ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน
พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึงไม่อยากจะกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง เพราะอยู่ในร่างของกัสหน้าตาของกัสจัดว่าดีทีเดียว ขาวใสแบ้วออกแนวน่ารักเหมือนกับเขา ยิวจึงพอใจในร่างนี้ประมาณหนึ่ง
ในระหว่างที่ยิวกำลังคิดและค้นหาความเป็นตัวตนของกัส เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ยิวลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะออกไปเปิดประตู ซึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าเขาก็จำได้ทันที เพราะนั่นคือพีคคนที่ทำให้เขาและเขื่อนทะเลาะกัน
“พี่พีคมานี่มีอะไรเหรอ”ยิวจำชื่อนี้ได้แม่น อีกอย่างหนึ่งคือรูปร่างหน้าตาตรงสเปคเขาอย่างมาก ขาวตี๋ใสล่ำสูงจมูกโด่งเป็นสัน
“พี่มาเขื่อนกับกัสนั่นแหละ พี่เขาไปข้างในได้ไหม”
“ได้ พี่พีคเข้ามาสิ”ยิวเดินนำหน้าพีคเข้ามายังห้อง
“ทำไมห้องว่างจังเขื่อนไม่อยู่เหรอ”พีคมีสีหน้าที่สงสัย
“ไปแล้ว ไปอยู่ที่อื่น”
“เอ่อ คือ พี่ขอโทษด้วยนะที่ทำให้น้องสองคนผิดใจกัน”พีคมีสีหน้าที่ซึมลง
“ไม่ต้องขอโทษหรอกพี่พีค มันไม่ใช่ความผิดพี่พีคแต่เป็นความผิดของเขื่อนเอง ที่หึงหวงเกินเหตุไม่มีเหตุผลใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง”
“กัสเปลื่ยนไปเยอะ เหมือนอย่างไม่ใช่กัสเลย”พีคพูดขึ้นเพราะเห็นท่าทางสีหน้าของกัสที่มีความไม่พอใจเขื่อน
“ทำไมเหรอ ยิว เอ่อ กัสก็เป็นแบบนี้ของกัสอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่กัสเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่น เป็นคนอ่อนแออ่อนไหวพอสมควร แต่นี่พี่ดูแล้วกัสเข้มแข็งมากไม่เห็นเสียใจอะไรเลย”
“ทำไมต้องเสียใจ ชีวิตเป็นของเราใครอยากคบเราก็คบไม่อยากคบก็ไป ใครแคร์ใครสนอยู่ได้ตัวเองไม่ได้ขอข้าวใครกิน”
“กัส”พีครู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมากกับความคิดของกัสที่เปลื่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างที่เขาไม่ได้สัมผัสก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“แล้วกัสรู้ไหมว่าเขื่อนไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยิว เฮ้ย กัส ไม่ได้คุยกับเขื่อนเลยตั้งแต่เขามาขนของออกไป แล้วทำไมพี่พีคไม่โทรหาเขื่อนล่ะ”
“พี่โทรแล้วแต่เขื่อนไม่รับ พี่ก็ไม่รู้ว่าเขื่อนไปอยู่ที่ไหน กัสพอจะรู้บ้างไหมว่าเขื่อนมีเพื่อนอยู่ที่ไหนบ้าง”
“กัสไม่รู้หรอก และไม่อยากจะรู้ด้วย”
“ถ้ากัสคิดแบบนั้นแล้วจะเล่นละครเวทีด้วยกันได้อย่างไร เพราะเราสามคนต้องเล่นละครเวทีด้วยกัน”
ยิวรู้สึกว้าวุ่นสับสนทันทีเมื่อรู้ว่าต้องเล่นละคร ซึ่งเขาคิดว่าไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนความวิตกกังวลนั้นไม่เผยให้เห็นบนหน้าของเขา
“กัสเล่นละครด้วยเหรอ”
“กัสเป็นอะไรหรือว่าหัวกระแทกพื้นเมื่อวาน ทำให้สมองของกัสนั้นได้รับผลกระทบหรือเปล่า”พีคมีสีหน้าที่วิตกกังวลยิ่งนัก
“เปล่า”รอยยิ้มของยิวเจี่ยนอย่างมากด้วยความรู้สึกหวั่นวิตก ถ้าได้ไปเล่นละครจริงๆ
“ถ้ากัสไม่เป็นอะไรแล้ว พี่ไม่รบกวนแล้วนะ เดี่ยวพี่จะไปตามเขื่อนก่อน ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงที่ไหน”
