ตอนที่ 9
ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ
“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ”
นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก
“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลย
ทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม
“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา
“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังท่าทีกับข้าผู้เป็นสามีของ เจ้ามากมายถึงเพียงนี้” โม่หลงอวี้ตรัสออกมาอย่างใจกว้าง พระ พักตร์ราวหยกล้ำค่ายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์
“หม่อมฉันขอบพระทัยในน้ำพระทัยเพคะ” นางกล่าว ก่อนจะย่อตัวลงคารวะอย่างนอบน้อม
เมื่อนางย่อตัวคารวะเมื่อครู่ เจ้าของพระพักตร์นิ่งเฉยก็เข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง
เฉินจินฮวาไม่คิดว่านางจะถูกเขาเข้ามาประชิดตัวจึงได้เผลอขยับตัวออกห่างจากฝ่ามือของเขาราวกับกำลังสัมผัสถูกความร้อน
“ข้าทำเจ้าตกใจแล้ว”
“หม่อมฉันแค่ไม่ทันได้ตั้งตัวเพคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างรักษาน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ในใจก็อยากจะเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่า ไท่จื่อท่านเพิ่งเจอข้าเป็นครั้งแรกไม่ควรจับต้องตัวข้าตามใจนะเพคะ แต่ประโยคที่คิดในใจนี้อย่างไรก็ไม่ควรกล่าวออกไปให้พระองค์ได้ยินจริง ๆ
“เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะได้ยินว่าพวกเจ้าเกิดเรื่องขึ้นเช่นนั้นหรือ”
.”ทูลองค์ไท่จื่อ ระหว่างทางกลับจวนข้าน้อยได้เข้าช่วยแม่นางผู้นี้เอาไว้ได้จากการถูกฉุดมาพ่ะย่ะค่ะ”
พี่ชายของนางเป็นผู้ทูลเรื่องทั้งหมดให้องค์ไท่จื่อฟังด้วยตัวเอง ด้านแม่นางจ้าวบุตรสาวร้านน้ำชาต่อมานั้นองค์ไท่จื่อก็สั่งให้พี่เขยของนางเป็นผู้นำนางไปส่งที่ที่พักของนาง พร้อมกับมี รับสั่งให้พี่ชายนางนำทหารส่วนหนึ่งจากพี่เขยไปจับกุมกลุ่มคนร้ายที่พี่ชายของนางได้มัดเอาไว้ที่ตรอกถนนที่เกิดเหตุขึ้น
พระองค์ขันอาสาจะเป็นผู้ส่งนางกลับจวนด้วยตนเองทั้งนางและพี่ชายต่างต้องการปฏิเสธความหวังดีของพระองค์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
จะใช้ข้ออ้างบุรุษสตรียามวิกาลไม่อาจอยู่ใกล้ชิดกันก็ไม่ได้ ในเมื่อราชโองการแต่งตั้งก็มีแล้ว ราชโองการนางก็รับ มาแล้ว
เฉินจินฮวาในตอนนี้อย่างไรก็คือเฉินเช่อเฟยที่ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้ง แม้จะยังไม่ได้ส่งตัวเข้าตำหนักบูรพาอย่างเป็นทางการ
ทว่าอย่างไร เช่อเฟยก็คือเช่อเฟย ตำแหน่งชายารองขององค์ไท่จื่อนี้ถือว่านางเป็นแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่ราชโองการแต่งตั้งถูกขานขึ้น ณ จวนสกุลเฉิน
“ดูเจ้ากับพี่ชายสนิทกันมากทีเดียว”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นน้องคนเล็กของบ้าน พี่สาวกับพี่ชายจึงมักจะตามใจหม่อมฉัน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างต่างกับข้านัก ตัวข้าเป็นโอรสองค์โต แม้มีพี่น้องหลายคนแต่ก็ไม่สนิทกันนัก”
“หม่อมฉันเคยได้ยินมาว่าสิบสองชันษาพระองค์ก็ทรง ก้าวเข้าสนามรบแล้ว ซ้ำยังต้องศึกษาราชกิจกับฝ่าบาท ช่วงเวลาวัยเยาว์ของพระองค์นั้นล้วนทำเพื่อแคว้นเพื่อราษฎร ช่างเป็นโชคดีของชาวเป่ยซีเราเพคะ”
“ที่แท้เฉินเช่อเฟยก็รู้จักพูดปลอบใจคนได้ไม่เลว เห็นทีภายหน้าหากข้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะมีเจ้าคอยแบ่งเบาได้ดี” ชายหนุ่มเอ่ยชม
“ด้วยความเต็มใจเพคะ”
การสนทนาเพียงไม่นานภายในรถม้าระหว่างนางและองค์ไท่จื่อนั้นดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเรียบง่ายสบาย ๆ แต่ที่แท้จริงแล้วต่างฝ่ายต่างกำลังหยั่งเชิงกันอยู่
ตั้งแต่พบหน้าครั้งแรกองค์ไท่จื่อผู้นี้แสดงออกทางคำพูดทุกคำที่พระองค์ตรัสออกมาว่าให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นเช่นนั้นแต่พระพักตร์ของพระองค์กับไม่มีแม้แต่รอยยิ้มประดับ พระสุรเสียงเองก็ช่างเรียบเฉย มิใช่อย่างที่บุรุษที่กำลัง ป้อยอสตรีอยู่พึงมี
สิ่งที่พระองค์กำลังทำอยู่นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงการ แสร้งทำเท่านั้น พระองค์มิได้มีความสนใจหรือพึงใจในตัวนาง แม้แต่น้อย เพียงแสร้งว่าพึงใจเท่านั้น
ด้านโม่หลงอวี้เองก็รอบสังเกตผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายารองคนใหม่ของตนอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะท่าทีนิ่งเฉยและควบคุมอารมณ์ได้ดีของนางทำให้พระองค์รู้สึกผิดหวัง
เดิมทีพระองค์คิดจะรอดูงิ้วอย่างสงบ เพราะเริ่มรู้สึกว่าตำหนักบูรพานี้ค่อนข้างจะมีสตรีมากจนเกินไปแล้วสมควรลดจำนวนลงซะบ้าง
หากเฉินจินฮวาผู้นี้มีนิสัยรุนแรงเอาแต่ใจเสียหน่อย ภายหน้านางก่อเรื่องจะได้กำจัดนางและสตรีอื่น ๆ ออกไปพร้อมกัน เห็นทีพระองค์คงจะรอดูงิ้วเฉย ๆ อย่างเดียวมิได้แล้ว
พระองค์จะต้องช่วยหาไม้มาเติมไฟให้ลุกโชนตำหนักหลังตำหนักบูรพาซะหน่อยแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าจวนสกุลเฉินแล้ว องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ทรงประคองนางลงจากรถม้าด้วยพระองค์เอง
“ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อเพคะที่เสด็จมาส่งหม่อมฉัน” เฉินจินฮวา กล่าวพร้อมทั้งก้มย่อตัวลงถวายพระพรพระองค์
“ดึกมากแล้ว เจ้ารีบเข้าจวนเถอะ”
“เพคะองค์ไท่จื่อ หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
“เจ้าไปเถอะ ข้าจะรอพบเจ้าที่ตำหนักบูรพา”
โม่หลงอวี้ทอดพระเนตรจนนางเข้าไปในจวนของเฉินไท่เว่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเสด็จขึ้นรถม้าเพื่อกลับตำหนักบูรพา เมื่อรถม้าที่ประทับเคลื่อนตัวเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นไท่จื่อผู้สูงส่งก็ทรงนึกไปถึงท่าทีไร้อาวรณ์ใด ๆ เมื่อครู่ของพระชายารองคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง
เมื่อครู่ยามที่นางหันหลังจากไปนั้น ช่างก้าวเดินไปอย่างมั่นคงยิ่ง ถึงขนาดที่หันกลับมาสบสายพระเนตรสักครั้งก็ไม่มี
ดูแล้วเฉินเช่อเฟยผู้นี้จะน่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยกับคุณหนูของนางด้วยความดีใจ นางรินน้ำชาอุ่น ๆ ที่เตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้ายืนให้คุณหนูของนางอย่างรู้หน้าที่
“คุณหนูข้าให้คนไปเตรียมต้มน้ำเอาไว้ให้ท่านแล้ว อีกครู่บ่าวจะปรนนิบัติคุณหนูอาบน้ำนะเจ้าคะ”
หลังจากที่นั่งพักจิบชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินจินฮวาจึงให้อาหลัวช่วยประคองนางลงในถังอาบน้ำที่ยามนี้เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้มากมาย
“อาหลัวข้าจะแช่น้ำสักพักหนึ่ง เจ้าไปดูที่เรือนพี่รองทีว่าเขากลับมาหรือยัง หากยังไม่กลับมาก็รออยู่ที่หน้าเรือนพี่รองสักสองเค่อเถิดแล้วค่อยกลับมารายงานข้า”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
อาหลัวรับคำคุณหนูของนาง
ก่อนที่จะเดินออกจากเรื่องไปตามคำสั่งของคุณหนูนางไม่ลืมจะเอ่ยถามผู้เป็นนายเพื่อความแน่ใจ
“คุณหนูอยากให้ข้า เรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยคุณหนูอาบน้ำหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก เอาไว้ข้าจะเรียกพวกนางเอง เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
อาหลัวเดินออกมาจากห้องด้านใน นางไม่ลืมที่จะกำชับสาวใช้ที่เฝ้ารอท่าอยู่ที่ห้องด้านนอกว่าให้คอยฟังเสียงคุณหนูเรียกให้เข้าไปรับใช้
ผู้เป็นสาวใช้คนสนิทเดินตรงเข้าไปยังเรือนพักของคุณชายรองของบ้านในหัวยามนี้เต็มไปด้วยความสงสัย
คุณหนูของนางออกไปกับคุณชายรองแท้ ๆ ย่อมต้องกลับมาด้วยกัน เหตุใดคุณหนูของนางยังให้นางมารอคุณชายรองอีก
ดึกดื่นเช่นนี้ไม่มีทางที่คุณชายรองจะปล่อยให้คุณหนูของนางกลับเรือนมาคนเดียวอย่างแน่นอน
ทว่าพอมาถึงเรือนพักของคุณชายรอง นางกลับพบเสี่ยวถังบ่าวรับใช้ชายคนสนิทของคุณชายรองยืนอยู่หน้าเรือนพัก นางสอบถามเสี่ยวถังจึงพบว่าคุณชายรองยังไม่กลับมาจริง ๆ
นางกับเสี่ยวถังจึงได้แอบคาดเดาเล็ก ๆ ว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างที่คุณชายรองและคุณหนูของนางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็เป็นได้ นางกับเสี่ยวถังอาจจะต้องแอบลอบถามเจ้านายของพวกนางทีหลัง
เจ้าของเรือนร่างเปล่าเปลือยงดงามสมส่วนยามนี้นางกำลังครุ่นคิดไปถึง บุรุษผู้ทรงไปด้วยอำนาจบารมีอย่างองค์ไท่จื่อ ที่นางบังเอิญได้พบพระองค์ในวันนี้
องค์ไท่จื่อผู้นี้หลังจากที่นางนั้นเฝ้าสังเกตเขามาตลอด ทั้งท่าทีของพระองค์ ถ้อยคำต่าง ๆ ที่พระองค์นั้นทรงตรัสกับนาง บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไท่จื่อผู้นี้กำลังเสแสร้งแกล้งทำกับนา
ถ้อยคำเป็นมิตรที่ทรงตรัส ท่าทีที่ดูเหมือนใส่ใจล้วน แล้วแต่เป็นเพียงภาพลวง
พระองค์เองก็ทรงรอบสังเกตนางด้วยเช่นกัน เรื่องนี้นาง เองก็รับรู้ได้
สายพระเนตรนั้นช่างเย็นชา พระพักตร์นั้นยิ่งไม่ต้อง กล่าวถึงช่างเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง
องค์ไท่จื่อผู้นี้เห็นทีอาจจะกำลังทรงวางแผนอะไรเอาไว้ ในใจ ไม่เช่นนั้นตัวนางที่เป็นเพียงชายารองที่ยังไม่ได้เข้าตำหนัก อย่างไรก็ไม่มีทางที่องค์ไท่จื่อจะต้องสนพระทัย ถึงขั้นต้องมาส่งนางที่จวนด้วยตนเอง
เห็นได้ชัดว่าพระองค์มีสิ่งที่คิดเอาไว้ และนางอาจเป็น หนึ่งในหมากตัวใหม่ที่น่าใช้
เกรงว่าหากก้าวเข้าไปในตำหนักบูรพาแล้ว นางอาจจะไม่ได้สงบสุขอีก
ไม่แน่ผู้ที่นางจะต้องระวังและป้องกันที่สุดอาจเป็นองค์ไท่จื่อผู้นี้ก็เป็นไปได้
เห็นทีว่าหากต้องการมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจนพ้นไปจากฝันร้าย เกรงว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือนางจะต้องไร้ใจ
จะต้องห้ามหลงรักองค์ไท่จื่อผู้นี้เป็นเด็ดขาด
นางจะต้องไร้ใจต่อเขา หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องห้ามมีใจ สักเล็กน้อยก็ห้าม
ห้ามเด็ดขาด!!!
ค่ำคืนนี้เฉินจินฮวาจึงได้ข้อห้ามอันสำคัญที่จะทำให้นางรอดพ้นปลอดภัยในตำหนักบูรพาได้นั่นคือ
ไร้ใจ อย่างไรก็ห้ามหวั่นไหวในองค์ไท่จื่อผู้จอมปลอมผู้นี้ เช่นเดียวกันอย่างไรก็ห้ามทำให้องค์ไท่จื่อผู้นี้โปรดปรานนาง ต้องทำให้พระองค์ไม่ชอบเลยจะเป็นผลดีต่อนางยิ่งกว่าอย่างน้อยก็คงจะหลีกหนีการแย่งชิงในตำหนักไปได้
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
บทนำสกุลเรืองอำนาจ วสันตฤดูมาเยือน ณ จวนเฉินไท่เว่ย (ต้าซือหม่า) หนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่แห่งแคว้นเป่ยซีนั้นเวลานี้กำลังเตรียมงานสมรสอันยิ่งใหญ่ให้กับบุตรสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่เฉินกับรองแม่ทัพมู่ทหารกล้าผู้มีชื่อเสียง สกุลเฉินนั้นแต่เดิมก็เป็นสกุลใหญ่ผู้เรืองอำนาจในทางทหารยิ่ง น้องสาวเฉินไท่เว่ยเองก็เป็นหนึ่งในสนมขั้นผินที่ฮ่องเต้โปรดปรานเป็นอย่างมากถึงขั้นประทานนามว่า กุ้ย ให้เป็นพิเศษ ตำแหน่งผินของพระนางจึงไม่ได้ด้อยกว่าตำแหน่งเฟยเลย หากพระนางให้กำเนิดพระโอรสหรือพระธิดาสักพระองค์หนึ่งตำแหน่งเฟยก็คงอยู่เพียงเอื้อมเท่านั้น เสียดายที่วาสนาไม่เป็นใจ ครรภ์กุ้ยผินนั้นไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวเสมอมา เกียรติยศและชื่อเสียงไม่มีสิ่งใดที่สกุลเฉินขาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติหากบุตรีและบุตรชายสกุลเฉินจะ ถูกจับจ้องจากตระกูลชั้นสูงทั่วทั้งแคว้นเป่ยซี หากสกุลเฉินมัวเมาอำนาจไม่รู้จบสิ้นลูกหลานสกุลเฉินก็คงต้องแต่งเพื่อเสริมอำนาจให้สกุล ดีที่สกุลเฉินไม่ได้หลงระเริงในอำนาจและไม่คิดให้มีการแต่งงานเพื่อเสริมอำนาจใด ๆ ลูกหลานสกุลเฉินหากแต่งงานจึงยึดตา
ตอนที่ 1คุณหนูสามสกุลเฉินเสียงนำขบวนรับเจ้าสาวดังมาแต่ไกล ในที่สุดขบวนรับตัวเจ้าสาวที่ขี่ม้านำมาด้วยเจ้าบ่าวที่เป็นถึงรองแม่ทัพก็มาถึง อาจเพราะเป็นเพราะแม่ทัพหนุ่มนั้นมีท่าทีองอาจยิ่ง ทำให้เมื่อสวมใส่อาภรณ์มงคลสีแดงสดแล้วนั้นจึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมากสามหนังสือหกพิธีการมาถึงขั้นสุดท้ายในที่สุด เจ้าสาวผู้สวมอาภรณ์มงคลสีแดงสวยซ้ำยังมีผ้าคลุมสีแดงปกปิดใบหน้าก้าวข้ามธรณีประตูจวนสกุลเฉินด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้องชายผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวในวันนี้เฉินจินฮวาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นพิธีการส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกันจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่สาวที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวไปนั้นรู้สึกอ่อนไหวเพียงใดเมื่อครู่ยามที่พี่สาวของนางไปเอ่ยลาท่านพ่อกับท่านแม่และท่านตานั้นทุกคนในครอบครัวเราล้วนแล้วแต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นวันมงคลยิ่งแต่ก็ต้องอวยพรพร้อมด้วยน้ำตา มีทั้งความสุขและความเสียใจเล็กน้อยดีใจที่บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็มิอาจห้ามมิให้เสียใจไม่ได้เมื่อผู้ที่เคยอยู่ร่วมกัน เห็นกันทุกวัน ในภายหน้าไม
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั
ตอนที่ 3คำทำนาย ความฝันยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นางนางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียวเวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำพี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถ
ตอนที่ 4ความกังวลใจนางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทนอาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนางอาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็กปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน
ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ
ตอนที่ 4ความกังวลใจนางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทนอาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนางอาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็กปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน
ตอนที่ 3คำทำนาย ความฝันยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นางนางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียวเวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำพี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถ
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั