“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่”
“เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน
มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้
“ฮูหยิน...”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน
อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้
“ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน
“คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแต่กลับโดนคุณชายตวาดใส่
“ฮูหยิน!” เสียงตวาดดังลั่นทำให้คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าบุรุษชุดดำรีบเปลี่ยนคำพูด
“ฮูหยินขอรับ หากเป็นเช่นนี้ พวกข้าคงต้องขอรบกวนท่านช่วยดูแลคุณชายได้หรือไม่ขอรับ” ท่าทางที่ไม่ไว้ใจใครเลยของคุณชายทำให้บรรดาบุรุษชุดดำคนอื่นรีบคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อช่วยอ้อนวอนสตรีแปลกหน้าผู้นี้
“ฮูหยินโปรดเมตตาช่วยเหลือคุณชายของพวกเราด้วยขอรับ”
“รอท่านหมอมาก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ แล้วพวกเราค่อยมาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ” สิ้นเสียงนางบุรุษชุดดำผู้หนึ่งรีบร้อนลากบุรุษชุดขาวที่มีใบหน้างดงามไร้ที่ติไม่แพ้กันเข้ามาอีกคน
“ไหน คนเจ็บที่ต้องการให้ข้ารักษา”
“ชายผู้นี้คือใคร เหตุใดถึงได้หน้าตาน่าเกลียดเช่นนั้น ฮูหยินเจ้าอย่าได้จ้องมองหน้าเขา ประเดี๋ยวเจ้าจะฝันร้าย” เขาไม่เพียงกล่าวแต่กลับกดใบหน้านางให้ซุกกับอกแกร่ง นัยน์ตาดำจ้องมองบุรุษที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแฝงข่มขู่
“ท่านปล่อยข้าก่อนเจ้าค่ะ เขาคงเป็นท่านหมอที่ผู้ติดตามของท่านพาเขามารักษาท่าน” นางกล่าวพลางดันตัวเองให้ออกห่าง
“แต่หน้าตาเขาไม่น่าไว้ใจ”
“ให้เขาได้ตรวจท่านเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะได้สบายใจ มิเช่นนั้นหากท่านล้มป่วยข้าคงปวดใจ” เมื่อเห็นท่าทางไม่ยินยอมของเขา นางจึงกล่าววาจาหว่านล้อมกึ่งออดอ้อนให้เขาคล้อยตาม
“หากฮูหยินกล่าวเช่นนั้น พี่จะยินยอมให้บุรุษหน้าตาไม่น่ามองผู้นี้ตรวจ”
“ข้ากลับเลยดีหรือไม่ เดี๋ยวก็น่าเกลียด เดี๋ยวก็ไม่น่ามอง อิจฉาข้าหรือไร” ตนเป็นถึงหมอเทวดารูปงามที่สุดในสามแคว้น เหตุใดบุรุษตาถั่วผู้นี้ถึงเอาแต่กล่าววาจาไม่น่าฟัง
“ใจเย็นๆ ขอรับท่านหมอ ได้โปรดตรวจร่างกายให้คุณชายของข้าด้วยขอรับ” เจียวโจวเกลี้ยกล่อมท่านหมอ
“ฮูหยินเหตุใดข้อเท้าเจ้าจึงได้บวมช้ำเช่นนั้น”
“เมื่อวานข้าเจ็บข้อเท้าเพียงเล็กน้อยเจ้าค่ะ มิเป็นอันใดมาก”
“มิได้ อย่างไรเจ้าตรวจกับท่านหมอผู้นี้ก่อน”
“แต่ท่านควร...” อย่างไรหมอผู้นี้ก็เป็นคนของเขาตามมา คุณชายของคนพวกนี้จึงควรได้รับการรักษาก่อนมิใช่หรือ
“หากเจ้าไม่ยอมให้หมอผู้นี้รักษา พี่ก็จะไม่รักษาเช่นกัน”
“ฮูหยิน ได้โปรดให้ท่านหมอรักษาเถิดขอรับ” สิ้นวาจาของบุรุษที่คล้ายจะเป็นหัวหน้า บุรุษชุดดำที่เหลือก็คุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้งเพื่ออ้อนวอนนาง
“ฮูหยินได้โปรดรักษากับท่านหมอเถิดขอรับ
“ก็ได้เจ้าค่ะ พวกท่านลุกขึ้นเถิด” นางได้แต่ตอบรับพลางทอดถอนใจ รู้จักยังไม่ถึงวัน นางต้องเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ หากต้องเดินทางไปด้วยกัน นางมิปวดหัวมากไปกว่านี้เลยหรือ
“เช่นนั้นแม่นางนั่งลงตรงนั้นเถิด” ท่านหมอเทวดากล่าวพลางชี้นิ้วไปที่หินก้อนใหญ่ที่สามารถนั่งได้
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางจะเดินไปที่โขดหิน แต่กลับถูกเขาโอบอุ้ม
“ให้พี่พาไป เจ้าต้องเจ็บมากถึงเพียงนี้ เป็นเพราะพี่ดูแลเจ้าไม่ดี” การกระทำของเขาทำให้ท่านหมอเทวดาเกือบจะอ้าปากค้าง ดวงตาของท่านหมอเบิกกว้างราวกับเพิ่งเคยพบเจอสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าเดินเองได้” การถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฮูหยินของบุรุษผู้นี้ ช่างเปลืองเนื้อเปลืองตัวยิ่งนัก
หรือแท้จริงเขาทำเช่นนี้กับฮูหยินของตนอยู่บ่อยครั้งจนเกิดเป็นความเคยชิน
“ฮูหยิน พี่รู้ว่าเจ้าโกรธพี่ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตัวเจ้าเอง เจ้าอย่าได้ดื้อรั้นได้หรือไม่” เขากล่าวหลังจากวางนางลงบนหินก้อนนั้น
“...” นางจนใจที่จะกล่าวอันใดออกมาอีก เหตุใดทางเลือกที่นางตั้งใจเลือกในครั้งนี้ถึงได้ชวนปวดหัวเช่นนี้
“ท่านหมอ ท่านควรรีบมาตรวจให้ฮูหยินข้า”
“นางปล่อยให้เจ็บมากเช่นนี้ หากข้าตรวจช้าไปเพียงครึ่งเค่อ ก็ใช้วิธีการรักษาไม่ต่างกันมากหรอก” ลู่จื้อกล่าวพลางทรุดตัวลงนั่งเพื่อตรวจข้อเท้านาง
ท่านหมอเทวดาตรวจเพียงไม่นานก็ใช้ยาทาและผ้าพันเอาไว้พร้อมกับสั่งให้นางลดการเดินเหินอย่างน้อยหนึ่งเดือน
นั่นหมายความว่านางควรกลับไปหาท่านตาท่านยายที่เมืองซานโจว
“มิต้องห่วงฮูหยิน เราจะเดินทางไปเมืองหลวงด้วยรถม้า เพียงเท่านี้เจ้าก็ไม่ต้องเดินเหินให้มาก”
...........................................
จะสงสารใครก่อนดี ลูกน้องหรือท่านหมอ
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”