1
ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม
ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น
ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว
“หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก
“หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า”
“ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”
“ใช่ แต่เรื่องเดียวที่ข้าไม่ริษยาเจ้า คือพี่เหลียงอี้รักมั่นแต่เพียงข้า เขาไม่เคยรักเจ้า สิ่งที่เขาต้องการจากเจ้ามีเพียงตำแหน่งเจ้ากรมอาญาของบิดาเจ้า” คำกล่าวของอดีตสหายทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งดวงใจ
“ที่รถม้าบิดาข้าตกเขาคงเป็นฝีมือพวกเจ้าสินะ” เกรงว่าการที่สามีชั่วผู้นี้เข้าช่วยเหลือนางในวันนั้นก็คงเป็นแผนการด้วยสินะ ตั้งแต่ต้นจนจบนางคงเป็นเพียงเบี้ยหมากที่มอบประโยชน์ให้แก่คนพวกนี้
“ทั้งหมดเป็นความผิดเจ้า หากไม่มีเจ้าเป็นบุตร บิดาเจ้าก็คงไม่ต้องมาตายเช่นนี้”
“ถุย...ตนเองทำเรื่องชั่วช้าแต่กลับโยนความผิดให้ข้าหมด สุดท้ายเจ้าก็รักแค่ตนเอง มิเช่นนั้นคงไม่ยินยอมปล่อยให้บุรุษของเจ้ามาแต่งกับข้า” นางบ้วนเลือดใส่หน้าอีกฝ่ายที่ก้มเข้ามาใกล้
เพียะ ฝ่ามือที่เคยบีบจับเพื่อให้กำลังใจฟาดลงบนหน้านางอย่างเต็มแรง แรงที่ฟาดลงมาบนหน้าทำให้นางยิ่งตาสว่างมากขึ้น ที่ผ่านมานางเป็นเพียงสตรีโง่เขลารองมือรองเท้าให้หญิงชั่วชายโฉดได้เหยียบหัวปีนขึ้นสู่ที่สูง
จากมือปราบ ใช้อำนาจความเป็นบุตรเขยเจ้ากรมอาญาไต่เต้าขึ้นจนได้เป็นถึงรองเจ้ากรมอาญา
“พอเถิดลี่อิน อย่าได้ทำให้ตนเองเจ็บตัวเลย อย่างไรนางก็ต้องตายอยู่ดี”
“หึ...ฮ่าๆ ช่างรักกันปานจะกลืนกิน” ขนาดคนใกล้ตายอย่างนางยังอดสะอิดสะเอียนกับความห่วงใยจอมปลอมของคนคู่นี้ไม่ได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด นางเสียใจที่วันนั้นไม่หยุดฟังคำเตือนของบิดา นางดื้อรั้นไม่ยอมฟังที่บิดาคัดค้านการตบแต่งกับกวางเหลียงอี้เพียงเพราะห่วงชื่อเสียง
‘ท่านพ่อ ลูกขอโทษ ลูกผิดไปแล้ว”
หากย้อนเวลาได้ นางจะไม่ดื้อรั้นกับบิดา มาถึงตอนนี้นางอยากเห็นรอยยิ้มและแววตาอบอุ่นของบิดาอีกครั้ง...
“รีบๆ ตายไปเสีย ข้าจะได้แต่งเข้าเป็นฮูหยินของเจ้ากรมอาญากวางเหลียงอี้”
ร่างกายของนางเริ่มไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดทรมานใกล้จะสิ้นสุดแล้ว นางหวังว่าเมื่อตนกลายเป็นผี จะได้มีโอกาสเฝ้าดูความฉิบหายของหญิงชั่วชายโฉดคู่นี้
“แล้วคู่หมั้นของข้า บุรุษสวมหน้ากากผู้นั้น ท่านส่งคนไปจัดการแล้วใช่หรือไม่” แม้จะร่ำรวยอยู่บ้าง แต่มีเสียงเล่าลือว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากนั่นมีแผลเป็นขนาดใหญ่จนทำให้เขามิอาจเปิดเผยหน้าได้
บุรุษที่มีดีแต่เงินทอง แต่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ นางจะเก็บไว้เป็นตัวถ่วงด้วยเหตุใด
“อืม พี่ให้คนจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ดีมากเจ้าค่ะ เป็นแค่คหบดีต่ำต้อย หน้าตายังไม่คิดจะเปิดเผย แต่กลับคิดจะกินเนื้อหงส์เช่นข้า เขาหวังสูงเกินไปแล้ว” ฮูหยินคหบดีหรือจะมีอำนาจหน้าตาสู้ฮูหยินเจ้ากรมอาญาได้
‘คุณชายซวน ข้าขอให้ท่านปลอดภัยอย่าได้มีจุดจบเช่นข้า’ แม้จะเคยพบเจอบุรุษผู้นั้นเพียงไม่กี่ครั้งแต่นางก็ปรารถนาให้เขาปลอดภัยอย่าได้มีจุดจบเช่นตน ขออย่าให้เขาพลาดพลั้งจนต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงโฉดชายชั่วคู่นี้
“หากเจ้ากับบิดายอมสนับสนุนข้ามากกว่านี้ เจ้าก็คงไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้ อย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลยหนิงเซียน” รองเจ้ากรมอาญากวางเหลียงอี้ทอดสายตามองฮูหยินของตนพลางเอ่ยวาจาไร้เสียง
‘ข้าไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้า’ นั่นคือจิตสุดท้ายของนางก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
เฮือก ราวกับฝันไป จู่ๆ ร่างระหงในอาภรณ์ที่มีรอยฉีกขาด ก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาก่อนจะผุดลุกนั่ง
ดวงตาดอกท้อกวาดสายตามองไปรอบตัวจึงเห็นว่าตนคล้ายกับกำลังอยู่กลางป่าที่มีแต่ต้นไม้ แม้ท้องฟ้าจะมืดมิดเพราะเป็นคืนเดือนมืด แต่ทว่าเมื่อเพ่งมองจึงพอจะคาดเดาได้ว่านางกำลังอยู่ที่ใด
‘นี่อดีตสามีชั่วกับอดีตสหายรักคิดว่านางตายแล้วจึงนำร่างมาทิ้งไว้กลางป่าหรือนี่’ คงหวังจะให้สัตว์ป่ามากัดกินซากศพนาง
ชั่วช้ายิ่งนัก ในเมื่อสวรรค์ให้ทางรอดแก่ข้า ข้าจะต้องเอาคืนบุรุษและสตรีชั่วช้าให้ได้
‘โอ๊ย! บัดซบข้าเจ็บข้อเท้า’ นางทรุดตัวลงในทันทีที่พยายามยืนขึ้น สายตาที่กวาดมองไปทั่วเห็นแต่ความมืดและต้นไม้ เสียงลมหวีดหวิวทำให้รู้สึกหวาดหวั่น นางยกมือขึ้นกอดอกตัวเองหวังปลอบประโลม
แม้จะหวาดกลัวเพียงใด นางก็ต้องรีบพาตนเองออกไปจากป่าแห่งนี้ ก่อนที่สัตว์ร้ายจะโผล่มา
......................................
แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ สู้ ๆ นะ
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”