"กลับจวนกับข้า"
ในขณะที่นางกำลังจะแนะนำตัว ก็มีเสียงทุ้มต่ำพูดขัดขึ้นอยู่ทางด้านข้าง ดวงตาดุดันเหมือนฆ่าคนได้ตวัดมองนางอย่างไม่พอใจ จ้าวเยี่ยนฟางไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหวงตงหยางเดินมาหานางตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้..
"ทำไมข้าต้องกลับกับท่าน" นางเอ่ยถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ จู่ ๆ หวงตงหยางเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
"ข้าบอกให้กลับจวนกับข้า" เสียงทุ้มของเขามีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์ หวงตงหยางคว้าข้อมือเล็กของนางพร้อมออกแรงดึงให้นางลุกขึ้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่นางเดินเข้ามานั่งตรงนี้แล้ว เพียงแต่ว่าเขามิได้ใส่ใจก็เท่านั้น
"ปล่อยนะ ข้าบอกให้ปล่อยไง" จ้าวเยี่ยนฟางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ เขาถือดีอย่างไรมากระชากแขนคนอื่นตามใจชอบ
ทุกแรงกระชากของเขา ไม่มีความเบามือเลยสักนิด นี่หวงตงหยางยังเห็นนางเป็นคนอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงได้ใจร้ายกับนางนัก
"หวงตงหยาง ข้าเจ็บนะ ปล่อยข้า.. บอกให้ปล่อยไง!!!" นางตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง ที่ผ่านมานางก็พยายามอยู่ในที่ของตน ไม่ไปก่อเรื่องให้เขาต้องขุ่นเคืองใจ แต่เหตุใดเขาถึงเป็นฝ่ายมาก่อเรื่องให้นางรำคาญใจเสียเอง
"นี่ท่านเป็นใคร ถึงได้มาบังคับให้คนอื่นไปกับท่านตามใจชอบ" ห่าวซวนเอ่ยห้ามอย่างใจเย็น บุรุษผู้นี้คือใครกัน เหตุใดถึงได้กระทำรุนแรงกับสตรีตัวเล็ก ๆ ได้ลงคอ
"นางเป็นฮูหยินของข้า เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่" หวงตงหยางหันกลับไปตอบอย่างไม่สบอารมณ์ แววตาสาดประกายความอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ห่าวซวนได้ยินเช่นนั้นจึงรีบค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่บุรุษผู้นั้นพูดว่า แม่นางเป็นฮูหยินของเขา นั่นหมายความว่า บุรุษผู้น่ากลัวคนนั้น ต้องมิใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ทางที่ดีเขาควรหลีกเลี่ยงออกมาคงจะดีกว่า
จ้าวเยี่ยนฟางลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ สายตาเหลือบมองบนด้วยความเอือมระอา
เหอะ! นางเป็นฮูหยินของข้า อย่างนั้นหรือ เพ่ยเพ่ยเพ่ย พูดออกมาได้มิอายปาก
"ข้ากลับก็ได้ ปล่อยมือของข้าได้แล้ว" นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทะเลาะกับเขาไปก็มีแต่จะทำให้ตนเองเจ็บตัว ที่สำคัญนางไม่อยากเห็นหน้าเขาแล้ว สู้กลับจวนไปตอนนี้ยังจะดีเสียกว่า
"หากเจ้าพูดรู้เรื่องเช่นนี้ตั้งแต่แรกเรื่องก็จบแล้ว" เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากนางแต่โดยดี
"เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" เมื่อพูดจบ จ้าวเยี่ยนฟางก็หันหลังเดินออกมาทันที โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเลยสักนิดว่า หวงตงหยางจะกลับไปหาเหรินหลานเฟิงหรือไม่ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันก็ล้วนไม่เกี่ยวกับนาง
นางเดินลงมาชั้นล่างของร้านน้ำชา ก็ไม่เห็นกระทั่งเงาของบุรุษที่ชื่อว่าห่าวซวนแล้ว หวงตงหยางนี่ก็กระไร ทีตนเองยังนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับเหรินหลานเฟิงได้ แต่พอนางทำบ้าง เขากลับมาขัดจังหวะเสียอย่างนั้น
"เจ้าต้องกลับจวนพร้อมข้า" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของนาง เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเป็น หวงตงหยางจริง ๆ ด้วย แต่ว่าเขาตามนางลงมาทำไมอีก..
"ท่านแม่ทัพ ท่านมิไปส่งแม่นางเหรินหรือเจ้าคะ" จ้าวเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะบอกให้นางกลับจวนพร้อมกันกับเขา เห็นทีวันพรุ่งนี้พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้วล่ะ
หวงตงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงง เมื่อครู่นางเรียกเขาว่าอะไรนะ ท่านแม่ทัพอย่างนั้นหรือ..
"เหรินหลานเฟิงนางกลับเองได้ ไยข้าต้องไปส่ง"เขาตอบกลับเสียงเรียบ
"ข้าก็กลับเองได้ มิต้องลำบากท่านหรอก"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวงตงหยางก็ถึงกับถอนหายใจ สายตาคมจ้องมองดวงหน้างามอย่างไม่ละสายตา เหตุใดวันนี้นางถึงดื้อรั้นนัก เขาไม่ได้เจอหน้านาง เป็นเวลาหนึ่งเดือนตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ดูเหมือนว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะมีอะไรที่เปลี่ยนไปมาก ทั้งการพูดจาที่พูดกับเขาก็ไม่เหมือนเดิม รวมถึงสายตาและท่าทางที่นางแสดงออกมา ล้วนแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
"เราอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว ข้ามิได้ลำบากอะไร" เขาพูดเสียงเย็นดูทรงอำนาจ อย่างมิอาจต้านทาน จ้าวเยี่ยนฟางตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตกลงปลงใจ
"กลับก็กลับ รถม้าท่านอยู่ที่ใด" วันนี้นางรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว นางอยากจะกลับไปนอนกินขนมอยู่บนเตียง แล้วก็นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
หวงตงหยางยกยิ้มขึ้นอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเดินนำทางมายังที่ที่รถม้าจอดรออยู่ จ้าวเยี่ยนฟางจำต้องนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกันกับบุรุษที่โหดร้ายผู้นั้นอย่างมิอาจเลี่ยงได้
ระหว่างทางกลับจวน บรรยากาศภายในรถม้านั้นเยือกเย็นและเงียบสนิท จนได้ยินเพียงเสียงล้อที่กำลังเคลื่อนที่และเสียงฝีเท้าของม้า จ้าวเยี่ยนฟางยื่นมือไปแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ข้างทาง โดยที่มิได้หันมาสนใจบุรุษที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงข้าม
"บุรุษเมื่อครู่คือใคร" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ จ้าวเยี่ยนฟางจำต้องปล่อยมือจากผ้าม่าน แล้วดึงสายตากลับมายังบุรุษที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ฝั่งตรงข้าม
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" นางตอบกลับไปตามตรง
"เจ้าจะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อครู่เจ้ายังยิ้มปากแทบฉีกถึงหูตอนที่คุยกับมันอยู่เลย" เขาเขม้นมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ บอกตามตรงว่า ภาพที่เห็นจ้าวเยี่ยนฟางยิ้มหัวเราะให้ชายอื่นนั้น ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเพราะไม่ว่าเขาจะเกลียดชังนางเพียงใด จ้าวเยี่ยนฟางก็ยังมีชื่อว่าเป็นฮูหยินของเขาอยู่
"ท่านแม่ทัพ ข้าจะยิ้มหรือหัวเราะให้ผู้ใด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน" จ้าวเยี่ยนฟางตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เหตุใดเขาถึงมานั่งซักไซ้ราวกับว่านางมีชู้อย่างนั้นแหละ ทีตัวเองยังนั่งมองตากันหวานเยิ้ม หากเป็นปลากัดเกรงว่าป่านนี้แม่นางเหรินผู้นั้นคงจะท้องไปแล้ว
หวงตงหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายโดยไม่ทันได้รู้ตัว ท่าทางดื้อรั้นแก่นแก้วนั้น ใช่จ้าวเยี่ยนฟางคนเดิมจริง ๆ หรือ..
"ข้าก็มิได้สนใจหรอกว่าเจ้าจะคุยหรือหัวเราะกับใคร เพียงแต่ว่าสตรีที่ออกเรือนแล้ว นั่งหัวร่อต่อกระซิกกับชายที่มิใช่สามี ใครเห็นเขาจะเอาไปนินทา ข้ามิอยากถูกชาวบ้านครหาว่า ถูกฮูหยินสวมหมวกเขียวให้ ทีหลังหากคิดจะทำอะไร ก็คิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน"
"ขอบคุณที่สอนเจ้าค่ะ แต่ท่านเก็บไว้สอนตัวท่านเองเถิด"
ทีหลังหากคิดจะทำอะไร ก็คิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เหอะ! คนที่กระโดดลงไปช่วยชู้ก่อนเมียหลวงน่ะ มีสิทธิ์อะไรมานั่งสอนคนอื่น
"เยี่ยนฟาง!!" เสียงตวาดของแม่ทัพหวงดังขึ้น ทำเอาถิงถิงและคนขับรถม้าที่อยู่ข้างนอกถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ทว่าจ้าวเยี่ยนฟางกลับไม่มีท่าทีหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย สายตาที่สบประสานวัดใจกันนั้นเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวดุเดือดชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
"ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าคิดว่าข้าโง่งมงายจนเชื่อทุกคำพูดของท่านนะ ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของท่านหรือว่าท่านคิดกับแม่นางเหรินเพียงแค่สหาย ท่านคิดอะไร ดีเลวอย่างไรท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ"
"ฮูหยินเจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์
"ข้ามาลองคิดดูแล้ว หากท่านรักใคร่ผู้ใดก็รับนางเข้ามาเป็นอนุเถิด ข้าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของท่านอีก จากนี้เราจะอยู่กันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง ดีหรือไม่" จ้าวเยี่ยนฟางพยายามยื่นข้อเสนอให้กับเขา หวงตงหยางขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ จ้าวเยี่ยนฟางนางถูกผีเข้าอย่างนั้นรึ ชาตินี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินฮูหยินอนุญาตให้เขารับอนุเข้าจวน
สมรสพระราชทานไม่สามารถหย่าร้างได้นางรู้ดี แต่ในเมื่อหย่าไม่ได้ นางก็ขออยู่กันอย่างน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง นางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก และจะไม่ตามหึงหวงเขาเหมือนจ้าวเยี่ยนฟางคนเก่า ซึ่งหวงตงหยางก็คงจะเห็นดีด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็รำคาญนางเต็มทน
"นี่คือวิธีเรียกร้องความสนใจแบบใหม่ของเจ้าอย่างนั้นหรือฮูหยิน" สตรีอย่างจ้าวเยี่ยนฟางน่ะหรือจะยอมให้เขารับอนุเข้าจวน นางคงกำลังเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่อย่างแน่นอน
"อะไรทำให้ท่านเข้าใจแบบผิด ๆ เช่นนั้น ข้ามิได้เรียกร้องความรักหรือความสนใจจากท่าน ข้าเพียงแค่อยากปรับปรุงตัวเองก็เท่านั้น จากนี้ไปหากท่านรักใคร่ผู้ใด ก็ไปพานางมาอยู่ด้วยเถิด ท่านเพียงแค่ ส่งเงินมาให้ข้าใช้ในทุกเดือนก็พอแล้วข้าจะทำตัวเป็นฮูหยินที่ดี" นางตอบกลับอย่างกระตือรือร้น ชีวิตนี้นางมิต้องมีบุรุษที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่มีเงินใช้ไม่ขาดมือก็พอ
หวงตงหยางเจ้ามีหน้าที่เป็นคนหาเงินมาให้ข้าใช้ก็พอแล้ว! หึ ..ส่วนเจ้านั้น จะไปทำอะไร ที่ไหน กับใครก็เชิญ ไม่ต้องมายุ่งกับข้าเป็นพอ
"อย่างเจ้าน่ะหรือจะเป็นฮูหยินที่ดีได้ ข้ารอน้ำท่วมหลังเป็ดยังจะมีหวังเสียกว่า" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สตรีอย่างนางจะเป็นฮูหยินที่ดีได้อย่างไร ตลอดสามปีที่แต่งงานกันมา งานต่าง ๆ ของจวน ก็เป็นเขาที่คอยดูแล ทั้งที่มันเป็นหน้าที่ของนางแท้ ๆ แต่นางกลับมิเคยเหลียวแล ซ้ำยังบอกว่าจะทำตัวเป็นฮูหยินที่ดี ฟังแล้วน่าขันยิ่งนัก
"หากข้าสามารถเป็นฮูหยินที่ดีได้ ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่านหนึ่งเรื่อง และท่านต้องรักษาสัญญานี้ไปตลอดชีวิต ท่านทำได้หรือไม่"
หวงตงหยางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกสงสัยในข้อเสนอของนางเป็นอย่างมาก และท่าทีที่แปลกไปของนางนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากรู้มากขึ้นไปอีก ว่าสิ่งที่นางต้องการมันคืออะไรกันแน่
"ได้! ข้าตกลง หากเจ้าเป็นฮูหยินที่ดีได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปี ข้าจะทำตามสิ่งที่เจ้าต้องการ กลับกันแล้วหากภายในหนึ่งปี เจ้าทำให้ข้าเห็นไม่ได้ เจ้าก็จงอยู่อย่างไร้ตัวตนในจวนแห่งนี้ไปซะ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก" ที่เขายอมรับปากตกลงอย่างง่ายดาย นั่นก็เพราะว่า เขานั้นรู้ดีว่านางไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าสงสัย นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้คนเย่อหยิ่งเช่นเจ้ายอมลดความทะนงตัวมาทำในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้ายอมลดศักดิ์ศรีลงมาขอร้องข้า..
"ได้! เอาตามที่ท่านว่ามาเลยเจ้าค่ะ ขอเพียงท่าน อย่าได้ใช้อคติใด ๆ มาตัดสินข้า ข้าก็จะยอมรับข้อเสนอของท่าน" เสียงหวานตอบกลับด้วยสีหน้ามุ่งมั่น นางมั่นใจว่าสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เพราะว่านางมิใช่จ้าวเยี่ยนฟางคนเก่าอีกต่อไปแล้ว
คิดเสียว่าเป็นการทำงาน เพื่อแลกกับการกินอิ่มนอนหลับอยู่ที่นี่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสังหารเมื่อไหร่ แค่ทำงานที่ฮูหยินพึงกระทำ มันมิใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย
"ว่าแต่สิ่งที่เจ้าต้องการจากข้าคืออะไรรึ"หวงตงหยางเอ่ยถามขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องมองมายังดวงหน้างามด้วยความสงสัย ถึงจะเกลียดชังนางเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะดูไม่ออกว่า สีหน้าและแววตาของนางนั้น เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
"ท่านจงสัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่มีวันคิดทำร้ายหรือสังหารข้า นี่คือเรื่องเดียวที่ข้าอยากขอร้องท่าน"
นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแววตาแฝงไปด้วยความหวาดหวั่น บอกตามตรงว่านางหวาดกลัวโลกใบใหม่แห่งนี้เหลือเกิน เพราะมันเป็นสถานที่ ที่ชะตาชีวิตของนางถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยปลายปากกาของคนเพียงหนึ่ง
โลกที่จ้าวเยี่ยนฟางถูกกำหนดให้ เป็นเพียงแค่นางร้ายที่เกิดมาเพื่อเป็นอุปสรรคให้พระเอกและนางเอกฝ่าฟันไปเพื่อตอนจบที่มีความสุข และตัวร้ายอย่างนางก็ตายไปพร้อมกับความรักและหัวใจที่แหลกสลาย
มันเป็นโลกของนิยายที่นักเขียนได้สร้างขึ้นมาให้ จ้าวเยี่ยนฟาง ถูกสามีที่นางรักยิ่งกว่าสิ่งใด ลงมือสังหารนางได้อย่างเลือดเย็น..
"ท่านจงสัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่มีวันคิดทำร้ายหรือสังหารข้า นี่คือเรื่องเดียวที่ข้าอยากขอร้องท่าน"นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแววตาแฝงไปด้วยความสั่นไหว บอกตามตรงว่านางหวาดกลัวโลกใบใหม่แห่งนี้เหลือเกิน เพราะมันเป็นสถานที่ ที่ชะตาชีวิตของนางถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยปลายปากกาของคนเพียงหนึ่งมันเป็นโลกของนิยายที่นักเขียนได้สร้างขึ้นมาให้ จ้าวเยี่ยนฟาง ถูกสามีที่นางรักยิ่งกว่าสิ่งใด ลงมือสังหารนางได้อย่างเลือดเย็น..หวงตงหยางมองหน้าภรรยาที่เขานั้นแสนจะเกลียดชังด้วยความรู้สึกบางอย่าง ภายในใจของเขารู้สึกสับสนอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน การที่ภรรยามาขอร้องเขาว่าอย่าสังหารนาง สำหรับสามีแล้ว เขาควรรู้สึกอย่างไรดีนี่เขาชั่วช้าในสายตานางถึงเพียงนั้นเชียวหรือ.."ได้สิข้าสัญญา"หวงตงหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ แววตาของเขาวูบไหวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม หรือว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนั้น.. นางถึงได้แปลกไปจากเดิมหลังจากวันนั้น แม่ทัพหวงตงหยางก็สั่งยกเลิกการกักบริเวณฮูหยิน เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาสัญญาที่เคยพูดไว้เป็นอย่างดี นอกจากการมาขอให้เขาช่วยตรวจสอบบัญชีการใช้จ
จ้าวเยี่ยนฟางนั่งอยู่เพียงลำพังเช่นนั้นราวสองเค่อ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหวงตงหยางว่าจะกลับมา ถึงเขาจะเกลียดชังนางอย่างไร แต่เขาคงไม่ได้จะทิ้งนางไว้ที่นี่หรอกใช่หรือไม่..บัดนี้นางรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นกว่าตอนแรก สงสัยว่านางคงไข้ขึ้นเสียแล้ว หวงตงหยางจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่ตอนนี้นางอยากกลับจวนเต็มทน แต่ก่อนจะกลับ อย่างไรก็ต้องไปตามหาหวงตงหยางเสียก่อน หากเขายังอยากใช้เวลาอยู่กับแม่นางเหริน นางก็จะปล่อยเขาไว้ที่นี่ แล้วกลับจวนสกุลหวงไปคนเดียวจ้าวเยี่ยนฟางตัดสินใจเดินออกมาข้างนอกเพื่อตามหาหวงตงหยาง ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องนภา สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดเอื่อย ๆ พัดพากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ลอยล่องมาตามสายลม พระตำหนักแห่งนี้ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่หายลได้ยากยิ่ง สมกับเป็นพระที่นั่งขององค์ฮองเฮา"ข้าก็คิดอยู่ว่า ผู้ใดออกมายืนอยู่คนเดียวเช่นนี้ ที่แท้..ก็หวงฮูหยินนี่เอง" น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากทางด้านหลัง จ้าวเยี่ยนฟางหันกลับไปยังทางต้นเสียงก็พบกับคุณหนูจากตระกูลขุนนางสามคนในความทรงจำที่ปรากฎ หนึ่งในคุณหนูเหล่านี้มีสตรีคนหนึ่งเคยตามเกี้ยวหวงตงหยาง ตั้งแต่ตอนที่นางและเขายังไม่ได้แต่ง
ถนนเทียนหนิงวันนี้จ้าวเยี่ยนฟางซื้อของมากมายทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ นางรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ซื้อของตามที่ใจตนอยากได้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเงินถุงเล็ก ๆ แค่นี้จะซื้อของได้มากมายถึงเพียงนี้เงินนี่ดีจริง ๆ ข้ารักเงินที่สุดเลย!"คุณหนู ท่านอยากจะแวะไปที่ไหนก่อนหรือไม่เจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยถามผู้เป็นนาย นาน ๆ ทีคุณหนูจ้าวจะออกจากจวน จะให้กลับไปทั้งอย่างนี้เลยก็เป็นที่เสียดายน่าดู"อืม..ข้าอยากไปร้านที่มีจิตรกรวาดรูปน่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน" หากชาตินี้นางสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ นางก็อยากจะทำในสิ่งที่นางรัก อย่างเช่นการวาดรูป ในชีวิตก่อนนางต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเรียนพิเศษ จึงทำให้ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตนชื่นชอบ"คุณหนูอาจจะมิได้สังเกต แต่ที่ถนนเทียนหนิงมีอยู่ที่หนึ่งนะเจ้าคะถึงมันจะเป็นร้านเล็ก ๆ ก็ตาม คุณหนู..ท่านอยากซื้อภาพวาดหรือเจ้าคะ""ใช่ และข้าก็อยากซื้อผืนผ้ามาวาดรูปด้วย" นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส ครั้งสุดท้ายที่นางได้จับพู่กันระบายสี มันตอนไหนกันนะถิงถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากคุณหนูจะแวะไปซื้อภาพวาด นางก็พอเข้าใจได้ แต่คุณหนูบอกว่าจะซื้อผืนผ้ามาว
เขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกนางแท้ ๆ นางจะทิ้งเขาลงอย่างนั้นหรือ นั่นมันไร้หัวใจเกินไปแล้ว พวกโจรมันมีกันตั้งหลายคน ลำพังแค่เขาผู้เดียว จะไปสู้พวกมันได้อย่างไร..อีกใจหนึ่งของนางก็คิดว่าหากเขาไม่มั่นใจในฝีมือของตนเอง ก็คงจะมิกล้ากระโดดเข้ามาช่วยนางหรอก! นางกลับไปแล้วจะช่วยอะไรเขาได้โอ๊ย เอาวะเป็นไงเป็นกัน!!"ถิงถิงเจ้ารีบกลับไปตามคนมาช่วยบุรุษผู้นั้นเร็ว คนนับสิบรุมคนเพียงหนึ่งอันตรายเกินไป ข้าจะกลับไปดูเขา เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง""คุณหนู ท่านไปมิได้นะเจ้าคะมันอันตราย""นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นอันตราย เจ้าจงรีบไปตามคนมา!!" บัดนี้ในใจของนางว้าวุ่น เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้จะมัวรอช้ามิได้ นางรู้สึกผิดที่ตอนแรกคิดหนีเขาออกมา"เจ้าค่ะข้าจะรีบไปตามคนมาเดี๋ยวนี้" ถิงถิงไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามทางรถม้า ในใจก็นึกให้ใครก็ได้ช่วยคุณหนูกับผู้มีพระคุณคนนั้นด้วย!เจ้าเยี่ยนฟางวิ่งกลับมาที่เดิม บุรุษผู้มีพระคุณของนางกำลังต่อสู้อยู่กับพวกโจรอย่างดุเดือด บัดนี้พวกมันนอนหมอบกับพื้นไปเกือบหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ช่างไร้เทียมทานยิ่งนักนางหลบอยู่หลังต้นไม้คอยสังเกตการณ์ จะมีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเขาได้บ้าง น
หวงตงหยาง..ตอนนี้เขาควรอยู่กับเหรินหลานเฟิงที่โรงน้ำชาสิ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะ จะมาช่วยข้า เห็นทีปีนี้หิมะคงไม่ตกแล้วล่ะ เขาเกลียดจ้าวเยี่ยนฟางอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตามมาเพื่อปกป้องนาง"ท่าน! ท่านมาทำอะไรที่นี่" แม้นางจะคิดว่าบุรุษผู้นี้มีส่วนคล้ายกับหวงตงหยาง แต่นางก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ เพราะจากนิยายที่นางเคยอ่านมันไม่มีฉากนี้นี่นา"นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าหรือ" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากจบงานเลี้ยงที่วัง เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าจ้าวเยี่ยนฟางอีกเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้าฮูหยินของตนข้างนอกจวน แถมยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้เพราะปกตินางจะต้องมาตามรังควานเขาเสียทุกที แต่คราวนี้นางกลับทำเหมือนไม่เห็นเขา และเดินออกไปทั้งอย่างนั้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาที่โรงน้ำชาแล้วล่ะ เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นนางก็เท่านั้นและสิ่งที่แปลกขึ้นไปอีกคือ การที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเขานั่งอยู่กับเหรินหลานเฟิง หากเป็นปกตินางคงเข้ามาโวยวาย ทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิง ไม่ก็ทำลายขว้างปาข้าวของ แต่นางกลับไม่มีท
"หากหมอที่เก่งที่สุดรักษาได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนรักษาให้ท่านเอง!" วิชาแพทย์ที่นางเคยร่ำเรียนมาในชาติก่อน กำลังจะได้ใช้จริงในชาตินี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพที่นางชอบ แต่นางก็ต้องทำเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"อย่างเจ้าน่ะหรือจะรักษาข้า แค่กๆ" เสียงพูดกระท่อนกระแท่นและไอโขกตามมาหลังจากบุรุษผู้องอาจพูดจบ หวงตงหยางพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอด และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างช้า ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะมาสู้รบตบมือกับนางแล้วหากหมอที่เก่งที่สุดยังรักษาเขาไม่ได้ สตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาเขาได้อย่างไร แต่ก็ช่างเถิด ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว..จ้าวเยี่ยนฟางถือวิสาสะถอดเสื้อของเขาออกตามอำเภอใจ หวงตงหยางก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน นางเคยทำแผลให้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง มิรู้ว่าครั้งนี้จะสามารถไว้ใจนางได้หรือไม่ เขาได้แต่ทำใจและยอมให้นางรักษาแต่โดยดีนางสำรวจบาดแผลของเขา ก่อนจะหันกลับมาบ่นเขาตามประสาคนที่เคยเรียนหมอมาก่อน ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอถึงบ่นนางในตอนที่นางป่วยเพราะนางเองก็เป็นคนประเภทที่ หากไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา นางจะไม่มีทางไป
"ช่วงนี้ข้าจะมาทำแผลให้ท่านทุกวันจนกว่าจะหายดี ถึงท่านจะไม่อยากเห็นหน้าข้าก็ช่วยอดทนหน่อยนะเจ้าคะ ขอเพียงข้ารักษาท่านเสร็จ ข้าจะไม่มารบกวนท่านอีก""ได้" เขาตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ จ้าวเยี่ยนฟางได้แต่ฝืนยิ้มให้กับเขา เหตุใดนางถึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ทั้งที่นางไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ"วันนี้ข้าทำข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ท่านด้วยล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้เจียวมิ่งนำไปอุ่นมาให้ท่านนะเจ้าคะ"หวงตงหยางไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป เขาทำเพียงแค่มองดูนางทำนั่นทำนี่ก็เท่านั้น นางเก็บอุปกรณ์ทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นและยกสำรับที่เย็นชืดแล้วไปให้เจียวมิ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกลับกะละมังใส่น้ำ และผ้าสะอาดผืนหนึ่ง"เจ้าจะทำอะไร""เช็ดตัวให้ท่านไงเจ้าคะ ดูเหมือนว่าท่านจะมีไข้ด้วย ถึงแม้ว่าข้าจะทำแผลให้ท่านเสร็จแล้ว ก็ใช่ว่าไข้จะลดลงไปด้วย ท่านต้องเช็ดตัวเพื่อลดไข้ด้วยนะเจ้าคะ" นางตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับคิดไปไกล เช็ดตัวให้ก็ต้องเปลื้องผ้า หรือที่จริงแล้ว จ้าวเยี่ยนฟางอยากถือโอกาสที่เขาป่วยเพื่อหลอกกินเต้าหู้เขากันเมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าไม่ไว้วางใจ นางก็ถึ
ตอนนี้นางช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากเสียจริงหวงตงหยางคิดอยู่ในใจพลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าเขาสนใจเรื่องของนาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้จ้าวเยี่ยนฟางเป็นสตรีที่น่าสนใจจริง ๆหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ทั้งหวงตงหยางและจ้าวเยี่ยนฟางต่างก็มีเรื่องต่าง ๆ มาพูดคุยกัน เพื่อแก้เบื่อ หวงตงหยางเริ่มพูดกับนางมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาเจียวมิ่งองครักษ์ส่วนตัวของเขาถึงกับอมยิ้มเวลามองมาที่เขาและนางจ้าวเยี่ยนฟางมักจะถามเขาถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเคยไปออกรบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งแรกที่เขาจับดาบตอนอายุเท่าไหร่ หรือกระทั่งเรื่องการฝึกยุทธ์ วิชาตัวเบาต่าง ๆ นางล้วนนั่งฟังอย่างตั้งใจหวงตงหยางเหลือบเห็นสายตาของนางที่มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง"เจ้าถูกใจเรื่องที่ข้าเล่าหรือ" เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เรื่องของทหาร เรื่องของดาบ น้อยนักที่สตรีใต้หล้านี้จะใคร่รู้และอยากฟังเรื่องราว แต่ว่านางกลับนั่งฟังอย่างตั้งใจ อีกทั้งท่าทีก็ดูตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องเล่าของเขาการได้พูดคุยกับสตรีที่ชื่
หวงตงหยางมุ่งหน้าไปยังอาชาสีนิลของตน เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี วันนี้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งที่เคยเกลียดชังจ้าวเยี่ยนฟางปานนั้น ก็ยังคิดถึงใบหน้าของนางอยู่ได้ ในเมื่อนางไม่หายไปจากสมองสักที เขาก็จะไปหานางเองขณะหวงตงหยางกำลังกุมบังเหียนอาชาคู่ใจมุ่งหน้ากลับไปยังจวนสกุลหวงเพื่อที่จะไปพบกับฮูหยินของตน ในใจก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จะไปหานางด้วยเรื่องอะไร มีเหตุผลใดเขาจึงต้องไปหานางกัน เขาคิดเช่นนั้นมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าจวนสองเท้ากระโดดลงจากอาชาอย่างมั่นคง ทหารยามที่เข้าเวรอยู่ ณ.ขณะนั้นจึงเป็นคนเอาม้าไปเก็บให้ผู้เป็นนาย หวงตงหยางเดินหน้าแดงก่ำไปยังที่พำนักของฮูหยิน ตอนนี้เขามาหยุดอยู่หน้าเรือนของสตรีที่เขาเคยเกลียดที่สุด ภายในใจสับสนวุ่นวายตีรวนกันไปหมด ทำไมข้าถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่กันนะ หากข้าได้เจอหน้านาง ความรู้สึกวุ่นวายในใจนี้จะหายไปหรือไม่"ฮูหยินอยู่ที่ใด" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามบ่าวไพร่คนหนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ในเรือนจงหยุน"เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่ที่ศาลาริมสระบัวเจ้าค่ะ"หวงตงหยางพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังศาลาริมสระบัว ซึ่งตอนนี้มีร่า
"ไหน ๆ ฮูหยินที่เจ้าจงเกลียดจงชัง ก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว เจ้าควรมีสีหน้าที่ดีกว่านี้สิ หรือว่า..เจ้าคิดถึงนาง!""แค่กๆๆ นี่เจ้า! จะพูดอะไรก็ช่วยคิดก่อนพูดได้หรือไม่ ข้าเนี่ยนะ จะไปคิดถึงนาง เหอะ! สตรีร้ายกาจเช่นนั้น ข้าไม่..คิดถึงนางหรอก หายไปได้ก็ดีแล้ว" หวงตงหยางถึงกับสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่สหายของตนพูดออกมาเขาคิดถึงนางอย่างนั้นหรือ.. เป็นไปไม่ได้หรอก เขาเพียงแค่เคยชินที่นางคอยมาทำแผลให้ก็เท่านั้น"งั้นหรือ..แต่ข้ารู้สึกคิดถึงนางนะ" หลงโม่โฉวพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ พลางยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม ครั้งล่าสุดที่เขาพบกับจ้าวเยี่ยนฟาง ก็ตั้งแต่ในร้านขายภาพวาด อีกทั้งตอนนั้นนางยังวิ่งมาสวมกอดเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนเขาเองยังรู้สึกสงสารต้องยอมรับว่านางงดงามแม้กระทั่งตอนที่ร้องไห้ น้ำตาไหลอาบหน้า เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดหวงตงหยางจึงจงเกลียดจงชังนางนัก"เจ้ากำลังคิดถึงภรรยาของข้าอยู่นะโม่โฉว" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังมีศักดิ์เป็นฮูหยินของเขา ถึงจะรู้ว่าหลงโม่โฉวเพียงพูดเล่น แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่"เจ้ากินน้ำส้มสายชูอย่างนั้นหรือ..ก่อนหน้านี้เ
จ้าวเยี่ยนฟางเดินมาหยุดที่หน้าเรือนของหวงตงหยางเหมือนในทุก ๆ วัน แต่ทว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่นางจะมารักษาให้เขา เพราะบาดแผลของเขานั้นเกือบหายดีแล้ว ตัวนางเองก็คงหมดหน้าที่แล้วเช่นกันอาจเป็นเพราะว่าหวงตงหยางเป็นคนฝึกยุทธ์ บาดแผลจึงสมานได้ไวกว่าคนปกติ นางนึกหัวเราะอยู่ในใจ คนที่มีวิทยายุทธ์อย่างนั้นหรือ.. ความคิดนี้มาจากคนที่เคยเรียนแพทย์อย่างนางได้อย่างไรกัน นางคงจะคุ้นชินกับโลกใบนี้เสียแล้วล่ะ"ข้าคิดว่าแผลของท่านเกือบจะหายดีแล้ว พักดื่มยาอีกสองสามวันคงหาย" นางพูดขึ้นในขณะที่กำลังก้มหน้าเก็บอุปกรณ์ทำแผลเช่นเดิมแต่ขณะที่นางจะลุกขึ้นเพื่อเอาของไปเก็บ เขากลับเรียกนางเอาไว้ หวงตงหยางจมอยู่ในห้วงความคิดของตนอยู่นาน เหตุใดเขาถึงรู้สึกวูบโหวง ใจหายแปลก ๆ เพียงแค่คิดว่านางจะไม่มาหาอีก มันเป็นความรู้สึกที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่เขาเคยเกลียดชังนางถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากเข้าใกล้ แต่กลับเฝ้ารอให้นางมาหา และรู้สึกใจหายทุกครั้งเมื่อนางกลับไป"เจ้าหมายความว่า หากข้าหายดีแล้ว เจ้าก็จะไม่มาที่นี่อีกใช่หรือไม่" น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความนัยลึกซึ้ง สายตาที่ทอดมองนางก็ยิ่งลึกล้ำจ
อันที่จริงใช่ว่านางจะหลงใหลหวงตงหยางเหมือนจ้าวเยี่ยนฟางคนเก่า แต่นางเพียงไม่ชอบให้ใครมาพูดจาถากถางใส่เช่นนี้ หากไม่ชอบนาง ก็แค่เดินผ่านไปตั้งแต่แรกเสียก็จบ ไม่รู้ว่าจะมาทำตัวปากยื่นปากยาวใส่นางไปทำไมกัน"ข้าน่ะรู้สึกสงสารฮูหยินจับใจเลยนะเจ้าคะ" แม้ว่าเหรินหลานเฟิงจะทำเป็นตีหน้าเศร้า แต่แววตาของนางหาได้เป็นเช่นนั้นไม่นางคงจะเก่งในการพูดให้ผู้อื่นโมโหมากเลยสิท่า ถึงว่าล่ะจ้าวเยี่ยนฟางคนก่อนถึงได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตี เจ็บตัวเล็กน้อยแต่ได้หัวใจของพระเอกมาครอง หึ ช่างน่าขันยิ่งนักเจ้าก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่แม่นางเหรินแต่วิธีของเจ้าใช้ไม่ได้กับจ้าวเยี่ยนฟางคนนี้หรอกนะ ถ้าเหงาปากนักละก็ นางจะอยู่คุยเป็นเพื่อนให้ก็ได้"ตัวข้านี้ มีเรื่องอะไรให้คุณหนูจากสกุลเหรินมาสงสารกันล่ะ" เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว ตัวของจ้าวเยี่ยนฟางเองก็นับว่าเหนือกว่าเหรินหลานเฟิงในทุก ๆ เรื่อง ทั้งฐานะทางสังคม ทรัพย์สินเงินทอง หรือกระทั่งรูปร่างหน้าตา จ้าวเยี่ยนฟางนั้น มิมีสิ่งใดที่ด้อยกว่าคุณหนูจากสกุลเหรินเลยแม้แต่น้อยเหรินหลานเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา แววตามีความสะกดกลั้นอารมณ์อยู่ไม่น้อย นิ้ว
ตอนนี้นางช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากเสียจริงหวงตงหยางคิดอยู่ในใจพลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าเขาสนใจเรื่องของนาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้จ้าวเยี่ยนฟางเป็นสตรีที่น่าสนใจจริง ๆหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ทั้งหวงตงหยางและจ้าวเยี่ยนฟางต่างก็มีเรื่องต่าง ๆ มาพูดคุยกัน เพื่อแก้เบื่อ หวงตงหยางเริ่มพูดกับนางมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาเจียวมิ่งองครักษ์ส่วนตัวของเขาถึงกับอมยิ้มเวลามองมาที่เขาและนางจ้าวเยี่ยนฟางมักจะถามเขาถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเคยไปออกรบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งแรกที่เขาจับดาบตอนอายุเท่าไหร่ หรือกระทั่งเรื่องการฝึกยุทธ์ วิชาตัวเบาต่าง ๆ นางล้วนนั่งฟังอย่างตั้งใจหวงตงหยางเหลือบเห็นสายตาของนางที่มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง"เจ้าถูกใจเรื่องที่ข้าเล่าหรือ" เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เรื่องของทหาร เรื่องของดาบ น้อยนักที่สตรีใต้หล้านี้จะใคร่รู้และอยากฟังเรื่องราว แต่ว่านางกลับนั่งฟังอย่างตั้งใจ อีกทั้งท่าทีก็ดูตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องเล่าของเขาการได้พูดคุยกับสตรีที่ชื่
"ช่วงนี้ข้าจะมาทำแผลให้ท่านทุกวันจนกว่าจะหายดี ถึงท่านจะไม่อยากเห็นหน้าข้าก็ช่วยอดทนหน่อยนะเจ้าคะ ขอเพียงข้ารักษาท่านเสร็จ ข้าจะไม่มารบกวนท่านอีก""ได้" เขาตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ จ้าวเยี่ยนฟางได้แต่ฝืนยิ้มให้กับเขา เหตุใดนางถึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ทั้งที่นางไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ"วันนี้ข้าทำข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ท่านด้วยล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้เจียวมิ่งนำไปอุ่นมาให้ท่านนะเจ้าคะ"หวงตงหยางไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป เขาทำเพียงแค่มองดูนางทำนั่นทำนี่ก็เท่านั้น นางเก็บอุปกรณ์ทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นและยกสำรับที่เย็นชืดแล้วไปให้เจียวมิ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกลับกะละมังใส่น้ำ และผ้าสะอาดผืนหนึ่ง"เจ้าจะทำอะไร""เช็ดตัวให้ท่านไงเจ้าคะ ดูเหมือนว่าท่านจะมีไข้ด้วย ถึงแม้ว่าข้าจะทำแผลให้ท่านเสร็จแล้ว ก็ใช่ว่าไข้จะลดลงไปด้วย ท่านต้องเช็ดตัวเพื่อลดไข้ด้วยนะเจ้าคะ" นางตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับคิดไปไกล เช็ดตัวให้ก็ต้องเปลื้องผ้า หรือที่จริงแล้ว จ้าวเยี่ยนฟางอยากถือโอกาสที่เขาป่วยเพื่อหลอกกินเต้าหู้เขากันเมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าไม่ไว้วางใจ นางก็ถึ
"หากหมอที่เก่งที่สุดรักษาได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนรักษาให้ท่านเอง!" วิชาแพทย์ที่นางเคยร่ำเรียนมาในชาติก่อน กำลังจะได้ใช้จริงในชาตินี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพที่นางชอบ แต่นางก็ต้องทำเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"อย่างเจ้าน่ะหรือจะรักษาข้า แค่กๆ" เสียงพูดกระท่อนกระแท่นและไอโขกตามมาหลังจากบุรุษผู้องอาจพูดจบ หวงตงหยางพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอด และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างช้า ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะมาสู้รบตบมือกับนางแล้วหากหมอที่เก่งที่สุดยังรักษาเขาไม่ได้ สตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาเขาได้อย่างไร แต่ก็ช่างเถิด ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว..จ้าวเยี่ยนฟางถือวิสาสะถอดเสื้อของเขาออกตามอำเภอใจ หวงตงหยางก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน นางเคยทำแผลให้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง มิรู้ว่าครั้งนี้จะสามารถไว้ใจนางได้หรือไม่ เขาได้แต่ทำใจและยอมให้นางรักษาแต่โดยดีนางสำรวจบาดแผลของเขา ก่อนจะหันกลับมาบ่นเขาตามประสาคนที่เคยเรียนหมอมาก่อน ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอถึงบ่นนางในตอนที่นางป่วยเพราะนางเองก็เป็นคนประเภทที่ หากไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา นางจะไม่มีทางไป
หวงตงหยาง..ตอนนี้เขาควรอยู่กับเหรินหลานเฟิงที่โรงน้ำชาสิ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะ จะมาช่วยข้า เห็นทีปีนี้หิมะคงไม่ตกแล้วล่ะ เขาเกลียดจ้าวเยี่ยนฟางอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตามมาเพื่อปกป้องนาง"ท่าน! ท่านมาทำอะไรที่นี่" แม้นางจะคิดว่าบุรุษผู้นี้มีส่วนคล้ายกับหวงตงหยาง แต่นางก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ เพราะจากนิยายที่นางเคยอ่านมันไม่มีฉากนี้นี่นา"นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าหรือ" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากจบงานเลี้ยงที่วัง เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าจ้าวเยี่ยนฟางอีกเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้าฮูหยินของตนข้างนอกจวน แถมยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้เพราะปกตินางจะต้องมาตามรังควานเขาเสียทุกที แต่คราวนี้นางกลับทำเหมือนไม่เห็นเขา และเดินออกไปทั้งอย่างนั้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาที่โรงน้ำชาแล้วล่ะ เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นนางก็เท่านั้นและสิ่งที่แปลกขึ้นไปอีกคือ การที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเขานั่งอยู่กับเหรินหลานเฟิง หากเป็นปกตินางคงเข้ามาโวยวาย ทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิง ไม่ก็ทำลายขว้างปาข้าวของ แต่นางกลับไม่มีท
เขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยพวกนางแท้ ๆ นางจะทิ้งเขาลงอย่างนั้นหรือ นั่นมันไร้หัวใจเกินไปแล้ว พวกโจรมันมีกันตั้งหลายคน ลำพังแค่เขาผู้เดียว จะไปสู้พวกมันได้อย่างไร..อีกใจหนึ่งของนางก็คิดว่าหากเขาไม่มั่นใจในฝีมือของตนเอง ก็คงจะมิกล้ากระโดดเข้ามาช่วยนางหรอก! นางกลับไปแล้วจะช่วยอะไรเขาได้โอ๊ย เอาวะเป็นไงเป็นกัน!!"ถิงถิงเจ้ารีบกลับไปตามคนมาช่วยบุรุษผู้นั้นเร็ว คนนับสิบรุมคนเพียงหนึ่งอันตรายเกินไป ข้าจะกลับไปดูเขา เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง""คุณหนู ท่านไปมิได้นะเจ้าคะมันอันตราย""นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่อยากให้ข้าเป็นอันตราย เจ้าจงรีบไปตามคนมา!!" บัดนี้ในใจของนางว้าวุ่น เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้จะมัวรอช้ามิได้ นางรู้สึกผิดที่ตอนแรกคิดหนีเขาออกมา"เจ้าค่ะข้าจะรีบไปตามคนมาเดี๋ยวนี้" ถิงถิงไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามทางรถม้า ในใจก็นึกให้ใครก็ได้ช่วยคุณหนูกับผู้มีพระคุณคนนั้นด้วย!เจ้าเยี่ยนฟางวิ่งกลับมาที่เดิม บุรุษผู้มีพระคุณของนางกำลังต่อสู้อยู่กับพวกโจรอย่างดุเดือด บัดนี้พวกมันนอนหมอบกับพื้นไปเกือบหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ช่างไร้เทียมทานยิ่งนักนางหลบอยู่หลังต้นไม้คอยสังเกตการณ์ จะมีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเขาได้บ้าง น