ร่างกายที่รู้สึกหนักอึ้ง ค่อย ๆ จมดิ่งลงไปท่ามกลางกระแสน้ำเย็น ภาพที่เห็นก็เริ่มเลือนราง หูทั้งสองข้างอื้อเสียจนไม่สามารถได้ยินเสียงอะไร มือซีดเซียวที่พยายามตะเกียกตะกายกายขอความช่วยเหลือก็เริ่มหมดแรงลงอย่างช้า ๆ นางจมดิ่งลงไปในความมืดมิดโดยมีกระแสน้ำโอบอุ้มร่างกาย มันทั้งมืดมิดและน่ากลัว เคว้งคว้างและว่างเปล่า
อึก..หายใจไม่ออก ใครก็ได้..ช่วยด้วยค่ะ
หญิงสาวไม่มีแม้แต่แรงที่จะเค้นเสียงออกมาด้วยซ้ำ คำเหล่านี้นางจึงทำได้แค่เพียงตะโกนอยู่ในใจ สติสุดท้ายที่เหลืออยู่เริ่มเลือนราง หากมีใครสักคนมาช่วยนางก็คงดี..
นี่..เราต้องตายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ หรือ.. ช่างเป็นชีวิตที่ไร้ค่าเสียจริง..
ใบหน้าที่ว่างเปล่าหลับตาลงอย่างช้า ๆ และโอบกอดความตายไว้แต่โดยดี ขัดขืนไปก็มีแต่จะทำให้เหนื่อยเปล่า อย่างไรชีวิตนางมันก็ไร้ค่าอยู่แล้ว หากตายไปเป็นอาหารให้ปลา ชีวิตนางอาจจะมีคุณค่ามากกว่านี้..
"ช่วยด้วยย ช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ ใครก็ได้ช่วยฮูหยินด้วย" เสียงสาวใช้คนหนึ่ง ตะโกนหวีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างขาดสติ นางร้องไห้ฟูมฟายเสียจนใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก
หวงตงหยางที่นั่งทำงานอยู่ในห้องได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากข้างนอก จึงวางพู่กันลง ก่อนจะเดินออกไปยังที่มาของเสียงด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์
คราวนี้ฮูหยินของเขาก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ ตั้งแต่แต่งงานกับนางมาชีวิตเขาก็ไม่เคยสงบสุขเลยสักวันเดียว
ร่างกำยำเดินมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามสระบัวหน้าเรือนของเขา ก็เห็นว่ามีสองร่างตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ จึงรีบกระโดดลงไปช่วยในทันที คนหนึ่งคือฮูหยินเพียงในนามของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งคือสตรีที่เขามีใจให้ หวงตงหยางจะเลือกช่วยใครนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เดาได้ยากเลย
เขารีบว่ายน้ำเข้าไปช่วยเหลือเหรินหลานเฟิงอย่างรวดเร็ว นางตกน้ำเช่นนี้จะเป็นฝีมือใครไปได้นอกจากจ้าวเยี่ยนฟาง
"หลานเฟิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามสตรีในอ้อมแขนด้วยความกระวนกระวายใจ
"ข้ามิเป็นอะไร.. แล้วฮูหยินของท่านล่ะเจ้าคะ" เสียงหวานเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง
หวงตงหยางตาเบิกโพลงขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น นั่นสิ..แล้วจ้าวเยี่ยนฟางเล่า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าเจียวมิ่งองครักษ์ของเขาเป็นคนช่วยจ้าวเยี่ยนฟางขึ้นมาจากน้ำ ร่างของนางนั้นซีดเซียว เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เชื่อสายตา
นางสำลักน้ำออกมาเสียจนน่าสงสาร เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น บ่าวไพร่ในจวนล้วนรู้เห็นอย่างชัดเจนว่า นายท่านของพวกเขาเลือกช่วยสตรีอื่น หาใช่ภรรยาของตน
"ฮูหยิน ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ถิงถิงสาวใช้คนสนิทของจ้าวเยี่ยนฟางรีบกระโจนเข้าหาผู้เป็นนายหญิงของตนในทันทีที่เห็นร่างของผู้เป็นนายถูกอุ้มขึ้นมาริมขอบสระ นางร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนพูดไม่เป็นภาษา ทว่าดวงหน้างดงามกลับมองนางด้วยความงุนงง
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร..ทำไมถึงร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นนี้..เธอเป็นห่วงเราอย่างนั้นหรือ..
ตอนนี้นางยังอยู่ในสภาวะตกใจจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เซี่ยซินหยานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบแต่สิ่งที่ชวนให้ประหลาดใจ นางอยู่ที่ไหน เหตุใดถึงมีแต่คนแปลกหน้า อีกทั้งยังแต่งตัวด้วยชุดแปลกประหลาดเช่นนี้
"เจ้า เป็นคนทำใช่หรือไม่" เสียงทุ้มต่ำของหวงตงหยางมีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์มิใช่น้อย
เซี่ยซินหยานหันไปตามเสียงก็พบเข้ากับสายตาเย็นชาคู่หนึ่ง เขาเดินตรงเข้ามาหานางด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร ตอนนี้นางรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก บุรุษผู้นี้คือใคร เหตุใดถึงมีท่าทีโกรธเกลียดนางเช่นนั้น นางไปทำอะไรให้เขาเคืองขุ่นอย่างนั้นหรือ
"จ้าวเยี่ยนฟาง ข้าถามว่าเจ้าเป็นคนผลักหลานเฟิงตกน้ำใช่หรือไม่" แววตาคมกริบของเขาดูโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม เขาเชื่อสนิทใจเลยว่า จ้าวเยี่ยนฟางต้องเป็นคนที่ผลักเหรินหลานเฟิงตกน้ำเป็นแน่ เพราะที่ผ่านมานางก็ทำตัวร้ายกาจเช่นนี้อยู่เสมอ
เซี่ยซินหยานได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร.. นางมิได้ชื่อจ้าวเยี่ยนฟางเสียหน่อย และนางก็ไม่ได้ผลักใครตกน้ำทั้งนั้น เหตุใดเขาต้องมาคาดคั้นนางด้วย
"ข้าถามว่าใช่หรือไม่!!!" หวงตงหยางตะคอกเสียงดังลั่น ปกตินางก็กลั่นแกล้งเหรินหลานเฟิงเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าความริษยาจะทำให้นางร้ายกาจถึงขั้นลงมือฆ่าแกงผู้อื่นได้
"ไม่..ฉันไม่ได้ทำ" เซี่ยซินหยานตอบกลับเสียงแข็ง แต่ทว่านางกลับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เพราะเสียงที่เปล่งออกไปนั้นมันมิใช่เสียงของนาง เซี่ยซินหยานก้มลงสำรวจร่างกายตัวเองก็พบกับความผิดปกติหลายอย่าง
ปกติแล้วร่างกายและผิวพรรณของนางงดงามเช่นนี้หรือ.. อีกทั้งหน้าอกนี่..มันก็ดูอวบอิ่มกว่าที่นางเคยมี นี่มันเกิดเรื่องตลกอะไรกัน
"เจ้าไม่ได้ทำแล้วใครเป็นคนทำ ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ถึงความร้ายกาจของเจ้า" เสียงดุดันยังคงคาดคั้นเอาผิดจากนาง ตอนนี้เซี่ยซินหยานเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียแล้ว บุรุษผู้นี้เป็นใครกันถึงได้มายืนด่านางฉอด ๆ อีกทั้งยังใช้ภาษาแปลกประหลาด คิดว่าตัวเองเป็นคนยุคสมัยไหนกัน
"คุณนี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ ก็ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ได้ทำ ฉันก็จมน้ำเกือบตายเหมือนกัน คุณจะมาคาดคั้นเอาอะไร" เซี่ยซินหยานตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไร เธอไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ เหตุใดต้องมานั่งตอบคำถามของเขาราวกับนักโทษ
หวงตงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จ้าวเยี่ยนฟางนางกำลังพูดอะไรอยู่ถึงได้ฟังรู้เรื่องบ้างมิรู้เรื่องบ้าง อีกทั้งยังเถียงคำไม่ตกฟาก มิมีภรรยาสกุลไหนกระทำเยี่ยงนี้
"เจ้าแน่ใจหรือว่าจมน้ำเกือบตาย นั่นมิได้เป็นเพียงการแสดงหรอกหรือ" สายตาดุดันคมกริบของเขายังคงจ้องมองมาที่นางอย่างไม่ลดละ นี่เขากำลังคิดว่านางแกล้งจมน้ำสินะ แล้วอีกอย่างหลานเฟิงที่เขาพูดถึงเป็นใครนางก็ไม่รู้จัก แล้วนางจะไปผลักคนอื่นตกน้ำได้ยังไง
เอ๊ะ..จมน้ำงั้นหรือ เราไปจมน้ำตอนไหนกัน.. เรายืนอยู่บนถนน แล้วจะจมน้ำได้อย่างไร..
เซี่ยซินหยานจมดิ่งไปในภวังค์ความคิดของตนเอง จนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรนางล้วนไม่สนใจ ตอนนี้นางอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ที่นี่คือที่ไหน เหตุใดจึงมีแต่คนมองมาที่นางด้วยสายตาเกลียดชัง โดยเฉพาะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
"เหอะ สุดท้ายเจ้าก็เถียงไม่ออกสินะ" เมื่อเห็นว่าสตรีร้ายกาจไม่ยอมพูดอะไรออกมา ก็เท่ากับว่านางยอมรับในความผิดเรียบร้อยแล้ว
"เจียวมิ่ง รับคำสั่งข้า เนื่องด้วยฮูหยินร้ายกาจผู้นี้คิดร้ายต่อสหายข้าถึงขั้นหมายชีวิต เจ้าจงนำนางไปโบยหวายห้าสิบไม้ และให้กักบริเวณฮูหยินอย่างไม่มีกำหนด ห้ามนางออกมาจากเรือนจนกว่าข้าจะอนุญาต!!!" คำสั่งของเขาแฝงไว้ด้วยบารมีน่าเกรงขามเฉกเช่นผู้มีอำนาจเหนือกว่า เมื่อพูดจบบุรุษร่างสูงก็หันหลังกลับไปประคองร่างกายบอบบางของสตรีนางหนึ่งขึ้นอย่างช้า ๆ
"ท่านแม่ทัพโปรดเมตตาฮูหยินสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ" ถิงถิงรีบก้มหน้าโขกศีรษะกับพื้นเพื่อร้องขอแทนผู้เป็นนายของตน แต่ทว่าบุรุษผู้น่าเกรงขามผู้นั้นกลับไม่สนใจ เขาไม่คิดฟังคำขอของ สาวใช้คนหนึ่งหรอก จ้าวเยี่ยนฟางกระทำการโหดร้ายถึงขั้นหมายจะปลิดชีพคนเช่นนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ส่งนางให้กับทางการ การลงโทษเท่านี้ก็นับว่าเขาปรานีนางมากแล้ว
"ท่านแม่ทัพได้โปรด..ฮืออ.." ถิงถิงเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวที่ร้องไห้กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เจียวมิ่งที่เป็นคนช่วยฮูหยินขึ้นมาจากน้ำจึงทำได้เพียงตบบ่าถิงถิงเบา ๆ ด้วยความเห็นใจ เขาส่ายหน้าให้นางเล็กน้อยเพื่อสื่อว่า ขอร้องไปก็เปล่าประโยชน์ ท่านแม่ทัพหาใช่คนที่กล่าวแล้วคืนคำ เขาสั่งโบยห้าสิบไม้ก็คือห้าสิบไม้
บ่าวไพร่คนอื่นได้แต่ยืนมองเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงถึงอารมณ์ใด ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ อย่างไรฮูหยินก็ถือว่าเป็นนายหญิงของพวกเขา แต่ทว่าที่ผ่านมา ฮูหยินก็มิได้ปฏิบัติตัวอย่างเจ้านายที่ดี จึงทำให้คราวนี้ มิมีผู้ใดคิดเอ่ยปากขอร้องให้ท่านแม่ทัพยกเลิกการโบยฮูหยินเลยสักคนเดียว
แม้ในขณะที่กำลังถูกโบยจนรู้สึกเจ็บเจียนตาย นางก็ยังคงไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว หากจะบอกว่านางฝันอยู่ มันก็คงจะไม่ใช่ เพราะแรงเฆี่ยนจากไม้หวายที่สัมผัสโดนผิวหนังของนาง เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง มิได้เป็นเพียงแค่ความฝัน
เราไม่เข้าใจเลยสักนิด เราทำผิดอะไรไปอย่างนั้นหรือ..
เซี่ยซินหยานหมดสติไปเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว การลงโทษผ่านพ้นไป คนที่สั่งให้โบยฮูหยินก็ไม่โผล่หน้ามาดูดำดูดีภรรยาของตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว นางสลบไสลไปถึงสามวันโดยที่มีถิงถิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
"คุณหนูของบ่าว..ท่านฟื้นขึ้นมาเถิดนะเจ้าคะ ฮือ..ถิงถิงขอร้องท่าน หากไร้ซึ่งคุณหนู ฮึก..บ่าวก็ไม่มีใครแล้วนะเจ้าคะ" สาวใช้ผู้ภักดีฟุบหน้าร้องไห้อยู่ข้างเตียงผู้เป็นนาย ไม่ว่าในสายตาผู้อื่นคุณหนูจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับนาง คุณหนูจ้าวคือผู้มีพระคุณหนึ่งเดียวที่นางมี
ร่างกาย..หนักอึ้งไปหมดเลย เสียง..ใครร้องไห้กัน แม่หรือเปล่า..
คงไม่ใช่..
เซี่ยซินหยานลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ เธอพยายามปรับสายตาให้มองเห็นภาพเบื้องหน้า ก็พบว่ามีสตรีคนหนึ่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ข้างเตียง จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นี่คือที่ไหน ทำไมเธอถึงโดนเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายเช่นนั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงร้องไห้เพราะเราล่ะ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันแท้ ๆ
"อ๊ะ.." เซี่ยซินหยานเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ ทำไมจู่ ๆ ก็มีความทรงจำของใครคนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเธอ จ้าวเยี่ยนฟาง..นางรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้เหลือเกิน ถิงถิง..คือสตรีที่ร้องไห้อยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่
"ฮูหยิน!! ท่านฟื้นแล้ว" ถิงถิงที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นนาย จึงรีบเงยหน้าขึ้นมาดูทันที ภาพฮูหยินที่นอนคว่ำเช่นนี้มาสามวัน มันเป็นภาพที่โหดร้ายเหลือเกิน โชคดีจริง ๆ ที่ท่านปลอดภัย
ตอนนี้เซี่ยซินหยานเริ่มเข้าใจอะไรบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่นางยังไม่แน่ใจ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน แผลที่หลังของนางสามารถเป็นพยานได้เลย แต่เหตุใดนางถึงมีความทรงจำของผู้อื่นกันล่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่..
"ถิงถิง ข้าต้องการคันฉ่อง เดี๋ยวนี้เลย!!"เซี่ยซินหยานอาศัยความทรงจำของผู้อื่น พูดคุยกับสตรีตรงหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เธอคนนี้เป็นคนเดียวที่พยายามปกป้องเรา เธอชื่อถิงถิงสินะ..
"เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบยกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" ถิงถิงเข้าใจว่า ฮูหยินคงเป็นห่วงบาดแผลที่หลัง เพราะมันอาจจะเป็นแผลเป็นก็ได้ ฮูหยินของนาง ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นถูกเลี้ยงดูและตามใจมาอย่างดี ราวกับเป็นไข่ในหิน ยิ่งเรื่องถูกโบยยิ่งไม่เคยเกิดขึ้น
คุณหนู..ท่านเป็นสตรีที่สูงส่งและงดงาม ชายใดได้เห็นก็ต้องรักท่าน แต่ท่านกลับเลือกที่จะแต่งงานกับแม่ทัพหวง การแต่งงานครั้งนี้มันดีแล้วจริง ๆ หรือเจ้าคะ..