ร่างของพีคหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ส่วนยิวนั้นรีบค้นหาบทละครทันที่ ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเล่นละครแต่เรื่องอ่านยิวค่อนข้างพึงพอใจอย่างมาก อ่านหนังสือหรืออะไรก็แล้วแต่ยิวสามารถอ่านได้เป็นวัน โดยที่ไม่ต้องกินข้าวดื่มน้ำแม้แต่น้อย
ยิวค้นหาบทละครอยู่พักเขาก็เจอ พอเห็นชื่อเรื่อง ฉันหรือเธอที่เผลอใจเขารีบอ่านทันที ที่ยิวรีบอ่านไม่ใช่เพราะอยากจำบทละคร แต่เขาต้องการรู้ว่าบทละครเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง ยิวจึงอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงตอนที่ทั้งสามทะเลาะกัน จนตัวต้นเหตุคือมีนบอกว่าให้อยู่กันสามคน
ความคิดของยิวแล่นมาทันที นี่หรือเปล่าที่ทำให้ทั้งกัสและเขื่อนมีปัญหากัน อีกอย่างหนึ่งบทละครนี้ช่างละหม้ายคล้ายชีวิตของร่างที่เขามาอาศัยอยู่ ยิวอยากรู้ความเป็นมาของละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร เขาจึงตั้งใจอ่านต่อไปอย่างใจจดจ่อจนจบเรื่องภายในเวลาอันสั้น เมื่อเขาอาจเจ็บยิวรู้สึกชอบบทละครเรื่องนี้ เขาจึงคิดว่าจะลองเล่นดู และอีกอย่างหนึ่งในเมื่อเขามาอยู่ในร่างของกัสแล้ว ยิวจึงคิดต้องทำตัวให้เป็นกัสให้ได้
เช้านี้ยิวรีบไปเรียนแต่เช้า เพราะเขาอยากไปคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามที่นิยายเรื่องที่เขาอ่านก่อนหลงเข้าไปในนั้น เมื่อไปถึงเขาก็มองไปรอบๆซึ่งยิวไม่รู้จักใครแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกันไม่มีใครมาทักทายเขาเลย ซึ่งยิวก็พอเข้าใจได้ว่าเขามาจากนิยายและคนเขียนไม่ได้เจาะลึกชีวิตในยุคปัจจุบันของเขามากนัก ยิวจึงรู้สึกโกรธและเคืองคนเขียนพอสมควร แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก ยิวจึงเดินกลับไปยังคณะนิเทศศาสตร์ที่เขาเรียนอยู่
“กัสทำไมวันนี้มาแต่เช้า เมื่อกี้เราเห็นนายไปคณะเทคโนโลยสารสนเทศ หรือว่าไปดูใครเอย”เป็กเพื่อนนักศึกษาคณะเดียวกันทักขึ้น ซึ่งนิสัยของกัสเงียบๆจึงไม่ค่อยสนิทกับใครอย่างจริงใจ ซึ่งผิดกับยิวที่เป็นคนที่ไม่เรื่องมากและเข้ากับคนง่าย เขาจึงทักทายตอบกลับอย่างยินดี เพราะนั่นจะทำให้เขามีเพื่อนคนแรกในโลกแห่งความจริง และเป็นถือว่าเป็นหล่อคนหนึ่งทีเดียว ซึงหน้าตาคมเข้ม หุ่นบึกซึ่งไม่ใช่เสปคยิวเท่าไร แต่สามารถที่จะคบเป็นเพื่อนได้อย่างแน่นอน
“ไปเหล่ๆดูนิดหน่อยเผื่อมีใครน่าสนใจ”ยิวเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเล็กน้อย
“จริงเหรอเนี่ย”เป็กอ้าปากค้างเล็กน้อยพร้อมกับใช้สมองครุ่นคิดว่าเกิดอะไรกับกัสกันแน่
ยิวเห็นอาการของเป็กเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมเป็กถึงมืออาการแปลกๆในเมื่อเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ
“เป็นอะไรทำไมทำสีหน้าอย่างนั้น”
“เอ่อ เราไม่คาดคิดว่านายจะแรงขนาดนี้”
“แรงอะไรกัน เราก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“เห้ย นายนี่เป็นหนักเหมือนกันนะ เราชื่อเป็กนายจำไม่ได้เลยเหรอ แต่ก็จริงเพราะนายไม่ค่อยสนิทกับเราอยู่แล้วนี่ เลิกเรียนนายก็ไปซ้อมละครแล้วไปกับเพื่อนนายที่เรียนเอกภาษาอังกฤษ”
“เขื่อนน่ะเหรอเลิกคบกันแล้ว ว่าแต่หลังเลิกเรียนนายว่างไหม”
“ทำไมจะชวนเราไปไหน”
“ไปเป็นเพื่อนเราดูซ้อมละครหน่อย”
“อือ ก็ได้”
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ”
“เอ่อเราไปเรียนกันเถอะ”เป็กเอ่ยขึ้น
ยิวรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เพื่อนใหม่ เพราะตัวของเขาเองยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ถ้ามีเพื่อนสักคนถือเป็นการดีพอสมควร ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเป็กเป็นคนอย่างไรนิสัยดีหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักให้คบค้าสมาคม แต่เมื่อเขาคิดย้อนไปก็อดเสียดายเขื่อนไม่ได้ ถ้าไม่ทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเขาคงจะรู้สึกดีมากกว่านี้พอสมควร
เมื่อถึงเวลาหลังเลิกเรียนยิวได้พาเขื่อนมายังชมรมละคร ซึ่งยิวอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าชมรมละครอยู่ที่แห่งนี้ เพียงยิวก้าวเท้าเข้าไปในห้องชมรมละคร ทุกสายตาได้จ้องมองมายังเขาเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะเขื่อนกับพีคมองเขาแท่บไม่กะพริบตา
“เป็กนายรออยู่ตรงนี้นะ”เมื่อยิวพูดจบเป็กก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆห้อง
ถึงแม้ยิวจะมีความมั่นพอสมควรแต่เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ เมื่อต้องปะทะสายตาทุกคู่ที่จ้องเขาอย่างใคร่สงสัยในการมาครั้งนี้
“เอาล่ะเมื่อน้องกัสมาแล้วก็ช้อมเลยก็แล้วกัน”จีน่าผู้กำกับสาวเอ่ยขึ้นพร้อมอธิบายบทที่จะซ้อมในวันนี้
ยิวได้รับรู้บทที่จะซ้อมละครวันนี้คร่าวๆ เขารู้สึกสะใจเพราะเป็นฉากเลิฟซีน สาเหตุที่เขาสะใจเพราะยิวรู้สึกหมั่นไส้เขื่อนที่มีท่าทีรังเกียจ แล้วด่าทอเขาเมื่อสองวันก่อนยิ่งเมื่อวานทำเหมือนเขาไร้ตัวตน ยิ่งสร้างความเกลียดชังตัวเขื่อนอย่างมาก
“วันนี้จะเป็นบทที่ต่อจากหลายวันก่อนนะ คือ ก่อนหน้านี้ทั้งนิวและวินรู้แล้วว่ามีนนั้นเป็นแฟนคนเดียวกัน และในวันนี้จะต่อจากฉากก่อนหน้านี้นะ คือ พี่จะให้นิวนั่งอยู่บนเก้าอี้และทำท่านิ่งๆครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับวิน ส่วนมีนก็จะเข้ามาจากด้านหลังและโอบกอดนิวไว้ พร้อมกับจูบแก้มซ้ายขวาทั้งสองข้างนะ แล้วในช่วงเวลาเดียวกันวินก็เข้ามาเห็น ทุกคนเข้าใจตรงกันนะ กัส พีค เขื่อน โอเคไหม”
“โอเคครับพี่”ยิวพูดขึ้นก่อนทันที
อาการที่แสดงออกมาตอนนี้ทำให้พีคและเขื่อนรวมทั้งจีนกับเกรซอดแปลกใจไม่ได้ แต่ในเมื่อเวลามีน้อย จีน่าผู้กำกับสาวก็ให้เริ่มแสดงได้ทันที
นิวนั่งเหม่อลอยคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงแม้เขาจะรู้สึกเสียดายที่ต้องผิดใจกับเพื่อนรักอย่างวิน แต่ถ้าให้เขาเลือก สิ่งที่นิวต้องการคือมีนมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นนิวจึงสามารถที่จะตัดวินออกจากชีวิตได้ ถ้าวินไม่ยอมคบแบบสามคนอย่างที่มีนเสนอ
ในช่วงเวลานี้ยิวนั่งนึ่งๆทำอารมณ์ตามบทที่ได้รับ แต่แล้วเขาก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อพีคเข้ามากอดเขา ยิวแกล้งหันหน้าไปมองพีคแล้วแสร้งหลบตาต่ำชะม้อยตามอง ยิ่งพีคพรหมจูบทั่วใบหน้าซ้ายขวายิวแสดงท่าทีขัดขืนเล็กน้อย
“อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวใครมาเห็นเขา”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราเป็นแฟนกันแล้วนิครับ”
“เมื่อวานยังมีปัญหากับวินอยู่เลย วันนี้มาทำลุ่มล่ามเดี๋ยววินเข้ามาเห็นจะมีปัญหาอีกหรอก”
“ไม่หรอกก็เราตกลงกันแล้วนี่อยู่กันสามคนก็ได้”
“เราไม่มีปัญหา แต่วินยังไม่ตกลงด้วยนิจะให้ทำอย่างไง”
“ปล่อยไปก่อนก็ได้”
“ทำอะไรกันนะ”เขื่อนได้เข้ามาในบทของวิน
พีคแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยแล้วคลายกอดยิวทันที ส่วนยิวเอียงคอพอประมาณเบิกตามองเขื่อนอย่างเย้ยหยันในท่าที
“นายนี่มันจริงๆเลยหน้าด้าน”เขื่อนเอ่ยขึ้น
“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะวิน”สายตากับคำพูดของยิวนั้นไปคนละทาง
“มันจะไม่ใช่ได้อย่างไงเห็นคาตาอย่างนี้ นายก็รู้ว่าเรานั้นชอบมีนมาก”
“เรารู้ว่านายชอบ แต่เราไม่รู้ว่าแฟนนายเป็นมีนนี่”
“ในเมื่อนายรู้แล้วทำไมไม่สละให้เราล่ะ”
“แล้วทำไมนายไม่สละให้เราล่ะ นายก็รู้เหมือนกันรู้ว่าเรารักมีน”
“แต่เรารู้จักก่อน”
“หลังก่อนไม่สำคัญหรอก นายไม่ต้องพูดอะไรเยอะ ในเมื่อมีนบอกแล้วนี่ว่าเราอยู่กันแบบสามคนก็ได้ ทำไมนายไม่ยอมล่ะเรากับนายก็เป็นเพื่อนกัน การที่เรามีแฟนคนเดียวกันมันก็ไม่น่าใช่สิ่งที่เลวร้ายนินะ”
“มันความคิดนายแต่ไม่ใช่ความคิดเรา มันเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้หรอก”
“ถ้านายรับไม่ได้ก็ยกมีนให้เราก็ได้”
“ไม่มีทาง”สีหน้าของเขื่อนขมึงตึง
“ถ้างั้นก็ให้มันคาอยู่อย่างนี้แหละ”สายตาของยิวพร้อมฟาดมาก
“คัท”เจนนี่ผู้กำกับสาวสั่งหยุดทันที
วันนี้การแสดงของยิวไม่เป็นที่พึงพอใจต่อเจนนี่อย่างมาก เมื่อสั่งคัทเจนนี่จึงให้แยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือเพียงยิวที่เจนนี่ให้พบเป็นการส่วนตัว เพื่อปรับในส่วนของการแสดงวันนี้ ซึ่งผิดแผกแตกต่างจากวันก่อนๆหน้านี้อย่างมาก
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
ค่ำคืนอันดึกดื่นกัสนักศึกษาหนุ่มผู้มีความฝัน อยากมีนิยายสักเรื่องหนึ่งที่เขาจินตนาการไว้ และอยากหาเงินจากการเขียนนิยายเพื่อยังชีพ เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลงมือเขียน แต่ยังไม่ทันได้เขียน เขื่อนเพื่อนร่วมห้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ และยังเห็นกัสนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเขาจึงอดถามไถ่ไม่ได้ “กัสมัวทำอะไรอยู่ถึงยังไม่นอนสักที” “เรากำลังจะเขียนนิยายตอนแรก” “เอาแน่ใช่ไหม เห็นว่าจะเขียนหลายรอบแล้ว” “ครั้งนี้แน่นอน” “เอาใจช่วยนะ แต่เราขอตัวนอนต่อ นายก็อย่าโหมเขียนยันแจ้งล่ะ ถ้าง่วงก็นอน แต่เราของตัวนอนก่อนก็แล้วกัน”เขื่อนล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันที ส่วนกัสก็ไม่รอรีอีกต่อไป เขากดแป้นพิมพ์ ตามจินตนาการที่วางไว้ เพื่อหวังว่าสักวันเขาจะประสบความสำเร็จทางด้านนี้ กัสจึงเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรก นักรักบันลือโลก ท่ามกลางแคว้นโสรยาที่กำลังเกิดศึกสงคราม โดยมีแม่ทัพวิศรุฒแห่งแคว้นศิลานคร ได้นำทัพมาตีเมืองโสรยาที่อ่อนแอ ไร้ผู้นำที่เข้มแข็งจึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้แม่ทัพวิศรุฒ ตีเมืองโสรยาจนพ่ายเมืองแตก บรรดาเจ้าเมืองและองค์ชายที่หลบหนีไม่ทัน แม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ฆ่าฟันไม่มีเหลือซาก เพื่อป้องกัน
ผลคัดเลือกเข้าชมรมละครเวทีต้องรอวันพรุ่งนี้ พีคหัวหน้าชมรมจึงให้นักศึกษาที่มาสมัครคัดเลือกกลับกันไปก่อน ในส่วนของกัสและเขื่อนหลังจากออกมาจากชมรมละครเวที กัสรีบกลับห้องทันที เพื่อที่จะไปเขียนนิยายต่อ ส่วนเขื่อนต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ห้างสรรพสินค้า เมื่อกัสมาถึงที่ห้องเขาจึงรีบทำธุระส่วนตัวทุกอย่างให้เสร็จสิ้น นั่งครุ่นคิดชั่วครู่และลงมือเขียนนิยายต่อจากเมื่อวาน ในห้องบรรทมของเจ้าเมืองโสรยาองค์เก่า ที่ได้เสียชีวิตจากน้ำมือของแม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ในช่วงเวลานี้มีเพียงสองคนต่างภพได้ร่วมอยู่ห้องเดียวกัน หลังจากเหล่าบรรดาทหารกล้าออกไปจนหมด ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพวิศรุฒ ยิวรู้สึกประหม่าและหวาดหวั่นมิใช่น้อย เมื่อเขาต้องยืนอยู่ใกล้หนุ่มร่างใหญ่กำยำบึกบึน ยิ่งสายตามองไปที่แผ่นอกลายรอยสักเสือสองตัว ยิวต้องเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเป็นรอยสักที่น่ากลัวสำหรับเขา “ข้าจะให้องค์เดินทางไปกับข้าด้วย” “จะไปก็ไปจะมาพูดย้ำทำไมอีก”“ที่ข้าพูดอีกครั้งก็เพราะว่า ถ้าข้าให้เดินทางไปในฐานะองค์ชายมันคงดูไม่เหมาะ” “แล้วจะให้เร
เป็กผู้ช่ำชองในยามราตรี เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ศุกร์เสาร์ทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวตัวยงที่ใครเห็นก็ต้องจำได้ นอกจากพ่อรวยรูปหล่อสายเปย์อีกต่างหาก จึงมีหลายคนเข้ามาพัวพันไม่ขาดสาย เมื่อเป็กพายิวมาเที่ยว จึงมีสายตาหลายคู่จ้องมองด้วยความอิจฉา แต่ยิวหาสนใจไม่ถึงแม้จะไม่ค่อยคุ้นชินในโลกปัจจุบันเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งสิ้น“เป็นไงบ้างมาเปิดหูเปิดตา” เป็กยื่นแก้วเพื่อชน“ก็โอเคนะ เป็นครั้งแรกที่เราได้มา รู้สึกว่าน่าสนใจกว่าเมืองโบราณอีก” ยิวเผลอคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ออกมา“เมืองโบราณอะไร” เป็กมีสีหน้าที่มึนงง“อ่อ เปล่า สนุกดีเราไปเต้นกันไหม”“อะไรนะ เราไม่อยากเชื่อเลยนายจะชวนเราไปเต้น นายเปลื่ยนไปหรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายว่ะ” เป็กหัวเราะ“ไม่ได้เปลื่ยนนี่แหละตัวจริง ที่เห็นก่อนหน้านี้ตัวปลอม แอ๊บไว้ไงแต่ไม่เห็นมีใครชอบเลย เป็นตัวของตัวเองดีกว่า” ยิวเสแสร้งแกล้งพูดเพราะในความจริงเป็นร่างของคนอื่น เพียงแต่เขาแค่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้เท่านั้น“ร้ายนะ แกล้งเงียบถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้เราจีบตั้งนานแล้ว”“อะไรนะ” ยิวรู้สึกมึนงงและสับสนกับคำพูดของเป็ก“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ เ
กัสนั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะไปท้องพระโรง เขาคิดย้อนเหตุการณ์เมื่อเสือเข้มพามาถึงยังหมู่บ้านกองโจร ซึ่งคนละที่กับซุ้มเสือเข้ม เพียงแค่เข้าไปถึงแม้จะไม่ประหลาดใจ แต่ก็ต้องอึ้งกับผู้คนในที่แห่งนี้ ที่มีหลากหลายอายุคละกันไป และมีการฝีกปรือฝีดาบอย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พยายามมองผ่านและเดินตามเสือเข้าไปข้างใน“แม่นมข้ากลับมาแล้ว” เสือเข้มวิ่งเข้าไปกราบแท่บเท้าของ มัณฑนานางกำนัลเก่าแห่งเมืองเมฆาบุรี“หายไปนายมากเลยนะ แม่อดคิดถึงเอ็งไม่ได้เลย เอ้า แล้วพาใครมาด้วยล่ะนะ” มัณฑนามองมายังกัสที่ยืนนิ่ง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของมัณฑนาเขาก็ต้องนั่งลงแต่โดยดี“เพื่อนข้าเอง” เสือเข้มอมยิ้ม“เพื่อนเอ็งเป็นใครกัน ทำไมผิวพรรณยังกับคนในรั้วในวัง รูปร่างก็บอบบางยังกับอิสตรี เอ็งไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน”“ข้าเจอโดยบังเอิญชื่อโสภณ เป็นโอรสลับๆ ของสนมแห่งเมืองโสรยานคร”กัสรู้สึกประดักประเด่อพอสมควร เพราะเขากับเสือเข้มได้ตกลงตอนเดินทางมาที่แห่งนี้ ความคิดเช่นเดิมได้เกิดครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ทัพวิศรุฒ แต่ได้ปดมดเท็จว่าเป็นองค์ชายโสภณ กัสจึงทำตามเช่นเคยซึ่งเสือเข้มก็เห็นพ้องไม่ทัดทาน“อ่อ องค์ชายตกยาก คงจะเป็นคนองค์ชา
ยิวหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิดดูแต่เป็นที่น่าเสียดาย มันสามารถที่จะติดได้เนื่องจากวันนั้นล้มกระแทกจนเสียหาย ยิวถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะเขาต้องทำงานส่งอาจารย์ และอีกอย่างหนึ่งด้วยความอยากรู้ว่ากัสได้บันทึกหรือทำอะไรไว้ในนี้บ้างยิวจึงพับโน๊ดบุ๊คไว้ตามเดิม และกะว่าช่วงเย็นจะเอาไปซ่อม แต่ติดปัญหาคือเขาไม่มีเงินพอที่จะนำไปซ่อม เขาจึงหยิบโทรศัท์มือถือของกัสมาเปิดดู ซึ่งได้ล็อครหัสไว้จึงทำให้ไม่สามารถเปิดได้ มีเพียงรับสายอย่างเดียวแค่นั้น ยิวจึงลองนำวันเดือนปีเกิดของกัสมาใส่ ซึ่งก็ได้ผลทันทีมือถือเครื่องนี้ปลดรหัสได้ แต่นั่นไม่เท่ากับภาพหน้าปกเป็นรูปของพีค ยิวจึงเกิดความอยากรู้ต่อไปเขาจึงเปิดดูในแกเลอรี่ ซึ่งในนั้นมีแต่ภาพพีคเต็มไปหมดดวงตาอันกลมโตของยิวได้หลับลง พร้อมจินตนาการเรื่องราวของกัสว่าเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้ ซึ่งในหัวของเขาก็เห็นแต่หน้าพีคอยู่เพียงผู้เดียว พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เขารีบดูทันทีซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นพีคนั่นเอง“อยู่ห้องไหมน้องกัส”“อยู่พี่พีคมีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่โทรถามเฉยๆ ถ้าอยู่พี่จะไปหา”“พี่มีธุระอะไรเหรอ”“จะไปหาต้องมีธุระด้วยใช่ไหม”“เป
นางกำนัลสาลินีได้นำพาพระโอรสของราชาเมษากับราชินีสีวิกา เดินลัดเลาะหลบมุมตลอดทาง จนมาถึงข้างๆ ตำหนักของชายามาริสา เธอรออยู่พักหนึ่งมันฑนานางกำนัลร่วมรุ่นมาพร้อมพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสา“ข้ารอตั้งนานนึกว่าเอ็งไม่มาแล้ว ยังดีที่พระโอรสไม่ร้องเลย” นางกำนัลสาลินีเอ่ยขึ้นด้วยใจระทึกมองซ้ายมองขวา แล้วมององค์ชายแสนอาภัพที่เธออุ้มมา“เอาน่าอย่าพูดมากเลยเอาเด็กมาสลับกัน” นางกำนัลนำพระโอรสที่ซ่อนมาในตะกร้าผ้าออกมานางกำนัลสาลินีและนางกำนัลมัฑนาต่างสลับพระโอรสกันตรงนั้น แต่สายตาทั้งสองก็ไมวายมองรอบๆ บริเวณ ด้วยความกลัวใครจะมาพบเห็น“เอ่อ เอ็งออกมาได้อย่างไงไม่มีทหารเหรอ” นางกำนันสาลินีถาม“มี แต่ทหารที่เฝ้ารู้จักกันก็เลยพอเอาออกมาได้”“เอ้านี่ คือแหวนที่มเหสีสีวิกามอบไว้ให้องค์ชาย”“อือ”มัณฑรับแหวนไว้แล้วรีบพาองค์ชายเข้าไปในพระตำหนักอย่างทันท่วงที ส่วนสาลินีไม่รอช้ารีบน้ำองค์ชายที่สลับเปลื่ยนไปยังตำหนักราชินีสีวิกาเช่นเดียวกัน ซึ่งกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหลบเหล่าทหารที่กำลังออกตระเวนเมื่อสาลินีมาถึงยังตำหนักของราชินีสาลินี เธอรีบน้ำพระโอรสของอนุชาเมฆากับชายามาริสาวางไว้ข
หนึ่งหนุ่มกับสาวอีกคนนั่งมองหน้ากันในห้องชมรมละคร หลังจากนักศึกษาในชมรมนี้ออกไปไปหมดแล้ว เจนนี่ผู้กำกับสาวนั่งนิ่งมองหน้ายิวอยู่พักหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลาที่มองอยู่นั้น ได้เห็นแววตาอันเปลื่ยนแปลงไป เพราะมีความสู้คนและเปิดเผยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด“วันนี้น้องกัสเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมการแสดงของน้องแปลกไป และไม่เข้ากับบมที่ได้รับ”“เปล่าครับ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง”“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องนะ แต่พี่อยากบอกว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการแสดงให้มาก คือเมื่อก่อนกัสอินกับละครจนไม่สามารถที่จะออกจากบทนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้กัสไม่อินเหมือนเดิมกลับกันเป็นคนละคนเลย”ยิวอยากจะเถียงแต่เขาก็ต้องเก็บกลั้นอามรมณ์นั้นไว้ เพราะในตอนนี้เขาได้เขามาอยู่ในร่างของกัน ซึ่งจากการคาดคะเนของยิวนั้น กัสน่าจะมีนิสัยที่แตกต่างจากเขาอย่างมาก“ครับ” ยิวรับคำแต่โดยดีและไม่พูดสิ่งใดออกมา“ดีแล้ว พี่จะให้กัสพักสองวันนะเพื่อลองทบทวนอะไรบางอย่าง กลับได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำจะอันตราย”“ขอบคุณพี่มากครับ” ยิวยกมือไหว้พร้อมกับศีรษะให้เจนนี่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหรือหยุถเดินแต่อย
กัสเดินเข้ามาในตำหนักว่างเปล่าที่มีผู้คนคอยรับใช้อย่างมากมาย ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต่อไปนี้ไม่น่าจะลำบากกาย แต่อันตรายนั้นน่าจะอยู่รอบตัวเขาอย่างแน่นอน กัสจึงหวั่นผวากลัวอยู่เนืองๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอนกจากทนและจำยอมมาในที่แห่งนี้ พร้อมกับเสือเข้มผู้องอาจ และท่านอำมาตย์มงคลผู้มีแผนการอันแยบยล“เอ็งจำไว้นะว่าชื่อเมธี เป็นรัชทายาทแห่งเมืองเมฆาบุรี เป็นพระราชโอรสของอดีตราชาเมษากับราชินีสีวิกา” อำมาตย์มงคลพูดจบก็หันไปมองกัสที่นั่งนิ่งๆ สีหน้าราบเรียบ“ส่วนองค์ชายตัวจริง กระหม่อมต้องขออภัยด้วยที่ต้องเรียกว่าองครักษ์เข้ม”“ไม่เป็นไรหรอกข้าแค่อยากมาแก้แค้นให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ของข้าเท่านั้น”“ดีมากพระองค์ แต่พระองค์ต้องลำบากลำบนเป็นโจรก็เพราะราชาเมฆาที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไปนี่พระเจ้าค่ะ”“ท่านอำมาตย์ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นองครักษ์เข้ม ท่านอย่าพูดกับข้าเป็นองค์ชายอย่างนั้น องค์ชายตัวจริงอยู่โน่น” เสือเข้มโบ้ยปากไปทางกัสที่กำลังนั่งนิ่งๆ“เอ่อ ขอโทษข้าลืมไป ถ้าอย่างขอตัวก่อนก็แล้วกัน เอาไปว่าคืนนี้คุยกันดีๆ และเตรียมตัวอย่างที่เราตกลงกันไว้” เมื่ออำมาตย์มงคลพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีกัสครุ่นคิด
ยิวนั่งมองเขื่อนขนของย้ายห้องออกไปอย่างไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกสนิทด้วยแต่อย่างใด ยิวจึงมีแต่ความเย็นชาใส่เขื่อน เมื่อเขื่อนขนของเสร็จเขาไม่ได้ยินแม้แต่คำลาสักคำ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ไม่พูดอะไรออกมาให้เขื่อนได้อย่างยินเช่นกัน พออยู่คนเดียวภาวะจิตใจของยิวนั้นเริ่มว้าวุ่นคิดวนมาวนไปอยู่หลายครั้ง เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเรียนอยู่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ พอกับจากมหาวิทยาลัยเขาก็นอนอ่านนิยายแล้วหลับไปตื่นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์นิยายเรื่องนักรักบันลือโลกไปแล้ว นักเขียนไม่ได้ใส่รายละเอียดตัวเขาให้มากพอ ยิวจึงมีความทรงจำในยุคปัจจุบันอยู่แค่นี้ แต่เรื่องราวต่างๆในโลกปัจจุบันยิวกับรู้ทำได้ทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ยิวเริ่มค้นห้องและตรวจสอบทุกอย่างในความเป็นตัวกัส เขาจึงรู้ว่ากัสเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ซึ่งคนละคณะกับเขาเลย เพราะยิวเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิวยิ่งคิดยิ่งกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไรกับชีวิตที่อยู่ในร่างกัส แต่เขาคิดว่ายังดีกว่าไปอยู่นิยายเมืองโบราณที่ไม่มีความทันสมัย ซึ่งเขาได้พบความอยากลำบากมาแล้ว ยิวจึง
ตอนที่24 ตัวเราลิขิตเอง น้ำกระเด็นทั่วเรือนร่างและโดนหนักตรงบริเวณใบหน้า จึงทำให้กัสได้สติเขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย และภาพตรงหน้าที่เขาได้พบเห็น เป็นชายหนุ่มสูงใหญ่มีหนาวดเคราหนาจนกัสรู้สึกหวั่นกลัวอย่างหนัก เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณ ซึ่งมีแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่และหญ้าสูงเคียงเอว “มึงเป็นบ้าอะไรใส่ชุดใหญ่ผู้หญิงไอ้ยิว”เสือเข้มผู้ช่วยชีวิตกัสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมึงตึง “เราไม่ได้ชื่อยิวเราชื่อกัส”เมื่อกัสได้ยินชื่อยิวเขาก็ใคร่สงสัยและครุ่นคิดอย่างหนัก ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วย ทำให้กัสถึงกับพอจะรู้อะไรบ้างแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร “มึงพูดดีๆว่ามึงชื่ออะไร” กัสมองไปรอบๆอีกครั้งและหยิกตัวเองซึ่งเขาก็รู้สึกเจ็บพอสมควร ในช่วงเวลานี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เท่าที่เขาจำได้ก่อนหน้านี้กำลังทะเลาะอยู่กับเขื่อน และก็โดนผลักจนล้มลงบนโน๊ตบุ๊ค หลังจากนั้นกัสไม่สามารถที่จะจำอะไรได้อีกเลย “ที่นี่ที่ไหน”กัสพูดด้วยความมึนงง “ศิลานคร” “แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เมื่อเขียนนิยายได้หนึ่งตอนกัสจึงรู้สึกง่วงอย่างมาก จึงหยุดเขียนและนั่งอ่านซ้ำจนเกือบจะจบตอน จูจู่เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กัสพีคมานอนนี่ได้อย่างไง” กัสได้ยินเสียงห้วนและดังมาก เขาจึงหันหน้ามองด้วยความตกใจ กัสทำอะไรไม่ถูกถึงแม้สิ่งที่เขาทำก้ำกึ่งไม่ตั้งใจก็ตาม “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเขื่อน” “ไม่ใช่แล้วพี่พีคมานอนอยู่ที่ห้องได้ไง” “ก็พี่พีคเขาเมาตามหานายไม่เจอ เขาก็มานอนรอนายอยู่นี่ไม่เห็นเหรอนะ” “ทำไมต้องถอดเสื้อผ้านอนด้วย”เขื่อนจ้องหน้ากัสเขม็ง “เหล้ามันหกเปื้อนเสื้อผ้าเขา โน้น เสื้อกางเกงของพีคเราซักตากไว้ให้”กัสชี้ไปยังที่ตากเสื้อกางเกงของพีค “เราไม่เชื่อหรอกนายสองคนต้องมีอะไรกัน” “ไม่เชื่อก็ถามพี่พีคสิ” “พี่พีค”เขื่อนตะโกนอย่างดัง พีคตกใจตื่นด้วยเสียงอันดังของเขื่อน เมื่อเขาลืมตาขึ้นและหันมามองตามเสียง ภาพที่ได้เห็นคือเขื่อนยืนนิ่งๆมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พีครู้สึกแปลกใจเขาจึงลุกขึ้นแล้วลงมาจากเตียง “มีอะไรเหรอเรียกพ