ตอนที่ 5
ราชโองการที่ไม่คาดคิด
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน
“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม
“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น
“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง
“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู
“แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก
“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที
“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”
หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียว
เฉินฮูหยินเมื่อได้เห็นก็อดจะสงสารบุตรชายตนไม่ได้ จึงได้รีบเอ่ยเอาใจ
“ฟูหมิง เจ้าสามารถรินชาให้แม่แทนได้ ต่อให้จะขมเพียงใด แม่ก็จะดื่มให้หมดเอา จะไม่บ่นแม่เพียงครึ่งคำ”
เฉินฮูหยินเอ่ยขึ้นพลางตบไหล่หนาของบุตรชายเป็นการให้กำลังใจ
สกุลอื่นล้วนให้ท้ายบุตรชายละเลยต่อบุตรสาว แต่สกุลแม่ทัพอย่างสกุลเฉินเรานั้น เอาใจชื่นชอบบุตรียิ่งนัก ทั้งยังมองว่าเป็นสิ่งล้ำค่าเหนือสิ่งอื่นใด
ส่วนบุตรชายมีไว้เลี้ยงดูอย่างหยาบ ๆ เท่านั้น กล่าวคือ บุตรสาวเปรียบดั่งบุปผาสวรรค์ สมควรแก่การประคองเอาไว้บนฝ่ามืออย่างใส่ใจ บุตรชายนั้นเปรียบประดุจโคลน ประดุจดินเหนียวที่เอาไว้ทุบตีปั่นเล่นเพียงเท่านั้น
ฟูหมิงเองแม้จะรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง แต่เขากลับเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งและคิดเช่นเดียวกันกับท่านปู่และท่านพ่อว่าพี่สาวและน้องสาวนั้นเปราะบางยิ่ง ควรค่าแก่การดูแลเอาใจใส่และปกป้องยิ่ง
อ่า...หรือว่าความต้องการและความรู้สึกเอ็นดูรักใคร่พี่สาวน้องสาวเป็นพิเศษจะถ่ายทอดผ่านทางสายเลือดกัน จู่ ๆ เขาก็นึกสงสัยขึ้น และมั่นใจเกินกว่าแปดส่วนว่าอาการเช่นนี้สามารถถ่ายทอดมายังเขาได้
จังหวะนั้นพี่สาวของเขาซือหนิงก็รินน้ำชาใส่ถ้วย ๆ หนึ่ง ฟูหมิงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเตรียมถ้วยน้ำชา ทว่ากับต้องยิ้มค้างอยู่เช่นนั้น เมื่อพี่สาวของเอากับประคองน้ำชาถ้วยนั้นเดินผ่านเขาไป
ถ้วยน้ำชาในมือพี่สาวเขาถูกส่งให้อดีตเพื่อนรัก ผู้เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ซึ่งตอนนี้ยังดำรงศักดิ์เป็นพี่เขยของเขาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
น่าผิดหวัง ช่างน่าผิดหวังเกินไปแล้ว ชายหนุ่มโอดครวญอยู่ในใจ
“พี่รอง เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ” ครั้งสิ้นหวังในใจ เงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มกับพบว่ามีถ้วยชาถูกยื่นมาตรงหน้า
ตรงหน้าของเขายามนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นน้องเล็ก เฉินจินฮวา จินเอ๋อร์ของเขานั้นเอง
หัวใจผู้เป็นพี่ชายประดุจได้สายน้ำชโลมเลี้ยงอีกครั้ง เขารับถ้วยน้ำชาจากน้องสาวด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างระมัดระวังยิ่ง
“พี่ช่างโชคดีที่ยังมีเจ้าอยู่ น้องเล็ก” รองแม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างนิ่มนวล สายตาดุดันยามทอดมองกองทัพยามนี้อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
