“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว”
“คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้”
“ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ”
“เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร”
“ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ
‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง
เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง
ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงนี้ สตรีที่เคยผ่านการแต่งงานในชาติก่อนมาแล้ว ย่อมจิตใจสั่นหวั่นไหว
‘คุณชายขอรับ คุณชาย’
“คนพวกนั้นใช่คนของท่านหรือไม่”
“ข้าไม่ทราบ” เขายิ้มบางพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
‘นี่มันอาภรณ์ของคุณชาย คุณชายต้องอยู่แถวนี้แน่นอน พวกเจ้าแยกย้ายกันไปหาคุณชาย เจียวมิ่งเจ้ารีบไปนำตัวท่านหมอเทวดามาที่นี่ มีคราบเลือดจางๆ บนอาภรณ์ เกรงว่าตอนนี้คุณชายอาจจะกำลังได้รับบาดเจ็บ”
‘ขอรับ’ เสียงเจ้าของชื่อตอบรับก่อนที่นางจะได้ยินเสียงคนอื่นค้นหาต่อ
“คนพวกนั้นน่าจะเป็นคนของท่าน เราออกไป...” นางยังกล่าวไม่ทันจบมือใหญ่ก็รั้งศีรษะนางแล้วกดใบหน้านางลงบนอกแกร่ง
“คุณชายท่านอยู่ที่นี่เอง” ชายชุดดำส่งเสียง นางพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่เพราะโดนกดไว้จึงไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากแผงอกเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ บนกายเขามีเพียงอาภรณ์ตัวนอกของนางคลุมอยู่เพียงเท่านั้น
“พวกเจ้าเป็นใคร”
“พวกเราเป็นผู้ติดตามของคุณชายขอรับ”
“พวกท่านเป็นผู้ติดตามของเขาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เพราะดวงหน้าหวานถูกกดอยู่ วาจาที่นางเอื้อนเอ่ยจึงไม่ใคร่จะได้ยินชัดนัก
“เอ่อ...คือข้าน้อยว่าคุณชายกับคุณหนูออกมาจากตรงนั้นก่อนดีหรือไม่ขอรับ” ท่าทางปกป้องของคุณชายทำให้บุรุษชุดดำกล่าวอันใดไม่ออก
เขาค่อยๆ โอบรั้งนางให้เดินออกมาจากซอกแคบหลังก้อนหิน ก่อนจะนำอาภรณ์ตัวนอกของนางคลุมลงบนตัวนาง ส่วนเขาก็ยืนเปลือยอกมีเพียงผ้าบังตั้งแต่เอวยาวลงไปถึงเข่าเพียงเท่านั้น
“พวกท่านเป็นคนของเขาจริงๆ หรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามหลังจากสวมใส่เสื้อคลุมตัวนอกเรียบร้อยแล้ว
“ขอรับ ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามของคุณชาย”
“ฮูหยิน...ถอยออกมาอย่าได้อยู่ใกล้บุรุษพวกนั้น” เขาทำท่าจะโอบกอดอีกครา แต่นางเบี่ยงตัวหลบแล้วหันไปเอ่ยกับบุรุษชุดดำที่ไร้กลิ่นอายสังหาร
“คนพวกนี้เป็นคนของท่านเจ้าค่ะ พี่ชายเจ้าขา ท่านช่วยหาอาภรณ์ที่แห้งและสะอาดมาให้คุณชายของท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ขอรับ เจียวลู่ไปนำอาภรณ์มาให้คุณชาย” บุรุษที่เป็นดั่งพี่ใหญ่รับคำพลางก้มหน้าหลบสายตาไม่เป็นมิตรของคุณชาย ก่อนจะเอ่ยสั่งศิษย์น้องให้ไปหาอาภรณ์มาให้
“เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าท่านให้คนไปตามหมอแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ แล้วเอ่อ...คุณหนู” เจียวโจวยังกล่าวไม่ทันจบคุณชายของตนก็กล่าวขึ้นก่อน
“หากพวกเจ้าเป็นคนของข้าจริง เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ทราบว่านางคือฮูหยินของข้า” สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจปรากฏในดวงตาของเขา มือใหญ่โอบรั้งเอวนางให้ออกห่างจากบุรุษชุดดำพวกนั้นราวกับปกป้อง
“พวกท่านอย่าได้ตกใจ คุณชายของพวกท่านมีบาดแผลหลายแห่ง ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บภายในที่ศีรษะจนทำให้สติฟั่นเฟือน” นางกล่าวพลางพยายามแกะมือใหญ่ที่เกาะเกี่ยวเอวคอดของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“พี่ไม่ได้ฟั่นเฟือน คนพวกนี้ไม่น่าไว้ใจ” กล่าวจบก็กอดรัดนางมากขึ้น
“อาภรณ์มาแล้วขอรับ” บุรุษชุดดำกล่าวพลางยื่นอาภรณ์ตัวใหม่ให้ แน่นอนว่าคนที่รับมันมาต้องเป็นนาง เพราะบุรุษผู้นี้ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้นอกจากนาง
“ท่านสวมใส่อาภรณ์ก่อนเถิด ประเดี๋ยวจะล้มป่วยเอา”
“เจ้าสวมให้พี่ได้หรือไม่ พี่ชอบให้เจ้าปรนนิบัติ” คำกล่าวของเขาทำให้นางแทบจะยกมือตีหน้าผากตนเอง
“แต่ข้ากับท่านไม่ได้เป็นอันใดกันนะเจ้าคะ”
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่”
[1] สุนัข หรือ หมา
.........................................
น้องเก็บบุรุษเช่นใดมากันเนี่ย ตื่นมาก็เรียกฮูหยินแล้ว
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”