ตอนที่ 8
นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?
ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด
อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น
ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้
เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทน
เฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลา
ไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย
“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตน
สภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยามของพี่ชายนางเอาไว้ ทำให้มองไม่ เห็นแต่นางก็พอจะคาดเดาได้
“ข้าถูกคนไม่ดีดักฉุดเจ้าค่ะ โชคดีที่คุณชายเข้ามาช่วยได้ทัน” แม่นางน้อยผู้น่าสงสารเอ่ยตอบนางทั้งน้ำตา
“ช่างชั่วช้านัก พี่รองท่านจัดการพวกมันยังไงเจ้าคะ”
“ข้าจัดพวกมันสามคนมัดเอาไว้แล้ว ค่อยแจ้งมือปราบหลวงจับพวกมันเข้าคุก”
“คุณชาย แม่นาง ข้าขอขอบคุณพวกท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือข้าเจ้าค่ะ แต่หากเรื่องถึงทางการหนึ่งในสามคนนั้นมีพี่ชายทำงานอยู่ที่ศาลเกรงว่าจะหยุดพ้นความผิดไปได้ พอถึงตอนนั้นข้ากับท่านพ่อจะต้องเดือดร้อนแน่”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร จะให้ปล่อยพวกมันไปอย่างนั้นหรือ” เฉินจินฮวาเอ่ยถาม
“ข้าคงทำได้แค่นั้นเจ้าค่ะ” เจ้าของเสียงสะอื้นกล่าวออกมาอย่างสิ้นหวัง
“วันนี้เจ้าปล่อยพวกมันไป วันหน้าพวกมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าอีก ครั้งหน้าเจ้าคงไม่โชคดีเจอข้ากับพี่อีก เจ้าจะตกนรกทั้งเป็นรู้หรือไม่”
“ข้าไม่มีทางเลือกเจ้าค่ะ ข้ากลัวพวกมันจะทำร้ายท่านพ่อของข้า ทั้งชีวิตข้ามีท่านพ่อเป็นญาติเพียงคนเดียวข้าไม่อาจทนเห็นท่านต้องเจอเรื่องไม่ดีเพราะข้าได้”
“แล้วเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าพ่อของเจ้าก็ไม่ต้องการเห็นเจ้าต้องตกนรกทั้งเป็นเช่นกัน”
แม่นางน้อยร้านชานิ่งไปหลังจากที่นางเอ่ยจบ
“เช่นนั้นข้าควรทำเช่นไรดีเจ้าคะ ข้าไม่มีทั้งเงินทั้งอำนาจคงไม่อาจต่อกรกับพวกคนเลวพวกนั้นได้”
“เจ้าไม่ต้องทำสิ่งใด พรุ่งนี้เจ้าไปที่ศาล ตีกลองฟ้องร้องพวกมันซะ จะมีคนของข้าค่อยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้เจ้ากับพ่อทุกอย่างเอง” พี่รองของนางเอ่ยขึ้น
“ทำอย่างนั้นจะไม่เป็นไรหรือเจ้าคะ” แม่นางน้อยร้านชายังกังวล
“พี่รองของข้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเจ้าด้วยตัวเอง ย่อมไร้ ปัญหา เจ้าอย่าได้กังวลสิ่งใดอีกเลย มาเถิดข้ากับพี่ชายจะส่งเจ้ากลับบ้านเอง” เอ่ยจบนางก็ประคองร่างบางของแม่นางน้อยให้ลุกขึ้นจากพื้น เพื่อที่จะได้ประคองนางไปส่งบ้าน
ด้านพี่รองของนางก็หันไปเก็บข้าวของที่โยนทิ้งเอาไว้ก่อนหน้าขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ปล่อยให้นางประคองแม่นางน้อย พากันค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างช้า ๆ
“พี่รอง ถนนแถวนี้ทั้งหมดทั้งลับตาคนเอาไว้ท่านต้องแจ้งทางการให้มาตรวจตราบ่อย ๆ นะเจ้าคะ” นางกล่าวขึ้น ปกติแล้วแม้จะเป็นกลางเมืองแต่หากเป็นตอนกลางคืนก็แทบจะไม่คนผ่านทางไปมาเลย ถนนเส้นนี้จึงค่อนข้างอันตราย หากไม่ใช่ว่ามีพี่รองที่วรยุทธ์สูงมาด้วย ตัวนางเองก็ไม่คิดจะใช้เส้นทางนี้อย่างแน่นอน