ในขณะที่ถิงถิงกำลังไปยกคันฉ่องมาให้นาง เซี่ยซินหยานก็พยายามใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่บนเตียง เธอจำได้ว่า ล่าสุดเธอทะเลาะกับพ่อจึงวิ่งออกจากบ้านมา จากนั้น..ก็มีฝนตกหนัก และถ้าหากความจำของเธอยังดีอยู่ ดูเหมือนว่า..เธอจะโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังในขณะที่กำลังเดินตากฝนอยู่บนถนนทางออกจากหมู่บ้านแล้วจู่ ๆ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แถมตอนนั้นก็กำลังจมน้ำจนเกือบตาย..ไหนจะโดนจับไปเฆี่ยนเพราะถูกเข้าใจผิดว่ามีเจตนาฆ่าผู้อื่น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่"คันฉ่องมาแล้วเจ้าค่ะ" ถิงถิงยกกระจกบานใหญ่มาตั้งไว้ข้างเตียงอย่างเหนื่อยหอบ แววตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย คุณหนูคงจะกังวลว่าแผลจะทิ้งรอยเอาไว้สินะ..เซี่ยซินหยานพยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะพยุงร่างกายขึ้นมาได้ ถิงถิงเห็นเช่นนั้นจึงพยายามเข้าไปประคองผู้เป็นนายของตน ให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ"ขอบใจนะ"เซี่ยซินหยานเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก ภาพที่ปรากฏทำให้นางต้องตกใจถึงกับเบิกตาโพลงภายในกระจกบานนั้นสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเปลือยท่อนบน ด้วยเพราะบาดแผลที่กลางหลังทำ
แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างมากระทบลงบนใบหน้างดงามของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงไม้หรูหรา ประดับไปด้วยผ้าม่านสีขาวพลิ้วไหว นางเป็นคนที่งดงามราวกับเทพธิดา ใบหน้ารูปไข่ไร้ฝ้ากระ ผมสีดำขลับยาวสลวย คิ้วโกงโค้งดุจคันศร จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อ รวมถึงผิวพรรณที่ขาวนวลผ่องดุจมุกเม็ดงาม ดั่งสวรรค์ตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมาจ้าวเยี่ยนฟางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ นางพยายามปรับสายตารับกับแสงให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อตั้งสติได้จึงพยายามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งเตียง เพดาน รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างล้วนดูแปลกตา และไม่ว่าจะตื่นมาเห็นเช่นนี้อีกกี่ครั้ง นางก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินหลังจากวันแรกที่มาอยู่ในร่างนี้ นางก็พยายามคิดหาหนทางเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เสมอ แผนการที่ทำให้พระเอกหลงรักเพื่อที่ตนจะได้ไม่ถูกฆ่านั้น คือแผนการที่นางปัดตกไปเป็นอันดับแรกเพราะตัวนางนั้นรู้ดีว่าหวงตงหยางรังเกียจนางเพียงใด คงไม่มีทางที่เขาจะหันมาสนใจนางอย่างแน่นอน วิธีเดียวที่จะทำให้นางมีชีวิตรอดในตอนนี้ คือการอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และพยายามเป็นภรรยาในนามที่ดี เผื่อหวงตงหยางจะร
"กลับจวนกับข้า"ในขณะที่นางกำลังจะแนะนำตัว ก็มีเสียงทุ้มต่ำพูดขัดขึ้นอยู่ทางด้านข้าง ดวงตาดุดันเหมือนฆ่าคนได้ตวัดมองนางอย่างไม่พอใจ จ้าวเยี่ยนฟางไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหวงตงหยางเดินมาหานางตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้.."ทำไมข้าต้องกลับกับท่าน" นางเอ่ยถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ จู่ ๆ หวงตงหยางเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา"ข้าบอกให้กลับจวนกับข้า" เสียงทุ้มของเขามีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์ หวงตงหยางคว้าข้อมือเล็กของนางพร้อมออกแรงดึงให้นางลุกขึ้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่นางเดินเข้ามานั่งตรงนี้แล้ว เพียงแต่ว่าเขามิได้ใส่ใจก็เท่านั้น"ปล่อยนะ ข้าบอกให้ปล่อยไง" จ้าวเยี่ยนฟางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ เขาถือดีอย่างไรมากระชากแขนคนอื่นตามใจชอบ ทุกแรงกระชากของเขา ไม่มีความเบามือเลยสักนิด นี่หวงตงหยางยังเห็นนางเป็นคนอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงได้ใจร้ายกับนางนัก"หวงตงหยาง ข้าเจ็บนะ ปล่อยข้า.. บอกให้ปล่อยไง!!!" นางตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง ที่ผ่านมานางก็พยายามอยู่ในที่ของตน ไม่ไปก่อเรื่องให้เขาต้องขุ่นเคืองใจ แต่เหตุใดเขาถึงเป็นฝ่ายมาก่อเรื่องให้นางรำคาญใจเสียเอง"นี่ท่านเป็นใคร ถึงได้มาบังคับให
"ท่านจงสัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่มีวันคิดทำร้ายหรือสังหารข้า นี่คือเรื่องเดียวที่ข้าอยากขอร้องท่าน"นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแววตาแฝงไปด้วยความสั่นไหว บอกตามตรงว่านางหวาดกลัวโลกใบใหม่แห่งนี้เหลือเกิน เพราะมันเป็นสถานที่ ที่ชะตาชีวิตของนางถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยปลายปากกาของคนเพียงหนึ่งมันเป็นโลกของนิยายที่นักเขียนได้สร้างขึ้นมาให้ จ้าวเยี่ยนฟาง ถูกสามีที่นางรักยิ่งกว่าสิ่งใด ลงมือสังหารนางได้อย่างเลือดเย็น..หวงตงหยางมองหน้าภรรยาที่เขานั้นแสนจะเกลียดชังด้วยความรู้สึกบางอย่าง ภายในใจของเขารู้สึกสับสนอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน การที่ภรรยามาขอร้องเขาว่าอย่าสังหารนาง สำหรับสามีแล้ว เขาควรรู้สึกอย่างไรดีนี่เขาชั่วช้าในสายตานางถึงเพียงนั้นเชียวหรือ.."ได้สิข้าสัญญา"หวงตงหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ แววตาของเขาวูบไหวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม หรือว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้น.. นางถึงได้แปลกไปจากเดิมหลังจากวันนั้น แม่ทัพหวงตงหยางก็สั่งยกเลิกการกักบริเวณฮูหยิน เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาสัญญาที่เคยพูดไว้เป็นอย่างดี นอกจากการมาขอให้เขาช่วยตรวจสอบบัญชีการใช้จ
จ้าวเยี่ยนฟางนั่งอยู่เพียงลำพังเช่นนั้นราวสองเค่อ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหวงตงหยางว่าจะกลับมา ถึงเขาจะเกลียดชังนางอย่างไร แต่เขาคงไม่ได้จะทิ้งนางไว้ที่นี่หรอกใช่หรือไม่..บัดนี้นางรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นกว่าตอนแรก สงสัยว่านางคงไข้ขึ้นเสียแล้ว หวงตงหยางจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่ตอนนี้นางอยากกลับจวนเต็มทน แต่ก่อนจะกลับ อย่างไรก็ต้องไปตามหาหวงตงหยางเสียก่อน หากเขายังอยากใช้เวลาอยู่กับแม่นางเหริน นางก็จะปล่อยเขาไว้ที่นี่ แล้วกลับจวนสกุลหวงไปคนเดียวจ้าวเยี่ยนฟางตัดสินใจเดินออกมาข้างนอกเพื่อตามหาหวงตงหยาง ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องนภา สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดเอื่อย ๆ พัดพากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ลอยล่องมาตามสายลม พระตำหนักแห่งนี้ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่หายลได้ยากยิ่ง สมกับเป็นพระที่นั่งขององค์ฮองเฮา"ข้าก็คิดอยู่ว่า ผู้ใดออกมายืนอยู่คนเดียวเช่นนี้ ที่แท้..ก็หวงฮูหยินนี่เอง" น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากทางด้านหลัง จ้าวเยี่ยนฟางหันกลับไปยังทางต้นเสียงก็พบกับคุณหนูจากตระกูลขุนนางสามคนในความทรงจำที่ปรากฎ หนึ่งในคุณหนูเหล่านี้มีสตรีคนหนึ่งเคยตามเกี้ยวหวงตงหยาง ตั้งแต่ตอนที่นางและเขายังไม่ได้แต่ง
ถนนเทียนหนิงวันนี้จ้าวเยี่ยนฟางซื้อของมากมายทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ นางรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ซื้อของตามที่ใจตนอยากได้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเงินถุงเล็ก ๆ แค่นี้จะซื้อของได้มากมายถึงเพียงนี้เงินนี่ดีจริง ๆ ข้ารักเงินที่สุดเลย!"คุณหนู ท่านอยากจะแวะไปที่ไหนก่อนหรือไม่เจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยถามผู้เป็นนาย นาน ๆ ทีคุณหนูจ้าวจะออกจากจวน จะให้กลับไปทั้งอย่างนี้เลยก็เป็นที่เสียดายน่าดู"อืม..ข้าอยากไปร้านที่มีจิตรกรวาดรูปน่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน" หากชาตินี้นางสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ นางก็อยากจะทำในสิ่งที่นางรัก อย่างเช่นการวาดรูป ในชีวิตก่อนนางต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเรียนพิเศษ จึงทำให้ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตนชื่นชอบ"คุณหนูอาจจะมิได้สังเกต แต่ที่ถนนเทียนหนิงมีอยู่ที่หนึ่งนะเจ้าคะถึงมันจะเป็นร้านเล็ก ๆ ก็ตาม คุณหนู..ท่านอยากซื้อภาพวาดหรือเจ้าคะ""ใช่ และข้าก็อยากซื้อผืนผ้ามาวาดรูปด้วย" นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส ครั้งสุดท้ายที่นางได้จับพู่กันระบายสี มันตอนไหนกันนะถิงถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากคุณหนูจะแวะไปซื้อภาพวาด นางก็พอเข้าใจได้ แต่คุณหนูบอกว่าจะซื้อผืนผ้ามาว
เขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกนางแท้ ๆ นางจะทิ้งเขาลงอย่างนั้นหรือ นั่นมันไร้หัวใจเกินไปแล้ว พวกโจรมันมีกันตั้งหลายคน ลำพังแค่เขาผู้เดียว จะไปสู้พวกมันได้อย่างไร..อีกใจหนึ่งของนางก็คิดว่าหากเขาไม่มั่นใจในฝีมือของตนเอง ก็คงจะมิกล้ากระโดดเข้ามาช่วยนางหรอก! นางกลับไปแล้วจะช่วยอะไรเขาได้โอ๊ย เอาวะเป็นไงเป็นกัน!!"ถิงถิงเจ้ารีบกลับไปตามคนมาช่วยบุรุษผู้นั้นเร็ว คนนับสิบรุมคนเพียงหนึ่งอันตรายเกินไป ข้าจะกลับไปดูเขา เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง""คุณหนู ท่านไปมิได้นะเจ้าคะมันอันตราย""นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นอันตราย เจ้าจงรีบไปตามคนมา!!" บัดนี้ในใจของนางว้าวุ่น เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้จะมัวรอช้ามิได้ นางรู้สึกผิดที่ตอนแรกคิดหนีเขาออกมา"เจ้าค่ะข้าจะรีบไปตามคนมาเดี๋ยวนี้" ถิงถิงไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามทางรถม้า ในใจก็นึกให้ใครก็ได้ช่วยคุณหนูกับผู้มีพระคุณคนนั้นด้วย!เจ้าเยี่ยนฟางวิ่งกลับมาที่เดิม บุรุษผู้มีพระคุณของนางกำลังต่อสู้อยู่กับพวกโจรอย่างดุเดือด บัดนี้พวกมันนอนหมอบกับพื้นไปเกือบหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ช่างไร้เทียมทานยิ่งนักนางหลบอยู่หลังต้นไม้คอยสังเกตการณ์ จะมีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเขาได้บ้าง น
หวงตงหยาง..ตอนนี้เขาควรอยู่กับเหรินหลานเฟิงที่โรงน้ำชาสิ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะ จะมาช่วยข้า เห็นทีปีนี้หิมะคงไม่ตกแล้วล่ะ เขาเกลียดจ้าวเยี่ยนฟางอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตามมาเพื่อปกป้องนาง"ท่าน! ท่านมาทำอะไรที่นี่" แม้นางจะคิดว่าบุรุษผู้นี้มีส่วนคล้ายกับหวงตงหยาง แต่นางก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ เพราะจากนิยายที่นางเคยอ่านมันไม่มีฉากนี้นี่นา"นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าหรือ" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากจบงานเลี้ยงที่วัง เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าจ้าวเยี่ยนฟางอีกเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้าฮูหยินของตนข้างนอกจวน แถมยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้เพราะปกตินางจะต้องมาตามรังควานเขาเสียทุกที แต่คราวนี้นางกลับทำเหมือนไม่เห็นเขา และเดินออกไปทั้งอย่างนั้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาที่โรงน้ำชาแล้วล่ะ เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นนางก็เท่านั้นและสิ่งที่แปลกขึ้นไปอีกคือ การที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเขานั่งอยู่กับเหรินหลานเฟิง หากเป็นปกตินางคงเข้ามาโวยวาย ทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิง ไม่ก็ทำลายขว้างปาข้าวของ แต่นางกลับไม่มีท
หวงตงหยางมุ่งหน้าไปยังอาชาสีนิลของตน เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี วันนี้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งที่เคยเกลียดชังจ้าวเยี่ยนฟางปานนั้น ก็ยังคิดถึงใบหน้าของนางอยู่ได้ ในเมื่อนางไม่หายไปจากสมองสักที เขาก็จะไปหานางเองขณะหวงตงหยางกำลังกุมบังเหียนอาชาคู่ใจมุ่งหน้ากลับไปยังจวนสกุลหวงเพื่อที่จะไปพบกับฮูหยินของตน ในใจก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จะไปหานางด้วยเรื่องอะไร มีเหตุผลใดเขาจึงต้องไปหานางกัน เขาคิดเช่นนั้นมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าจวนสองเท้ากระโดดลงจากอาชาอย่างมั่นคง ทหารยามที่เข้าเวรอยู่ ณ.ขณะนั้นจึงเป็นคนเอาม้าไปเก็บให้ผู้เป็นนาย หวงตงหยางเดินหน้าแดงก่ำไปยังที่พำนักของฮูหยิน ตอนนี้เขามาหยุดอยู่หน้าเรือนของสตรีที่เขาเคยเกลียดที่สุด ภายในใจสับสนวุ่นวายตีรวนกันไปหมด ทำไมข้าถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่กันนะ หากข้าได้เจอหน้านาง ความรู้สึกวุ่นวายในใจนี้จะหายไปหรือไม่"ฮูหยินอยู่ที่ใด" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามบ่าวไพร่คนหนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ในเรือนจงหยุน"เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่ที่ศาลาริมสระบัวเจ้าค่ะ"หวงตงหยางพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังศาลาริมสระบัว ซึ่งตอนนี้มีร่า
"ไหน ๆ ฮูหยินที่เจ้าจงเกลียดจงชัง ก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว เจ้าควรมีสีหน้าที่ดีกว่านี้สิ หรือว่า..เจ้าคิดถึงนาง!""แค่กๆๆ นี่เจ้า! จะพูดอะไรก็ช่วยคิดก่อนพูดได้หรือไม่ ข้าเนี่ยนะ จะไปคิดถึงนาง เหอะ! สตรีร้ายกาจเช่นนั้น ข้าไม่..คิดถึงนางหรอก หายไปได้ก็ดีแล้ว" หวงตงหยางถึงกับสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่สหายของตนพูดออกมาเขาคิดถึงนางอย่างนั้นหรือ.. เป็นไปไม่ได้หรอก เขาเพียงแค่เคยชินที่นางคอยมาทำแผลให้ก็เท่านั้น"งั้นหรือ..แต่ข้ารู้สึกคิดถึงนางนะ" หลงโม่โฉวพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ พลางยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม ครั้งล่าสุดที่เขาพบกับจ้าวเยี่ยนฟาง ก็ตั้งแต่ในร้านขายภาพวาด อีกทั้งตอนนั้นนางยังวิ่งมาสวมกอดเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนเขาเองยังรู้สึกสงสารต้องยอมรับว่านางงดงามแม้กระทั่งตอนที่ร้องไห้ น้ำตาไหลอาบหน้า เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดหวงตงหยางจึงจงเกลียดจงชังนางนัก"เจ้ากำลังคิดถึงภรรยาของข้าอยู่นะโม่โฉว" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังมีศักดิ์เป็นฮูหยินของเขา ถึงจะรู้ว่าหลงโม่โฉวเพียงพูดเล่น แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่"เจ้ากินน้ำส้มสายชูอย่างนั้นหรือ..ก่อนหน้านี้เ
จ้าวเยี่ยนฟางเดินมาหยุดที่หน้าเรือนของหวงตงหยางเหมือนในทุก ๆ วัน แต่ทว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่นางจะมารักษาให้เขา เพราะบาดแผลของเขานั้นเกือบหายดีแล้ว ตัวนางเองก็คงหมดหน้าที่แล้วเช่นกันอาจเป็นเพราะว่าหวงตงหยางเป็นคนฝึกยุทธ์ บาดแผลจึงสมานได้ไวกว่าคนปกติ นางนึกหัวเราะอยู่ในใจ คนที่มีวิทยายุทธ์อย่างนั้นหรือ.. ความคิดนี้มาจากคนที่เคยเรียนแพทย์อย่างนางได้อย่างไรกัน นางคงจะคุ้นชินกับโลกใบนี้เสียแล้วล่ะ"ข้าคิดว่าแผลของท่านเกือบจะหายดีแล้ว พักดื่มยาอีกสองสามวันคงหาย" นางพูดขึ้นในขณะที่กำลังก้มหน้าเก็บอุปกรณ์ทำแผลเช่นเดิมแต่ขณะที่นางจะลุกขึ้นเพื่อเอาของไปเก็บ เขากลับเรียกนางเอาไว้ หวงตงหยางจมอยู่ในห้วงความคิดของตนอยู่นาน เหตุใดเขาถึงรู้สึกวูบโหวง ใจหายแปลก ๆ เพียงแค่คิดว่านางจะไม่มาหาอีก มันเป็นความรู้สึกที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่เขาเคยเกลียดชังนางถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากเข้าใกล้ แต่กลับเฝ้ารอให้นางมาหา และรู้สึกใจหายทุกครั้งเมื่อนางกลับไป"เจ้าหมายความว่า หากข้าหายดีแล้ว เจ้าก็จะไม่มาที่นี่อีกใช่หรือไม่" น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความนัยลึกซึ้ง สายตาที่ทอดมองนางก็ยิ่งลึกล้ำจ
อันที่จริงใช่ว่านางจะหลงใหลหวงตงหยางเหมือนจ้าวเยี่ยนฟางคนเก่า แต่นางเพียงไม่ชอบให้ใครมาพูดจาถากถางใส่เช่นนี้ หากไม่ชอบนาง ก็แค่เดินผ่านไปตั้งแต่แรกเสียก็จบ ไม่รู้ว่าจะมาทำตัวปากยื่นปากยาวใส่นางไปทำไมกัน"ข้าน่ะรู้สึกสงสารฮูหยินจับใจเลยนะเจ้าคะ" แม้ว่าเหรินหลานเฟิงจะทำเป็นตีหน้าเศร้า แต่แววตาของนางหาได้เป็นเช่นนั้นไม่นางคงจะเก่งในการพูดให้ผู้อื่นโมโหมากเลยสิท่า ถึงว่าล่ะจ้าวเยี่ยนฟางคนก่อนถึงได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตี เจ็บตัวเล็กน้อยแต่ได้หัวใจของพระเอกมาครอง หึ ช่างน่าขันยิ่งนักเจ้าก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่แม่นางเหรินแต่วิธีของเจ้าใช้ไม่ได้กับจ้าวเยี่ยนฟางคนนี้หรอกนะ ถ้าเหงาปากนักละก็ นางจะอยู่คุยเป็นเพื่อนให้ก็ได้"ตัวข้านี้ มีเรื่องอะไรให้คุณหนูจากสกุลเหรินมาสงสารกันล่ะ" เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว ตัวของจ้าวเยี่ยนฟางเองก็นับว่าเหนือกว่าเหรินหลานเฟิงในทุก ๆ เรื่อง ทั้งฐานะทางสังคม ทรัพย์สินเงินทอง หรือกระทั่งรูปร่างหน้าตา จ้าวเยี่ยนฟางนั้น มิมีสิ่งใดที่ด้อยกว่าคุณหนูจากสกุลเหรินเลยแม้แต่น้อยเหรินหลานเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา แววตามีความสะกดกลั้นอารมณ์อยู่ไม่น้อย นิ้ว
ตอนนี้นางช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากเสียจริงหวงตงหยางคิดอยู่ในใจพลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าเขาสนใจเรื่องของนาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้จ้าวเยี่ยนฟางเป็นสตรีที่น่าสนใจจริง ๆหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ทั้งหวงตงหยางและจ้าวเยี่ยนฟางต่างก็มีเรื่องต่าง ๆ มาพูดคุยกัน เพื่อแก้เบื่อ หวงตงหยางเริ่มพูดกับนางมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาเจียวมิ่งองครักษ์ส่วนตัวของเขาถึงกับอมยิ้มเวลามองมาที่เขาและนางจ้าวเยี่ยนฟางมักจะถามเขาถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเคยไปออกรบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งแรกที่เขาจับดาบตอนอายุเท่าไหร่ หรือกระทั่งเรื่องการฝึกยุทธ์ วิชาตัวเบาต่าง ๆ นางล้วนนั่งฟังอย่างตั้งใจหวงตงหยางเหลือบเห็นสายตาของนางที่มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง"เจ้าถูกใจเรื่องที่ข้าเล่าหรือ" เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เรื่องของทหาร เรื่องของดาบ น้อยนักที่สตรีใต้หล้านี้จะใคร่รู้และอยากฟังเรื่องราว แต่ว่านางกลับนั่งฟังอย่างตั้งใจ อีกทั้งท่าทีก็ดูตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องเล่าของเขาการได้พูดคุยกับสตรีที่ชื่
"ช่วงนี้ข้าจะมาทำแผลให้ท่านทุกวันจนกว่าจะหายดี ถึงท่านจะไม่อยากเห็นหน้าข้าก็ช่วยอดทนหน่อยนะเจ้าคะ ขอเพียงข้ารักษาท่านเสร็จ ข้าจะไม่มารบกวนท่านอีก""ได้" เขาตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ จ้าวเยี่ยนฟางได้แต่ฝืนยิ้มให้กับเขา เหตุใดนางถึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ทั้งที่นางไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ"วันนี้ข้าทำข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ท่านด้วยล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้เจียวมิ่งนำไปอุ่นมาให้ท่านนะเจ้าคะ"หวงตงหยางไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป เขาทำเพียงแค่มองดูนางทำนั่นทำนี่ก็เท่านั้น นางเก็บอุปกรณ์ทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นและยกสำรับที่เย็นชืดแล้วไปให้เจียวมิ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกลับกะละมังใส่น้ำ และผ้าสะอาดผืนหนึ่ง"เจ้าจะทำอะไร""เช็ดตัวให้ท่านไงเจ้าคะ ดูเหมือนว่าท่านจะมีไข้ด้วย ถึงแม้ว่าข้าจะทำแผลให้ท่านเสร็จแล้ว ก็ใช่ว่าไข้จะลดลงไปด้วย ท่านต้องเช็ดตัวเพื่อลดไข้ด้วยนะเจ้าคะ" นางตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับคิดไปไกล เช็ดตัวให้ก็ต้องเปลื้องผ้า หรือที่จริงแล้ว จ้าวเยี่ยนฟางอยากถือโอกาสที่เขาป่วยเพื่อหลอกกินเต้าหู้เขากันเมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าไม่ไว้วางใจ นางก็ถึ
"หากหมอที่เก่งที่สุดรักษาได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนรักษาให้ท่านเอง!" วิชาแพทย์ที่นางเคยร่ำเรียนมาในชาติก่อน กำลังจะได้ใช้จริงในชาตินี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพที่นางชอบ แต่นางก็ต้องทำเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"อย่างเจ้าน่ะหรือจะรักษาข้า แค่กๆ" เสียงพูดกระท่อนกระแท่นและไอโขกตามมาหลังจากบุรุษผู้องอาจพูดจบ หวงตงหยางพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอด และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างช้า ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะมาสู้รบตบมือกับนางแล้วหากหมอที่เก่งที่สุดยังรักษาเขาไม่ได้ สตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาเขาได้อย่างไร แต่ก็ช่างเถิด ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว..จ้าวเยี่ยนฟางถือวิสาสะถอดเสื้อของเขาออกตามอำเภอใจ หวงตงหยางก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน นางเคยทำแผลให้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง มิรู้ว่าครั้งนี้จะสามารถไว้ใจนางได้หรือไม่ เขาได้แต่ทำใจและยอมให้นางรักษาแต่โดยดีนางสำรวจบาดแผลของเขา ก่อนจะหันกลับมาบ่นเขาตามประสาคนที่เคยเรียนหมอมาก่อน ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอถึงบ่นนางในตอนที่นางป่วยเพราะนางเองก็เป็นคนประเภทที่ หากไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา นางจะไม่มีทางไป
หวงตงหยาง..ตอนนี้เขาควรอยู่กับเหรินหลานเฟิงที่โรงน้ำชาสิ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะ จะมาช่วยข้า เห็นทีปีนี้หิมะคงไม่ตกแล้วล่ะ เขาเกลียดจ้าวเยี่ยนฟางอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตามมาเพื่อปกป้องนาง"ท่าน! ท่านมาทำอะไรที่นี่" แม้นางจะคิดว่าบุรุษผู้นี้มีส่วนคล้ายกับหวงตงหยาง แต่นางก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ เพราะจากนิยายที่นางเคยอ่านมันไม่มีฉากนี้นี่นา"นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าหรือ" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากจบงานเลี้ยงที่วัง เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าจ้าวเยี่ยนฟางอีกเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้าฮูหยินของตนข้างนอกจวน แถมยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้เพราะปกตินางจะต้องมาตามรังควานเขาเสียทุกที แต่คราวนี้นางกลับทำเหมือนไม่เห็นเขา และเดินออกไปทั้งอย่างนั้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาที่โรงน้ำชาแล้วล่ะ เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นนางก็เท่านั้นและสิ่งที่แปลกขึ้นไปอีกคือ การที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเขานั่งอยู่กับเหรินหลานเฟิง หากเป็นปกตินางคงเข้ามาโวยวาย ทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิง ไม่ก็ทำลายขว้างปาข้าวของ แต่นางกลับไม่มีท
เขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกนางแท้ ๆ นางจะทิ้งเขาลงอย่างนั้นหรือ นั่นมันไร้หัวใจเกินไปแล้ว พวกโจรมันมีกันตั้งหลายคน ลำพังแค่เขาผู้เดียว จะไปสู้พวกมันได้อย่างไร..อีกใจหนึ่งของนางก็คิดว่าหากเขาไม่มั่นใจในฝีมือของตนเอง ก็คงจะมิกล้ากระโดดเข้ามาช่วยนางหรอก! นางกลับไปแล้วจะช่วยอะไรเขาได้โอ๊ย เอาวะเป็นไงเป็นกัน!!"ถิงถิงเจ้ารีบกลับไปตามคนมาช่วยบุรุษผู้นั้นเร็ว คนนับสิบรุมคนเพียงหนึ่งอันตรายเกินไป ข้าจะกลับไปดูเขา เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง""คุณหนู ท่านไปมิได้นะเจ้าคะมันอันตราย""นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นอันตราย เจ้าจงรีบไปตามคนมา!!" บัดนี้ในใจของนางว้าวุ่น เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้จะมัวรอช้ามิได้ นางรู้สึกผิดที่ตอนแรกคิดหนีเขาออกมา"เจ้าค่ะข้าจะรีบไปตามคนมาเดี๋ยวนี้" ถิงถิงไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามทางรถม้า ในใจก็นึกให้ใครก็ได้ช่วยคุณหนูกับผู้มีพระคุณคนนั้นด้วย!เจ้าเยี่ยนฟางวิ่งกลับมาที่เดิม บุรุษผู้มีพระคุณของนางกำลังต่อสู้อยู่กับพวกโจรอย่างดุเดือด บัดนี้พวกมันนอนหมอบกับพื้นไปเกือบหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ช่างไร้เทียมทานยิ่งนักนางหลบอยู่หลังต้นไม้คอยสังเกตการณ์ จะมีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเขาได้บ้าง น