สมแล้วที่เขาเฝ้าประคองน้องรักเอาไว้เป็นอย่างดีบนฝ่ามือ ภายหน้าพี่จะเลี้ยงดูเจ้าเอง ชายหนุ่มหมายมั่นหนักแน่น แววตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะอิจฉาคนดี หลังจากมีความสุขได้ไม่นานยังไม่ทันก้าวพ้นถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เข้าห้องอาหารประจำจวนไปรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าครอบครัว องครักษ์ผู้หนึ่งที่มีหน้าที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูจวนก็เร่งรีบเข้ามาแจ้งเสียก่อน
“อี้กงกงมาขอรับ ซ้ำยังถือพระราชโองการมาด้วยหนึ่งฉบับ”
องครักษ์หนุ่มกล่าวจบ ฟูหมิงก็หันไปสบตากับท่านปู่และท่านพ่อของตนทันที
“ข้าจะออกไปต้อนรับอี้กงกงเองขอรับ ท่านพ่อกับท่านปู่เชิญเข้าไปรอด้านในห้องโถงใหญ่ก่อนเถิดขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเร่งฝีเท้าจากไป
“พวกข้ากับลูกสาวทั้งสองต้องอยู่ฟังราชโองการด้วยหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” เฉินฮูหยินเอ่ยถามสามี เพราะว่าหากเป็นราชโองการเกี่ยวกับกองทัพ ซึ่งอาจเป็นเรื่องลับพวกนางที่เป็นสตรี ซ้ำยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้
ด้านลูกเขยนางอย่างไรก็เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพชาญศึกเช่นเดียวกัน อย่างไรเขาอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องปกติเพราะถือเป็นคนในกองทัพ
“ทุกคนในสกุลเฉินล้วนต้องอยู่ฟังราชโองการทั้งหมด ขาดสักคนก็ไม่ได้” น้ำเสียงเคร่งขรึมกว่าครั้งไหน ๆ ตอบกลับภรรยา
อี้กงกงมาในครั้งนี้ต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องออกทัพจับศึกทำสงครามแน่ ไม่เช่นนั้นราชโองการย่อมต้องส่งถึงมือท่านพ่อหรือไม่ก็แม่ทัพใหญ่เช่นเขาอย่างเงียบเชียบ หรือหากมีราชโองการเช่นนั้นจริงฝ่าบาทก็คงทรงเรียกตัวเขากับบิดาเข้าวังไปแล้ว
หากแต่ให้อี้กงกงมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ย่อม ย่อมต้องการให้เป็นที่จับตามองและราชโองการนี้ไม่ใช่ความลับอย่างแน่นอน แต่ต้องการประกาศในทุกคนรับรู้กันจนทั่ว ยามนี้นอกจวนคงกำลังถูกชาวบ้านผ่านไปมารวมไปถึงจวนที่อยู่ใกล้ ๆ จับตามองแล้ว
เมื่อสามีตอบกลับมาแล้ว เฉินฮูหยินก็รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ นางหันไปคว้ามือของบุตรสาวทั้งสองเอาไว้ก่อนจะกุมเอาไว้แน่น นางจับจูงมือของแก้วตาดวงใจของนางทั้งสองเดินเข้าไปในโถงใหญ่ด้วยกัน
ด้านเฉินจินฮวาและพี่สาวยามนี้ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของผู้ใหญ่ทุกคน พวกนางสบสายตากัน สายใยพี่น้องนั้นลึกซึ้ง เพียงแค่สบตาก็รับรู้ได้ถึงความในใจ
'พวกเราคนสกุลเฉิน จะดีจะร้ายล้วนจะต้องผ่านไปด้วยกัน'
ภายในห้องโถงใหญ่สกุลเฉินยามนี้คับคั่งไปด้วยผู้คน สาวใช้ของจวนทั้งหมดต่างคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบโดยเว้นพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ให้เดินผ่านไปยังด้านหน้าสุดได้
ส่วนบ่าวรับใช้ผู้ชายและองครักษ์ประจำจวนทั้งหมดต่างก็คุกเข่าอยู่บริเวณลานหน้าห้องโถงเช่นกัน
“ข้าน้อยคารวะ เฉินไท่เว่ย และท่านแม่ทัพใหญ่เฉิน” ผู้เป็นขันทีคนสนิทของฝ่าบาทเอ่ยทักทายขุนนางใหญ่ของราชสำนักอย่างนอบน้อม
“อี้กงกงไม่ต้องมากพิธี รีบขานราชโองการของฝ่าบาทเถิด” เฉินไท่เว่ยเป็นผู้กล่าว
“เช่นนั้นข้าน้อยจะขานราชโองการเดี๋ยวนี้” ขันทีเฒ่าหันไปพยักหน้าเพียงเล็กน้อย เป็นเชิงให้ขันทีคนสนิทของตนยื่นถาดที่มีราชโองการมา”
ราชโองการถูกหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
เฉินไท่เว่ยและทุกคนต่างคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นเพื่อเตรียมรับฟังราชโองการจากโอรสสวรรค์ เฉินจินฮวาเองก็คุกเข่าก้มหน้าอยู่แถวที่สามร่วมกับมารดาและพี่สาว ในส่วนแถวแรกเป็นท่านปู่และท่านพ่อ แถวที่สองเป็นพี่รองและพี่เขยของพวกนาง
เสียงแหลมสูงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเปิดราชโองการออกอ่าน
“คุณหนูสามสกุลเฉิน นามเฉินจินฮวา หลานสาวเฉินไท่เว่ย บุตรีคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เฉิน รูปโฉมงดงามปานบุปผา เพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจา เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่ง เช่อเฟย พระชายารองในไท่จื่อแห่งตำหนักบูรพา จึงขอแต่งตั้งคุณหนูสามสกุลเฉิน เป็นเฉินเช่อเฟย นับแต่นี้ วันที่แปดเดือนแปดให้เข้าสู่ตำหนักบูรพา จบราชโองการ”
หลังจากราชโองการถูกขานจบ ทั่วทั้งห้องโถงเงียบสงบไร้เสียงใด ทุกคนในสกุลเฉินยังคงคุกเข่าก้มหน้าลงเช่นเดิม จนอี้กงกงต้องเอ่ยเรียก
“เชิญคุณหนูสามรับราชโองการขอรับ” อี้กงกงเอ่ยขึ้นเขา เดินตรงไปยังที่ที่คุณหนูสามแห่งจวนไท่เว่ยคุกเข่าอยู่”
“คุณหนูสาม เชิญรับราชโองการด้วยขอรับ” อี้กงกงเอ่ยซ้ำขึ้นอีก เมื่อคุณหนูสามผู้นี้ยังไม่ยอมรับราชโองการไป
“ข้าน้อย เฉินจินฮวารับราชโองการ” นางเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นรับราชโองการจากมืออี้กงกงซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์
เมื่อครู่ยามที่นางนิ่งไปนั้น เพราะไม่คิดว่าที่จริงแล้ว สถานที่ตายของนางก็คือตำหนักบูรพา วูบหนึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี เวลาชีวิตของนางก็เริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว
“ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับ เฉินเช่อเฟยด้วย” อี้กงกงเอ่ยและคำนับอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณท่านกงกงมาก” นางเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ลำบากอี้กงกงแล้ว” เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นบิดาของเฉินจินฮวาที่กล่าวกับอี้กงกง ยามนี้เขาจำเป็นต้องปั้นหน้าต้อนรับผู้มาเยือนก่อน แม้ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังจำเป็นต้องออกหน้าให้บุตรีที่ยามนี้ยังดูจะตั้งตัวไม่ทันอยู่มาก
“ไม่ลำบาก ๆ ท่านแม่ทัพอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ข้าน้อยรับไม่ไหวหรอกขอรับ” เจ้าของเสียงเล็กแหลมเอ่ย
“เช่นนั้นหากข้าของเอ่ยถามข้อสงสัยกับอี้กงกงสักข้อจะได้หรือไม่”
“ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดเอ่ยถามมาได้เลยขอรับ”
“ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยแล้วหรือไม่ เป็นบุตรีจากสกุลใดกัน”
“ฝ่าบาทยังไม่ได้มีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยขอรับ”
“เหตุใดพระองค์ยังทรงไม่มีราชโองการลงมา เช่อเฟยในองค์ไท่จื่อรวมบุตรีของข้าก็สามคนแล้ว”
“เป็นเช่นท่านแม่ทัพกล่าวขอรับ”
“แล้วเหตุใดจึงไม่ทรงแต่งตั้งไท่จื่อเฟยเสียที” แม่ทัพใหญ่เฉินยังคงสงสัย สกุลเฉินไม่เคยหมายมั่นตำแหน่งไท่จื่อเฟย หากแต่กล่าวตามความจริงแล้ว ระดับหลานสาวของเฉินไท่เว่ยและบุตรีของเขาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว อย่างไรบุตรีของเขาก็สามารถเป็นไท่จื่อเฟยได้อย่างไม่มีสิ่งใดติดขัด
“อาจเพราะฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งหนึ่งในสามเช่อเฟยขึ้นเป็นไท่จื่อเฟยในอนาคตหากเช่อเฟยคนใดให้กำเนิดโอรสธิดาพระองค์แรกให้แก่องค์ไท่จื่อได้ขอรับ” อี้กงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าน้อยจากมานานแล้ว คงต้องขอตัวกลับวังหลวงก่อน”
“อี้กงกงเชิญกลับ ฟูหมิงเจ้าส่งอี้กงกงแทนข้าที”
ฟูหมิงทำตามคำสั่งของบิดา เขาจัดการเดินไปส่งอี้กงกงที่หน้าประตูจวน
หมิงเช่อเฟย สวีเช่อเฟย เฉินเช่อเฟย
สามเช่อเฟย จากสามอำนาจใหญ่ที่สุดของราชสำนักอย่างนั้นหรือ
การคานอำนาจของฝ่าบาทช่างทำได้ดีจริง ๆ
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
บทนำสกุลเรืองอำนาจ วสันตฤดูมาเยือน ณ จวนเฉินไท่เว่ย (ต้าซือหม่า) หนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่แห่งแคว้นเป่ยซีนั้นเวลานี้กำลังเตรียมงานสมรสอันยิ่งใหญ่ให้กับบุตรสาวคนโตของแม่ทัพใหญ่เฉินกับรองแม่ทัพมู่ทหารกล้าผู้มีชื่อเสียง สกุลเฉินนั้นแต่เดิมก็เป็นสกุลใหญ่ผู้เรืองอำนาจในทางทหารยิ่ง น้องสาวเฉินไท่เว่ยเองก็เป็นหนึ่งในสนมขั้นผินที่ฮ่องเต้โปรดปรานเป็นอย่างมากถึงขั้นประทานนามว่า กุ้ย ให้เป็นพิเศษ ตำแหน่งผินของพระนางจึงไม่ได้ด้อยกว่าตำแหน่งเฟยเลย หากพระนางให้กำเนิดพระโอรสหรือพระธิดาสักพระองค์หนึ่งตำแหน่งเฟยก็คงอยู่เพียงเอื้อมเท่านั้น เสียดายที่วาสนาไม่เป็นใจ ครรภ์กุ้ยผินนั้นไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวเสมอมา เกียรติยศและชื่อเสียงไม่มีสิ่งใดที่สกุลเฉินขาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติหากบุตรีและบุตรชายสกุลเฉินจะ ถูกจับจ้องจากตระกูลชั้นสูงทั่วทั้งแคว้นเป่ยซี หากสกุลเฉินมัวเมาอำนาจไม่รู้จบสิ้นลูกหลานสกุลเฉินก็คงต้องแต่งเพื่อเสริมอำนาจให้สกุล ดีที่สกุลเฉินไม่ได้หลงระเริงในอำนาจและไม่คิดให้มีการแต่งงานเพื่อเสริมอำนาจใด ๆ ลูกหลานสกุลเฉินหากแต่งงานจึงยึดตา
ตอนที่ 1คุณหนูสามสกุลเฉินเสียงนำขบวนรับเจ้าสาวดังมาแต่ไกล ในที่สุดขบวนรับตัวเจ้าสาวที่ขี่ม้านำมาด้วยเจ้าบ่าวที่เป็นถึงรองแม่ทัพก็มาถึง อาจเพราะเป็นเพราะแม่ทัพหนุ่มนั้นมีท่าทีองอาจยิ่ง ทำให้เมื่อสวมใส่อาภรณ์มงคลสีแดงสดแล้วนั้นจึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมากสามหนังสือหกพิธีการมาถึงขั้นสุดท้ายในที่สุด เจ้าสาวผู้สวมอาภรณ์มงคลสีแดงสวยซ้ำยังมีผ้าคลุมสีแดงปกปิดใบหน้าก้าวข้ามธรณีประตูจวนสกุลเฉินด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้องชายผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวในวันนี้เฉินจินฮวาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นพิธีการส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกันจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่สาวที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวไปนั้นรู้สึกอ่อนไหวเพียงใดเมื่อครู่ยามที่พี่สาวของนางไปเอ่ยลาท่านพ่อกับท่านแม่และท่านตานั้นทุกคนในครอบครัวเราล้วนแล้วแต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นวันมงคลยิ่งแต่ก็ต้องอวยพรพร้อมด้วยน้ำตา มีทั้งความสุขและความเสียใจเล็กน้อยดีใจที่บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็มิอาจห้ามมิให้เสียใจไม่ได้เมื่อผู้ที่เคยอยู่ร่วมกัน เห็นกันทุกวัน ในภายหน้าไม
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั
ตอนที่ 10ตำหนักบูรพาวันนี้เป็นอีกวันที่ ณ จวนสกุลเฉินตกแต่งไปด้วยผ้าแดงและกระดาษมงคลทั่วทั้งจวน เกี้ยวรับเจ้าสาวขนาดแปดคนหามพร้อมด้วยขบวนรับเจ้าสาวนั้นก็รอท่าอยู่ที่หน้าจวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขาดก็แค่ผู้ที่ขบวนมารอนั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าออกมาจากประตูจวนการที่มีราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนเล็ก เฉินจินฮวา เป็นเฉินเช่อเฟยในรัชทายาทนั้นไม่มีผู้ใดในเมืองหลวงยังไม่ทราบ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้สกุลเฉินไม่ขาดสายที่ได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์แม้ราชโองการแต่งตั้งจะไม่ได้แต่งตั้งในตำแหน่งไท่จื่อเฟยทว่า ตำแหน่งชายารองในเวลานี้ถือว่าสูงนัก เพราะตำแหน่งไท่จื่อเฟยแห่งตำหนักบูรพานั้นยังเว้นว่างอยู่ และใคร ๆ ก็ต่างรู้ว่าเช่อเฟยที่ได้รับแต่งตั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเป็นที่พอพระทัยองค์ไท่จื่อนักผู้คนในเมืองไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือชาวเมืองต่างก็พากันจับจ้องมาที่เช่อเฟยคนใหม่อย่างใส่ใจเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นที่บ่อนการพนันในเมืองหลายแห่งก็ยังเปิดให้พนันกันว่าเฉินเช่อเฟยคนใหม่นี้จะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่แน่นอนว่าเสียงพนันส่วนใหญ่ล้วนลงฝั่งที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานไปมากกว่าครึ่ง“อง
ตอนที่ 9ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ” นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลยทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเ
ตอนที่ 8นักฆ่าสาวชุดขาว คือข้า?ยามนี้เจ้าของใบหน้างามที่มีผ้าคาดปกปิดใบหน้าอยู่นั้น กำลังก้มลงพยายามเลือกหยิบของที่พี่ชายของนางได้โยนทิ้ง เอาไว้ก่อนขึ้นมาถือให้ได้มากที่สุด อ่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พี่รองของนางสามารถหอบหิ้วมาได้ อย่างสบายแท้ ๆ แต่นางกลับทำไม่ได้ จากของทั้งหมดเต็มนางหอบหิ้วเต็มที่ด้วยความสามารถของตนก็ได้เพียงแค่หนึ่งในสาม ส่วนเท่านั้น ทำเช่นไรดีเล่าหรือว่าจะต้องเลือกทิ้งของเช่นนั้นหรือ น่า เสียดายแย่เลยหากต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่พี่ชายให้นางล่วงหน้ากลับไปก่อนเห็นทีจะไม่อาจ ทำตามได้แล้ว ในเมื่อความเสียดายของเกินกว่าจะตัดใจ ทำให้หญิงสาวตัดสิ้นใจจะยืนคอยพี่ชายนางอยู่ที่จุดเดิมแทนเฉินจินฮวานั้นเปิดห่อขนมแป้งปั้นขึ้นมาหยิบทานเพื่อฆ่าเวลาไม่นานพี่รองของนางก็เดินกลับมาพร้อมกับประคองแม่นางผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตานางกลับมาด้วย“เจ้า คือแม่นางที่ร้านน้ำชาไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า กัน” นางเอ่ยถามพลางเดินไปประคองแม่นางแทนพี่รองของตนสภาพของนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้า ที่นางสวมใส่อาจจะมีสภาพไม่ต่างกันนักเพราะว่ามันถูกปกปิดเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาม
ตอนที่ 7อิสระสุดท้ายตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพาผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟยมีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆเพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วยหลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวันที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้
ตอนที่ 6เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วยแต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่ในวังมีสนมกุ้ยผิน จ
ตอนที่ 5ราชโองการที่ไม่คาดคิด“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู “แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียวเฉินฮูหยินเมื่อ
ตอนที่ 4ความกังวลใจนางคิดถูกแล้วที่ไม่รอเปิดถุงคำทำนายพร้อมกับท่านแม่และพี่ใหญ่ หลังจากเก็บกระดาษทำนายใส่ถุงตามเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ประจวบเหมาะกับที่อาหลัวมาถึงพอดี“คุณหนู ตื่นหรือยังเจ้าคะ บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงของอาหลัวดังขึ้นอยู่ที่ห้องด้านหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องด้านในซึ่งก็คือส่วนของห้องนอนของนาง“ข้าตื่นแล้ว อาหลัวเจ้าเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยตอบสาวใช้คนสนิท ก่อนจะปรับสีหน้าจากเดิมที่เคยเคร่งเครียด เป็นสีหน้าสบาย ๆ แทนอาหลัวช่วยนางจัดการล้างหน้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่พี่ใหญ่ของนางจะกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงาน นางจึงต้องแต่งตัวให้มีสีสันเสียหน่อยเพื่อที่จะได้เป็นมงคลต่อพี่ใหญ่ของนางอาหลัวช่วยนางเลือกชุดสีสีส้มคลุมทับด้วยเสื้อปักลายดอกไม้ด้วยด้ายสีขาวผูกทับด้วยผ้าคาดเอวสีผ้าอ่อน ส่วนผมของนางนั้นด้านหน้าถูกรวบขึ้นสูงม้วนขึ้นขดเป็นเกลียวนูนอย่างประณีต ผมด้านหลังถูกหวีอย่างเป็นระเบียบปล่อยปลายผมยาวตรงถึงเอวเล็กปิ่นระย้าชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นปิ่นดอกไม้เช่นเดียวกันกับลายบนชุดของนางถูกเลือกขึ้นมาใช้ปักประดับผมของนางพร้อมกับต่างหูที่เข้าคู่กัน
ตอนที่ 3คำทำนาย ความฝันยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นางนางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียวเวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำพี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถ
ตอนที่ 2นักพรตตาบอดตั้งแต่ยังไม่ทันจะรุ่งสางดีด้วยซ้ำ ประตูหน้าจวนสกุลเฉินก็มีขบวนแม่สื่อมารออยู่หน้าจวนแล้ว พ่อบ้านเกิงอี้ผู้รับใช้สกุลเฉินมานานออกมารับหน้าขบวนแม่สื่อนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาเข้าจวนไปพบผู้เป็นนายทั้งหลายที่ตนได้ส่งคนไปแจ้งถึงนายท่านและฮูหยินแล้วนายท่านเฉินและเฉินฮูหยินไม่ได้ออกมารับหน้าแม่สื่อด้วยตนเองเพียงแค่สั่งให้พ่อบ้านเกิงอี้เป็นคนรับเทียบสู่ขอเอาไว้เท่านั้นและจึงได้เชิญแม่สื่อกลับไป (จริง ๆ หากจะให้กล่าวตามความจริงไม่ใช่เชิญกลับแต่เป็นบังคับให้กลับต่างหาก)ด้านเทียบสู่ขอที่ถูกนำมาให้ในวันนี้ก็ถูกเก็บใส่กล่องเข้าห้องเก็บของไปในทันทีโดยที่เจ้าบ้านสกุลเฉินไม่แม้แต่จะถามถึงหรือเอ่ยของดูแม้สักตัวอักษรคุณหนูสกุลเฉินนั่น มิใช่ใครใคร่จะสู่ขอก็จะสู่ขอได้ตามอำเภอใจ ความเป็นจริงข้อนี้เกิงอี้ผู้เป็นพ่อบ้านย่อมรู้ดีเป็นที่สุดหลังจากที่จัดการกับเทียบสู่ขอเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาจึงได้เร่งฝีเท้าไปที่ห้องครัวใหญ่ของจวนเพื่อที่จะตรวจดูความเรียบร้อยของอาหารเช้าในวันนี้ อีกทั้งยังต้องไปเร่งของว่างที่เอาไว้รับประทานขณะเดินทางไปยังอารามนอกเมืองของฮูหยินเฉินและคุณหนูสามในวั