“ได้ พวกเรารีบไปเถอะ”
หลังจากที่เดินมาได้ไม่นาน ดูเหมือนจะมีสิ่งปกติเกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ พี่ชายที่คอยก้าวตามหลังมาตลอดกลับเหินทะยานมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกนางแทน
พริบตาเดียวเท่านั้นอยู่ ๆ ก็มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งทะยานออกมายืนดักหน้าพวกนางเอาไว้กว่าสิบคนซ้ำทุกคนยังมีอาวุธครบมือ
“พวกเจ้าเป็นใครกัน” ฟูหมิงถามขึ้น ใบหน้าของรองแม่ทัพหนุ่มยามนี้นิ่งเฉยไร้อารมณ์ ทว่าในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มกำลังเริ่มกังวลในสถานการณ์ตรงหน้า ยิ่งกว่านั้นเป็นห้วงความปลอดภัยของผู้เป็นน้องสาวเป็นที่สุด
“ส่งตัวนักฆ่าสาวชุดขาวผู้นั้นมา”
ผู้ที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าพวกชายชุดดำกล่าวเสียงเรียบ เฉินจินฮวาได้ยินที่เขากล่าวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
นักฆ่าสาวชุดขาวเช่นนั้นหรือ ที่นี่มีนักฆ่าสาวชุดขาวที่ไหนกัน
มีเพียงนางเท่านั้นที่สวมใส่อารมณ์สีขาวล้วนเพียงผู้เดียว แม่นางน้อยจ้าวบุตรสาวร้านน้ำชาก็สวมใส่อารมณ์สีเหลืองอ่อน
“ที่นี่หาได้มีนักฆ่าที่พวกเจ้าต้องการตัวไม่” รองแม่ทัพหนุ่มยังคงเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
“ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเจ้าเป็นนักฆ่า ที่เพิ่งลอบสังหารผู้สูงศักดิ์ จงส่งนางมา!!!”
หัวหน้าชายชุดดำกล่าวเสียงดัง สายตาของเขาจับจ้องมายังตัวนางอย่างเปิดเผย เฉินจินฮวาจึงรู้ได้ในทันทีว่านางกำลังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักฆ่าไปซะแล้ว
“ข้ามิใช่นักฆ่า พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว” นางเอ่ยขึ้นยืนยันความบริสุทธิ์ของตน
“นักฆ่าหนีมาทางนี้ แล้วที่นี่ก็พบเพียงเจ้าที่ใส่ชุดสีขาวซ้ำยังปกปิดใบหน้า ย่อมต้องเป็นเจ้าไม่ผิดแน่”
“ไม่ใช่ข้า ท่านเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ” นางยังพยายามยืนยัน
“ไม่ใช่แม่นางจึง ๆ เมื่อครู่ข้าถูกทำร้ายโชคดีที่ได้ผู้มีพระคุณทั้งสองยื่นมือเข้าช่วยเหลือ” แม่นางจ้าวเองก็ช่วยพูดยืนยันด้วยอีกเสียงหนึ่ง
“พวกเจ้าสามคนเป็นพวกเดียวกันเชื่อถือไม่ได้ จงยอมมอบตัวเสีย หลังจากสอบสวนแล้วใช่หรือไม่ใช่ย่อมชัดเจน” หัวหน้าชายชุดดำอย่างไรก็จะจับนางให้ได้ เขาไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อพวกนางเลย
“ข้าเองก็เป็นขุนนางในราชสำนัก หากพวกเจ้ายืนยันจะลงมือจับกุมให้ได้เกรงว่าเรื่องจะไม่จบง่าย ๆ แล้ว” ฟูหมิง กล่าวก่อนจะหยิบหยกแขวนประจำตัวออกมาจากอกเสื้อ
หยกแขวนนี้สลักตัวอักษร เฉินอยู่ตรงกลางตราของราชวงศ์เอาไว้ ผู้ที่จะมีในครอบครองได้ย่อมต้องเป็นคนของราชสำนักและคนในกองทัพสกุลเฉินซ้ำยังต้องมียศศักดิ์ไม่ต่ำกว่ารองแม่ทัพอีกด้วย นอกจากเขาแล้วผู้ที่มีหยกแขวนเช่นเดียวกันก็มีเพียงมู่หวายหนานผู้เป็นพี่เขยและสหายสนิทของเขาเท่านั้น
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร หากขัดขวางการทำตามคำสั่งของข้าก็ต้องตายทั้งนั้น ไป!!! ต้องจับมือสังหารมาให้จงได้” ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยสั่งทันที ชายชุดดำทั้งหมดเตรียมกระโจนปะทะเพื่อจับกุมนักฆ่าสาวชุดขาวในทันทีหากไม่ใช่ว่ามีเสียงตะโกนทรงอำนาจให้หยุดมือเสียก่อน
“หยุดมือ”
เพียงประโยคชายชุดดำทั้งหมดก็หยุดนิ่งในทันที
เฉินจินฮวามองตามไปยังทิศทางเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะพบบุรุษผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดดำทั้งชุด ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สายตาดุจเหยี่ยว ทุกย่างก้าวล้วนหนักแน่นเต็มไปด้วยอำนาจที่แผ่ออกมา นางรับรู้ได้ในทันทีเลยว่าบุรุษผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเขายังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งนางคุ้นเคยเป็นอย่างดีติดตามมาด้วยอีกผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นไม่ก็คือพี่เขยของนางรองแม่ทัพมู่หวายหนานนั่นเอง
“เจ้าคงเป็นรองแม่ทัพเฉินฟูหมิง” เจ้าของน้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่พี่ชายของนาง “ส่วนเจ้าก็คงจะเป็น เฉินเช่อเฟย”
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
ตอนที่ 11แสร้งปล่อยเพื่อจับ?ภายในห้องหอยามนี้มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากเทียนมงคลที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องหอเพียงเท่านั้นม่านมุ้งแพรสีแดงมงคลหรูสำหรับใช้กั้นที่เตียงนอนถูกกลางออกจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปด้านในเตียงได้ โม่หลงอวี้เอื้อมพระหัตถ์เลิกม่านกั้นมุ้งออกเล็กน้อย ถึงได้พบว่ายามนี้มีสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง มิหนำซ้ำนางยังนอนทั้งที่มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดคลุมอยู่ เสียด้วยทั่วแคว้นเป่ยซีคงจะมีเพียงเฉินจินฮวา ชายารองผู้นี้ของพระองค์เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ หากเป็นสตรีอื่นพระองค์มั่นใจ เป็นอย่างยิ่งว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงในคืนเข้าหอเช่นนี้ที่เจ้าบ่าวยังทันทีจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้แน่ยิ่งกว่านั้นผู้ที่นางแต่งด้วยคือเขาที่มีศักดิเป็นถึงไท่จื่อรัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้อง มากไปด้วยอำนาจวาสนาอันยิ่งใหญ่ คืนเขาหออันสำคัญเช่นนี้นางยังกล้านอนหลับได้ลงคอดูท่าแล้วเห็นทีว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับการที่ต้องเข้ามาเป็นชายารองของเขาเลยแม้แต่น้อย ครั้งที่ได้พบนางเมื่อหลายวันก่อนพระองค์ยังทรงคิดว่าอาจเป็นเพราะนางตั้งใจรักษากิริยาท่าทางเพื่อให้ดูดี
ตอนที่ 12ไม่เต็มใจต้อนรับได้หรือไม่อาหารมื้อแรกของวัน แน่นอนว่าควรจะได้ทานอย่างเต็มที่และสงบสุข เฉินจินฮวาคิดว่านางก็จะได้ผ่อนคลายกับอาหารมื้อแรกเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิดเมื่อยามนี้บนโต๊ะอาหารกับไม่ได้มีนางเพียงผู้เดียวแต่มีอีกหนึ่งผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่ด้วยมิใช่ว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนพระองค์เสด็จกลับตำหนักหลักไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีกเล่า“องค์ไท่จื่อเหตุใดพระองค์เพิ่งเสด็จไปก็เสด็จมาอีกแล้วล่ะเพคะ” เฉินจินฮวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดแรง“เมื่อคืนมาไม่ทันได้ทานมื้อค่ำกับเจ้า เปิ่นไท่จื่อจึงคิดจะร่วมทานมื้อเช้ากับเจ้าเพื่อเป็นการทดแทน” โม่หลงอวี้ตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พระองค์ไม่ได้หันไปมองใบหน้าเล็กก็สามารถรับรู้ได้ว่าในยามนี้ใบหน้าของนางนั้นดูเศร้าสร้อยเพียงใดเจ้าของพระวรกายเรืองอำนาจยกยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างพอพระทัยกับท่าทีเหงาหงอยของชายารองคนใหม่ผู้นี้ที่กำลังถูกพระองค์กลั่นแกล้ง“พระองค์ไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันเกรงว่าอาหารที่ตำหนักทิศประจิมจะไม่ถูกพระทัยพระองค์ เชิญเสด็จกลับไปเสวยที่ตำหนักหลักจะดีกว่านะเพคะ ที่นั่นเครื่องเสวยต่าง
ตอนที่ 13เคราะห์ร้าย?โม่หลงอวี้เพิ่งจะอ่านรายงานลับจบไปเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ฝูกงกงก็เร่งเข้ามาแจ้งว่าทางตำหนักทิศประจิมนั้นเกิดเรื่อง ชายาคนใหม่ของพระองค์หมดสติไปหลังจากทานโจ๊กเป๋าฮื้อที่พระองค์ให้ฝูกงกงนำไปให้ พระองค์จึงต้องเสด็จไปยังตำหนักทิศประจิมอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลับออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้นเมื่อพระองค์มาถึงตำหนักทิศประจิมก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านหมอตรวจอาการชายารองคนใหม่ของพระองค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เฉินเช่อเฟยเป็นเช่นไรบ้าง เหตุใดนางทานโจ๊กเป๋าฮื้อเข้าไปแล้วจึงได้หมดสติไปเช่นนี้” โม่หลงอวี้เอ่ยถามหมอหลวงหวัง“ทูลองค์ไท่จื่อ เป็นเพราะในโจ๊กเป๋าฮื้อนั้นมีผงรากบัวเจือป่นอยู่พ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเฉินนั้นมีอาการแพ้รากบัวอย่างรุนแรงจึงได้หมดสติไปในทันที”“โจ๊กเป๋าฮื้อจะมีผงรากบัวได้อย่างไร ฝูกงกงเจ้าเร่งให้คนไปที่โรงครัวใหญ่แล้วพาตัวหัวหน้าพ่อครัวมาให้เปิ่นไท่จื่อเดี๋ยวนี้”“พ่ะย่ะค่ะ องค์ไท่จื่อบ่าวจะเร่งส่งคนไปเดี๋ยวนี้” ฝูกงกงขานรับคำสั่ง ก่อนจะหันไปสั่งขันทีคนสนิทข้างกายให้ไปจัดการตามคำสั่งขององค์ไท่จื่อในทันที“เมื่อครู่ท่านหมอหลวงหวังกล่าวว่าน
ตอนที่ 14ความบังเอิญในความตั้งใจ“เปิ่นไท่จื่อคิดไม่ถึงว่าเฉินเช่อเฟยผู้นี้จะกล้าลงมือกับตัวเองรุนแรงเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะก้าวเข้าตำหนักได้เพียงวันเดียว สตรีผู้นี้ความคิดลึกซึ้งอีกทั้งยังใจเด็ดไม่เบา” “พระองค์ตรัสเช่นนี้ทรงคิดว่าเฉินเช่อเฟยจงใจให้คนใส่ผงรากบัวที่ตนเองแพ้ลงในโจ๊ก” ฝูกงกงเอ่ย“ผู้ช่วยชุนที่เข้ามาใหม่คงจะเป็นคนของจวนไท่เว่ย ข้ารับใช้ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่คงมีไม่น้อยที่เป็นคนที่เฉินไท่เว่ยส่งเข้ามา”“ไท่จื่อพระองค์ต้องการให้หาตัวคนเหล่านั้นออกมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “ไม่จำเป็นต้องหาตัวออกมาให้ได้ เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติหรอกหรือที่เหล่าขุนนางพวกนั้นจะส่งคนเข้ามาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของข้า มีคนจากขุนนางอื่นมากมายหลายสกุลแล้วเพิ่มคนจากสกุลเฉินอีกนิดหน่อยก็คงไม่ถึงกับสิ้นเปลืองข้าวปลาอาหารในตำหนักบูรพานักหรอก”โม่หลงอวี้ตรัสออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ พระพักตร์ไม่บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร มีเพียงพระพักตร์นิ่งเฉยที่ไม่อาจคาดเดาพระดำริในพระทัยได้เลยสกุลเฉินนั้นตลอดมาไม่เคยสนใจตำหนักบูรพา ไม่เคยมีการส่งคนเข้ามาแฝงตัวมาก่อน พระองค์พอจะคาดเดาได้ว่าที่จวนเฉินไท่เว่ยเริ่มส
ตอนที่ 15เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร“ข้าว่าเฉินเช่อเฟยที่เพิ่งเข้าตำหนักบูรพามาใหม่ คงเป็นสตรี มากแผนการแน่ เจ้าคิดเหมือนกันหรือไม่หมิงเช่อเฟย” สวีเช่อเฟย หรือสวีฟางซินเป็นผู้เอ่ยถามขึ้น ตั้งแต่ตำหนักบูรพารับเช่อเฟยคนใหม่เข้ามานางเองก็เริ่มเกิด ความวิตกกังวลขึ้น ยามนี้ภายในใจจึงค่อนข้างร้อนรนเป็นอย่างมาก“เจ้าและข้าต่างก็ยังไม่เคยเจอนาง จะไม่เร็วไปหน่อยหรือหาก จะตัดสินนางทั้งที่ไม่เคยพบ” หมิงเช่อเฟยหรือหมิงเย่หานเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาของนางยังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือเล่ม หนาในมืออย่างสนใจ“ไม่เร็วไปหรอก ยังไม่เจอตัวก็รู้แล้วว่านางต้องไม่ธรรมดา เข้า ตำหนักมาไม่กี่วันก็สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนพระทัยจากองค์ไท่จื่อ” สวีเช่อเฟยกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ ซ้ำใบหน้างามแสดง สีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง“ความสนพระทัยขององค์ไท่จื่อ ใช่ว่าเรียกร้องแล้วจะได้เสีย เมื่อไหร่กัน เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดมิใช่เหรอ ว่าหากพระองค์ไม่ทรงสน พระทัยต่อให้ใช้กี่ร้อยวิธีก็ไร้ผล” หมิงเช่อเฟยกล่าวขึ้นเสียงเรียบเช่นเดิม แต่คำพูดนี้ของนางกลับบาดลึกลงสู่หัวใจของสวีฟางซินเป็น อย่างยิ่ง เพรา
ตอนที่ 16สามเช่อเฟยแห่งตำหนักบูรพาเฉินจินฮวานั้นไม่ได้กลัวการต่อสู้ต่อหน้า นางรู้ดีว่าเมื่อก้าวเข้าตำหนักบูรพามาแล้วนั้นแม้จะอยากหลีกหนีการแย่งชิงในทุกด้านนั้นเป็นไปได้อยากและสามารถถูกวางยาพิษให้ตายได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการส่งคนเข้ามาแฝงตัวในโรงครัวจึงเป็นสิ่งแรกที่ทำและคิดว่าตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะจะมีการฆ่าแบบไหนทำได้ง่ายและจับได้ยากอย่างการลอบสังหารโดยการวางยาพิษอีกเล่าก่อนหน้าที่ฝูกงกงจะมาหานางที่ตำหนักคนของนางได้ส่งข่าวมาแล้วว่า หวงไท่จื่อนั้นปฏิเสธสวีเช่อเฟย และสวีเช่อเฟยผู้นี้กำลังดูเหมือนจะพุ่งเป้าตั้งตัวมาเป็นศัตรูกับนางทั้ง ๆ ที่นางกับสวีเช่อเฟยยังไม่เคยพบกันเลยสักครั้ง นางก็ถูกมองว่าเป็นศัตรูไปเสียแล้วเช่อเฟยทั้งสองก่อนหน้านางนั้น มีหมิงเช่อเฟย และสวีเช่อเฟย เรื่องของทั้งสองคนนี้นางรู้มาเล็กน้อยก่อนที่จะเข้ามายังตำหนักบูรพาหมิงเช่อเฟยนั้นเป็นเช่อเฟยคนแรกที่ถูกแต่งตั้งเข้ามา นางเป็นสตรีที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในเมื่อหลวง มีอุปนิสัยรักสงบ และรักในการอ่านตำราเป็นอย่างยิ่ง จากที่ได้ยินมาหมิงเช่อเฟยเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นจริงอย่างที่นางได้ยินมาหรือไม่ส่วนสวีเช
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร