ตอนที่ 5
ราชโองการที่ไม่คาดคิด
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน
“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม
“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น
“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง
“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู
“แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก
“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที
“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”
หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียว
เฉินฮูหยินเมื่อได้เห็นก็อดจะสงสารบุตรชายตนไม่ได้ จึงได้รีบเอ่ยเอาใจ
“ฟูหมิง เจ้าสามารถรินชาให้แม่แทนได้ ต่อให้จะขมเพียงใด แม่ก็จะดื่มให้หมดเอา จะไม่บ่นแม่เพียงครึ่งคำ”
เฉินฮูหยินเอ่ยขึ้นพลางตบไหล่หนาของบุตรชายเป็นการให้กำลังใจ
สกุลอื่นล้วนให้ท้ายบุตรชายละเลยต่อบุตรสาว แต่สกุลแม่ทัพอย่างสกุลเฉินเรานั้น เอาใจชื่นชอบบุตรียิ่งนัก ทั้งยังมองว่าเป็นสิ่งล้ำค่าเหนือสิ่งอื่นใด
ส่วนบุตรชายมีไว้เลี้ยงดูอย่างหยาบ ๆ เท่านั้น กล่าวคือ บุตรสาวเปรียบดั่งบุปผาสวรรค์ สมควรแก่การประคองเอาไว้บนฝ่ามืออย่างใส่ใจ บุตรชายนั้นเปรียบประดุจโคลน ประดุจดินเหนียวที่เอาไว้ทุบตีปั่นเล่นเพียงเท่านั้น
ฟูหมิงเองแม้จะรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง แต่เขากลับเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งและคิดเช่นเดียวกันกับท่านปู่และท่านพ่อว่าพี่สาวและน้องสาวนั้นเปราะบางยิ่ง ควรค่าแก่การดูแลเอาใจใส่และปกป้องยิ่ง
อ่า...หรือว่าความต้องการและความรู้สึกเอ็นดูรักใคร่พี่สาวน้องสาวเป็นพิเศษจะถ่ายทอดผ่านทางสายเลือดกัน จู่ ๆ เขาก็นึกสงสัยขึ้น และมั่นใจเกินกว่าแปดส่วนว่าอาการเช่นนี้สามารถถ่ายทอดมายังเขาได้
จังหวะนั้นพี่สาวของเขาซือหนิงก็รินน้ำชาใส่ถ้วย ๆ หนึ่ง ฟูหมิงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเตรียมถ้วยน้ำชา ทว่ากับต้องยิ้มค้างอยู่เช่นนั้น เมื่อพี่สาวของเอากับประคองน้ำชาถ้วยนั้นเดินผ่านเขาไป
ถ้วยน้ำชาในมือพี่สาวเขาถูกส่งให้อดีตเพื่อนรัก ผู้เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ซึ่งตอนนี้ยังดำรงศักดิ์เป็นพี่เขยของเขาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
น่าผิดหวัง ช่างน่าผิดหวังเกินไปแล้ว ชายหนุ่มโอดครวญอยู่ในใจ
“พี่รอง เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ” ครั้งสิ้นหวังในใจ เงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มกับพบว่ามีถ้วยชาถูกยื่นมาตรงหน้า
ตรงหน้าของเขายามนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นน้องเล็ก เฉินจินฮวา จินเอ๋อร์ของเขานั้นเอง
หัวใจผู้เป็นพี่ชายประดุจได้สายน้ำชโลมเลี้ยงอีกครั้ง เขารับถ้วยน้ำชาจากน้องสาวด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างระมัดระวังยิ่ง
“พี่ช่างโชคดีที่ยังมีเจ้าอยู่ น้องเล็ก” รองแม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างนิ่มนวล สายตาดุดันยามทอดมองกองทัพยามนี้อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
สมแล้วที่เขาเฝ้าประคองน้องรักเอาไว้เป็นอย่างดีบนฝ่ามือ ภายหน้าพี่จะเลี้ยงดูเจ้าเอง ชายหนุ่มหมายมั่นหนักแน่น แววตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะอิจฉาคนดี หลังจากมีความสุขได้ไม่นานยังไม่ทันก้าวพ้นถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เข้าห้องอาหารประจำจวนไปรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าครอบครัว องครักษ์ผู้หนึ่งที่มีหน้าที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูจวนก็เร่งรีบเข้ามาแจ้งเสียก่อน
