ตอนที่ 10
ตำหนักบูรพา
วันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวน
การที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์
แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนัก
ผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่
แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง
“องค์ไท่จื่อย่อมไม่ถูกใจเฉินเช่อเฟยหรอก ขนาดหมิงเช่อเฟยที่ได้รับตำแหน่งสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงสามปีซ้อนยังไม่เป็นที่พอพระทัยเลย”
“สวีเช่อเฟยที่ทั้งเก่งกาจชื่อเสียงเป็นหนึ่งด้านดีดพิณ วาด-ภาพก็ยังไม่ทรงโปรดเช่นกัน”
“เฉินเช่อเฟยผู้นี้ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเช่อเฟยทั้งสองก่อนหน้าไม่ผิดแน่ อาจจะยิ่งไม่เป็นที่พอพระทัยมากที่สุดเลยก็ได้ เฉินเช่อเฟยผู้นี้เองก็เป็นบุตรสาวสกุลใหญ่เช่นกัน แต่ข้าว่าย่อมมีความแตกต่างจากเช่อเฟยสองคนก่อนนักเพราะเฉินเช่อเฟยผู้นี้มาจากจวนแม่ทัพ แม้ข้าจะได้ยินว่ารูปโฉมของนางก็โดดเด่นทว่าเกรงว่าจะเป็นแม่เสือดุมากกว่าคุณหนูในห้องหอแล้ว”
“ทูลองค์ไท่จื่อ ในเมืองก็ลือเรื่องเช่นนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ ทรงอยากให้กระหม่อมกวาดล้างข่าวลือหรือไม่” ลู่เหยียนองครักษ์ส่วนพระองค์ทูลถาม
“ช่างเถอะปล่อยให้ลือกันไป เจ้าไปทำเรื่องหนึ่งให้ข้าก็พอ” โม่หลงอวี้ตรัสเสียงเรียบ
“เชิญองค์ไท่จื่อรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้านำเงินทั้งหมดในกล่องนี้ไปลงพนันให้ข้าที ลงข้างเฉินเช่อเฟยคนใหม่จะเป็นที่โปรดปราน” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสขึ้น ก่อนจะดันกล่องไม้ขนาดกลางไปทางองครักษ์คนสนิทของพระองค์
ลู่เหยียนแบกกล่องเงินอันหนักอึ้งขึ้นมา ก่อนจะขอทูลลาไปทำตามรับสั่ง ระหว่างทางเขาไม่ลืมที่จะแวะร้านรับฝากเงินเพื่อเบิกเงินส่วนหนึ่งของตนออกมาด้วยและตรงไปที่บ่อนขนาดใหญ่ในเมืองหลวงทันทีเพื่อทำตามพระประสงค์
ตำแหน่งเช่อเฟยนั้นแม้จะเป็นชายารองของหวงไท่จื่อทว่า ตามกฎแล้วนั้นนอกจากไท่จื่อเฟยแล้ว ชายารองเช่นนางมิอาจสวมมงกุฎหงส์ได้ ทำได้เพียงสวมใส่มงกุฎเจ้าสาวลายดอกไม้เท่านั้น
ชุดเจ้าสาวสีแดงนี้แม้จะดูหรูหราแต่ก็ปักลวดลายมงคล อย่างเรียบง่ายเช่นกัน ท่านแม่และพี่ใหญ่ของนางเป็นผู้ช่วยสวม ชุดเจ้าสาวและมงกุฎให้นางเองกับมืออย่างตั้งอกตั้งใจยิ่ง
“ก้าวออกไปเจ้าก็จะเป็นคนของตำหนักบูรพาแล้ว ลูกแม่ เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีต้องระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว จะเอาแต่ใจเหมือน อยู่ที่จวนเฉินนั้นไม่ได้” ผู้เป็นมารดาเอ่ยกำชับ
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเกินไปนัก หรอกเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางส่งยิ้มให้มารดา
“เช่นนั้นก็ดี ก็ดี” เฉินฮูหยินอดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ท่านแม่ข้าแต่งออกไปได้อย่างดีนะเจ้าค่ะ สตรีมากมายอยากเข้าตำหนักบูรพาไม่น้อย ตำแหน่งเช่อเฟยของข้าที่ได้รับก็ไม่ถือว่าน้อยหน้าผู้ใด ชายาเอกของเหล่าองค์ชายก็ยังต้องนอบน้อมกับข้าในฐานะพี่สะใภ้” นางเอ่ยปลอบมารดาอย่างร่าเริง
“นั้นสิเจ้าคะท่านแม่ ท่านยังไม่รู้จักบุตรสาวคนเล็กของท่านดีพอหรือเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลจนเกินไปเลย” เฉินซือหนิงช่วยน้องสาวตนเอ่ยปลอบมารดาอีกเสียง แม้ในใจจะรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นน้องสาวไม่ต่างจากมารดานัก
หลายครั้งนางก็อดจะคิดโทษตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อคิดว่า หากนางไม่ได้แต่งงานออกไปก่อนคนที่ต้องเข้าตำหนักบูรพาคงเป็นนางไม่ใช่น้องสาว
