ตอนที่ 17เตียงอุ่นเป็นอันแน่ชัดแล้วว่าในคืนนี้องค์ไท่จื่อจะประทับค้างคืนอยู่ที่ ตำหนักของนางไม่เสด็จกลับตำหนักบรรทมส่วนพระองค์เมื่อครู่นางยังไม่ทันเอ่ยถามอย่างชัดเจน ฝูกงกงก็เป็นผู้ถาม ออกไปเสียก่อน“องค์ไท่จื่อ คืนนี้พระองค์จะทรงบรรทมที่ตำหนัก…”“เปิ่นไท่จื่อจะนอนที่นี่ เจ้าให้คนไปเตรียมน้ำเถอะข้าจะอาบน้ำก่อนค่อยเข้านอน”ฝูกงกงรับคำสั่งแล้วก็หายออกไปทันที คงจะกำลังไปสั่งการเตรียมห้องสรงน้ำให้ผู้เป็นนายตนเป็นแน่“เจ้าจะอาบน้ำด้วยหรือไม่” เขาหันไปถามเจ้าของร่างบางข้างกาย“หม่อมฉันอาบแล้วเพคะ ประเดี๋ยวให้อาหลัวนำอ่างน้ำสักอ่างมาให้ล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยก็พอแล้ว” นางเอ่ยตอบอย่างรู้สึกโล่งใจที่ตนเองนั้นเลือกที่จะอาบน้ำไปก่อนแล้วในช่วงเย็น“ดีแล้ว อาบน้ำยามกลางคืนอาจจะไม่ดีต่อร่างกายของเจ้า”นางได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในใจเมื่อได้ยินที่ทรงตรัสออกมาเมื่อครู่แล้วนางอยากถามสวนกลับไปว่า ‘เช่นนั้นพระองค์สรงน้ำในยามนี้ดีต่อพระวรกายเช่นนั้นหรือ’เฉินจินฮวาเลือกที่จะไม่เอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด นั่งมองบ่าวรับใช้สองคนหาบน้ำร้อนเข้าไปที่ห้องอาบน้ำซึ่งอยู่เยื้องออกไปกลับห้องนอนขอ
ตอนที่ 18ศัตรูหรือมิตรโม่หลงอวี้ทอดมองการกระทำของร่างบางที่พยายามหลบเลี่ยง พระองค์อย่างเต็มที่ด้วยสีพระพักตร์ไม่ยินดียินร้ายเพราะถึงอย่างไรต่อ ให้นางพยายามมากกว่านี้เป็นร้อยเป็นสิบเท่าแต่หากพระองค์ตั้งใจจะ ไม่ปล่อยให้นางรอดไปได้แล้วนั้น ไม่ว่านางจะใช้วิธีใดก็ไร้ประโยชน์ เจ้าของตำแหน่งหวงไท่จื่อผู้สูงศักดิ์ประทับลงนอนในเวลา ต่อมา ลำแขนแกร่งเอื้อมไปโอบเอวเล็กของร่างบางที่นอนอยู่ห่างจาก พระองค์ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนพระองค์ภายในการดึงครั้งเดียว“องค์…ไท่จื่อ” เฉินจินฮวาเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อครู่ ยามที่ถูกดึงเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งนางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็รู้สึกตกใจ เป็นอย่างมากจนเกือบจะเผลอร้องออกมา“เปิ่นไท่จื่อทำเจ้าตกใจเช่นนั้นหรือ”เจ้าของน้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยถามนางขึ้นอย่างแผ่วเบา เป็นเพราะยามนี้นางถูกโอบกอดจากทางด้านหลังทำให้ในตอนนี้ต้นคอของนางอยู่ใกล้กับพระโอษฐ์ขององค์ไท่จื่อเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาเอ่ยออกมาพระโอษฐ์งามได้รูปก็มักจะสัมผัสถูกต้นคอของนางเล็กน้อยทำเอานางต้องคอยหดต้นคอหนีอยู่หลายครั้ง“ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงตกใจนิดหน่อยเพคะ” นางเอ่ยตอบกลับไป ยามนี้นางถูกโ
ตอนที่ 19 แสดงความจริงใจหลังจากที่นางเอ่ยออกไปว่านางมีคนที่รักอยู่แล้ว บรรยากาศที่ศาลารับลมก็เงียบลงในทันที“เรื่องเช่นนี้เอ่ยออกมาเล่น ๆ ไม่ได้นะ” สวีเช่อเฟยเอ่ยขึ้น พลางมองมาที่นาง“โชคดีที่มีแต่คนสนิท ไม่เช่นนั้นเรื่องที่เฉินเช่อเฟยพูดมาเมื่อครู่ไม่นานคงรู้กันทั้งวังบูรพาแล้ว” เป็นหมิงเช่อเฟยที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่มองสำรวจรอบข้างอย่างดีแล้วก็เห็นเพียงสาวใช้คนสนิทของพวกนางเพียงสามคนเท่านั้น“หากข้าไม่พูดความจริงออกมา พวกท่านทั้งสองจะเชื่อได้ อย่างไรว่าข้าไม่คิดจะแย่งชิงความโปรดปรานจริง ๆ พวกท่านทั้งสองแท้จริงแล้วพวกเราแต่งเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้โดยไม่อาจเลือกได้เลย หากขัดราชโองการมีความผิดต้องโทษทั้งตระกูล หมิงเช่อเฟยข้าขอถามท่านหน่อยว่ายามท่านแต่งเข้ามาในตำหนักมีความคิดเช่นไรอยู่ในหัวของท่านเป็นอันดับแรก”“ข้าคิดว่าในตำหนักบูรพาแห่งนี้คงจะมีตำราหนังสือหายากมากมายให้ข้าได้อ่าน”“สวีเช่อเฟยท่านเล่าคิดสิ่งใดเป็นสิ่งแรกยามที่แต่งเข้ามาในตำหนัก” เฉินจินฮวาหันไปถามสวีเช่อเฟยต่อ“เหตุใดข้าต้องบอกเจ้า” สวีเช่อเฟยเอ่ยเสียแข็ง“สวีเช่อเฟยไม่ตอบคำถามข้าก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าจะเอ่ยบอกคำตอ
ตอนที่ 20แขกที่ไม่ได้รับเชิญเพราะนางแต่งกับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง วันกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งแรกจึงไม่จำเป็นต้องให้สามีมาด้วยกัน อีกอย่างแม้นางจะแต่งเข้าตำหนักบูรพาแต่ก็เป็นเพียงพระชายารองแม้จะถือว่าเป็นตำแหน่งสูงกว่าฮูหยินเอกของขุนนางชั้นเอกแต่ชายารองก็คือชายารองอยู่วันยังค่ำองค์ไท่จื่อยังไม่มีไท่จื่อเฟยตำแหน่งชายาเอกแห่งตำหนักบูรพายังว่างเว้นอยู่เพราะฉะนั้นเหล่าชายารองเช่นนางจึงเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย ยิ่งนางที่เพิ่งเข้าตำหนักบูรพาไปได้ไม่นานยิ่งเป็นที่จับจ้องจากสายตาในมุมมืดหลายคู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะคอยหาโอกาสทำลายสกุลเฉินหรือว่าสร้างเรื่องให้ตำหนักบูรพาอีกเมื่อไหร่ที่ได้โอกาสวันนี้นางออกจากตำหนักบูรพาตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรถม้าของตำหนักที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหรามาพร้อมกับพี่รองของนางเฉินซือหมิงที่มารอรับนางกลับจวนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางหากไม่ติดว่าตอนนี้ฐานะของนางไม่เหมือนเก่า เห็นทีว่ายามนี้พี่ชายของนางผู้นี้คงจะกระโดดขึ้นรถม้าเข้ามานั่งสนทนากับนางแล้ว ไม่ทนควบม้าอย่างองอาจนำขบวนอยู่เช่นนี้หรอกไม่นานรถม้าของนางก็มาถึงจวนสกุลเฉินในที่สุด เฉินจินฮวาลงจากรถม้าโดยมีอาหลัวสาวใช้คนส
ตอนที่ 21ผู้สูงศักดิ์ในยามนี้ที่นั่งหลักภายในห้องโถงรับรองของสกุลเฉินนั้นผู้ที่ครอบครองอยู่มิใช่เฉินไท่เว่ยอีกต่อไปแต่กลับเป็นองค์ไท่จื่อผู้ที่เสด็จมาเยือนอย่างกระทันหันประทับนั่งอยู่แทนส่วนเฉินไท่เว่ยและคนอื่น ๆ ในสกุลเฉินล้วนแต่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์องค์ไท่จื่อด้วยท่าทีสำรวมทั้งสิ้นยกเว้นเพียงแค่เฉินจินฮวาเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมไม่ขยับเขยื้อน ใบหน้างามยังคงจับจ้องไปที่สองแม่ลูกที่กำลังยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ปกติแล้วนางไม่ใช่คนที่จะถือสาเพียงคำพูดไม่กี่คำของคนที่ไม่รู้จักนางดีอย่างจี้ฮูหยินและบุตรสาวของนาง แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสกุลเฉินตัวนางนั้นไม่อาจปล่อยไปได้จริง ๆ นางในยามนี้ในใจจึงค่อยข้างถือโกรธเป็นอย่างมากหากไม่ใช่เมื่อครู่องค์ไท่จื่อก้าวเข้ามาตรัสบันดาลโทสะแทนนางซะก่อนเมื่อครู่เฉินจินฮวาคงต่อว่าสองแม่ลูกด้วยตัวเองไปหลายประโยคแล้วครั้งนี้องค์ไท่จื่อทรงยื่นมือเข้ามาแล้วนางจึงไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นโต้ด้วยตนเองอีกจึงเปลี่ยนมาเป็นผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความสงบนิ่งแต่ในใจกลับรู้สึกร้อนกรุ่นอยู่นิดหน่อยแต่ก็ถือว่ายังพอทนนั่งเฉยได้อยู่“ห
ตอนที่ 22ชายารองหรือสาวใช้ส่วนตัวกันแน่'มีแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว จะพอได้อย่างไร นางหรือจะรู้พระทัยรับใช้ได้อย่างคล่องแคล่วเท่าฝูกงกง' เจ้าของความคิดได้เพียงแต่ฝืนยิ้มออกมาเท่านั้น แม้ในใจจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า ฝูกงกงทูลลากลับไปแล้ว หน้าที่ปรนนิบัติดูแลองค์ไท่จื่อผู้นี้จึงกลับมาเป็นของนางอย่างเต็มตัวอีกครั้ง (หลังจากไม่ได้ทำหน้าที่มาสามวัน) เดิมทีนางคิดว่ามื้อเช้าวันนี้จะรอดพ้นจากหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเสวยแล้วแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้นางแอบถอนหายใจเล็ก ๆ ก่อนจะลงมือใช้ตะเกียบแยกก้างปลาในอาหารตรงหน้าออกอย่างรวดเร็วเนื่องด้วยเริ่มชำนาญการแล้วเมื่อครู่ยามที่นางแอบถอนหายใจได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ จากบุรุษข้างกาย แต่ยามที่นางหันไปมองที่องค์ไท่จื่อที่ประทับอยู่ข้าง ๆ พระองค์กับจดจ่ออยู่ที่ถ้วยเสวยของพระองค์ไม่ได้หันมาสนใจที่นางแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นนางก็รู้สึกมั่นใจกว่าครึ่งว่าเสียงหัวเราะเบา ๆ เมื่อครู่ที่นางได้ยินเป็นเสียงหัวเราะขององค์ไท่จื่อผู้นี้ที่รู้สึกพอพระทัยเมื่อเห็นว่านางกำลังเป็นทุกข์'ประเดี๋ยวมารดาก็เอาก้างปลากรอกปากให้เสว
