู้เป็นมารดาอย่างอวิ๋นไท่เฟยก็เพิกเฉยต่อชะตากรรมนี้บรรดาข้าราชบริพารในวังหลวงต่างก็รังเกียจนาง ไม่มีความเคารพต่อนางแม้แต่น้อยเดิมทีนางคิดมาตลอดว่าจวนเยียนอ๋องที่กำลังมีเรื่องร้ายมากมาย นางแต่งเข้ามาเช่นนี้คงต้องถูกตำหนิแล

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 6

    ในดวงตาเยียนเซียวหรานมีความเย้ยหยัน “ต่อให้ไม่มีท่าน ครั้งนี้จวนเยียนอ๋องก็ยากจะผ่านเคราะห์กรรมไปได้”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้เขาหันมองนาง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้มีคนตายเพิ่มไปไย”“องค์หญิงโปรดฟังข้าสักคำ หากครั้งนี้จากไปแล้ว อย่ากลับมาที่เมืองหลวงอีก”เมื่อพูดจบเขายัดตัวรอกไว้ในมือนาง “องค์หญิงไปเถอะ หากไม่รีบไป คงไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ”ซือเจ๋อเยว่รู้สึกสับสน นำตัวรอกไปเกี่ยวไว้กับเชือก แล้วหันมองเขาอีกครั้ง ต่อมาเลื่อนตัวรอกไปตามเชือกจนถึงฝั่งตรงข้ามเมื่อนางยืนจนมั่นคงแล้ว เยียนเซียวหรานถึงได้ดึงตัวรอกกลับไปนางช้อนตามองเขา แม้ชายหนุ่มจะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่ยังคงเปล่งประกายดั่งดวงจันทราเมื่อเขาเห็นนางหันมอง เพียงลอบมองหนึ่งครั้ง พลันหันหลังกระโดดลงจากหอซือเจ๋อเยว่กระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองแรกเริ่มนางเดินค่อนข้างเร็ว หลังจากเดินไปประมาณห้าสิบก้าว จึงค่อยๆ เดินช้าลงเพราะเขาได้ยินเสียงโวยวายของทหาร ซ้ำยังคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเสียงตำหนิของเหล่าไท่จวินนางนำหนังสือหย่าที่เหล่าไท่จวินมอบให้ออกมา พบว่าด้านในสอดตั๋วเงินไว้หนึ่งใบ จำนวนเงินไม่มาก แต่เ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 7

    ซือเจ๋อเยว่หันไปสอบถามทหารองครักษ์คนหนึ่ง “เมื่อครู่หนิวกงกงหาว่าข้าเป็นสุนัข เจ้าได้ยินหรือไม่?”ทหารองครักษ์หมอบลงกับพื้น “ได้ยินขอรับ”ซือเจ๋อเยว่ลองถามอีกหลายคน พวกเขาล้วนตอบว่าได้ยินซือเจ๋อเยว่อมยิ้มแล้วมองหนิวกงกง “หากข้าเป็นสุนัข มารดาข้าก็ต้องเป็นสุนัข”“หากมารดาข้าเป็นสุนัข บิดาข้าก็ต้องเป็นหมา หากพ่อข้าเป็นสุนัข พี่น้องของเขาก็ต้องเป็นสุนัขด้วยน่ะสิ”เมื่อหนิวกงกงได้ยินเช่นนั้นพลันเข้าใจทันที ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำเชยคางเขาขึ้น “หนิวกงกง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับด่าทอฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัล!”หนิวกงกงรีบตอบ “ข้าเปล่านะ...”ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบหน้าเขาแรงๆ “เหอะ ยังกล้าปฏิเสธอีก! เมื่อครู่ทุกคนได้ยินกันทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะปัดสวะหรือ!”หนิวกงกง “...”เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำร้ายเขาคือซือเจ๋อเยว่เขาจึงยิ้มแห้ง “องค์หญิง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอหมิ่นพระเกียรติเสด็จอาเสร็จก็บอกว่าเข้าใจผิด หนิวกงกง เจ้านี่ใจกล้าไม่น้อย!” “เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จอาแต่เช้า เพื่อจะได้กราบทูลให้ทราบเรื่องที่มีคนหา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 8

    นางหยุดสักครู่แล้วพูดต่อ “ข้าเชื่อว่าเสด็จพ่อคือผู้บริสุทธิ์ ต่อให้ข้าจะไปจากจวนอ๋อง ก็ควรรอให้คดีของจวนเยียนอ๋องกระจ่างเสียก่อน”“ข้าคือบุตรีเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ เป็นถึงองค์หญิง หากข้าถูกประกาศจับ จะเสื่อมพระเกียรติไปถึงเสด็จพ่อของข้า”นางเลือกกลับจวนเยียนอ๋อง และยังคงเป็นสะใภ้ใหม่ของเยียนอ๋องซื่อจื่อ สมควรเรียกเหล่าไท่จวินว่าท่านย่าพระชายาผู้เฒ่ามองนางอย่างเปี่ยมเมตตา พร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์หญิงละม้ายอดีตฮ่องเต้มากนัก มีเมตตาปรานีและมีคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่”“เสียดายที่ซื่อจื่อ...เฮ้อ! เขาไม่มีวาสนาเอง”พระชายาเยียนอ๋องดึงมือซือเจ๋อเยว่ “วันนี้องค์หญิงช่วยจวนเยียนอ๋องเอาไว้ ทั่วทั้งจวนซาบซึ้งในพระคุณยิ่งนัก”นางมองดูซือเจ๋อเยว่ แล้วนึกถึงเยียนอ๋องซื่อจื่อที่เสียไปแล้ว น้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสายในยามปกติที่สำนักเต๋า ซือเจ๋อเยว่มักพบเจออาจารย์ทั้งหลายที่หน้าด้านและนิสัยประหลาดผู้ที่อ่อนโยนราวสายน้ำอย่างพระชายาเยียนอ๋อง นางไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงวางตัวไม่ถูก ได้แต่หันไปขอความช่วยเหลือจากเหล่าไท่จวินเหล่าไท่จวินสูดหายใจเข้าลึก “วันนี้จวนเยียนอ๋องถูกล้อม หนิวก

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 9

    หากไม่ได้รับการตักเตือนจากซือเจ๋อเยว่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะซ่อนจดหมายไว้ในอ่างปลา?แววตาตื้นตันที่พระชายาผู้เฒ่ามองซือเจ๋อเยว่มากขึ้นกว่าเดิม หากจดหมายเหล่านี้ถูกคนของศาลต้าหลี่หาพบ จวนอ๋องต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรนางเอ่ยกับเยียนเซียวหราน “รีบทำลายจดหมายพวกนี้ซะ”เยียนเซียวหรานนำอ่างมาแล้วเผาจดหมายทิ้งเขาเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ องครักษ์ก็เข้ามารายงาน “เรียนเหล่าไท่จวิน คุณชายสาม คนของศาลต้าหลี่มาขอรับ”ทุกคนหันไปสบตากัน คนของศาลต้าหลี่ช่างรวดเร็วนัก!หากพวกเขาช้าไปอีกนิด คงได้เกิดเรื่องใหญ่เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “ท่านย่า ข้าจะออกไปพบคนของศาลต้าหลี่”เหล่าไท่จวินพยักหน้าเพียงแต่เยียนเซียวหรานเพิ่งเดินออกจากเรือน เหวยอิ้งหวนก็พาคนเข้ามาพอดีเขาทำความเคารพเหล่าไท่จวิน “เหล่าไท่จวินโปรดอภัย ที่ข้ามารบกวนกลางดึก เพราะต้องทำตามพระบัญชา”“ข้าเชื่อว่าเยียนอ๋องจงรักภักดีและกล้าหาญ เขาตายไปในสนามรบ ถือเป็นความสูญเสียของแคว้นต้าฉู่”เยียนเซียวหรานเอ่ยเสียงเข้ม “จวนเยียนอ๋องเปิดเผยจริงใจ ไม่กลัวถูกสอบสวน”เหล่าไท่จวินพยักหน้า “ไม่ว่าใต้เท้าเหวยอยากตรวจสอบอย่างไร จวนเยียนอ๋องล้ว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 10

    ในขณะที่เหวยอิ้งหวนสั่งให้คนไปค้นจวนอ๋อง เยียนเซียวหรานยืนมองอยู่ด้านนอกเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ไปที่ใดเลย มุ่งหน้าตรงไปที่ห้องหนังสือของเยียนอ๋อง ทำให้แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นเป็นไปตามคาด จดหมายเหล่านี้มีคนนำมาไว้แต่แรกเขาไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นค้นจวน แต่เขาก็กลัวว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสยัดสิ่งอื่นเอาไว้ดังนั้นจึงสั่งให้องครักษ์คอยติดตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตลอด เพื่อป้องกันพวกเขาฉวยโอกาสพวกเจ้าหน้าที่เกือบจะพลิกแผ่นดินจวนอ๋องเยียน ช่องลับในห้องหนังสือถูกเปิดออกทั้งหมดส่วนอ่างปลาถุกเจ้าหน้าที่ปัดจนคว่ำเยียนเซียวหรานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ปัดอ่างปลาคว่ำกำลังควานหาบางอย่างในทราย ดวงตาของเขาเข้มขึ้น แล้วจดจำใบหน้าเจ้าหน้าที่คนนี้ไว้หน้าผากเจ้าหน้าที่คนนั้นมีเหงื่อซึม เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ต้องให้โม่ทรายจนละเอียดแล้วค้นหาต่อหรือไม่?”เจ้าหน้าที่ “...”เขาหันมองเยียนเซียวหราน ดวงตาอีกฝ่ายเยือกเย็น คมกล้าดุจมีดดาบเจ้าหน้าที่กระแอมเสียงค่อย “ไม่ต้อง”หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ค้นหาทั่วจวนอ๋องหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยเหวยอิ้งหวนได้ยิ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 11

    เหวยอิ้งหวนเป็นคนใจเย็นสุขุมมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็พลันนึกถึงคำพูดที่ซือเจ๋อเยว่เอ่ยกับเขาเมื่อคืน ก่อนที่เขาจะรู้สึกชาที่หนังศีรษะเขาไม่ได้ฟังคนของสำนักจิงจ้าวพูดต่อ แต่ให้เด็กรับใช้ขับรถม้ากลับบ้านทันทีเขากลับถึงบ้านก็ถามว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?” เด็กรับใช้ตอบว่า “วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากกินใบบัว พอฟ้าสางก็พาคนไปเก็บที่ริมน้ำแล้วขอรับ”เหวยอิ้งหวนหน้าซีดเผือดในพริบตา เขาเรียกข้ารับใช้ที่ว่ายน้ำเก่งหลายคนรีบไปยังสถานที่ที่มารดาเหวยเก็บใบบัว เมื่อเขาไปถึงแล้วเห็นกับตาว่ามารดาพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ เขาก็ตกใจกลัวแทบตายข้ารับใช้ลงน้ำไปช่วยคนทันที ไม่นานก็ช่วยมารดาขึ้นมาเนื่องจากมารดาได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ถึงแม้นางจะได้รับความตกใจกลัว โดนอากาศเย็นและสำลักน้ำไปหลายอึก แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต หลังจากที่เหวยอิ้งหวนจัดการเรื่องมารดาเหวยเรียบร้อยแล้ว เขายังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันสองเรื่องนี้ ซือเจ๋อเยว่ล้วนกล่าวถูกต้องเขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดแฝงไปด้วยกลิ่นอายความพิศวง ทำให้เขารู้สึกหนาวหลังเมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเร

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 381  

    เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 380

    ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 379

    ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 378

    ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 377

    “ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 376

    ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 375

    เขายิ้มแย้มพร้อมกล่าวกับเยียนเซียวหราน “ข้าพาเจ๋อเยว่นำไปก่อน พวกเจ้าสู้ ๆ ล่ะ”ซือเจ๋อเยว่ “...”เยียนเซียวหราน “...”ซือเจ๋อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ “นี่ เจ้าพาพวกเขาไปด้วยกันสิ!”ไป๋จื้อเซียนกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “สถานการณ์แบบนี้ไม่ฆ่าคนก็พาพวกเขาออกไปไม่ได้”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยสาบานต่อสวรรค์ไว้ว่า ไม่สามารถลงมือฆ่าคนได้โดยไม่มีสาเหตุ ดังนั้น...”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ามองเขา ในดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสองข้างของเขาแฝงไปด้วยหยอกเย้า ท่าทางเหมือนกับกำลังดูละครด้วยความสุขนางรู้ดีว่า เรื่องในวันนี้เขานั้นเจตนา!นางรู้ดีว่า คนที่ชั่วร้ายเช่นไป๋จื้อเซียนจะยอมร่วมมือกับพวกเขาได้อย่างไร?นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “ปล่อยข้าลง! ข้าจะไปช่วยพวกเขา!”ไป๋จื้อเซียนยิ้มด้วยความร่าเริงพร้อมกล่าว “ตอนนี้ด้านล่างมีแต่คน ทั้งเจ้ายังไม่เป็นวรยุทธ์ หากลงไปจริง ๆ ก็รังแต่จะยิ่งอันตราย”“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้าสงบ เยียนเซียวหรานก็จะไม่เป็นพะวง ก็สามารถแสดงความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่”“ข้าเชื่อ ด้วยความสามารถของเขา ต้องสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ ปลอดภัยหายห่วง” ซือเจ๋อเยว่ค้อนเขา เขากะพริบตาใส

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 374

    เยียนเซียวหรานกวัดแกว่งกระบี่ในมืออย่างสุดแรง พยายามพาซือเจ๋อเยว่พุ่งตัวออกไปด้านนอกชื่อปาเลี่ยกลับด่าทออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น “ไอ้แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนเกือบตายที่ด่านอวิ๋นหลิ่ง ครั้งนี้ยังจะมาอีก!”เขาพูดจบก็กล่าวกับซือเจ๋อเยว่อีก “องค์หญิง ค่ายกลนั่นของท่านเมื่อครั้งก่อน เอาออกมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เอามาใช้อีกครั้ง ข้าก็สามารถตายตรงนี้ต่อหน้าพวกเจ้าได้เลย!”ชื่อปาเลี่ย “...”เยียนเซียวหรานกล่าวเสียงขรึม “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับข้า”ซือเจ๋อเยว่ครุ่นคิด ครั้งนี้อยู่ภายในห้องปิดตาย จะอย่างไรก็ต้องพุ่งตัวเข้าไปหาก่อนดังนั้นนางจึงหยิบยันต์ออกมา ใช้คาถาเต๋าทำให้ระเบิด ภายในชั่วพริบตา ภายในห้องก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น พัดทหารยามพวกนั้นที่อยู่หน้าประตูลอยกระเด็นออกไปข้างนอกชื่อปาเลี่ยหลบไม่ทัน หัวจึงกระแทกพื้นเยียนเซียวหรานอยากจะจับเขาเอาไว้ แต่ลมแรงเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจับเขาได้เลยซือเจ๋อเยว่คว้าขาของชื่อปาเลี่ยเอาไว้แล้วกล่าว “รีบไป!”ชื่อปาเลี่ย “!!!!!!”เขาเองก็อยากจะหนีไปโดยเร็วเช่นกัน แต่ปัญหาคือลมทั้งรุนแ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 373

    สิ่งของที่อยู่ด้านในมองดูค่อนข้างสลับซับซ้อน กองกันเละเทะ ทันทีที่ดูก็รู้ว่าหลังจากถูกใครบางคนรื้อค้นจนเละเทะ ก็ไม่ได้จัดระเบียบใหม่ภายในห้องที่รกรุงรังแบบนี้ อยากจะตามหาสิ่งของที่พวกเขาอยากได้ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานรื้อค้นรอบหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียวทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็เห็นความจนปัญญาจากดวงตาของอีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าไม่มีความจำเป็นที่จะตามหาต่อไปแล้วในเวลานี้เอง เสียงของทหารยามก็ดังลอยมาจากหน้าประตู “ใครกัน?”ซือเจ๋อเยว่รีบเก็บไข่มุกราตรีลงไป ด้านในจึงกลับคืนสู่ความมืดอีกครั้งเนื่องจากเมื่อครู่นี้ทหารยามได้เห็น ‘การแสดง’ ของไป๋จื้อเซียน ภายในใจจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมากแต่เพราะมีคำสั่งของนายพลที่เฝ้าด่าน เขาจึงไม่กล้าละทิ้งหน้าที่โดยพลการอีก จึงเรียกเพื่อนร่วมงาน ตั้งใจว่าจะจุดเทียนแล้วเข้าไปตรวจค้นด้านในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู ทหารยามคนนั้นก็หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่ชั่วร้ายของไป๋จื้อเซียน เสื้อผ้าสีแดงราวกับเลือดทหารยามไม่ได้รู้สึกตัวในทันที ยังถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ไป๋จื้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status