ตัวนางได้อยู่กับบุรุษที่รัก แต่ผู้เป็นน้องสาวนั้นไม่ใช่
“ท่านแม่ข้าไม่อยู่ก็ยังมีพี่ใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ท่าน ยามนี้พี่เขยกลับมารับราชการในเมืองหลวงแล้วท่านกับพี่ใหญ่ก็จะได้พบเจอกันบ่อย ๆ เอาล่ะพวกท่านอย่าได้รั้งข้าเอาไว้อีกเลย ขบวนรับคนของตำหนักบูรพาคงมารออยู่นานแล้ว มาเถอะพวกท่านทั้งสองช่วยส่งข้าออกเรือนด้วยรอยยิ้มสักหน่อย”
เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว แม้ขบวนรับเจ้าสาวจะใหญ่โตหรูหรา ทว่าไร้ซึ่งเสียงกองนำขบวน
เกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนตัวอย่างเรียบง่าย แม้ยิ่งใหญ่แต่ก็มิอาจกระทำอย่างโดดเด่นจนเกินไปนี่ถือเป็นธรรมเนียมรับชายารอง ซึ่งจะทำให้เทียบเท่าหรือเท่าเทียบขบวนรับชายาเอกมิได้
เมื่อมาถึงตำหนักบูรพา นางก้าวออกจากเกี้ยวเจ้าสาวโดยมีอาหลัวค่อยประคอง
“คารวะเฉินเช่อเฟย กระหม่อมฝูกงกง จะเป็นผู้นำทางท่านเข้าตำหนักขอรับ”
“ลำบากฝูกงกงแล้ว ฝูกงกงเชิญนำทางเถิด” เจ้าของน้ำเสียงเรียบเฉยภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวยเอ่ยขึ้นเบา ๆ
ภายใต้การนำทางของฝูกงกงและการประคองอย่างเต็มความสามารถของอาหลัวไม่นานนักเฉินจินฮวาก็มาถึงตำหนักทิศประจิมซึ่งเป็นตำหนักรองแห่งหนึ่งในวังบูรพาแห่งนี้
ฝูกงกงขอตัวกลับไปแล้วเมื่อพานางมาส่งถึงห้องหอได้สำเร็จ ก่อนกลับไปฝูกงกงยังบอกอีกว่ายามนี้องค์ไท่จื่อนั้นติดราชกิจเร่งด่วนอยู่คงต้องให้เวลาสักหน่อยให้นางทานอะไรรองท้องไปก่อนไม่ต้องทนหิวรอพระองค์
“อาหลัวนั่งเถอะ ทานอาหารเป็นเพื่อนข้า”
“คุณหนูบ่าวเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ”
“อาหารมากมายข้ากินคนเดียวไม่หมด จะเหมาะสมไม่เหมาะสมอะไร รีบกินให้หมดก่อนอาหารจะเย็นจึงจะเรียกว่าเหมาะสม เจ้านั่งลงจับตะเกียบซะเถอะ”
“บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ หากองค์ไท่จื่อเสด็จมาจะทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ”
“ฝูกงกงบอกแล้วว่าทรงติดงานสำคัญกะทันหัน เกรงว่าคงไม่เสร็จสิ้นง่าย ๆ ซ้ำยังบอกให้ก่อนได้เลย เจ้าก็รีบช่วยข้ากินเถอะอย่าได้คิดอะไรมากมายเลย”
“เอาอย่างนั้นแน่หรือเจ้าคะ”
“เอาแบบนี้แหละ มาจับตะเกียบขึ้นมาซะอาหลัว”
“ทางตำหนักทิศประจิมเป็นอย่างไร” โม่หลงอวี้เอ่ยถามกงกงรับใช้คนสนิท
“กระหม่อมนำทางเฉินเช่อเฟยเข้าตำหนักโดยเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าถามว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เจ้าบอกว่าข้าติดราชกิจ”
“พระชายารองเฉินไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แม้จะถามไถ่เพิ่มเติมก็ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
“น้ำเสียงเล่า สีหน้านางเป็นอย่างไร”
“ทูลไท่จื่อน้ำเสียงปกติฟังไม่ทราบว่ารู้สึกโมโหหรือน้อยใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนสีหน้าของพระชายารองเฉินนั่นกระหม่อมไม่อาจทราบได้เพราะผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยังปกปิดอยู่”
“ท่าทางเล่า นางดูผิดหวังบ้างหรือไม่”
“เท่าที่บ่าวสังเกตนั้นไม่มีเลยขอรับ”
“ดูแล้วชายารองผู้นี้จะเป็นผู้เก็บอารมณ์และอดทนได้ดีมากทีเดียว ฝูกงกงประเดี๋ยวเจ้าคอยส่งคนไปมองที่ตำหนักทิศประจิมเอาไว้ หากเกิดความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยมารายงานข้า”
“องค์ไท่จื่อพระองค์จะไม่ทรงเสด็จตำหนักทิศประจิมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ย่อมต้องไปอยู่แล้ว อย่างไรอย่างน้อยวันนี้ข้าก็ต้องเปิดผ้าคลุมหน้าให้นาง เพียงแต่ข้ายังไม่ไปเวลานี้เท่านั้น”
“เช่นนั้นพระองค์จะเสด็จเมื่อไหร่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อาจจะเป็นหนึ่งหรือสองชั่วยามต่อจากนี้”
“.......”
ฝูกงกงที่ได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นนายตรัสออกมาอย่างไร้ความรู้สึกก็หยุดนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ภายในใจของเขายามนี้รู้สึกเห็นใจชายารองคนใหม่แห่งตำหนักทิศประจิมอยู่เล็กน้อย
จวบจนปลายยามโฉ่ว (01:00-02.59น.) โม่หลงอวี้ถึงได้ ก้าวเข้าเขตตำหนักทิศประจิมซึ่งเป็นตำหนักที่พระองค์สั่งให้ชายารองคนใหม่ของตนนั้นเข้าประทับ พร้อมทั้งใช้เป็นเรือนหอ ในวันส่งตัวอย่างในวันนี้
มิใช่สิ หากจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือวันส่งตัวนั้นคือเมื่อวาน ตอนค่ำ ยามนี้เวลาล่วงเลยมานานจนล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว
ตลอดทางที่พระองค์ก้าวเดินเข้าไปภายในห้องหอส่วน ของด้านหน้าก็พบเข้ากับเหล่าสาวใช้กว่าสี่คน หนึ่งในนั้นที่ดูไม่คุ้นหน้าเมื่อได้ยินเสียงของฝูกงกงที่เอ่ยเรียกเบา ๆ จึงลุกขึ้นจากที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“บ่าวถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ”
“ดึกแล้วพวกเจ้าแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“หม่อมฉันจะอยู่คอยรับใช้พระองค์กับพระชายารองเองเพคะ” อาหลัวเอ่ย
“ไท่จื่อทรงรับสั่งให้กลับไปพัก เจ้าก็ไปเถอะ” เป็นฝูกงกงที่เอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นบ่าวขอทูลลาเพคะ” อาหลัวไม่กล้าที่จะดึงดันต่อไป นางได้แต่ทำตามรับสั่ง กลับไปพักที่เรือนด้านหลังซึ่งเป็นที่สำหรับสาวใช้ของตำหนักทิศประจิมโดยเฉยเพราะสาวใช้อีกสามคนก็กลับเรือนพักเดียวกันกับนางเช่นกัน
หลังจากที่ไล่เหล่าสาวใช้ออกไปหมดแล้ว ยามนี้ภายในห้องด้านหน้าของเรือนหลักในตำหนักทิศประจิมนั้นมีเพียงองค์ไท่จื่อและขันทีคนสนิท
“องค์ไท่จื่อเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงเอ่ยพลางรวบม่านลูกปัดซึ่งกันระหว่างห้องด้านนอกและห้องด้านในออกให้ผู้เป็นนาย
“เจ้าเองก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้วพรุ่งนี้เจ้าก็พัก จนถึงช่วงบ่ายได้ ให้ผู้อื่นมาค่อยรับใช้ข้าช่วงเช้าก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ไท่จื่อ ข้าน้อยขอทูลลาก่อน”
เมื่อจัดการไล่คนไปจนหมดแล้ว เจ้าของร่างกายอันเปี่ยม ไปด้วยอำนาจก็ได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักด้านใน ซึ่งเป็นในส่วนของห้องนอน โม่หลงอวี้คิดเอาไว้ว่าหากก้าวเข้ามาแล้วสิ่งแรกที่จะ เห็นก็คงจะเป็นชายารองคนใหม่ของเขาที่กำลังสวมชุดเจ้าสาวรอ อยู่ที่เตียงดวงหัวใจอันเจ็บช้ำ
ทว่าดูแล้วสิ่งที่พระองค์คิดกับความเป็นจริงนั้นไม่ได้ ใกล้เคียงกันเลย เจ้าสาวที่ควรหัวใจแตกสลายในวันแต่งงานนั้น ไม่ได้นั่งรอสามีเช่นพระองค์เข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างที่ ควรจะเป็น…
บทนำสกุลเรืองอำนาจ วสันตฤดูมาเยือน ณ จวนเฉินไท่เว่ย (ต้าซือหม่า) หนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่แห่งแคว้นเป่ยซีนั้นเวลานี้กำลังเตรียมงานสมรสอันยิ่งใหญ่ให้กับบุตรสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่เฉินกับรองแม่ทัพมู่ทหารกล้าผู้มีชื่อเสียง สกุลเฉินนั้นแต่เดิมก็เป็นสกุลใหญ่ผู้เรืองอำนาจในทางทหารยิ่ง น้องสาวเฉินไท่เว่ยเองก็เป็นหนึ่งในสนมขั้นผินที่ฮ่องเต้โปรดปรานเป็นอย่างมากถึงขั้นประทานนามว่า กุ้ย ให้เป็นพิเศษ ตำแหน่งผินของพระนางจึงไม่ได้ด้อยกว่าตำแหน่งเฟยเลย หากพระนางให้กำเนิดพระโอรสหรือพระธิดาสักพระองค์หนึ่งตำแหน่งเฟยก็คงอยู่เพียงเอื้อมเท่านั้น เสียดายที่วาสนาไม่เป็นใจ ครรภ์กุ้ยผินนั้นไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวเสมอมา เกียรติยศและชื่อเสียงไม่มีสิ่งใดที่สกุลเฉินขาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติหากบุตรีและบุตรชายสกุลเฉินจะ ถูกจับจ้องจากตระกูลชั้นสูงทั่วทั้งแคว้นเป่ยซี หากสกุลเฉินมัวเมาอำนาจไม่รู้จบสิ้นลูกหลานสกุลเฉินก็คงต้องแต่งเพื่อเสริมอำนาจให้สกุล ดีที่สกุลเฉินไม่ได้หลงระเริงในอำนาจและไม่คิดให้มีการแต่งงานเพื่อเสริมอำนาจใด ๆ ลูกหลานสกุลเฉินหากแต่งงานจึงยึดตา
ตอนที่ 1คุณหนูสามสกุลเฉินเสียงนำขบวนรับเจ้าสาวดังมาแต่ไกล ในที่สุดขบวนรับตัวเจ้าสาวที่ขี่ม้านำมาด้วยเจ้าบ่าวที่เป็นถึงรองแม่ทัพก็มาถึง อาจเพราะเป็นเพราะแม่ทัพหนุ่มนั้นมีท่าทีองอาจยิ่ง ทำให้เมื่อสวมใส่อาภรณ์มงคลสีแดงสดแล้วนั้นจึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมากสามหนังสือหกพิธีการมาถึงขั้นสุดท้ายในที่สุด เจ้าสาวผู้สวมอาภรณ์มงคลสีแดงสวยซ้ำยังมีผ้าคลุมสีแดงปกปิดใบหน้าก้าวข้ามธรณีประตูจวนสกุลเฉินด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้องชายผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวในวันนี้เฉินจินฮวาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นพิธีการส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกันจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่สาวที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวไปนั้นรู้สึกอ่อนไหวเพียงใดเมื่อครู่ยามที่พี่สาวของนางไปเอ่ยลาท่านพ่อกับท่านแม่และท่านตานั้นทุกคนในครอบครัวเราล้วนแล้วแต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นวันมงคลยิ่งแต่ก็ต้องอวยพรพร้อมด้วยน้ำตา มีทั้งความสุขและความเสียใจเล็กน้อยดีใจที่บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็มิอาจห้ามมิให้เสียใจไม่ได้เมื่อผู้ที่เคยอยู่ร่วมกัน เห็นกันทุกวัน ในภายหน้าไม
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั
ตอนที่ 3คำทำนาย ความฝันยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นางนางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียวเวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำพี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถ
ตอนที่ 4ความกังวลใจนางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทนอาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนางอาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็กปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน
ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ
ตอนที่ 4ความกังวลใจนางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทนอาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนางอาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็กปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน
ตอนที่ 3คำทำนาย ความฝันยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นางนางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียวเวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำพี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถ
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั