ตอนที่ 10
ตำหนักบูรพา
วันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวน
การที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์
แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนัก
ผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่
แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง
“องค์ไท่จื่อย่อมไม่ถูกใจเฉินเช่อเฟยหรอก ขนาดหมิงเช่อเฟยที่ได้รับตำแหน่งสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงสามปีซ้อนยังไม่เป็นที่พอพระทัยเลย”
“สวีเช่อเฟยที่ทั้งเก่งกาจชื่อเสียงเป็นหนึ่งด้านดีดพิณ วาด-ภาพก็ยังไม่ทรงโปรดเช่นกัน”
“เฉินเช่อเฟยผู้นี้ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเช่อเฟยทั้งสองก่อนหน้าไม่ผิดแน่ อาจจะยิ่งไม่เป็นที่พอพระทัยมากที่สุดเลยก็ได้ เฉินเช่อเฟยผู้นี้เองก็เป็นบุตรสาวสกุลใหญ่เช่นกัน แต่ข้าว่าย่อมมีความแตกต่างจากเช่อเฟยสองคนก่อนนักเพราะเฉินเช่อเฟยผู้นี้มาจากจวนแม่ทัพ แม้ข้าจะได้ยินว่ารูปโฉมของนางก็โดดเด่นทว่าเกรงว่าจะเป็นแม่เสือดุมากกว่าคุณหนูในห้องหอแล้ว”
“ทูลองค์ไท่จื่อ ในเมืองก็ลือเรื่องเช่นนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ ทรงอยากให้กระหม่อมกวาดล้างข่าวลือหรือไม่” ลู่เหยียนองครักษ์ส่วนพระองค์ทูลถาม
“ช่างเถอะปล่อยให้ลือกันไป เจ้าไปทำเรื่องหนึ่งให้ข้าก็พอ” โม่หลงอวี้ตรัสเสียงเรียบ
“เชิญองค์ไท่จื่อรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้านำเงินทั้งหมดในกล่องนี้ไปลงพนันให้ข้าที ลงข้างเฉินเช่อเฟยคนใหม่จะเป็นที่โปรดปราน” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสขึ้น ก่อนจะดันกล่องไม้ขนาดกลางไปทางองครักษ์คนสนิทของพระองค์
ลู่เหยียนแบกกล่องเงินอันหนักอึ้งขึ้นมา ก่อนจะขอทูลลาไปทำตามรับสั่ง ระหว่างทางเขาไม่ลืมที่จะแวะร้านรับฝากเงินเพื่อเบิกเงินส่วนหนึ่งของตนออกมาด้วยและตรงไปที่บ่อนขนาดใหญ่ในเมืองหลวงทันทีเพื่อทำตามพระประสงค์
ตำแหน่งเช่อเฟยนั้นแม้จะเป็นชายารองของหวงไท่จื่อทว่า ตามกฎแล้วนั้นนอกจากไท่จื่อเฟยแล้ว ชายารองเช่นนางมิอาจสวมมงกุฎหงส์ได้ ทำได้เพียงสวมใส่มงกุฎเจ้าสาวลายดอกไม้เท่านั้น
ชุดเจ้าสาวสีแดงนี้แม้จะดูหรูหราแต่ก็ปักลวดลายมงคล อย่างเรียบง่ายเช่นกัน ท่านแม่และพี่ใหญ่ของนางเป็นผู้ช่วยสวม ชุดเจ้าสาวและมงกุฎให้นางเองกับมืออย่างตั้งอกตั้งใจยิ่ง
“ก้าวออกไปเจ้าก็จะเป็นคนของตำหนักบูรพาแล้ว ลูกแม่ เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีต้องระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว จะเอาแต่ใจเหมือน อยู่ที่จวนเฉินนั้นไม่ได้” ผู้เป็นมารดาเอ่ยกำชับ
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเกินไปนัก หรอกเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางส่งยิ้มให้มารดา
“เช่นนั้นก็ดี ก็ดี” เฉินฮูหยินอดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ท่านแม่ข้าแต่งออกไปได้อย่างดีนะเจ้าค่ะ สตรีมากมายอยากเข้าตำหนักบูรพาไม่น้อย ตำแหน่งเช่อเฟยของข้าที่ได้รับก็ไม่ถือว่าน้อยหน้าผู้ใด ชายาเอกของเหล่าองค์ชายก็ยังต้องนอบน้อมกับข้าในฐานะพี่สะใภ้” นางเอ่ยปลอบมารดาอย่างร่าเริง
“นั้นสิเจ้าคะท่านแม่ ท่านยังไม่รู้จักบุตรสาวคนเล็กของท่านดีพอหรือเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลจนเกินไปเลย” เฉินซือหนิงช่วยน้องสาวตนเอ่ยปลอบมารดาอีกเสียง แม้ในใจจะรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นน้องสาวไม่ต่างจากมารดานัก
หลายครั้งนางก็อดจะคิดโทษตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อคิดว่า หากนางไม่ได้แต่งงานออกไปก่อนคนที่ต้องเข้าตำหนักบูรพาคงเป็นนางไม่ใช่น้องสาว
ตัวนางได้อยู่กับบุรุษที่รัก แต่ผู้เป็นน้องสาวนั้นไม่ใช่
“ท่านแม่ข้าไม่อยู่ก็ยังมีพี่ใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ท่าน ยามนี้พี่เขยกลับมารับราชการในเมืองหลวงแล้วท่านกับพี่ใหญ่ก็จะได้พบเจอกันบ่อย ๆ เอาล่ะพวกท่านอย่าได้รั้งข้าเอาไว้อีกเลย ขบวนรับคนของตำหนักบูรพาคงมารออยู่นานแล้ว มาเถอะพวกท่านทั้งสองช่วยส่งข้าออกเรือนด้วยรอยยิ้มสักหน่อย”
เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว แม้ขบวนรับเจ้าสาวจะใหญ่โตหรูหรา ทว่าไร้ซึ่งเสียงกองนำขบวน
เกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนตัวอย่างเรียบง่าย แม้ยิ่งใหญ่แต่ก็มิอาจกระทำอย่างโดดเด่นจนเกินไปนี่ถือเป็นธรรมเนียมรับชายารอง ซึ่งจะทำให้เทียบเท่าหรือเท่าเทียบขบวนรับชายาเอกมิได้
เมื่อมาถึงตำหนักบูรพา นางก้าวออกจากเกี้ยวเจ้าสาวโดยมีอาหลัวค่อยประคอง
“คารวะเฉินเช่อเฟย กระหม่อมฝูกงกง จะเป็นผู้นำทางท่านเข้าตำหนักขอรับ”
“ลำบากฝูกงกงแล้ว ฝูกงกงเชิญนำทางเถิด” เจ้าของน้ำเสียงเรียบเฉยภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวยเอ่ยขึ้นเบา ๆ
ภายใต้การนำทางของฝูกงกงและการประคองอย่างเต็มความสามารถของอาหลัวไม่นานนักเฉินจินฮวาก็มาถึงตำหนักทิศประจิมซึ่งเป็นตำหนักรองแห่งหนึ่งในวังบูรพาแห่งนี้
ฝูกงกงขอตัวกลับไปแล้วเมื่อพานางมาส่งถึงห้องหอได้สำเร็จ ก่อนกลับไปฝูกงกงยังบอกอีกว่ายามนี้องค์ไท่จื่อนั้นติดราชกิจเร่งด่วนอยู่คงต้องให้เวลาสักหน่อยให้นางทานอะไรรองท้องไปก่อนไม่ต้องทนหิวรอพระองค์
“อาหลัวนั่งเถอะ ทานอาหารเป็นเพื่อนข้า”
“คุณหนูบ่าวเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ”
“อาหารมากมายข้ากินคนเดียวไม่หมด จะเหมาะสมไม่เหมาะสมอะไร รีบกินให้หมดก่อนอาหารจะเย็นจึงจะเรียกว่าเหมาะสม เจ้านั่งลงจับตะเกียบซะเถอะ”
“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ หากองค์ไท่จื่อเสด็จมาจะทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ”
“ฝูกงกงบอกแล้วว่าทรงติดงานสำคัญกะทันหัน เกรงว่าคงไม่เสร็จสิ้นง่าย ๆ ซ้ำยังบอกให้ก่อนได้เลย เจ้าก็รีบช่วยข้ากินเถอะอย่าได้คิดอะไรมากมายเลย”
“เอาอย่างนั้นแน่หรือเจ้าคะ”
“เอาแบบนี้แหละ มาจับตะเกียบขึ้นมาซะอาหลัว”
“ทางตำหนักทิศประจิมเป็นอย่างไร” โม่หลงอวี้เอ่ยถามกงกงรับใช้คนสนิท
“กระหม่อมนำทางเฉินเช่อเฟยเข้าตำหนักโดยเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าถามว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เจ้าบอกว่าข้าติดราชกิจ”
“พระชายารองเฉินไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แม้จะถามไถ่เพิ่มเติมก็ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
“น้ำเสียงเล่า สีหน้านางเป็นอย่างไร”
“ทูลไท่จื่อน้ำเสียงปกติฟังไม่ทราบว่ารู้สึกโมโหหรือน้อยใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนสีหน้าของพระชายารองเฉินนั่นกระหม่อมไม่อาจทราบได้เพราะผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยังปกปิดอยู่”
“ท่าทางเล่า นางดูผิดหวังบ้างหรือไม่”
“เท่าที่บ่าวสังเกตนั้นไม่มีเลยขอรับ”
“ดูแล้วชายารองผู้นี้จะเป็นผู้เก็บอารมณ์และอดทนได้ดีมากทีเดียว ฝูกงกงประเดี๋ยวเจ้าคอยส่งคนไปมองที่ตำหนักทิศประจิมเอาไว้ หากเกิดความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยมารายงานข้า”
“องค์ไท่จื่อพระองค์จะไม่ทรงเสด็จตำหนักทิศประจิมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ย่อมต้องไปอยู่แล้ว อย่างไรอย่างน้อยวันนี้ข้าก็ต้องเปิดผ้าคลุมหน้าให้นาง เพียงแต่ข้ายังไม่ไปเวลานี้เท่านั้น”
“เช่นนั้นพระองค์จะเสด็จเมื่อไหร่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อาจจะเป็นหนึ่งหรือสองชั่วยามต่อจากนี้”
“.......”
ฝูกงกงที่ได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นนายตรัสออกมาอย่างไร้ความรู้สึกก็หยุดนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ภายในใจของเขายามนี้รู้สึกเห็นใจชายารองคนใหม่แห่งตำหนักทิศประจิมอยู่เล็กน้อย
จวบจนปลายยามโฉ่ว (01:00-02.59น.) โม่หลงอวี้ถึงได้ ก้าวเข้าเขตตำหนักทิศประจิมซึ่งเป็นตำหนักที่พระองค์สั่งให้ชายารองคนใหม่ของตนนั้นเข้าประทับ พร้อมทั้งใช้เป็นเรือนหอ ในวันส่งตัวอย่างในวันนี้
มิใช่สิ หากจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือวันส่งตัวนั้นคือเมื่อวาน ตอนค่ำ ยามนี้เวลาล่วงเลยมานานจนล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว
ตลอดทางที่พระองค์ก้าวเดินเข้าไปภายในห้องหอส่วน ของด้านหน้าก็พบเข้ากับเหล่าสาวใช้กว่าสี่คน หนึ่งในนั้นที่ดูไม่คุ้นหน้าเมื่อได้ยินเสียงของฝูกงกงที่เอ่ยเรียกเบา ๆ จึงลุกขึ้นจากที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“บ่าวถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ”
“ดึกแล้วพวกเจ้าแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“หม่อมฉันจะอยู่คอยรับใช้พระองค์กับพระชายารองเองเพคะ” อาหลัวเอ่ย
“ไท่จื่อทรงรับสั่งให้กลับไปพัก เจ้าก็ไปเถอะ” เป็นฝูกงกงที่เอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นบ่าวขอทูลลาเพคะ” อาหลัวไม่กล้าที่จะดึงดันต่อไป นางได้แต่ทำตามรับสั่ง กลับไปพักที่เรือนด้านหลังซึ่งเป็นที่สำหรับสาวใช้ของตำหนักทิศประจิมโดยเฉยเพราะสาวใช้อีกสามคนก็กลับเรือนพักเดียวกันกับนางเช่นกัน
หลังจากที่ไล่เหล่าสาวใช้ออกไปหมดแล้ว ยามนี้ภายในห้องด้านหน้าของเรือนหลักในตำหนักทิศประจิมนั้นมีเพียงองค์ไท่จื่อและขันทีคนสนิท
“องค์ไท่จื่อเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงเอ่ยพลางรวบม่านลูกปัดซึ่งกันระหว่างห้องด้านนอกและห้องด้านในออกให้ผู้เป็นนาย
“เจ้าเองก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้วพรุ่งนี้เจ้าก็พัก จนถึงช่วงบ่ายได้ ให้ผู้อื่นมาค่อยรับใช้ข้าช่วงเช้าก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ไท่จื่อ ข้าน้อยขอทูลลาก่อน”
เมื่อจัดการไล่คนไปจนหมดแล้ว เจ้าของร่างกายอันเปี่ยม ไปด้วยอำนาจก็ได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักด้านใน ซึ่งเป็นในส่วนของห้องนอน โม่หลงอวี้คิดเอาไว้ว่าหากก้าวเข้ามาแล้วสิ่งแรกที่จะ เห็นก็คงจะเป็นชายารองคนใหม่ของเขาที่กำลังสวมชุดเจ้าสาวรอ อยู่ที่เตียงดวงหัวใจอันเจ็บช้ำ
ทว่าดูแล้วสิ่งที่พระองค์คิดกับความเป็นจริงนั้นไม่ได้ ใกล้เคียงกันเลย เจ้าสาวที่ควรหัวใจแตกสลายในวันแต่งงานนั้น ไม่ได้นั่งรอสามีเช่นพระองค์เข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างที่ ควรจะเป็น…
ตอนที่ 11แสร้งปล่อยเพื่อจับ?ภายในห้องหอยามนี้มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากเทียนมงคลที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องหอเพียงเท่านั้นม่านมุ้งแพรสีแดงมงคลหรูสำหรับใช้กั้นที่เตียงนอนถูกกลางออกจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปด้านในเตียงได้ โม่หลงอวี้เอื้อมพระหัตถ์เลิกม่านกั้นมุ้งออกเล็กน้อย ถึงได้พบว่ายามนี้มีสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง มิหนำซ้ำนางยังนอนทั้งที่มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดคลุมอยู่ เสียด้วยทั่วแคว้นเป่ยซีคงจะมีเพียงเฉินจินฮวา ชายารองผู้นี้ของพระองค์เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ หากเป็นสตรีอื่นพระองค์มั่นใจ เป็นอย่างยิ่งว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงในคืนเข้าหอเช่นนี้ที่เจ้าบ่าวยังทันทีจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้แน่ยิ่งกว่านั้นผู้ที่นางแต่งด้วยคือเขาที่มีศักดิเป็นถึงไท่จื่อรัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้อง มากไปด้วยอำนาจวาสนาอันยิ่งใหญ่ คืนเขาหออันสำคัญเช่นนี้นางยังกล้านอนหลับได้ลงคอดูท่าแล้วเห็นทีว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับการที่ต้องเข้ามาเป็นชายารองของเขาเลยแม้แต่น้อย ครั้งที่ได้พบนางเมื่อหลายวันก่อนพระองค์ยังทรงคิดว่าอาจเป็นเพราะนางตั้งใจรักษากิริยาท่าทางเพื่อให้ดูดี
ตอนที่ 12ไม่เต็มใจต้อนรับได้หรือไม่อาหารมื้อแรกของวัน แน่นอนว่าควรจะได้ทานอย่างเต็มที่และสงบสุข เฉินจินฮวาคิดว่านางก็จะได้ผ่อนคลายกับอาหารมื้อแรกเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิดเมื่อยามนี้บนโต๊ะอาหารกับไม่ได้มีนางเพียงผู้เดียวแต่มีอีกหนึ่งผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่ด้วยมิใช่ว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนพระองค์เสด็จกลับตำหนักหลักไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีกเล่า“องค์ไท่จื่อเหตุใดพระองค์เพิ่งเสด็จไปก็เสด็จมาอีกแล้วล่ะเพคะ” เฉินจินฮวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดแรง“เมื่อคืนมาไม่ทันได้ทานมื้อค่ำกับเจ้า เปิ่นไท่จื่อจึงคิดจะร่วมทานมื้อเช้ากับเจ้าเพื่อเป็นการทดแทน” โม่หลงอวี้ตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พระองค์ไม่ได้หันไปมองใบหน้าเล็กก็สามารถรับรู้ได้ว่าในยามนี้ใบหน้าของนางนั้นดูเศร้าสร้อยเพียงใดเจ้าของพระวรกายเรืองอำนาจยกยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างพอพระทัยกับท่าทีเหงาหงอยของชายารองคนใหม่ผู้นี้ที่กำลังถูกพระองค์กลั่นแกล้ง“พระองค์ไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันเกรงว่าอาหารที่ตำหนักทิศประจิมจะไม่ถูกพระทัยพระองค์ เชิญเสด็จกลับไปเสวยที่ตำหนักหลักจะดีกว่านะเพคะ ที่นั่นเครื่องเสวยต่าง
ตอนที่ 13เคราะห์ร้าย?โม่หลงอวี้เพิ่งจะอ่านรายงานลับจบไปเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ฝูกงกงก็เร่งเข้ามาแจ้งว่าทางตำหนักทิศประจิมนั้นเกิดเรื่อง ชายาคนใหม่ของพระองค์หมดสติไปหลังจากทานโจ๊กเป๋าฮื้อที่พระองค์ให้ฝูกงกงนำไปให้ พระองค์จึงต้องเสด็จไปยังตำหนักทิศประจิมอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลับออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้นเมื่อพระองค์มาถึงตำหนักทิศประจิมก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านหมอตรวจอาการชายารองคนใหม่ของพระองค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เฉินเช่อเฟยเป็นเช่นไรบ้าง เหตุใดนางทานโจ๊กเป๋าฮื้อเข้าไปแล้วจึงได้หมดสติไปเช่นนี้” โม่หลงอวี้เอ่ยถามหมอหลวงหวัง“ทูลองค์ไท่จื่อ เป็นเพราะในโจ๊กเป๋าฮื้อนั้นมีผงรากบัวเจือป่นอยู่พ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเฉินนั้นมีอาการแพ้รากบัวอย่างรุนแรงจึงได้หมดสติไปในทันที”“โจ๊กเป๋าฮื้อจะมีผงรากบัวได้อย่างไร ฝูกงกงเจ้าเร่งให้คนไปที่โรงครัวใหญ่แล้วพาตัวหัวหน้าพ่อครัวมาให้เปิ่นไท่จื่อเดี๋ยวนี้”“พ่ะย่ะค่ะ องค์ไท่จื่อบ่าวจะเร่งส่งคนไปเดี๋ยวนี้” ฝูกงกงขานรับคำสั่ง ก่อนจะหันไปสั่งขันทีคนสนิทข้างกายให้ไปจัดการตามคำสั่งขององค์ไท่จื่อในทันที“เมื่อครู่ท่านหมอหลวงหวังกล่าวว่าน
ตอนที่ 14ความบังเอิญในความตั้งใจ“เปิ่นไท่จื่อคิดไม่ถึงว่าเฉินเช่อเฟยผู้นี้จะกล้าลงมือกับตัวเองรุนแรงเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะก้าวเข้าตำหนักได้เพียงวันเดียว สตรีผู้นี้ความคิดลึกซึ้งอีกทั้งยังใจเด็ดไม่เบา” “พระองค์ตรัสเช่นนี้ทรงคิดว่าเฉินเช่อเฟยจงใจให้คนใส่ผงรากบัวที่ตนเองแพ้ลงในโจ๊ก” ฝูกงกงเอ่ย“ผู้ช่วยชุนที่เข้ามาใหม่คงจะเป็นคนของจวนไท่เว่ย ข้ารับใช้ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่คงมีไม่น้อยที่เป็นคนที่เฉินไท่เว่ยส่งเข้ามา”“ไท่จื่อพระองค์ต้องการให้หาตัวคนเหล่านั้นออกมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “ไม่จำเป็นต้องหาตัวออกมาให้ได้ เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติหรอกหรือที่เหล่าขุนนางพวกนั้นจะส่งคนเข้ามาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของข้า มีคนจากขุนนางอื่นมากมายหลายสกุลแล้วเพิ่มคนจากสกุลเฉินอีกนิดหน่อยก็คงไม่ถึงกับสิ้นเปลืองข้าวปลาอาหารในตำหนักบูรพานักหรอก”โม่หลงอวี้ตรัสออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ พระพักตร์ไม่บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร มีเพียงพระพักตร์นิ่งเฉยที่ไม่อาจคาดเดาพระดำริในพระทัยได้เลยสกุลเฉินนั้นตลอดมาไม่เคยสนใจตำหนักบูรพา ไม่เคยมีการส่งคนเข้ามาแฝงตัวมาก่อน พระองค์พอจะคาดเดาได้ว่าที่จวนเฉินไท่เว่ยเริ่มส
ตอนที่ 15เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร“ข้าว่าเฉินเช่อเฟยที่เพิ่งเข้าตำหนักบูรพามาใหม่ คงเป็นสตรี มากแผนการแน่ เจ้าคิดเหมือนกันหรือไม่หมิงเช่อเฟย” สวีเช่อเฟย หรือสวีฟางซินเป็นผู้เอ่ยถามขึ้น ตั้งแต่ตำหนักบูรพารับเช่อเฟยคนใหม่เข้ามานางเองก็เริ่มเกิด ความวิตกกังวลขึ้น ยามนี้ภายในใจจึงค่อนข้างร้อนรนเป็นอย่างมาก“เจ้าและข้าต่างก็ยังไม่เคยเจอนาง จะไม่เร็วไปหน่อยหรือหาก จะตัดสินนางทั้งที่ไม่เคยพบ” หมิงเช่อเฟยหรือหมิงเย่หานเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาของนางยังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือเล่ม หนาในมืออย่างสนใจ“ไม่เร็วไปหรอก ยังไม่เจอตัวก็รู้แล้วว่านางต้องไม่ธรรมดา เข้า ตำหนักมาไม่กี่วันก็สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนพระทัยจากองค์ไท่จื่อ” สวีเช่อเฟยกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ ซ้ำใบหน้างามแสดง สีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง“ความสนพระทัยขององค์ไท่จื่อ ใช่ว่าเรียกร้องแล้วจะได้เสีย เมื่อไหร่กัน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดมิใช่เหรอ ว่าหากพระองค์ไม่ทรงสน พระทัยต่อให้ใช้กี่ร้อยวิธีก็ไร้ผล” หมิงเช่อเฟยกล่าวขึ้นเสียงเรียบเช่นเดิม แต่คำพูดนี้ของนางกลับบาดลึกลงสู่หัวใจของสวีฟางซินเป็น อย่างยิ่ง เพรา
ตอนที่ 16สามเช่อเฟยแห่งตำหนักบูรพาเฉินจินฮวานั้นไม่ได้กลัวการต่อสู้ต่อหน้า นางรู้ดีว่าเมื่อก้าวเข้าตำหนักบูรพามาแล้วนั้นแม้จะอยากหลีกหนีการแย่งชิงในทุกด้านนั้นเป็นไปได้อยากและสามารถถูกวางยาพิษให้ตายได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการส่งคนเข้ามาแฝงตัวในโรงครัวจึงเป็นสิ่งแรกที่ทำและคิดว่าตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะจะมีการฆ่าแบบไหนทำได้ง่ายและจับได้ยากอย่างการลอบสังหารโดยการวางยาพิษอีกเล่าก่อนหน้าที่ฝูกงกงจะมาหานางที่ตำหนักคนของนางได้ส่งข่าวมาแล้วว่า หวงไท่จื่อนั้นปฏิเสธสวีเช่อเฟย และสวีเช่อเฟยผู้นี้กำลังดูเหมือนจะพุ่งเป้าตั้งตัวมาเป็นศัตรูกับนางทั้ง ๆ ที่นางกับสวีเช่อเฟยยังไม่เคยพบกันเลยสักครั้ง นางก็ถูกมองว่าเป็นศัตรูไปเสียแล้วเช่อเฟยทั้งสองก่อนหน้านางนั้น มีหมิงเช่อเฟย และสวีเช่อเฟย เรื่องของทั้งสองคนนี้นางรู้มาเล็กน้อยก่อนที่จะเข้ามายังตำหนักบูรพาหมิงเช่อเฟยนั้นเป็นเช่อเฟยคนแรกที่ถูกแต่งตั้งเข้ามา นางเป็นสตรีที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในเมื่อหลวง มีอุปนิสัยรักสงบ และรักในการอ่านตำราเป็นอย่างยิ่ง จากที่ได้ยินมาหมิงเช่อเฟยเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงอย่างที่นางได้ยินมาหรือไม่ส่วนสวีเช
ตอนที่ 17เตียงอุ่นเป็นอันแน่ชัดแล้วว่าในคืนนี้องค์ไท่จื่อจะประทับค้างคืนอยู่ที่ ตำหนักของนางไม่เสด็จกลับตำหนักบรรทมส่วนพระองค์เมื่อครู่นางยังไม่ทันเอ่ยถามอย่างชัดเจน ฝูกงกงก็เป็นผู้ถาม ออกไปเสียก่อน“องค์ไท่จื่อ คืนนี้พระองค์จะทรงบรรทมที่ตำหนัก…”“เปิ่นไท่จื่อจะนอนที่นี่ เจ้าให้คนไปเตรียมน้ำเถอะข้าจะอาบน้ำก่อนค่อยเข้านอน”ฝูกงกงรับคำสั่งแล้วก็หายออกไปทันที คงจะกำลังไปสั่งการเตรียมห้องสรงน้ำให้ผู้เป็นนายตนเป็นแน่“เจ้าจะอาบน้ำด้วยหรือไม่” เขาหันไปถามเจ้าของร่างบางข้างกาย“หม่อมฉันอาบแล้วเพคะ ประเดี๋ยวให้อาหลัวนำอ่างน้ำสักอ่างมาให้ล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยก็พอแล้ว” นางเอ่ยตอบอย่างรู้สึกโล่งใจที่ตนเองนั้นเลือกที่จะอาบน้ำไปก่อนแล้วในช่วงเย็น“ดีแล้ว อาบน้ำยามกลางคืนอาจจะไม่ดีต่อร่างกายของเจ้า”นางได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในใจเมื่อได้ยินที่ทรงตรัสออกมาเมื่อครู่แล้วนางอยากถามสวนกลับไปว่า ‘เช่นนั้นพระองค์สรงน้ำในยามนี้ดีต่อพระวรกายเช่นนั้นหรือ’เฉินจินฮวาเลือกที่จะไม่เอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด นั่งมองบ่าวรับใช้สองคนหาบน้ำร้อนเข้าไปที่ห้องอาบน้ำซึ่งอยู่เยื้องออกไปกลับห้องนอนขอ
ตอนที่ 18ศัตรูหรือมิตรโม่หลงอวี้ทอดมองการกระทำของร่างบางที่พยายามหลบเลี่ยง พระองค์อย่างเต็มที่ด้วยสีพระพักตร์ไม่ยินดียินร้ายเพราะถึงอย่างไรต่อ ให้นางพยายามมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นสิบเท่าแต่หากพระองค์ตั้งใจจะ ไม่ปล่อยให้นางรอดไปได้แล้วนั้น ไม่ว่านางจะใช้วิธีใดก็ไร้ประโยชน์ เจ้าของตำแหน่งหวงไท่จื่อผู้สูงศักดิ์ประทับลงนอนในเวลา ต่อมา ลำแขนแกร่งเอื้อมไปโอบเอวเล็กของร่างบางที่นอนอยู่ห่างจาก พระองค์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนพระองค์ภายในการดึงครั้งเดียว“องค์…ไท่จื่อ” เฉินจินฮวาเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อครู่ ยามที่ถูกดึงเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งนางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็รู้สึกตกใจ เป็นอย่างมากจนเกือบจะเผลอร้องออกมา“เปิ่นไท่จื่อทำเจ้าตกใจเช่นนั้นหรือ”เจ้าของน้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยถามนางขึ้นอย่างแผ่วเบา เป็นเพราะยามนี้นางถูกโอบกอดจากทางด้านหลังทำให้ในตอนนี้ต้นคอของนางอยู่ใกล้กับพระโอษฐ์ขององค์ไท่จื่อเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาเอ่ยออกมาพระโอษฐ์งามได้รูปก็มักจะสัมผัสถูกต้นคอของนางเล็กน้อยทำเอานางต้องคอยหดต้นคอหนีอยู่หลายครั้ง“ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงตกใจนิดหน่อยเพคะ” นางเอ่ยตอบกลับไป ยามนี้นางถูกโ
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร