“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี
“อืม” เขารับคำสั้นๆ
“เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน
“พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า”
“ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ
“ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู”
“อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน”
“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง”
“เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่”
“ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา
“ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“ท่านนั่งให้ท่านหมอตรวจนิ่งๆ ข้าจะช่วยถือลูกท้อให้ท่านกินดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ดียิ่ง ฮูหยินของพี่ช่างเฉลียวฉลาด”
“หลอกบุรุษสติฟั่นเฟือนจะต้องใช้ความคิดอันใดให้มาก” ลู่จื้อรำพึงรำพันกับตนเอง
ท่านหมอเทวดาใช้เวลาตรวจเพียงลูกท้อสามลูก ซึ่งหมายความว่า ในระหว่างที่ท่านหมอตรวจ เขาก็กินผลท้อไปด้วย จนผลท้อหมดไปสามลูกจึงตรวจเสร็จสิ้น
“นอกจากบาดแผลภายนอกก็ไม่มีอันใดต้องห่วง ท่านเป็นคนทำแผลให้เขาหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านทำได้ดีมาก แผลสะอาดเรียบร้อยดี”
“แล้วที่เขาเลอะเลือนเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ”
“เลอะเลือนอย่างไร”
“คือแท้จริงข้าไม่ใช่ฮูหยินของเขาเจ้าค่ะ ข้าเพียงช่วยเหลือเขาที่นอนบาดเจ็บ แต่พอเขาเห็นหน้าข้า เขาก็เอาแต่เรียกข้าเช่นนั้น ข้าจนใจไม่รู้จะทำเช่นไรเจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นฮูหยินของพี่”
“หัวเขาคงกระแทกกับโขดหินจนฟั่นเฟือน เลอะเลือน”
“เช่นนั้นต้องทำเช่นไรเจ้าคะ ท่านรักษาได้หรือไม่”
“ดูจากอาการของเขาแล้ว คงมีเพียงเจ้าที่จะทำให้เขาหาย”
“ข้าหรือเจ้าคะ”
“ใช่ เพราะเจ้าช่วยเหลือเขา เขาจึงไว้ใจเจ้า หากเจ้าคอยดูแลพูดคุยและให้คนที่รู้จักเขาพาไปในที่ที่เขาคุ้นเคย บางทีความทรงจำเขาอาจกลับมาและไม่เลอะเลือนเช่นนี้”
“หมายความว่าข้าต้องแสร้งเป็นฮูหยินของเขาเพื่อช่วยให้เขาฟื้นความทรงจำเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” นางยื่นใบหน้าไปใกล้เพื่อกล่าวเสียงเบาให้ได้ยินแค่นางกับท่านหมอ
“อย่าเข้าใกล้บุรุษอื่นพี่หวง” เขากล่าวพลางรั้งตัวนางให้ออกห่างจากท่านหมอหน้าตาน่ารังเกียจ
“เป็นเช่นที่แม่นางกล่าว” คำตอบของท่านหมอทำให้นางอยากยกมือขึ้นมากุมหัว
นี่สวรรค์คิดว่านางว่างมากเช่นนั้นหรือ ส่งนางกลับมาเพื่อแก้แค้น แต่เหตุใดนางถึงต้องมาดูแลบุรุษผู้นี้ แม้จะรูปงามอยู่บ้าง ทว่านางที่ต้องแก้แค้นไม่มีเวลาจะมาสนใจผู้อื่นหรอก
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
“มี”
“เช่นนั้นใช้วิธีนั้น...”
“แต่ข้ายังไม่ค่อยชำนาญในการใช้มีดผ่าหัวคน เกรงว่าเขาอาจจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายเสียก่อน”
“ฮูหยินได้โปรดช่วยเหลือคุณชายของพวกเราด้วยขอรับ” สิ้นเสียงบุรุษที่เป็นดั่งหัวหน้า ทุกคนก็คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอร้องนาง
“ท่านหมอบอกข้าได้หรือไม่เจ้าคะว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดเขาถึงจะกลับมาเป็นปกติ”
“คงไม่นาน อาจจะเจ็ดวัน หนึ่งเดือน หรือสามเดือน”
“ได้โปรดช่วยคุณชายของพวกเราด้วยขอรับ” บุรุษชุดดำเกือบยี่สิบคนพร้อมใจกันตะโกน
“ฮูหยิน เจ้าลำบากใจที่จะดูแลพี่หรือ” ท่าทางน่าสงสารราวกับเสี่ยวโก่วถูกทิ้งทำให้นางอดใจอ่อนไม่ได้
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
“พี่เข้าใจ เจ้าคงโกรธพี่ที่ไม่ปกป้องเจ้า...”
“ก็ได้ๆ ข้ายอมแพ้ ต้องมียาอันใดให้กินหรือไม่เจ้าคะ” นางหันไปถามท่านหมออย่างรวดเร็วจึงทันได้เห็นแววตาที่คล้ายจะขบขัน
“มี ประเดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบยาให้” คอยดูเขาจะจัดยาที่ขมที่สุดให้บุรุษปากเสียผู้นี้
“ฮูหยินให้ท่านหมอกลับไปเถิด พี่ไม่อยากเห็นหน้าเขาแล้ว”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหมอ” นางกล่าวพลางจับมือเขาที่พยายามยุ่งกับการทัดผมที่หู
“มิเป็นไร ประเดี๋ยวพวกเจ้าไปรับยากับข้าด้วย”
“ขอรับท่านหมอ” เจียวมิ่งตอบรับก่อนจะเดินตามท่านหมอออกไปนอกถ้ำ
“ข้าน้อยจะไปเตรียมรถม้า แต่ว่ากลางป่าเช่นนี้...”
“พวกเจ้าเตรียมรถม้าจอดไว้ริมทางที่ใกล้ที่นี่ที่สุด ข้าจะพาฮูหยินไปเอง”
“ขอรับคุณชาย” เมื่อบุรุษชุดดำตอบรับ คุณชายที่แม้จะมีบาดแผลหลายแห่งแต่ทว่าร่างกายยังแข็งแรง ก้มตัวแล้วโอบอุ้มซูหนิงเซียนก่อนจะใช้วิชาตัวเบาพานางออกจากป่า
‘ข้าจะถามใครได้ ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น’ เหตุใดเรื่องราวถึงเป็นเช่นนี้ แต่เอาเถิดอย่างน้อยการเดินทางกลับเมืองหลวงกับคนพวกนี้ก็ปลอดภัยกว่าที่นางต้องเดินทางเพียงลำพัง
..........................................
น้องคงอยากถามว่าเจ้าบุรุษผู้นี้มันเป็นใครกัน
เหตุใดถึงอ้อนเก่งเช่นนี้
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“ไปเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” เช่นนั้นก็ดีมากไม่ใช่หรือ เดินทางกับคนพวกนี้เข้าเมืองหลวง นางจะได้ปลอดภัยจากแผนการชั่วร้ายของอดีตสหายและอดีตสามี “อืม” เขารับคำสั้นๆ “เช่นนั้นท่านก็ให้ท่านหมอตรวจสักหน่อยเถิด” ในเมื่อต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางไปเมืองหลวง อย่างไรนางก็ควรจะดูแลเขาเพื่อเป็นการตอบแทน “พี่ได้กลิ่นลูกท้อจากตัวเจ้า” “ข้าลืมไปเสียสนิทนี่เจ้าค่ะลูกท้อ ข้าเกรงว่าท่านจะหิวจึงออกไปเก็บลูกท้อมาให้” ซูหนิงเซียนล้วงเอาลูกท้อออกมาจากอกเสื้อ “ฮูหยินของพี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดู” “อะแฮ่ม...จะตรวจอยู่หรือไม่ ข้ามิได้ว่างมาดูพวกเจ้าหยอกเย้าเอาอกเอาใจกัน” “ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านรีบมานั่งตรงนี้เถิดท่านหมอเทวดาจะได้ตรวจให้ท่านบ้าง” “เจ้าอย่าได้ลุกขึ้น หมอปีศาจผู้นี้สั่งไว้ว่าเจ้าไม่ควรเดินเหินพักใหญ่” “ข้าเป็นหมอเทวดา นั่งลงได้แล้วจะได้รีบตรวจ” คนป่วยเช่นนี้น่าเอายาพิษกรอกปากเสียจริง ปากหรือก็เอ่ยแต่วาจาไม่น่าฟังออกมา “ข้าขอกินลูกท้อของเจ้าก่อนได้หรือไม่” วาจากำกวมของเขาทำให้ดวง
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่” “เฮ้อ...” นางได้แต่ทอดถอนใจ แรกเริ่มเดิมทีที่ช่วยเหลือเขาก็เพราะอยากพิสูจน์ความคิดของตน และอยากขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากเขาเป็นการตอบแทน มิคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้ หรือเป็นเพราะนางเลือกที่จะไม่เดินทางจากไปก่อนที่เขาตื่นดั่งเช่นชาติก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงบุรุษผู้นี้บาดเจ็บหนักถึงขั้นสติฟั่นเฟือนเช่นนี้ “ฮูหยิน...” “ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางคิดว่าต่อจากนี้ คำว่า ‘ฮูหยิน’ คงจะหลอกหลอนนางไปอีกนาน อาจเพราะชาติก่อนนางเคยปรนนิบัติอดีตสามีชั่วช้าผู้นั้นอยู่บ้าง การช่วยบุรุษแปลกหน้าผู้นี้แต่งกายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านหมอ...” นางกล่าวพลางจะเดินผ่านบุรุษชุดดำไปที่หน้าถ้ำ แต่กลับถูกมือใหญ่รั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “ฮูหยิน เจ้าอย่าเข้าใกล้คนพวกนั้น” เขากล่าวพลางรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนที่อ้างตัวว่าเป็นลูกน้องตน “คุณหนู...” เจียวโจวกำลังจะกล่าวแ
“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว” “คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้” “ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ” “เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร” “ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ ‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงน
2เจ้าคือฮูหยินของข้า เสียงนกร้องในยามเช้าทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงหน้าหวานแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตนเองกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ตนช่วยเอาไว้ นางจับมือเขาที่โอบกอดตัวนางอยู่ออกแล้วขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษที่ตนช่วยไว้ชัดเจนนางต้องชะงัก เนื่องจากยามค่ำคืนที่มืดมิดนางจึงไม่อาจเห็นหน้าเขาได้ชัดเจนเท่ายามนี้ ‘นี่ข้าไปเก็บเทพเซียนตกสวรรค์มาหรือไร’ เหตุใดเขาถึงได้รูปงามเช่นนี้ ในกาลก่อนหลังจากทำแผลให้เขาเสร็จสิ้น นางโอบกอดให้ความอบอุ่นพอเขาไม่หนาวสั่น และนอกถ้ำฝนหยุดตกนางก็รีบออกเดินทางต่ออย่างรีบเร่งเพื่อเข้าเมืองหลวงด้วยความเป็นห่วงบิดา จนได้เจอกับกลุ่มนักเลงที่คิดทำระยำกับนาง สุดท้ายก็รอดพ้นมาได้จากการช่วยเหลือของมือปราบกวาง อดีตสามีชั่วช้าผู้นั้น เพราะได้รับการช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีจากอีกฝ่าย นางจึงตอบรับบุรุษผู้นั้นอย่างง่ายดาย หึ...โจรป่าที่ดักปล้นรถม้าของนาง นักเลงพวกนั้นและการช่วยเหลือ มิแคล้วคงจะเป็นแผนการของคนพวกนั้น นางจำได้แล้วตอนนั้นก่อนออกจากเมืองซานโ
ร่างระหงฝืนทนความเจ็บแล้วลุกยืนขึ้น เมื่อเจ็บที่ข้อเท้า นางก็เพียงแค่ไม่เหยียบพื้นเต็มเท้า นางโผเดินไปเกาะตามต้นไม้เพื่อช่วยพยุงตนเอง พอเดินพ้นจากตรงนั้นมาไกลแล้วนางจึงยืนพิงต้นไม้หวังพักให้หายเหนื่อย ท่ามกลางป่าที่เงียบสงัดที่นางได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจตัวเอง ในระหว่างที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่นั้นหูก็พลันได้ยินเสียงน้ำไหล ‘ที่ใดมีแม่น้ำลำธาร ที่แห่งนั้นก็จะมีคนอาศัยอยู่’ คำกล่าวของบิดาที่เคยพานางออกไปสืบคดีกับมือปราบเมื่อยามนางยังเป็นเด็กดังขึ้น พอคิดถึงบิดาน้ำตาก็คลอขึ้นในดวงตาดอกท้อทันที นางรู้สึกผิดต่อบิดายิ่งนัก นางมีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตาย “ฮึก...” นางสะกดกลั้นอารมณ์โศกเศร้าพลางยกมือปาดน้ำตา นางควรพาตนเองให้รอดออกไปจากป่าให้ได้ก่อน “ข้าต้องเข้มแข็ง” อย่างน้อยก็เพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อ เมื่อหายเหนื่อยหอบบ้างแล้ว นางจึงเดินไปทางเสียงแม่น้ำด้วยความหวังว่าจะเจอบ้านของชาวบ้าน กว่าจะพาตนเองเดินไปถึงแม่น้ำมันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานมากในความรู้สึกของนาง ดวงตาดอกท้อฉายแววโศกเศร้าทันทีเมื่อกวาดสายตามอง
1ในกาลก่อนที่ข้าโง่งม ชั่วชีวิตนางทำแต่ความดี ไม่เคยสักคราที่กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อผู้อื่น แต่เหตุใดจึงต้องกลายเป็นเช่นนี้ หรือแท้จริงเป็นเพราะนางโง่งม คิดดีและมองแต่ด้านดีๆ เกินไป จึงไม่รู้เท่าทันบุรุษเลวสตรีชั่วคู่นั้น ดวงตาที่จ้องมองสหายรักถูกสามีที่พร่ำบอกรักนางหนักหนาโอบกอดเริ่มพร่ามัวลงไปทุกที ยาพิษที่ถูกกรอกใส่ปากนางคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ชั่วครู่หนึ่งนางเห็นแววตาสำนึกผิดของสามีที่จับจ้องอยู่ แต่สำนึกผิดแล้วอย่างไร ในเมื่อพวกเจ้าได้ลงมือก่อกรรมกับข้าแล้ว “หากสวรรค์ไม่ไร้เมตตา หากนรกรับรู้ถึงความเจ็บช้ำ ข้าขอให้พวกเจ้าเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่า จะตายก็ตายไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน” สิ้นเสียงกล่าวฟ้าด้านนอกผ่าเปรี้ยงราวกับสวรรค์และนรกรับรู้ถึงคำสาปแช่งนี้ แต่เพราะที่แห่งนี้คือคุกลับใต้ดินของจวนเจ้ากรมอาญาซู คนที่อยู่ภายในจึงไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก “หึ...สวรรค์ไม่เมตตาสตรีที่แย่งวาสนาข้าหรอก มารดาเจ้าแย่งวาสนามารดาข้า มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้เป็นบุตรสาวเจ้ากรมอาญาแทนเจ้า” “ที่แท้เจ้าก็ริษยาข้ามาโดยตลอด”