ตอนที่ 23สรุปใครเฝ้าใครกันแน่เฉินจินฮวานั่งพูดคุยกับท่านแม่และพี่ใหญ่ของนางได้สักพักหนึ่งก็มีสาวใช้รีบเข้ามาแจ้งว่างองค์ไท่จื่อผู้หยิ่งใหญ่ของนางต้องการที่จะหาที่พักผ่อนเสียหน่อยและยามนี้ก็ทรงเสด็จเข้าไปประทับที่อยู่ที่ด้านบนเรือนหลังเก่าของนางแล้ว"พระชายารองเมื่อครู่บ่าวนำทางองค์ไท่จื่อไปยังเรือนพักเดิมของท่านตามคำสั่งของนายท่านผู้เฒ่าแล้วเจ้าค่ะ""ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ" "บ่าวยังกลับไม่ได้เจ้าค่ะ ยังมีอีกเรื่องที่บ่าวต้องบอกท่านก่อนจึงจะไปได้""เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอ่ยขึ้นมาเถอะ""เมื่อครู่องค์ไท่จื่อทรงมีรับสั่งให้บ่าวมาตามพระชายารองให้ไปพบเจ้าค่ะ" "รับสั่งหาข้า?" เขาจะพักผ่อนมิใช่หรือใยยังต้องตามนางให้ไปหาอีก"เจ้าค่ะ พระยาชารอง""องค์ไท่จื่อทรงเรียกหาเจ้าแล้ว รีบไปเสียเถอะอย่าให้พระองค์ต้องทรงรอนาน" ท่านแม่ของนางเอ่ยขึ้น "เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" "เจ้าเร่งไปเถอะ เดี๋ยวพี่กับท่านแม่ก็จะกลับไปที่เรือนรับรองกลางแล้ว เอาไว้หากเจ้าต้องการหาข้ากับท่านแม่ก็ไปที่เรือนรับรองกลางก็แล้วกัน" เฉินซือหนิงเอ่ยบอกผู้เป็นน้องสาวตัวเรือนพักอยู่ห่างจากที่นางอยู่เมื่อครู่เพียงเล็กน้อยเ
ตอนที่ 24เปลี่ยน“คุณหนูตื่นเถิดเจ้าค่ะ” ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยเรียกคุณหนูของนางให้ตื่นจากห้วงนิทรา แม้ว่าเมื่อครู่องค์ไท่จื่อจะรับสั่งให้นางเพียงเข้ามาเฝ้าคุณหนูเท่านั้น แต่อาหลัวคิดว่านางควรจะเรียกให้คุณหนูตื่นซะมากกว่า นางจึงได้เดินเข้ามาเรียกคุณหนูของนางในห้องนอนด้านในที่เมื่อก่อนครั้งที่คุณหนูยังไม่ได้แต่งเข้าตำหนักบูรพานั้นก็จะพักอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เยาว์วัย“อือ…อาหลัวนั่นเจ้าหรือ” เฉินจินฮวาถามขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังงัวเงียอยู่บนเตียงกว้าง“บ่าวเองเจ้าค่ะ คุณหนูท่านรีบตื่นเถิดนะเจ้าค่ะ” “เพิ่งจะเช้าไม่ใช่หรือ ให้ข้านอนต่ออีกสักครึ่งชั่วยามไม่ได้หรือ”เจ้าของร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียเบา เปลือกตาทั้งสองของนางยังปิดสนิทเสมอ ซ้ำยังดูเหมือนไม่ง่ายเลยที่จะลืมตาขึ้นมาง่าย ๆ“เพิ่งจะเช้าซะที่ไหนกันเล่าเจ้าค่ะ ใกล้จะล่วงเข้ายามบ่ายของวันแล้วต่างหากเจ้าค่ะ”“บ่ายหรือ ข้ายังไม่หิวนอนต่ออีกครึ่งชั่วยามข้าค่อยตื่นมากินก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเจ้าค่ะ คุณหนูไม่หิวแต่องค์ไท่จื่อทรงต้องเสวยมื้อเที่ยงนะเพคะ”เมื่อได้ยินสาวใช้คนสนิทเอ่ยถึงไท่จื่อหนุ่มเฉินจินฮวาที่เมื่อครู่ยังงัวเงียไม่อยากตื่นพลันเด้งตัวลุก
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร