Share

ตอนที่ 4 ความกังวลใจ

last update Last Updated: 2024-12-13 21:39:19

ตอนที่ 4

ความกังวลใจ

นางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี

“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง

“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทน

อาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนาง

อาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็ก

ปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน 

ใบหน้าของนางถูกแต่งแต้มอย่างอ่อน ๆ ริมฝีปากเรียวถูกแต้มด้วยชาดสีหวาน ทำให้ใบหน้าเล็กดูอ่อนหวานเป็นอย่างยิ่ง

“คุณหนู ท่านงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ” อาหลัวอดไม่ได้ที่จะเอ่ย ชมคุณหนูของนาง 

นางยิ้มรับคำชมของสาวใช้คนสนิท ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ความงามเป็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนที่สุด ไปเถอะท่านแม่ คงรอข้าอยู่นานแล้ว”

ช่วงสายของวันพี่ใหญ่กับพี่เขยก็มาถึงจวน ที่ห้องโถงใหญ่ด้านหน้าจวนถูกจัดเป็นสถานที่พบปะกันระหว่างครอบครัวในวันนี้

พี่ใหญ่และพี่เขยของนางยกน้ำชาคารวะ ท่านปู่ ท่านพ่อ และท่านแม่ของนางอย่างพอเป็นพิธี

เก้าอี้ประทานที่ตั้งอยู่ที่กลางห้องโถงนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นท่านปู่ของนางที่เป็นผู้มีศักดิ์อาวุโสสูงสุดในที่แห่งนี้ ถัดมาจึงเป็นท่านพ่อท่านแม่ของนางและไล่ลำดับกันตามลำดับอาวุโส 

แน่นอนว่าเก้าอี้ลำดับสุดท้ายทางด้านขวามือถัดจากพี่รองย่อมเป็นของนางที่มีลำดับอาวุโสน้อยที่สุด

“ลูกกลับมาเยี่ยมฮูหยินท่านจะมัวแต่ร้องไห้ได้อย่างไร” ท่านพ่อของนางเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่ามารดาของนางเริ่มจ้องไปที่พี่ใหญ่ของนางและเริ่มร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ 

“ข้าเห็นลูกมีความสุข ถึงได้ตื้นตันใจจนน้ำตาไหลออกมาเองเจ้าค่ะท่านพี่” 

“โถ่ ท่านแม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่นางเอ่ยออกมาก่อนจะเริ่มทำท่าจะร้องไห้ตามมารดาอีกคน

“วันดีเช่นนี้จะมัวแต่ร้องไห้ได้อย่างไร แต่งงานแล้วก็เร่งมีเจ้าตัวน้อยเข้าล่ะ ปู่กับพ่อเจ้ารอเห็นหน้าหลานตัวน้อยอยู่นะ” เฉินไท่เว่ยเอ่ยขึ้น

เฉินซือหนิงได้ยินเช่นนั้นก็อดจะก้มหน้าอย่างเขินอาจไม่ได้ นางเพิ่งจะแต่งงานไม่นานเรื่องเช่นนี้นางยังใหม่อยู่มากจริง ๆ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยจึงจะมีความกล้ายิ่งขึ้น

ชายชรามองดูครอบครัวใหญ่ของตนอย่างมีความสุข ครึ่งชีวิตของเขาล้วนใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบ เขาต่อต้านศัตรู ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อประชาชนก็เพื่อให้มีความสุขครอบครัวพร้อมหน้าเช่นวันนี้

เสียดายอยู่เพียงสิ่งเดียวก็คือฮูหยินรักของเขานั้นด่วนจากไปเร็ว จึงไม่ได้ร่วมมีความสุขพร้อมหน้าครอบครัวเช่นนี้ไปนาน ๆ เช่นตัวเขา

เสียงหัวเราะและเสียงการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานดังไปทั่วทั้งห้องโถง เฉินจินฮวาแม้ไม่ค่อยได้เอ่ยปากร่วมวงสนทนาด้วยสักเท่าไหร่นัก แต่นางก็คอยสังเกต ทุก ๆ คนในครอบครัวอยู่ตลอด 

พี่ใหญ่ของนางเฉินซือหนิงนั้นเป็นผู้ที่เฉินจินฮวานั้นจ้องมองอยู่นานที่สุด 

นางเห็นความสุขที่พี่ใหญ่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน แววตา น้ำเสียง ท่าทาง ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความสุข

เสี้ยวหนึ่งในหัวของนางก็บังเกิดความคิดว่า เพียงได้อยู่กับครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเช่นนี้นางก็พอใจแล้ว

“เห็นพี่สาวเจ้ามีความสุขเช่นนี้แล้ว ฟูหมิงเจ้าเองก็รีบมองหาแม่นางน้อยสักผู้หนึ่งได้แล้วกระมัง ในจวนเราควรมีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นเพิ่มสีสันได้แล้ว” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นกับบุตรชายเพียงคนเดียว

“นั่นสิ ปู่เองก็เห็นด้วยกับพ่อเจ้า หากยามนี้มีสตรีสกุลให้ที่เจ้าถูกใจและอยากจะผูกสมัครรักใคร่ก็บอกกล่าวออกมาได้เลย” เฉินไท่เว่ยผู้ทรงอำนาจก็เห็นด้วยกับคำพูดของบุตรชายตนเช่นกัน เนื่องด้วยฟูหมิงนั้นเป็นหลานชายสายหลักเพียงคนเดียวของเขา การที่ให้ฟูหมิงรีบมีทายาทสืบสกุลนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของสกุลเลยทีเดียว

“พี่ใหญ่ก็แต่งออกไปแล้ว พวกท่านที่ข้าเคารพยิ่งโปรดปล่อยให้ข้าเที่ยวเล่นเป็นอิสระอีกสักหน่อยเถิด หากวันใดข้าพบสตรีที่พึงใจจะต้องรีบสู่ขอนางมาเป็นภรรยาแน่” ฟูหมิงกล่าวอย่างติดตลก

“ได้ ปู่กับพ่อเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะเร่งรัดเจ้า เพียงแต่เตือนเจ้าเอาไว้หน่อยเท่านั้นว่าจะต้องเริ่มตั้งใจหาภรรยาได้แล้ว” ผู้เฒ่าเฉินกล่าวขึ้นกับหลานชายอย่างใจเย็น 

“ลูกชายพ่อรอลูกสะใภ้อยู่นะ เจ้าไม่ต้องรีบร้อน ๆ “

“แม่เองก็รอลูกสะใภ้อยู่เช่นกัน ค่อย ๆ หาไม่รีบร้อนเช่นกัน”

เฉินฟูหมิงนั้นทอดมองไปยังท่านพ่อและท่านแม่ของเขา ที่เมื่อครู่ทั้งสองพร้อมใจกันกล่าวออกมาว่ากำลังรออยู่ แต่ก็ไม่ได้ให้เขาเร่งรีบ

เหตุใดเมื่อครู่พอได้ฟังคำพูดของพวกเขาชายหนุ่มจึงรู้สึกว่ากำลังถูกเร่งเร้าอยู่กันเล่า...

“ข้าเองก็รอน้องสะใภ้อยู่นะ” เป็นพี่ใหญ่ของเขาเฉินซือหนิงที่เองขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“พี่หญิงใหญ่ท่านน่ะเงียบไปเถิดขอรับ” 

“ข้าจะเงียบได้อย่างไร ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ ล้วนกำลังฝากความหวังเอาไว้กับเจ้า น้องรองเจ้าก็รีบ ๆ เข้าล่ะ” ซือหนิงได้ทีก็เย้าน้องชายตนไม่เลิก “ไม่รู้ว่ายามน้องเล็กออกเรือนไปแล้ว เจ้าจะได้แต่งน้องสะใภ้เข้าจวนหรือยัง” 

“เช่นนั้นหากข้ายังหาภรรยาไม่ได้ ก็จะไม่ให้น้องเล็กแต่งออกไปดีหรือไม่ จินเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องแต่งงานอยู่ที่จวนเฉินแห่งนี้ตลอดไป พี่รองผู้นี้จะเลี้ยงเจ้าเอง” ฟูหมิงได้ทีก็เอ่ยถึงน้องคนเล็กของเขาขึ้นมา 

“ได้เช่นนั้น ข้าจะไม่แต่งงาน จะอยู่จวนเฉินให้ท่านเลี้ยงดูตลอดชีวิต” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มแย้มออกมาอย่างยินดี

“ไม่ได้นะจินเอ๋อร์ของแม่ ลูกรัก อย่าไปฟังคำพูดเลอะเลือนของพี่ชายเจ้า!!!” 

หลังจากที่เกิดเหตุชุลมุนขึ้นพี่รองของนางถูกมารดาทุบตีอยู่หลายหนพวกเราจึงชวนกันออกมารับลมที่ลานดอกไม้หน้าโถงใหญ่

ท่านพ่อกับท่านปู่ของนางนั้นพากันขะมักเขม้นจริงจังอยู่กับกระดานหมากรุก

ด้านพี่เขยกับพี่รองของนางก็กำลังแลกเปลี่ยนวิชาดาบกันอยู่ในลานด้านใน

ส่วนนาง ท่านแม่และพี่ใหญ่ ก็พากันเข้าครัวมาเตรียมอาหารพิเศษสองสามอย่างเพิ่มเติมจากที่พ่อครัวของจวนได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับมื้อกลางวันแล้ว

ท่านแม่ของนางนั้นนับเป็นศรีภรรยาตัวอย่าง นางเก่งทั้งอาหารคาวและหวาน

ด้านพี่สาวของนางนั่นก็ไม่แพ้ท่านแม่ เพียงแแต่พี่ใหญ่ซือหนิงนั้นชมชอบการทำอาหารคาวเป็นหลัก ด้านอาหารหวานนั้นไม่ได้ชำนาญแต่ก็พอมีฝีมืออยู่บาง

แน่นอนว่านางที่เติบโตมาท่ามกลางยอมสตรีผู้มีฝีมือทำอาหารไม่ธรรมดา ทำให้ส่วนใหญ่นางนั้นไม่ค่อยจะได้เข้าครัวเท่าใดนัก หากมีของที่อยากรับประทานเพียงเอ่ยปาก ก็มีทั้งท่ายแม่ทั้งพี่สาว รวมไปถึงพ่อครัวประจำจวนค่อยรังสรรค์ให้แล้ว

เรื่องเข้าครัวนางนั้นไม่อาจจะยกตัวเองไปเทียบกับมารดาหรือพี่สาวได้ แต่ก็ยังดีที่นางก็ยังพอวิชาติดตัวอยู่บ้าง อย่างน้อยนับว่านางก็ยังต้มซุปกับน้ำแกงเป็นแถมยังมั่นใจว่ารสชาติดีอยู่(พอกินได้) ขนมหวานก็ทำได้หลายอย่างเช่นกัน ถึงหลายอย่างที่ว่าจะไม่เกินห้าอย่างก็เถอะ แต่ก็ถือว่านางมีวิชาติดตัวทั้งอาหารคาวหวานนั่นแหละ

แน่นอนว่าพวกนางลงครัวครั้งนี้ล้วนแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ท่านพี่เป็นลูกมือของท่านแม่ค่อยเตรียมของ ส่วนท่านแม่นั้นเป็นผู้ลงมือประกอบอาหารด้วยตัวเอง

ตัวนางน่ะหรือย่อมเป็นผู้ที่มีหน้าที่ที่สำคัญที่สุด ซึ่งหน้าที่นั้นก็คือ 

การยืนมองขั้นตอนทุกอย่างจากที่ใกล้ ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจอย่างไรเล่า...

ด้วยความชำนาญและความคล่องแคล่วของท่านแม่และพี่ใหญ่ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นานอาหารหน้าตาน่ารับประทานก็เสร็จเรียบร้อย

“หอมมากเลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามามองใกล้ ๆ “ท่านแม่กับพี่ใหญ่สมแล้วที่เป็นยอมฝีมือ” เฉินจินฮวาเอ่ยชมไม่ขาดปาก

“ชมเกินไปแล้ว มาเถอะ พวกเรายกของว่างไปให้พวกท่านพ่อเจ้าก่อน อีกสักพักจึงจะถึงเวลาจัดโต๊ะ” 

“ได้เลยเจ้าค่ะ ขนมถาดนั้นข้ายกออกไปเอง” นางขันอาสาก่อนจะยกถาดที่มีขนมกลีบบัววางอยู่ด้านในสองจานขึ้นมาถือ และเดินนำออกจากห้องครัวไปเป็นคนแรก

“ดูน้องเล็กเจ้าเถอะ นางยกของชอบตัวเองไปก่อนใครเลยนะนั่น” ผู้เป็นมารดากล่าวอย่างเอ็นดู

“จินเอ๋อร์นางรู้ความยิ่งนะเจ้าคะ มีเพียงต่อหน้าพวกเราเท่านั้นที่นางเป็นเช่นนี้”

“ทั้ง ๆ ที่ต่อหน้าพวกเรานางน่ารักร่าเริงถึงเพียงนี้ ไฉนอยู่ต่อหน้าผู้อื่นจึงได้เคร่งขรึมรู้ความนักก็ไม่รู้”

“นี่อาจเป็นข้อดีนะเจ้าคะ นางเป็นเช่นนี้แปลว่าไว้ใจผู้อื่นยาก นางหยั่งเชิงผู้อื่นด้วยความนิ่งเฉย ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวอย่างไรเจ้าคะ”

“แต่ข้ากลับมองเห็นเป็นปัญหานะ หากนางเป็นเช่นนี้ภายหน้าพวกเราอาจจะไม่เห็นน้องเขยของเจ้าจริง ๆ “

“ท่านแม่คิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ภายหน้าจินเอ๋อร์ย่อมได้เจอกับผู้ที่จะรักในตัวตนและเข้าใจนางอย่างลึกซึ้งแน่นอนเจ้าค่ะ” บุตรสาวคนโตเอ่ยปลอบมารดาอย่างนิ่มนวล

“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เจ้าเห็นใช่ไหมตอนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ น้องสาวเจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดด้วยสีฟ้าจริงจังแค่ไหน”

“ท่านแม่...” เฉินซือหนิงเตรียมจะเอ่ยปลอบมารดาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มารดาของนางกลับไม่เปิดโอกาสให้นางได้เอ่ยสิ่งที่จะทำให้ท่านเบาใจอีก

“ซือเอ๋อร์ แม่รู้ดีลูกเอ่ยเพื่อปลอบโยนแม่ ทว่าแม่เองก็รับรู้ได้ว่าคำพูดของน้องเจ้านั้นจริงจัง นางหมายใจที่จะไม่แต่งงาน ชาตินี้นางก็คงไม่คิดเปิดใจให้ผู้ใด ข้ากลัวว่าหากมีวันหนึ่งยามนั้นน้องเจ้านางอาจแก่ชรา ครั้นตอนที่มองย้อนกลับมาจะนึกเสียดายเอาภายหลัง เมื่อถึงยามนั้นคิดถึงเสียใจก็ไม่ทันแล้ว”

เฉินจินฮวานั้นไม่ได้เดินจากไป นางเพียงแต่ยืนหลบอยู่ข้างประตูด้านนอกเท่านั้น เพื่อรอจะแกล้งทำให้ท่านแม่กับพี่ใหญ่ตกใจยามออกมาตอนไม่ทันได้ตั้งตัว 

นางไม่ได้คิดว่าท่านแม่จะเอ่ยเรื่องในใจออกมาให้ท่านพี่ฟัง ซ้ำยังเป็นเรื่องของนางที่ทำให้ท่านแม่รู้สึกเป็นกังวล

'ท่านแม่ ต่อจากนี้เส้นทางที่ข้าเลือก ข้าจะไม่มีวันเสียใจเจ้าค่’ 

นางเอ่ยตอบมารดาเพียงในใจก่อนจะเดินจากไปจากตรงนั้น ทำเป็นเหมือนเมื่อครู่นี้ นางไม่ได้ยินสิ่งใดเลย

Related chapters

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 5 ราชโองการที่ไม่คาดคิด

    ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 6 เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา

    ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 7 อิสระสุดท้าย

    ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 8 นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?

    ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 9 ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ

    ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 10 ตำหนักบูรพา

    ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง

    Last Updated : 2024-12-13
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 11 แสร้งปล่อยเพื่อจับ?

    ตอนที่ 11แสร้งปล่อยเพื่อจับ?ภายในห้องหอยามนี้มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากเทียนมงคลที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องหอเพียงเท่านั้นม่านมุ้งแพรสีแดงมงคลหรูสำหรับใช้กั้นที่เตียงนอนถูกกลางออกจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปด้านในเตียงได้ โม่หลงอวี้เอื้อมพระหัตถ์เลิกม่านกั้นมุ้งออกเล็กน้อย ถึงได้พบว่ายามนี้มีสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง มิหนำซ้ำนางยังนอนทั้งที่มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดคลุมอยู่ เสียด้วยทั่วแคว้นเป่ยซีคงจะมีเพียงเฉินจินฮวา ชายารองผู้นี้ของพระองค์เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ หากเป็นสตรีอื่นพระองค์มั่นใจ เป็นอย่างยิ่งว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงในคืนเข้าหอเช่นนี้ที่เจ้าบ่าวยังทันทีจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้แน่ยิ่งกว่านั้นผู้ที่นางแต่งด้วยคือเขาที่มีศักดิเป็นถึงไท่จื่อรัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้อง มากไปด้วยอำนาจวาสนาอันยิ่งใหญ่ คืนเขาหออันสำคัญเช่นนี้นางยังกล้านอนหลับได้ลงคอดูท่าแล้วเห็นทีว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับการที่ต้องเข้ามาเป็นชายารองของเขาเลยแม้แต่น้อย ครั้งที่ได้พบนางเมื่อหลายวันก่อนพระองค์ยังทรงคิดว่าอาจเป็นเพราะนางตั้งใจรักษากิริยาท่าทางเพื่อให้ดูดี

    Last Updated : 2024-12-19
  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 12 ไม่เต็มใจต้อนรับได้หรือไม่

    ตอนที่ 12ไม่เต็มใจต้อนรับได้หรือไม่อาหารมื้อแรกของวัน แน่นอนว่าควรจะได้ทานอย่างเต็มที่และสงบสุข เฉินจินฮวาคิดว่านางก็จะได้ผ่อนคลายกับอาหารมื้อแรกเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิดเมื่อยามนี้บนโต๊ะอาหารกับไม่ได้มีนางเพียงผู้เดียวแต่มีอีกหนึ่งผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่ด้วยมิใช่ว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนพระองค์เสด็จกลับตำหนักหลักไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีกเล่า“องค์ไท่จื่อเหตุใดพระองค์เพิ่งเสด็จไปก็เสด็จมาอีกแล้วล่ะเพคะ” เฉินจินฮวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดแรง“เมื่อคืนมาไม่ทันได้ทานมื้อค่ำกับเจ้า เปิ่นไท่จื่อจึงคิดจะร่วมทานมื้อเช้ากับเจ้าเพื่อเป็นการทดแทน” โม่หลงอวี้ตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พระองค์ไม่ได้หันไปมองใบหน้าเล็กก็สามารถรับรู้ได้ว่าในยามนี้ใบหน้าของนางนั้นดูเศร้าสร้อยเพียงใดเจ้าของพระวรกายเรืองอำนาจยกยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างพอพระทัยกับท่าทีเหงาหงอยของชายารองคนใหม่ผู้นี้ที่กำลังถูกพระองค์กลั่นแกล้ง“พระองค์ไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันเกรงว่าอาหารที่ตำหนักทิศประจิมจะไม่ถูกพระทัยพระองค์ เชิญเสด็จกลับไปเสวยที่ตำหนักหลักจะดีกว่านะเพคะ ที่นั่นเครื่องเสวยต่าง

    Last Updated : 2024-12-19

Latest chapter

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย (จบ)

    ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 53  เป็นไปตามแผน

    ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 52 กำจัดเสี้ยนหนาม  

    ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 51 เรื่องราวในอดีต

    ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 50 ใจจริงของเจ้า

    ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 49 สุมไฟ

    ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 48 ตำหนักหรดี

    ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน

  • บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม   ตอนที่ 47 องค์หญิงเฮ่อหลินจือ

    ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status