“อี้กงกงมาขอรับ ซ้ำยังถือพระราชโองการมาด้วยหนึ่งฉบับ”
องครักษ์หนุ่มกล่าวจบ ฟูหมิงก็หันไปสบตากับท่านปู่และท่านพ่อของตนทันที
“ข้าจะออกไปต้อนรับอี้กงกงเองขอรับ ท่านพ่อกับท่านปู่เชิญเข้าไปรอด้านในห้องโถงใหญ่ก่อนเถิดขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเร่งฝีเท้าจากไป
“พวกข้ากับลูกสาวทั้งสองต้องอยู่ฟังราชโองการด้วยหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” เฉินฮูหยินเอ่ยถามสามี เพราะว่าหากเป็นราชโองการเกี่ยวกับกองทัพ ซึ่งอาจเป็นเรื่องลับพวกนางที่เป็นสตรี ซ้ำยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้
ด้านลูกเขยนางอย่างไรก็เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพชาญศึกเช่นเดียวกัน อย่างไรเขาอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องปกติเพราะถือเป็นคนในกองทัพ
“ทุกคนในสกุลเฉินล้วนต้องอยู่ฟังราชโองการทั้งหมด ขาดสักคนก็ไม่ได้” น้ำเสียงเคร่งขรึมกว่าครั้งไหน ๆ ตอบกลับภรรยา
อี้กงกงมาในครั้งนี้ต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องออกทัพจับศึกทำสงครามแน่ ไม่เช่นนั้นราชโองการย่อมต้องส่งถึงมือท่านพ่อหรือไม่ก็แม่ทัพใหญ่เช่นเขาอย่างเงียบเชียบ หรือหากมีราชโองการเช่นนั้นจริงฝ่าบาทก็คงทรงเรียกตัวเขากับบิดาเข้าวังไปแล้ว
หากแต่ให้อี้กงกงมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ย่อม ย่อมต้องการให้เป็นที่จับตามองและราชโองการนี้ไม่ใช่ความลับอย่างแน่นอน แต่ต้องการประกาศในทุกคนรับรู้กันจนทั่ว ยามนี้นอกจวนคงกำลังถูกชาวบ้านผ่านไปมารวมไปถึงจวนที่อยู่ใกล้ ๆ จับตามองแล้ว
เมื่อสามีตอบกลับมาแล้ว เฉินฮูหยินก็รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ นางหันไปคว้ามือของบุตรสาวทั้งสองเอาไว้ก่อนจะกุมเอาไว้แน่น นางจับจูงมือของแก้วตาดวงใจของนางทั้งสองเดินเข้าไปในโถงใหญ่ด้วยกัน
ด้านเฉินจินฮวาและพี่สาวยามนี้ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของผู้ใหญ่ทุกคน พวกนางสบสายตากัน สายใยพี่น้องนั้นลึกซึ้ง เพียงแค่สบตาก็รับรู้ได้ถึงความในใจ
'พวกเราคนสกุลเฉิน จะดีจะร้ายล้วนจะต้องผ่านไปด้วยกัน'
ภายในห้องโถงใหญ่สกุลเฉินยามนี้คับคั่งไปด้วยผู้คน สาวใช้ของจวนทั้งหมดต่างคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบโดยเว้นพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ให้เดินผ่านไปยังด้านหน้าสุดได้
ส่วนบ่าวรับใช้ผู้ชายและองครักษ์ประจำจวนทั้งหมดต่างก็คุกเข่าอยู่บริเวณลานหน้าห้องโถงเช่นกัน
“ข้าน้อยคารวะ เฉินไท่เว่ย และท่านแม่ทัพใหญ่เฉิน” ผู้เป็นขันทีคนสนิทของฝ่าบาทเอ่ยทักทายขุนนางใหญ่ของราชสำนักอย่างนอบน้อม
“อี้กงกงไม่ต้องมากพิธี รีบขานราชโองการของฝ่าบาทเถิด” เฉินไท่เว่ยเป็นผู้กล่าว
“เช่นนั้นข้าน้อยจะขานราชโองการเดี๋ยวนี้” ขันทีเฒ่าหันไปพยักหน้าเพียงเล็กน้อย เป็นเชิงให้ขันทีคนสนิทของตนยื่นถาดที่มีราชโองการมา”
ราชโองการถูกหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
เฉินไท่เว่ยและทุกคนต่างคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นเพื่อเตรียมรับฟังราชโองการจากโอรสสวรรค์ เฉินจินฮวาเองก็คุกเข่าก้มหน้าอยู่แถวที่สามร่วมกับมารดาและพี่สาว ในส่วนแถวแรกเป็นท่านปู่และท่านพ่อ แถวที่สองเป็นพี่รองและพี่เขยของพวกนาง
เสียงแหลมสูงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเปิดราชโองการออกอ่าน
“คุณหนูสามสกุลเฉิน นามเฉินจินฮวา หลานสาวเฉินไท่เว่ย บุตรีคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เฉิน รูปโฉมงดงามปานบุปผา เพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจา เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่ง เช่อเฟย พระชายารองในไท่จื่อแห่งตำหนักบูรพา จึงขอแต่งตั้งคุณหนูสามสกุลเฉิน เป็นเฉินเช่อเฟย นับแต่นี้ วันที่แปดเดือนแปดให้เข้าสู่ตำหนักบูรพา จบราชโองการ”
หลังจากราชโองการถูกขานจบ ทั่วทั้งห้องโถงเงียบสงบไร้เสียงใด ทุกคนในสกุลเฉินยังคงคุกเข่าก้มหน้าลงเช่นเดิม จนอี้กงกงต้องเอ่ยเรียก
“เชิญคุณหนูสามรับราชโองการขอรับ” อี้กงกงเอ่ยขึ้นเขา เดินตรงไปยังที่ที่คุณหนูสามแห่งจวนไท่เว่ยคุกเข่าอยู่”
“คุณหนูสาม เชิญรับราชโองการด้วยขอรับ” อี้กงกงเอ่ยซ้ำขึ้นอีก เมื่อคุณหนูสามผู้นี้ยังไม่ยอมรับราชโองการไป
“ข้าน้อย เฉินจินฮวารับราชโองการ” นางเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นรับราชโองการจากมืออี้กงกงซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์
เมื่อครู่ยามที่นางนิ่งไปนั้น เพราะไม่คิดว่าที่จริงแล้ว สถานที่ตายของนางก็คือตำหนักบูรพา วูบหนึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี เวลาชีวิตของนางก็เริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว
“ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับ เฉินเช่อเฟยด้วย” อี้กงกงเอ่ยและคำนับอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณท่านกงกงมาก” นางเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ลำบากอี้กงกงแล้ว” เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นบิดาของเฉินจินฮวาที่กล่าวกับอี้กงกง ยามนี้เขาจำเป็นต้องปั้นหน้าต้อนรับผู้มาเยือนก่อน แม้ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังจำเป็นต้องออกหน้าให้บุตรีที่ยามนี้ยังดูจะตั้งตัวไม่ทันอยู่มาก
“ไม่ลำบาก ๆ ท่านแม่ทัพอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ข้าน้อยรับไม่ไหวหรอกขอรับ” เจ้าของเสียงเล็กแหลมเอ่ย
“เช่นนั้นหากข้าของเอ่ยถามข้อสงสัยกับอี้กงกงสักข้อจะได้หรือไม่”
“ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดเอ่ยถามมาได้เลยขอรับ”
“ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยแล้วหรือไม่ เป็นบุตรีจากสกุลใดกัน”
“ฝ่าบาทยังไม่ได้มีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยขอรับ”
“เหตุใดพระองค์ยังทรงไม่มีราชโองการลงมา เช่อเฟยในองค์ไท่จื่อรวมบุตรีของข้าก็สามคนแล้ว”
“เป็นเช่นท่านแม่ทัพกล่าวขอรับ”
“แล้วเหตุใดจึงไม่ทรงแต่งตั้งไท่จื่อเฟยเสียที” แม่ทัพใหญ่เฉินยังคงสงสัย สกุลเฉินไม่เคยหมายมั่นตำแหน่งไท่จื่อเฟย หากแต่กล่าวตามความจริงแล้ว ระดับหลานสาวของเฉินไท่เว่ยและบุตรีของเขาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว อย่างไรบุตรีของเขาก็สามารถเป็นไท่จื่อเฟยได้อย่างไม่มีสิ่งใดติดขัด
“อาจเพราะฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งหนึ่งในสามเช่อเฟยขึ้นเป็นไท่จื่อเฟยในอนาคตหากเช่อเฟยคนใดให้กำเนิดโอรสธิดาพระองค์แรกให้แก่องค์ไท่จื่อได้ขอรับ” อี้กงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าน้อยจากมานานแล้ว คงต้องขอตัวกลับวังหลวงก่อน”
“อี้กงกงเชิญกลับ ฟูหมิงเจ้าส่งอี้กงกงแทนข้าที”
ฟูหมิงทำตามคำสั่งของบิดา เขาจัดการเดินไปส่งอี้กงกงที่หน้าประตูจวน
หมิงเช่อเฟย สวีเช่อเฟย เฉินเช่อเฟย
สามเช่อเฟย จากสามอำนาจใหญ่ที่สุดของราชสำนักอย่างนั้นหรือ
การคานอำนาจของฝ่าบาทช่างทำได้ดีจริง ๆ
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
ตอนที่ 11แสร้งปล่อยเพื่อจับ?ภายในห้องหอยามนี้มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากเทียนมงคลที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องหอเพียงเท่านั้นม่านมุ้งแพรสีแดงมงคลหรูสำหรับใช้กั้นที่เตียงนอนถูกกลางออกจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปด้านในเตียงได้ โม่หลงอวี้เอื้อมพระหัตถ์เลิกม่านกั้นมุ้งออกเล็กน้อย ถึงได้พบว่ายามนี้มีสตรีผู้หนึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง มิหนำซ้ำนางยังนอนทั้งที่มีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดคลุมอยู่ เสียด้วยทั่วแคว้นเป่ยซีคงจะมีเพียงเฉินจินฮวา ชายารองผู้นี้ของพระองค์เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ หากเป็นสตรีอื่นพระองค์มั่นใจ เป็นอย่างยิ่งว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงในคืนเข้าหอเช่นนี้ที่เจ้าบ่าวยังทันทีจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้แน่ยิ่งกว่านั้นผู้ที่นางแต่งด้วยคือเขาที่มีศักดิเป็นถึงไท่จื่อรัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้อง มากไปด้วยอำนาจวาสนาอันยิ่งใหญ่ คืนเขาหออันสำคัญเช่นนี้นางยังกล้านอนหลับได้ลงคอดูท่าแล้วเห็นทีว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับการที่ต้องเข้ามาเป็นชายารองของเขาเลยแม้แต่น้อย ครั้งที่ได้พบนางเมื่อหลายวันก่อนพระองค์ยังทรงคิดว่าอาจเป็นเพราะนางตั้งใจรักษากิริยาท่าทางเพื่อให้ดูดี
ตอนที่ 12ไม่เต็มใจต้อนรับได้หรือไม่อาหารมื้อแรกของวัน แน่นอนว่าควรจะได้ทานอย่างเต็มที่และสงบสุข เฉินจินฮวาคิดว่านางก็จะได้ผ่อนคลายกับอาหารมื้อแรกเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิดเมื่อยามนี้บนโต๊ะอาหารกับไม่ได้มีนางเพียงผู้เดียวแต่มีอีกหนึ่งผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่ด้วยมิใช่ว่าเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนพระองค์เสด็จกลับตำหนักหลักไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดยังกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อีกเล่า“องค์ไท่จื่อเหตุใดพระองค์เพิ่งเสด็จไปก็เสด็จมาอีกแล้วล่ะเพคะ” เฉินจินฮวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดแรง“เมื่อคืนมาไม่ทันได้ทานมื้อค่ำกับเจ้า เปิ่นไท่จื่อจึงคิดจะร่วมทานมื้อเช้ากับเจ้าเพื่อเป็นการทดแทน” โม่หลงอวี้ตรัสด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พระองค์ไม่ได้หันไปมองใบหน้าเล็กก็สามารถรับรู้ได้ว่าในยามนี้ใบหน้าของนางนั้นดูเศร้าสร้อยเพียงใดเจ้าของพระวรกายเรืองอำนาจยกยิ้มออกมาเล็กน้อย อย่างพอพระทัยกับท่าทีเหงาหงอยของชายารองคนใหม่ผู้นี้ที่กำลังถูกพระองค์กลั่นแกล้ง“พระองค์ไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้เพคะ หม่อมฉันเกรงว่าอาหารที่ตำหนักทิศประจิมจะไม่ถูกพระทัยพระองค์ เชิญเสด็จกลับไปเสวยที่ตำหนักหลักจะดีกว่านะเพคะ ที่นั่นเครื่องเสวยต่าง
ตอนที่ 13เคราะห์ร้าย?โม่หลงอวี้เพิ่งจะอ่านรายงานลับจบไปเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ฝูกงกงก็เร่งเข้ามาแจ้งว่าทางตำหนักทิศประจิมนั้นเกิดเรื่อง ชายาคนใหม่ของพระองค์หมดสติไปหลังจากทานโจ๊กเป๋าฮื้อที่พระองค์ให้ฝูกงกงนำไปให้ พระองค์จึงต้องเสด็จไปยังตำหนักทิศประจิมอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลับออกมาได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้นเมื่อพระองค์มาถึงตำหนักทิศประจิมก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ท่านหมอตรวจอาการชายารองคนใหม่ของพระองค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เฉินเช่อเฟยเป็นเช่นไรบ้าง เหตุใดนางทานโจ๊กเป๋าฮื้อเข้าไปแล้วจึงได้หมดสติไปเช่นนี้” โม่หลงอวี้เอ่ยถามหมอหลวงหวัง“ทูลองค์ไท่จื่อ เป็นเพราะในโจ๊กเป๋าฮื้อนั้นมีผงรากบัวเจือป่นอยู่พ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเฉินนั้นมีอาการแพ้รากบัวอย่างรุนแรงจึงได้หมดสติไปในทันที”“โจ๊กเป๋าฮื้อจะมีผงรากบัวได้อย่างไร ฝูกงกงเจ้าเร่งให้คนไปที่โรงครัวใหญ่แล้วพาตัวหัวหน้าพ่อครัวมาให้เปิ่นไท่จื่อเดี๋ยวนี้”“พ่ะย่ะค่ะ องค์ไท่จื่อบ่าวจะเร่งส่งคนไปเดี๋ยวนี้” ฝูกงกงขานรับคำสั่ง ก่อนจะหันไปสั่งขันทีคนสนิทข้างกายให้ไปจัดการตามคำสั่งขององค์ไท่จื่อในทันที“เมื่อครู่ท่านหมอหลวงหวังกล่าวว่าน
ตอนพิเศษ วังหลวงอันสุขสงบในปีที่สามหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงมีราชโองการให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม โดยทรงให้เหตุผลต่อเหล่าขุนนางในราชสำนักว่าการคัดเลือกพระสนมและการมีพระสนมมากเกินไปจะเป็นการสิ้นเปลืองอีกทั้งพระองค์อยากตั้งใจบริหารบ้านเมืองมากกว่าสนใจเรื่องของสตรีมากมายในวังหลังแม้เหล่าขุนนางส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ทรงต้องการยกเลิกการคัดเลือกพระสนมแต่ไม่สามารถขัดต่อฮ่องเต้ได้ เพราะเรื่องผู้สืบทอดสายเลือดมังกรยามนี้ก็ทรงมีองค์ชายถึงสองพระองค์ และองค์หญิงหนึ่งพระองค์ที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา ถือเป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ล้ำค่าวังหลังยามนี้นอกจากพระสนมในฮ่องเต้องค์ก่อนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉุนหวงกุ้ยไท่เฟย แล้วนั้นสนมในฮ่องเต้โม่หลงอวี้ก็นับแล้วไม่เกินหกคนชิงอีจินฮองเฮา จากสกุลเฉินหมิงกุ้ยเฟย จากสกุลหมิง (หมิงเช่อเฟย)สวีผิน จากสกุลสวี (สวีเช่อเฟย)มู่กุ้ยเหริน ฉวีกุ้ยเหริน (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)หม่าฉางจ้าย อี้ฉางจ้าย (หรูจื่อจากตำหนักบูรพา)สตรีอื่นในวังแม้จะอยู่ในสถานะพระสนมของฝ่าบาทแต่ผู้ที่ได้รับใช้พระองค์จริง ๆ กลับมีเพียงเฉินฮองเฮาเท่านั
ตอนที่ 54 ทุกอย่างคลี่คลาย หนึ่งเดือนผ่านไปเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว องค์ไท่จื่อเล่า เรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังรวมไปถึงจุดจบของเฮ่อหลินจือและเฮ่อหลูเค่อ รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าต้าเหอที่ท่านพ่อของนางเป็นคนไปจัดการ เผ่าต้าเหอตอนนี้กลายมาเป็นพื้นที่ครอบครองของแคว้นเป่ยซี เต็มตัวแล้ว ยามนี้รอแต่งตั้งอ๋องเพื่อไปปกครองเมื่อ ระหว่างรอฝ่าบาทพิจารณาผู้ที่เหมาะสมท่านพ่อของนางจะเป็นผู้ดูแลความสงบที่นั่นไปก่อนหมิงเช่อเฟยตั้งแต่องค์ไท่จื่อให้เสด็จออกไปยังที่ปลอดภัยก็ยัง แวะท่องเที่ยวไม่ยอมกลับมาเสียที อาจูที่ติดตามไปด้วยก็พลอยยังไม่ได้กลับมาด้วยกันส่วนสวีเช่อเฟยนั้นเคยเก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักอย่างไรก็เป็น เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตัวนางเองก็ได้เปิดใจกับองค์ไท่จื่อไปทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝันบอกเหตุหรือคำทำนายที่ได้รับ และเหตุผลว่าทำไม นางถึงไม่อยากจะมีครรภ์กับพระองค์ในเวลานั้นพระองค์รับฟังนางทุกเรื่องอย่างไม่เร่งรัดสรุปตัดความ ทรง เปิดใจให้นางได้เปิดเผยทุกอย่างในใจมีเรื่องหนึ่งที่นางถึงขั้นอึ้งหนักไปเลยนั่นคือเรื่องของนักพรต ลู่อวี้แห่งอารามโต้เทียน“ดูเหมือนนักพรตลู่อวี้ที่ชายารักกล
ตอนที่ 53 เป็นไปตามแผนวันนี้คือวันที่ถูกกำหนดเอาไว้ให้ทำการใหญ่ องค์ไท่จื่อและเฮ่อหลูเค่อรวมไปถึงหน่วยกล้าตายมากฝีมือลอบเข้าวังหลวงได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะองค์ไท่จื่อได้ผลัดเปลี่ยนเวรยามภายในวังหลวงก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วในที่สุดก็สามารถเข้ามาถึงห้องทรงอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียวได้อย่างง่ายดาย ตามทางที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเฝ้าอยู่ตอนนี้มีเพียงแค่ร่างที่ไม่รู้สึกตัวนอนหมดสติอยู่ตามพื้นเช่นเดียวกันกับเหล่าองครักษ์ประจำวังหลวง“องค์ไท่จื่อลงมือได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องเสียทั้งแรงและเวลาไปเปล่า ๆ” เฮ่อหลูเค่อเอ่ยขึ้นหลังจากถอดผ้าคลุมหน้าของตนออกเมื่อเข้ามาถึงห้องทรงพระอักษรด้านในแล้วหน่วยกล้าตายถูกสั่งให้เฝ้าอยู่ด้านนอกห้าคน และตามเขากับองค์ไท่จื่อเข้ามาอีกห้าคน“สิ่งที่ข้าลงมือทำด้วยตัวเองแน่นอนว่าย่อมต้องไร้ที่ติ” ไท่จื่อหนุ่มกล่าวก่อนจะเป็นผู้เปิดประตูบานสุดท้ายที่จะนำพาพระองค์ไปหาผู้เป็นเสด็จพ่อของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่ห้องด้านในเมื่อประตูบานสุดท้ายเปิดออกก็พบกับผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซีทรงประทับอยู่บนแท่นพระที่นั่งด้วยท่าทีทรงอำนาจ สายพระเนตรทอดมองเหล่าผู้มาใหม่ด้ว
ตอนที่ 52กำจัดเสี้ยนหนามตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นภายในตำหนักบูรพาก็ไม่มีสิ่งใดที่เฮ่อหลินจือไม่รู้ เรื่องที่อี้กงกงขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาทำไมที่ตำหนักบูรพาก็เช่นเดียวกันนางรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ ที่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นกำลังตกอยู่ในความมืดมิด เช่นนั้นหากนางจะเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยสตรีแซ่เฉินผู้นั้นให้ได้พบเจอกับความสงบตลอดไปจะดีแค่ไหนกันนะ“น่าน่านักฆ่าที่เราเรียกใช้ได้ตอนนี้มีอยู่เท่าไร่หรือ”“ราว ๆ เกือบสามสิบคนเจ้าค่ะ”“จำนวนไม่น้อยเลยนี้ มากเพียงพอที่จะกำลังสตรีนางหนึ่ง ไม่สิมากเกินไปด้วยกระมัง” นางเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“น่าน่ารับคำสั่งข้าเรียกให้นักฆ่าทั้งหมดที่เรามีตามไปกำลังสตรีแซ่เฉินผู้อวดดีให้ข้า” หญิงสาวเอ่ยสั่งออกมาเสียงเย็นรถม้าคันใหญ่เร่งมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็ว ยามนี้แม้รถม้าจะเร็วเพียงใดแต่จิตใจของคนในรถม้ากลับเร็วกว่าใจของพวกเขาลอยไปถึงหุบเขาทางใต้ที่ท่านพ่ออยู่นานแล้ว“ท่านแม่ ท่านพี่เป็นแม่ทัพกล้าเสมอมา กี่ร้อยสนามรบไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนผ่านมาได้ ครั้งนี้ท่านพ่อก็จะต้องรอดชีวิตได้อีกแน่” เฉินฟูหมิงเอ่ยบอกท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตนในยามนี้“แต่อี้กงกงกล่าวว่าพ่อเจ้
ตอนที่ 51เรื่องราวในอดีต ทั่วทั้งวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วองค์ไท่จื่อหนักถึงขั้นต่อว่าอย่างรุนแรงในระหว่างการประชุมราชการในช่วงเช้าที่ผ่านมาต่อหน้าขุนนางทั้งราชสำนักภายในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแท้จริงแล้วองค์ไท่จื่อกับฝ่าบาทต่างก็มีความเนินห่างกันอยู่ องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ผู้นี้หัวรั้นจนเกินไปจนมักจะเกิดการโต้แย้งกันอยู่เสมอฟังจากที่เหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงเล่าต่อกันมาว่าหากองค์ไท่จื่อไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โตที่ประสูติแก่ฮองเฮาพระองค์ก่อนที่ด่วนสิ้นพระชนม์ไปฝ่าบาทก็คงไม่ทรงไว้หน้าไท่จื่อผู้นี้แล้วก็คงมีรับสั่งให้ปลดออกจากตำแหน่งหวงไท่จื่อนานแล้วภายในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างแอบพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่บางอย่างลับ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดจะกล้าผู้ออกมาอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าขุนนางก็เริ่มคิดแผนการเอาไว้หลายทางมากขึ้นเผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ พวกเขาอาจต้องเลือกระหว่างองค์ชายรองและองค์ชายสาม แน่นอนว่าองค์ชายรองซึ่งเกิดจากพระสนมชิงเฟยดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกนึกถึงแต่ถึงแม้หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่ออ
ตอนที่ 50ใจจริงของเจ้าสามวันสามคืนแล้วที่องค์ไท่จื่อไม่ได้เสด็จมาหานางที่ตำหนักทิศประจิม อีกทั้งไม่มีฝูกงกงหรือผู้ใดมาแจ้งเลยว่าเหตุใดถึงไม่ทรงเสด็จมาซึ่งผิดไปจากปกติเป็นอย่างมากเพราะพระองค์ไม่เคยไม่เสด็จมาหานางนานถึงเพียงนี้นางไม่ได้ให้อาจูไปสอบถามที่ตำหนักหลักตรงๆ เพราะกลัวที่จะเสียหน้าจึงได้สั่งให้อาจูไปแอบสืบจากองครักษ์เฝ้าประตูเงียบ ๆ ถึงได้ความมาว่าองค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาที่ตำหนักบูรพาทุกวัน เพียงแต่เสด็จวังหลวงแต่เช้ากว่าเดิม และเสด็จกลับมาดึกด้วยทุกคืนช่วงนี้อาจจะทรง ทรงงานหนักมากจนไม่มีเวลา แต่อย่างไรเฉินจินฮวาก็มั่นใจว่าต่อให้จะดึกแค่ไหนหรือว่านางจะหลับไปแล้วอย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จมาหานางอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้เจอนางยามตื่นก็คงจะต้องแวะมาแกล้งนางยามหลับนางทำให้พระองค์โกรธเคืองหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ คืนก่อนที่แวะมาเสวยมื้อค่ำที่ตำหนักของนางก็ทรงไม่มีท่าทีแปลก ๆ หรือไม่สบ อารมณ์ใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงโกรธเคืองนางฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะทรงยุ่งเท่านั้นล่ะ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่า พระองค์ไม่เสด็จมาหานางควรจะดีใจหรือเปล่า นางหวังให้เป็นเช่นนี้ มาตลอดมิใช่หรือแล้วเวลานี้ม
ตอนที่ 49สุมไฟโม่หลงอวี้กว่าจะกลับถึงตำหนักบูรพาฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที่แล้ว พระองค์เสด็จไปยังตำหนักทรงอักษรส่วนพระองค์ทันทีที่กลับมาถึง เมื่อทรงเข้ามาในตำหนักทรงอักษรแล้วก็มีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดรบกวน“ลู่เหยียน” สิ้นเสียงเรียกเพียงครั้งเดียวองครักษ์หนุ่มก็ออกมาจากเงามืดทันที เขามาหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนายเหนือหัวก่อนจะก้มลงคุกเข่า“องค์ไท่จื่อ”“เปิ่นไท่จื่อสั่งให้เจ้าคอยจับตาตำหนักหรดีเอาไว้ได้ความว่าอย่างไร”“ทูลองค์ไท่จื่อ หลังจากพระองค์เสด็จออกไปจากตำหนักบูรพาไม่นานเฮ่อเช่อเฟยก็ไปที่ตำหนักทิศประจิมพ่ะย่ะค่ะ”“หลังจากนั้นเล่า” ทรงตรัสถามต่อ“เช่อเฟยทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮูหยินรองแม่ทัพมู่จะมาพบเฉินเช่อเฟย เฮ่อเช่อเฟยถึงได้แยกกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”“พวกนางเพียงพูดคุยกันเท่านั้นหรือ”“เริ่มแรกสนทนากันอย่างเป็นมิตรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมลอบฟังได้เล็กน้อยก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดผิดปกติจึงได้ตามไปดู การสนทนาหลังจากนั้นจึงไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วย”“นอกจากตำหนักทิศประจิมแล้ว เฮ่อเช่อเฟยได้ไปอีกสองตำหนักอีกหรือไม่”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ลู่เหยียน จงรับคำสั่ง” ไ
ตอนที่ 48ตำหนักหรดีน้ำแกงผักตุ๋นกระดูกหมูอ่อนดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้นำไปถวายองค์ไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะว่าคืนนี้องค์ไท่จื่อทรงจะยุ่งมากเป็นพิเศษทั้งคืน“อาหลัวเจ้านำน้ำแกงตุ๋นส่งไปที่ตำหนักพายัพแทนก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทของตน“คุณหนูตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อมิใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจริงให้นำไปส่งให้หมิงเช่อเฟยแทนเล่าเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำนั่นแกงที่นางอุตส่าห์เคี่ยวอยู่กว่าสองชั่วยามเชี่ยวนะ“ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งเช่อเฟยคนใหม่ เฮ่อเช่อเฟย เจ้าไม่ได้ยินที่เสี่ยวหม่ากงกงมาแจ้งข่าวเมื่อครู่หรือว่าฤกษ์ส่งตัวของนางก็คือคืนนี้”“ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ข้าน้อยสามารถนำน้ำแกงตุ๋นของคุณหนูไปถวายให้แก่องค์ไท่จื่อที่ตำหนักหลักได้นะเจ้าคะ คุณหนูให้ข้าไปเถอะเจ้าค่ะ น้ำแกงนี่ท่านอุตส่าห์ตั้งใจทำถวายองค์ไท่จื่อ”“ทำเช่นเจ้าว่าได้ที่ไหนกันอาหลัว ผู้ใดรู้เข้าจะคิดว่าข้าคิดเรียกร้องความสนใจจากองค์ไท่จื่อขัดขวางพระองค์ไม่ให้เสด็จตำหนักหรดีของเช่อเฟยคนใหม่ เจ้าทำตามข้าบอกส่งน้ำแกงนั้นไปให้หมิงเช่อเฟยแทน”“เจ้าค่ะคุณหนู” อาหลัวจำต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายตน นำน
ตอนที่ 47องค์หญิงเฮ่อหลินจือณ วังหลวงแคว้นเป่ยซี ภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้โม่หลงเซียว ยามนี้องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้กำลังเดินหมากอยู่กับเสด็จพ่ออีกทั้งพระองค์กำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ด้วย “คณะทูตจากเผ่าต้าเหอจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายวัน เจ้ารองทำการดูแลคณะทูตได้ดีไม่มีสิ่งใดเกิดปัญญา”“หน้าที่ดูแลคณะทูตจากต่างแดนเหมาะสมกับน้องรองมาก หากมีทูตมาจากที่อื่นลูกก็เชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดียิ่งขึ้นไปอีก” ไท่จื่อหนุ่มเอ่ยขึ้นสนับสนุนผู้เป็นน้องชายตน ถึงแม้ภายนอกน้องรองของพระองค์จะดูช่างพูดจนน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ก็เหมาะกับตำแหน่งต้อนรับทูตดี อีกทั้งเวลาทำงานก็ตั้งใจดีไม่น้อย“พ่อก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า ภายหน้าเจ้ารองกับเจ้าสามจะช่วยแบ่งเบางานเจ้าได้มาก”“พ่ะย่ะค่ะ”“ยังมีอีกเรื่องที่พ่อยังต้องบอกและปรึกษาเจ้า” ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์วางมือจากหมากในมือลง แล้วหันไปสนใจเสด็จพ่อของตนด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้กัน“หัวหน้าเผ่าส่งสาส์นมาถึงจ้า ต้องการให้องค์หญิงบุญธรรมเฮ่อหลินจือแต่งกับเจ้า”“กระหม่อมของปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ” โม่หลงอวี้ตอกกลับออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด“เพร